“ความสำเร็จอันทรงเกียรติ! ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามันคือความสำเร็จอันทรงเกียรติ!” พี่ใหญ่เฉาร้องอุทาน ขณะที่เขากระแทกโต๊ะ
“ฉันจำได้ว่าครั้งสุดท้ายที่มีความสำเร็จอันทรงเกียรติปรากฏขึ้น คือเมื่อ 100 ปีก่อน…” พี่ใหญ่จงดึงสติของเขากลับมาอีกครั้ง หลังจากที่รู้สึกตกใจอยู่ครู่หนึ่ง และยิ้มอย่างออกมาขมขื่น
“เชี่ยอะไรกันวะเนี่ย…” (ผู้ชม)
“ฉันคิดว่าเขาคงเป็นเพียงคนเดียว ที่อยากจะอัพเกรดทรงผมให้เป็นรูปแบบสุดยอดในสงครามคริสมาสต์ที่ยิ่งใหญ่นี้” CloudDragon ส่ายหัว และหัวเราะออกมาอย่างขมขื่น เขารู้ว่าเมื่อเขาต้องเผชิญหน้ากับเย่ฉางในครั้งต่อไป เย่ฉางจะกลายเป็นสัตว์ประหลาดที่รับมือได้ลำบากมากยิ่งขึ้น เนื่องจากสถานะที่เพิ่มขึ้นของเขา เดิมทีความเร็วของเขานั้นน่าเหลือเชื่อเป็นอย่างมากแล้ว แต่ด้วยค่าสถานะที่เพิ่มขึ้นมาทั้งหมด 10% และความเร็วที่เพิ่มขึ้นมาอีก 15% มันจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญมาสู่ตัวละครของเขาอย่างแน่นอน เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เขาก็ไม่มีทางเลือกนอกจากยิ้มออกมา
“การโชว์พาวครั้งนี้ได้รับความสำเร็จอันทรงเกียรติ…” ElegantFragrance ตกใจมาก
“แน่นอน ฉันให้คะแนนการโชว์พาวสิบเต็มสิบเลย” FrozenBlood พูด
“เราไม่สามารถหยุดหัวหน้าทีมจากการโชว์พาวได้อีกต่อไป…” FrozenCloud เช็ดเหงื่อที่เย็นเยียบของเธอ
ThornyRose ได้รับความรู้สึกของเธอกลับมาจากความตกใจ และไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี ‘ไอ้… ไอ้…’ ในที่สุดเธอทำได้แค่เพียงก่ายหน้าผาก และหัวเราะแห้งๆ ‘บ้าเอ๊ย… ความสำเร็จอันทรงเกียรติ!’
ทุกคนพากันส่งเสียงเชียร์ ในขณะเดียวกันเย่ฉางที่ยืนอยู่หน้าป้อมกลาง กำลังสะบัดผมที่สวยงามของเขา เขาพูดขึ้นมาด้วยความเสียใจเล็กน้อย “ตอนนี้ก็ยอมแพ้ได้แล้ว หยุดทำการดิ้นรนที่เปล่าประโยชน์เสียที พวกนายไม่รู้เหรอว่าทรงผมของฉันอยู่ในรูปแบบสุดยอดแล้ว”
เมื่อได้ยินสิ่งที่เขาพูด RedMoon ก็รู้สึกแปลกๆ ‘ใช่ ทรงผมของคุณอยู่ในรูปแบบสุดยอดแล้ว และอาจเพิ่มค่าสถานะบางอย่างของคุณ แต่เมื่อเทียบกับอาวุธในรูปแบบสุดยอดแล้ว สิ่งที่เพิ่มขึ้นมานี้ไม่มีอะไรเลย นี่เป็นสิ่งที่ไร้ประโยชน์เป็นอย่างมาก’
“ดูเหมือนว่าฉันต้องใช้สกิลลับของทรงผมดูซักหน่อยแล้ว” เย่ฉางดูจริงจัง และผมของเขาก็เริ่มพลิ้วไหว มันเปล่งประกายราวกับว่ามีละอองดาวพุ่งออกมาจากมัน ทุกคนต่างก็หลงใหลในสิ่งนี้ ผมของเขาดูเหมือนว่ามันจะพัฒนาไปถึงจุดสูงสุดแล้ว ประกายแสงแวววาวแผ่กระจายออกไปทั่ว และพันธมิตรโดยรอบต่างได้รับบัฟ DemonSpirit รู้สึกประหลาดใจ ‘นี่เป็นเอฟเฟคประเภทบัฟให้กับทีม! มันฟื้นฟู HP และมานา 1% ทุกวินาที!’ จางเจิ้งเฉียงยังรู้สึกว่าได้รับการฟื้นคืนพลังงานในการเคลื่อนไหวที่เขาได้สูญเสียไปคืนมาครึ่งหนึ่ง ‘ฮ่า ฮ่า สมกับเป็นเพื่อนของฉัน! เอฟเฟคจากทรงผมช่างน่าเหลือเชื่อจริงๆ!’
เมื่อเห็นว่าตอนนี้ถึงโอกาสของเธอที่จะได้ประจบเย่ฉางแล้ว เย่เทียนก็ขยี้ตาและมองไปที่เขาด้วยสายตาที่เปล่งประกาย ทันใดนั้นก็มีเงาดำมาขวางเธอไว้ “พี่ใหญ่ขาว! ผมของพี่เจ๋งมากเลย! พลังซี่ของผมอัดแน่นจนแทบจะระเบิดออกมาอยู่แล้ว!”
‘บ้าเอ๊ย! หลินหลี่อีกแล้ว!’ เย่เทียนรู้สึกโกรธ จากนั้นเธอก็เตะไปที่ขาของหลินหลี่จากด้านหลัง ทันใดนั้นหลินหลี่ก็พูดออกมาโดยไม่รู้สึกเจ็บปวดเลยแม้แต่น้อย “เธอพยายามเอาชนะฉันด้วยการชมเชยพี่ใหญ่ขาวใช่ไหม? เธอยังไม่คู่ควรเป็นคู่ต่อสู้ของฉันหรอกนะ เทียนน้อย…”
“เฮ้อ!” SpyingBlade ถอนหายใจเมื่อเห็นการทะเลาะกันของเด็กทั้งสอง
เย่ฉางพึงพอใจกับคำชมของทุกคน จากนั้นเขาก็ลูบไปที่ผมของเขาอย่างอ่อนโยน และพูดออกมาอย่างแผ่วเบา “มา! ฉันจะแสดงสกิลลับให้พวกนายดู!”
โอดะ ฮิโคชิขมวดคิ้ว ‘ไม่ใครเลยซักคนที่เคยอัพเกรดทรงผมให้เป็นรูปแบบสุดยอดในสงครามคริสมาสต์ที่ยิ่งใหญ่ ไม่แม้แต่จะอัพไปถึงขั้นที่สอง และตอนนี้มันคือรูปแบบสุดยอด! เราควรระมัดระวังเอาไว้ ดูเหมือนว่าเอฟเฟคอย่างแรกจะเกี่ยวข้องกับการฟื้นฟู’
“ไอ้งี่เง่านั่น…” ThornyRose พูดไม่ออกจริงๆ ‘สกิลลับ? สกิลลับตูดฉันสิ! อะไรคือสิ่งที่จะแสดงให้ทุกคนเห็นกัน!’ MistyVeil ที่นั่งอยู่บนโซฟามองดูเธอด้วยความอิจฉา “เธอควรจะรู้สึกขอบคุณเขานะ”
ThornyRose ตระหนักถึงได้ทันที ‘ฉันจะปล่อยที่เหลือไว้ให้กับพวกเขา สิ่งที่ฉันทำได้คือดูแลพวกเขา และเป็นโค้ชที่ดี’ เมื่อคิดเกี่ยวเรื่องนี้ เธอดูเหมือนจะจดจำบางสิ่งบางอย่างได้ ‘เมื่อเทียบกับหญิงตัวน้อยอย่างเย่เทียนแล้ว โอกาสในการเป็นโค้ชของฉันก็ช่างริบหรี่ซะเหลือเกิน โชคดีที่เธอไม่ได้มี EQ มากซักเท่าไหร่’
ผมของเย่ฉางเริ่มกวัดแกว่งไปมาอย่างบ้าคลั่ง ทันใดนั้นมันก็ส่องสว่างสไวอย่างแท้จริง เย่ฉางดูราวกับเป็นเทพเจ้า ทุกคนต่างก็จ้องมองด้วยความยำเกรง เมื่อแสงสว่างค่อยๆจางลง ผมของเย่ฉางก็กลับมายังรูปลักษณ์ที่อ่อนโยน “ตกตะลึงมากเลยสินะ?”
โอดะ ฮิโคชิมองไปรอบๆอย่างระมัดระวัง และตระหนักได้ว่าไม่มีเพื่อนร่วมทีมของเขาคนไหนที่ได้รับความเสียหายเลยแม้แต่นิดเดียว “นายทำอะไรลงไป?”
“ทำให้ผมเปล่งประกาย!” เย่ฉางพูดอย่างภาคภูมิใจ
“จุดประสงค์คืออะไร?” RedMoon ถาม
“ไม่มีจุดประสงค์อะไร” เย่ฉางเปล่งเสียงออกมา
“น่าเหลือเชื่อ!” หลินหลี่รีบปรบมือทันที
“เพื่อน ฉันคิดว่าความแวววาวนั่นคล้ายคลึงกับเอฟเฟคของการใช้สกิลอัลติเมทเลย” จางเจิ้งเฉียงพยักหน้า
“หัวหน้าทีมจงเจริญ!” DemonSpirit เข้าร่วมสนุกด้วย
“พ่อคะ พ่อหล่อมากเลย!” เย่เทียนร่วมตะโกน
SpyingBlade ยกนิ้วให้เขาแทนโดยที่ไม่พูดอะไรเลย
“นายเห็นนั่นไหม? ถ้านายยอมแพ้ตอนนี้ มันก็ยังพอมีโอกาสสำหรับพวกนาย” เย่ฉางถอนหายใจ ขณะที่เล่นกับทรงผมของเขา
“……” สมาชิกของทีม Black Dragon Union พูดไม่ออก ‘เป็นไปได้อย่างไรที่เราต้องมาถูกข่มเหงจากไอ้คนน่ารังเกียจนี่?’
“รอให้ทั้งสองคนกลับมาก่อน และเราจะปกป้องการโจมตีระลอกต่อไป ตอนนี้เราต้องปล่อยป้อมกลางไปก่อน เราสี่คนไม่เพียงพอที่จะป้องกันป้อมเอาไว้ได้ เอาล่ะ ถอยกลับไปที่ป้อมสองกันก่อนเถอะ” โอดะ ฮิโคชิถอนหายใจ และถอยกลับพร้อมกับเพื่อนร่วมทีม
“พวกคุณเห็นไหม? แม้ว่าพวกเขาจะไม่ยอมแพ้ แต่พวกเขาก็หวาดกลัวออร่าของฉัน” เมื่อมองไปที่ผู้ชม เย่ฉางก็มัดผมของเขา “หลินหลี่มากับฉัน เย่เทียน เธอจะเป็นคนนำคนอื่นเข้าไปโจมตี และชะลอพวกเขาไว้”
เย่เทียนไม่เข้าใจความต้องการของเย่ฉางในการทำเช่นนั้น ‘พ่อจะเข้าไปฟาร์มมอนเตอร์ป่าที่เหลืออยู่งั้นเหรอ? น่าจะเป็นเช่นนั้น แต่ทำไมกันล่ะ? พ่อจะอัพเกรดอาวุธงั้นเหรอ? ไม่ ไม่น่าใช่! ตอนนี้เราสามารถฆ่าพวกเขาได้อย่างง่ายดายในนัดเดียว แต่เนื่องจากนี่เป็นการตัดสินใจของพ่อ ดังนั้นจึงน่าจะมีความหมายอะไรบางอย่าง’ จากนั้นเธอก็พยักหน้า “หนูเข้าใจแล้ว”
“เพื่อน นายต้องการทำอะไร?” จางเจิ้งเฉียงถาม
“มีบางสิ่งที่ฉันต้องการทดสอบ” เย่ฉางยิ้ม
ภายใต้คำสั่งของเย่เทียน พวกเขาประสบความสำเร็จในการกดขี่ทีม Black Dragon Union ให้ถอยกลับไปยังป้อมสอง ในอีกด้านหนึ่ง เย่ฉางและหลินหลี่ได้ฆ่าปีศาจโครงกระดูกและคางคกวิญญาณพิษ ทำให้จำนวนดวงวิญญาณที่เขารวบรวมได้เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก ทีม Black Dragon Union ได้ถอดใจไปหมดแล้ว เพราะพวกเขาต้องรับมือกับการโจมตีอย่างไม่หยุดยั้ง โอดะรู้ว่าพวกเขาจะต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอน แต่ไอ้คนพวกนี่มันน่ารังเกียจเกินไป ‘ยอมแพ้? ไม่มีทาง!’
หลังจากฟาร์มทรัพยากรแล้ว เย่ฉางก็กลับมาเข้าร่วมกับทีม โดยไม่มีความกดดันและการเสียสละของเย่เทียน พวกเขาได้ฆ่าทั้งหกคนอย่างง่ายดาย และกลับไปฟาร์มครีปเพื่อหาทรัพยากรต่อ บรรดาผู้ชมและพี่ใหญ่เฉา หรือแม้แต่โอดะก็ยังสงสัยในสิ่งที่พวกเขากำลังทำอยู่ ‘เห็นได้ชัดว่าเขาต้องการทรัพยากรที่สำคัญทั้งหมด แต่ถ้าเขายังคงดันป้อมเข้ามา เกมนี้ก็คงจะจบลงไปนานแล้ว แม้ว่าฉันจะได้รับสกิล [Illusion Art – Reality] ตอนเลเวล 11 ก็ตามที เพราะตอนนี้เย่ฉางมีเลเวล 17 แล้ว! ยิ่งไม่ต้องพูดถึงจอมหมัดจักรกลที่มีเลเวล 16 ซึ่งสามารถกดขี่ฉันได้อย่างง่ายดายเลย นี่กำลังเป็นปัญหา ไม่มีทางที่เราจะชนะได้เลย ไม่มีโอกาสเลยแม้แต่นิด’
“โหมดความบันเทิงทางฝั่ง Flame Dragon ได้สิ้นสุดลงไปนานแล้ว แต่เราคงยังอยู่ที่นี่… เฮ้อ สามพี่น้องนั่นไม่รู้สึกเบื่อหน่ายเลยใช่ไหม?” พี่ใหญ่เฉาถอนหายใจ
“ไม่ ฉันมีความรู้สึกว่าพี่ใหญ่วีรบุรุษกำลังวางแผนอะไรบางอย่าง เขามีวิญญาณ 2,000 ดวง แต่เขากลับไม่ได้ใช้มัน อาวุธของเขายังคงเหมือนเดิมอยู่เลย…” พี่ใหญ่จงส่ายหัว
เมื่อการแข่งขันดำเนินต่อไป เย่ฉางก็ยังคงฆ่าศัตรูและครีป เพื่อฟาร์มทรัพยากรให้ได้มากที่สุด ผู้ชมและทีมสโมสรอื่นๆที่สิ้นสุดการต่อสู้ก็กำลังสงสัยอยู่เช่นกัน เมื่อมองไปที่วิญญาณ 6,000 ดวง พวกเขาก็ตกใจว่าทำไมเย่ฉางถึงยังไม่ได้ใช้ ในที่สุดทีม Black Dragon Union ก็มีพลังมากพอที่จะต้านทานพวกเขาได้ ในขณะนี้โอดะมีสกิลอัลติเมทขั้นสูงสุดของเลเวล 16 อย่าง [Illusion Art – Dancing Swallow] แม้ว่าเย่เทียน และ DemonSpirit จะถูกสังหารโดยเขา แต่จางเจิ้งเฉียงก็เข้ามาจบชีวิตโอดะด้วยสกิล [Meteor Piledriver] หลินหลี่ และ SpyingBlade ราวกับหน่วยกวาดล้าง พวกเขาสังหารคนอื่นลงได้อย่างง่ายดาย เวลาผ่านไปอย่างต่อเนื่อง
“พี่ใหญ่วีรบุรุษ หยุดทำตัวเหมือนว่าคุณยอมแพ้แล้ว แม้ว่ามันจะเป็นไปไม่ได้ก็ตาม แต่…”
“คุณคิดมากเกินไป ในสถานการณ์นี้แม้ว่าพี่ใหญ่วีรบุรุษจะไม่เข้าร่วมทีมไฟต์ แต่มันก็เป็นเรื่องยากที่ฝ่ายตรงข้ามจะเอาชนะได้”
“เหอะ น่าไม่อาย! ไม่มีจิตวิญญาณนักกีฬา! ฉันขอเหยียดหยามพวกคุณ!”
“พักผ่อนให้สงบเถอะนะ ญี่ปุ่น”
ทั้งสองฝ่ายเริ่มเยาะเย้ยกัน
“……” ผู้คนจากประเทศจีน
เมื่อฟาร์มวิญญาณได้ถึง 8,887 ดวง เย่ฉางก็ถอนหายใจ ‘รูปแบบที่อยู่เหนือกว่าขั้นสุดยอด ถึงเวลาที่จะยุติการแข่งขันนี้แล้ว’ เมื่อเขาฆ่าครีปตัวสุดท้าย ดวงวิญญาณของเขาก็สะสมเป็น 8895
เย่ฉางเห็นว่ามีตัวเลือกที่ไม่รู้จักโผล่ออกมาอยู่ซึ่งเหนือทรงผมรูปแบบขั้นสุดยอด ซึ่งต้องใช้วิญญาณถึง 8,888 ดวง จากนั้นเขาก็ยิ้ม และกดไปที่มันโดยไม่ลังเล