บทที่ 584 การรุกรานของสํานักสุวรรณสิงห์ 4

Dual Cultivation ร่วมเรียงเคียงเซียน

บทที่ 584 การรุกรานของสํานักสุวรรณสิงห์ 4

 

“เจ้าต้องการรู้อะไร พวกเราจักบอกเจ้าทุกสิ่งที่พวกเรารู้” ดาบเสี้ยวจันทร์ตอบกลับอย่างรวดเร็ว

 

คําถามแรกของข้าก็คือพวกเจ้าสามารถเดินทางไปทวีปศักดิ์สิทธิ์กลางได้อย่างไร” ซูหยางเริ่มถาม

 

“ท่านผู้นํามีสมบัติวิญญาณที่สามารถส่งผู้คนไปสู่ทวีปศักดิ์สิทธิ์กลาง แต่มันเพียงทําได้เพียงทางเดียว ดังนั้นมันจึงไม่สามารถที่จะพาผู้คนกลับมาได้”

 

“ใครคือผู้นําของพวกเจ้า” ซูหยางถาม

 

“พวกเรามิรู้ ตามจริงแล้ว มีเพียงคนระดับสูงเท่านั้นที่ยอมให้พบกับท่านผู้นําได้ พวกเรามิเคยเห็นท่านมาก่อน”

 

“อย่างไรก็ตามพวกเราได้รับการบอกเล่าว่า ท่านผู้นําจักปรากฏตัวเพื่อต้อนรับแขกจากทวีปศักดิ์สิทธิ์กลางเมื่อพวกเขามาถึง”

 

“เป็นเช่นนั้นรี” ซูหยางพยักหน้า

 

“เช่นนั้นแหล่งกบดานของพวกเจ้านั้นอยู่ที่ไหนกัน ข้าได้ยินมาว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะหาพบ”

 

เหล่าดาบเสี้ยวจันทร์หันไปมองหน้ากันด้วยสีหน้างงงัน ถ้าพวกเขาเปิดเผยที่ซ่อนของพวกเขา และคนระดับสูงพบเข้า แน่นอนว่าพวกเขาต้องถูกฆ่าถึงแม้ว่าพวกเขาจะหลบหนีไปจากที่นี่รักษาชีวิตไว้ได้ก็ตาม

 

“ถ้าพวกเจ้ามิต้องการที่จะตอบคําถามของข้า ข้าก็จักฆ่าพวกเจ้าทีละคนจนกว่าจะมีคนให้คําตอบแก่ข้า” ซูหยางพลันพูดขึ้นด้วยสีหน้าเหี้ยมเกรียม ทําให้พวกเขาทุกคนหนาวเยือกไปถึงไขสันหลัง

 

“ข-ข้าพูด” หนึ่งในหมู่พวกเขารีบพูดขึ้น แล้วกล่าวต่อว่า “เหตุผลที่แหล่งกบดานของพวกเรา ยังเป็นความลับนานจนปานนี้นั้นก็เพราะว่าพวกเรานั้นมีมีแหล่งกบดานมาตั้งแต่แรก

 

“อะไรกัน เช่นนั้นเจ้าติดต่อสื่อสารกันได้อย่างไร” ชีหวังพูดพร้อมขมวดคิ้ว

 

“มันเป็นการสื่อสารทางเดียว เมื่อไหร่ก็ตามที่มีปฏิบัติการ พวกเราก็จะได้รับการติดต่อ จากคนระดับสูงผ่านวิธีการเฉพาะหลากหลาย อย่างเช่นป้อนข่าวสารให้กับหนูแล้วใช้วิชาควบคุมพวกมัน”

 

“เช่นนั้นถ้าเราต้องการกําจัดพวกเจ้า เราจักต้องเริ่มจากระดับสูงสุดสินะ” ซูหยางพยักหน้า

 

จากนั้นเขาก็หันไปมองซีหวังและกล่าวว่า “ข้าเปลี่ยนใจแล้ว แทนที่จะฆ่าพวกเขาหลังจากที่ได้รับข่าวสารแล้ว พวกเราควรฆ่าพวกเขาเมื่อตอนที่ผู้นําของพวกเขามาถึง ถ้าเราฆ่าพวกเขาในตอนนี้ ผู้นําของพวกเขาจักต้องสงสัยแน่”

 

“ถึงแม้ว่าเจ้าจะพูดเช่นนั้น แต่พวกเราจักเก็บพวกนี้ไว้ที่นี่หลังจากนี้ได้อย่างไร ใช่ว่าเจ้าจักเก็บพวกนี้ไว้ภายในค่ายกลนั่นในเมื่อมันจักทําให้ผู้อื่นตื่นตัวได้อย่างแน่นอน” ซีหวังกล่าวกับเขา

 

“อย่ากังวล ข้ามีแผน” ซูหยางกล่าวพร้อมรอยยิ้ม

 

“ด-เดี๋ยวก่อน ข้าคิดว่าเจ้าได้พูดว่าเจ้าจักมฆ่าพวกเรา ถ้าพวกเราตอบคําถามเจ้า”

 

“ใช่แล้ว เจ้ากําลังจะกลับคําพูดของเจ้าอย่างงั้นรี เจ้าเลว”

 

ผู้คนที่อยู่ภายในค่ายกลต่างพากันเริ่มก่นด่าซูหยาง

 

เมื่อเห็นเช่นนี้ ซูหยางก็เพียงส่ายหน้าแล้วพูดด้วยเสียงเยือกเย็นว่า “ข้าเพียงกล่าวว่าข้าจักปล่อยพวกเจ้าออกจากค่ายกล ใครกันที่กล่าวว่าจักปล่อยพวกเจ้าไปอย่างมีชีวิต อย่างไรก็ตาม ในเมื่อข้าได้พูดเช่นนั้น ข้าก็จักมิเป็นคนที่ฆ่าพวกเจ้า”

 

จากนั้นเขาก็ชี้ไปยังซีหวังแล้วกล่าวต่อว่า “พวกเจ้าจ้องทําร้ายชิงเอ๋อร์มาเป็นเวลาหลายปีแล้วตอนนี้ ข้ามั่นใจว่าตระกูลซีจักต้องมีความโกรธแค้นที่ต้องการชําระ

 

ผู้คนเหล่านั้นต่างพากันหันไปมองดูซีหวัง ซึ่งจ้องมองพวกเขาด้วยสายตาอาฆาต ดูเหมือนเสือหิวที่อยู่ต่อหน้าเหยื่อ

 

“ด-ได้โปรดเมตตา พวกเราเพียงแค่ทําตามที่พวกเราได้รับคําสั่ง ตั้งแต่แรกมีเพียงคนเดียวที่สนใจในตัวท่านหญิงซีก็คือผู้นําของพวกเรา” หนึ่งในนั้นอ้อนวอน

 

อย่างไรก็ตาม ซีซิงฟางเพียงแค่นเสียงเย็นชาแล้วกล่าวว่า “พวกเจ้าคิดว่านี่เป็นเพียงแค่เรื่องดาบเสี้ยวจันทร์พยายามที่จะจับตัวข้าเท่านั้น พวกเจ้าได้พยายามทําลายตระกูลซีมาเป็นเวลาหลายปีแล้วตอนนี้ ยังมิได้พูดถึงเหตุการณ์นับไม่ถ้วนที่พวกเจ้าได้สร้างขึ้นทั่วทั้งทวีปตะวันออก”

 

เหล่าดาบเสี้ยวจันทร์ต่างพากันพูดไม่ออก ในเมื่อทุกสิ่งที่ซีซิงฟางพูดมานั้นเป็นความจริง

 

เจตนาหลักของดาบเสี้ยวจันทร์ก็คือยึดครองทวีปตะวันออกและสร้างความปั่นป่วนวุ่นวายหวาดกลัวไปทั่วให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ มันคือองค์กรชั่วร้ายที่ไม่อาจจะกลับถอนตัวมาดีได้ ตามความเป็นจริงแล้วทั่วทั้งโลกย่อมสงบสุขขึ้นกว่าเดิมมากหากว่าไม่มีองค์กรนี้

 

“ชิงเอ๋อร์ เจ้าสามารถจัดการกับพวกมันได้ในภายหลัง ตอนนี้ข้าจักลบความทรงจําของคนพวกนี้ ทําให้เหมือนกับว่าพวกเรามิเคยมาที่นี่ตั้งแต่แรก” ซูหยางพลันกล่าว

 

“เจ้าสามารถลบความทรงจําด้วยรี” ซีหวังมองดูเขาด้วยสายตางุนงง มีอะไรในโลกนี้บ้างที่เขาทําไม่ได้

 

สองสามอึดใจให้หลัง ซูหยางก็ก้าวเข้าไปในค่ายกลโดยไม่ลังเล

 

เมื่อสมาชิกดาบเสี้ยวจันทร์เห็นเช่นนั้น พวกเขาก็ไม่ยอมเสียเวลา เข้าโจมตีเขาในทันที

 

“จัดการมัน”

 

แล้วเหล่ายอดยุทธระหว่างเขตปฐพีวิญญาณและเขตคัมภีร์วิญญาณก็พุ่งทะยานเข้าหาเขาอย่างพร้อมเพรียงกัน

 

เมื่อเห็นเช่นนี้ ซูหยางก็เพียงแค่ส่ายหน้าอย่างเยือกเย็นก่อนที่นิ้วชี้ของเขาจะเปล่งแสงสีทอง

 

“พวกเจ้าควรจะมีความสุขกับช่วงชีวิตสองสามวันสุดท้ายก่อนที่จะจบสิ้น” ซูหยางกล่าวกับ พวกเขาขณะที่เขาหลบการโจมตีของพวกเขาอย่างสบายๆในขณะที่เคาะไปยังหน้าผากของพวกเขาในเวลาเดียวกัน

 

เหล่าสมาชิกดาบเสี้ยวจันทร์ล้มลงสู่พื้นอย่างต่อเนื่อง และภายในเวลาเพียงไม่กี่อึดใจพวกเขาทั้งหมดก็สลบไสลไม่ได้สติด้วยฝีมือของซูหยางโดยไม่ต้องใช้ความพยายามใด

 

ซูหยางสลายค่ายกลหลังจากนั้น

 

“พวกเขาจักจําอะไรที่ได้เกิดในชั่วโมงสุดท้ายมิได้เมื่อพวกเขาฟื้นคืนสติมา พวกเรากลับไปยังยานบินกันในตอนนี้ ครั้นเมื่อหัวหน้าของพวกนั้นแสดงตัวขึ้นพวกเราจักสามารถจัดการกับพวกเขาอีกครั้งเป็นครั้งสุดท้าย” เขากล่าวกับซีซิงฟาง

 

“ถึงแม้ว่าเจ้าจักกล่าวเช่นนั้น แต่เราจักซุกซ่อนยานบินที่ลอยอยู่กลางท้องฟ้าที่มหึมาสะดุดตา เช่นนั้นได้อย่างไร” ซีหวังถามเขา “พวกนั้นจักเห็นพวกเราจากระยะทางหลายกิโลเมตร

 

“อย่ากังวล ยานลํานี้สามารถทําได้มากกว่าเพียงเดินทางด้วยความเร็วสูง มันสามารถกระทั่งซ่อนตัวของมันเองเข้ากับพื้นหลังและทําให้มันเหมือนมองไม่เห็น และนอกจากว่าพวกเขามีคนที่มีสัมผัสวิญญาณที่ทรงอํานาจมากพอจึงจะเห็นทะลุภาพมายา มิเช่นนั้นพวกเขาก็จักมิสามารถที่จะเห็นหรือรับรู้ได้แม้ว่าจะอยู่ต่อหน้าเหนือหัวพวกเขา” ซูหยางกล่าวพร้อมกับยิ้ม

 

“…” ซีหวังพูดไม่ออก แต่เขาไม่ได้ประหลาดใจมากนัก ในเมื่อเขาเริ่มด้านชาหลังจากตระหนกไปหลายครั้งจากซูหยางกับพวกของเขา