ซีเหมินจินเหลียนถามขึ้นอย่างแปลกใจว่า “เธอก็ชื่นชอบหยกมากเลยเหรอ?”
“เรียกว่ารักเลยละครับ!” จ่านมู่ฮวาพูดขึ้น “ใครๆ ก็รู้ว่าคุณนายซูรักอยู่สองสิ่ง นั่นก็คือหยกและผู้ชายหน้าตาดี!”
“นับว่ายังดี” ซีเหมินจินเหลียนถอนหายใจน้อยๆ แล้วพูดขึ้น “ฉันมีแค่หยก ไม่มีผู้ชายหน้าตาดี”
จ่านมู่ฮวาได้ยินเช่นนั้นก็แสดงสีหน้าเจ็บปวดออกมา “จินเหลียน ผมก็เป็นผู้ชายหน้าตาดีนะ นอกจากนี้ผมยังยินยอมที่จะเป็นของสะสมของคุณด้วย ก็เหมือนที่คุณเก็บสะสมเครื่องประดับพวกนั้น…”
“ฉันไม่ต้องการค่ะ!” ซีเหมินจินเหลียนได้ยินเช่นนั้น ก็ทั้งหัวเราะและอารมณ์ดี ส่ายหัวปฏิเสธท่าเดียว
“แล้วทำไมคุณถึงเก็บมู่หรงไว้?” จ่านมู่ฮวายิ้มแล้วถามขึ้น
“ฉัน…ฉันไม่ได้เรียกว่าเก็บสักหน่อย!” ซีเหมินจินเหลียนหมดคำพูด นี่พูดอะไรของเขากัน คนเป็นๆ จะเก็บสะสมได้ยังไงกัน แม้กระทั่งคนที่ตายไปแล้วยังเก็บสะสมไม่ได้เลย
“จินเหลียน พินัยกรรมที่คุณปู่ผมทิ้งไว้…” จู่ๆ หลินเสวียนหลานก็รู้สึกว่าตนเองจำเป็นจะต้องสารภาพกับเธอสักหน่อย ไม่เช่นนั้นชาตินี้เขาคงไม่มีโอกาสที่จะบอกเนื้อหาในพินัยกรรมที่คุณปู่เขียนไว้กับเธอแน่
“คะ?” ซีเหมินจินเหลียนชะงักไปพักหนึ่งแล้วถามขึ้น “พินัยกรรมของคุณปู่คุณ ที่บอกว่าให้คุณสืบทอดมรดกของตระกูลหลิน เรื่องนี้ฉันรู้ค่ะ”
“ใช่ คุณก็ไม่ต้องโอ้อวดเรื่องนี้หรอก!” จ่านมู่ฮวาพูด ตอนนั้นถ้าหากไม่ใช่ว่าเขายอมวางมือ ที่สถานีตำรวจคืนนั้น บางทีหลินเสวียนหลานอาจจะไม่มีวันได้เห็นดวงตะวันของเช้าวันถัดไปแล้วก็ได้ แต่เพื่อที่จะได้เจอกับซีเหมินจินเหลียน แม้ว่าเจาอยากจะทำมากแค่ไหน เขาก็ต้องออมมือบ้าง
แน่นอนว่าหลินเสวียนหลานเองก็รู้เรื่องนี้ เมื่อเผชิญหน้ากับคนที่ต้องการจะฆ่าเขา เขาก็ไม่มีความรู้สึกดีใดๆ หลงเหลือให้จ่านมู่ฮวา แต่บนโลกนี้ก็ช่างโหดร้าย บางเวลาคนเราก็ต้องเรียนรู้ที่จะอดกลั้นฝืนทน
“คุณปู่ผมมีพินัยกรรมอีกฉบับหนึ่งที่เขียนให้ผมแต่งเข้าบ้านตระกูลซีเหมิน” หลินเสวียนหลานยกมุมปากขึ้นยิ้มอย่างเย้นหยันตัวเอง คุณชายตระกูลหลิน ชีวิตตกอับจนต้องแต่งงานเข้าบ้านภรรยา แต่ไม่รู้ทำไมเวลานี้ เขากลับรู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก แสดงให้เห็นว่าเขายอมทำงานแทนเธอไปทั้งชีวิต
“หา?” ซีเหมินจินเหลียนตกใจจนหน้าแดงก่ำ
ในใจของจ่านมู่ฮวาแอบด่าเขาว่าหน้าไม่อาย จากนั้นก็ใช้ถ้อยคำเสียดแทงพูดออกไป “ถ้าคุณอยากจะแต่งงานเข้าบ้านเธอ ก็ต้องให้เธอสนใจคุณก่อนไม่ใช่เหรอ ใช่ไหมครับจินเหลียน?”
ซีเหมินจินเหลียนจ้องมองไปที่จ่านมู่ฮวา “คุณพูดจบแล้วหรือยัง? เดิมพันสีข้างหน้าน่าจะเริ่มเปิดแล้ว คุณไปดูเถอะ”
“แล้วคุณไม่ไปเหรอ?” จ่านมู่ฮวาถาม
“ไม่ไป!” ซีเหมินจินเหลียนส่ายหน้าแล้วพูดขึ้น “ยังไงก็ไม่ใช่ของฉัน ฉันก็ไม่เสียใจอยู่แล้ว”
“โอเคๆ ผมไปก็ได้” จ่านมู่ฮวาลุกขึ้นเดินไปทางจอแสดงผลการเดิมพันสีและเดิมพันชนิดข้างนอก ในใจก็คิดว่าตัวเองจะวางเดิมพันลงไปถูกกี่อัน
จ่านมู่ฮวาออกไปด้านหน้าแต่โดยดี ซีเหมินจินเหลียนนั่งพิงเก้าอี้สองมือกุมเข่า ตัวสั่นระริก ไม่ได้สนใจหลินเสวียนหลานที่นั่งอยู่ข้างๆ เมื่อให้จ่านมู่ฮวาออกไปแล้ว เธอถึงเพิ่งได้รู้ว่าเธอก็รู้สึกทำตัวไม่ถูก ก่อนหน้านี้ตอนที่เธออยู่กับหลินเสวียนหลานสองต่อสองก็ไม่เห็นเป็นอะไร แต่ไม่รู้ว่าทำไมตอนที่หลินเสวียนหลานบอกว่าจะแต่งงานเข้าตระกูลซีเหมิน เธอก็รู้สึกว่าราวกับตนได้สัมผัสความรู้สึกมากมายในคราเดียวกัน ความรู้สึกนั้นสับสนวุ่นวายไปจนหมด
ไม่รู้ว่าทำไม จู่ๆ เธอก็คิดถึงลู่เฟยอวี๋ขึ้นมา คืนนั้นที่เขากับลู่เฟยอวี๋จะหมั้นกัน แล้วหนีมาที่คฤหาสน์ของจินเหลียนเพื่อมาทำกับข้าวให้เธอกิน ถ้าหากเธอไม่เข้าใจความในใจของหลินเสวียนหลาน เธอก็คงโง่มากเกินไปแล้ว แต่เธอแกล้งทำเป็นไม่รู้มาโดยตลอด แกล้งทำเป็นว่าไม่มีอะไร แกล้งทำเป็นไม่เข้าใจ แต่เรื่องบางเรื่องเธอจำเป็นต้องเผชิญหน้ากับเขา เธอเองก็อายุยี่สิบกว่าแล้ว ไม่ใช่เด็กแล้ว หรือว่าควรจะหาแฟนได้แล้ว? แต่ผู้ชายรอบตัวของเธอนั้น มีใครบ้างที่พึ่งพาได้?
เงาของหลินเสวียนหลานค่อยๆ ฝังลึกลงไป รอยยิ้มของจ่านป๋ายเองก็ประทับลงในหัวใจเธอ ผู้ชายคนนี้…เขาก็ชุ่มฉ่ำเหมือนกับหยก
ส่วนฉินเฮ่าและจ่านมู่ฮวาน่ะหรือ? นี่ไม่ใช่คนที่เธอสมควรพิจารณา สองคนนี้อยู่ในครอบครัวที่ประสบความสำเร็จสูงสุด พวกเขาเข้าหาเธอเพราะผลประโยชน์ ถ้าหากเธอฉลาดพอ เธอคงไม่พิจารณาสองคนนี้อย่างแน่นอน
“จินเหลียน คุณกำลังคิดอะไรอยู่?” หลินเสวียนหลานพูดขึ้น “ผมเรียกคุณตั้งหลายครั้ง”
“ไม่…ไม่มีอะไรค่ะ…” ซีเหมินจินเหลียนหน้าแดงระเรื่อขึ้นอีกครั้ง นี่มันเรื่องอะไรกัน? ทำไมเธอถึงคิดแต่เรื่องนี้นะ
“จินเหลียน หากจะพูดกันตรงๆ ความจริงแล้วผมก็เป็นคนที่ไม่มีอะไรเลย!” หลินเสวียนหลานถอนหายใจออกมา “แม้ว่าคุณปู่จะยกหุ้นของบริษัทให้ผม และผมยังซื้อหุ้นจากคนอื่นมาไว้ในมือ แต่ว่าคุณที่เอาหยกออกมามากมายขนาดนี้ ก็ทำให้หุ้นทั้งหมดในมือของพวกเราไม่เหลืออะไรอีกแล้ว หรือจะพูดได้ว่าคุณก็ใช้หยกครอบครองบริษัทหลินซื่อจิวเวอรี่ไว้ทั้งหมดแล้ว”
“ฉันไม่เข้าใจในเรื่องธุรกิจ แน่นอนว่าฉันต้องการความช่วยเหลือจากคุณ” ซีเหมินจินเหลียนพูดออกไปตามตรง
“ผมรู้ ผมจะช่วยคุณไปตลอดชีวิต” หลินเสวียนหลานถอนหายใจออกมาอย่างแผ่วเบา ถือว่าประเด็นสนทนานี้ราวกับได้จบลงแล้ว ความจริงเขาอยากจะบอกว่าเขาไม่ได้หมายความว่าเช่นนั้น ในใจของซีเหมินจินเหลียนน่าจะเข้าใจดี เพียงแต่ในเมื่อเธอเปลี่ยนหัวข้อสนทนามาขนาดนี้ เขาก็จะไม่ถามอีก ความหมายของเขาก็คือเธอมีหยกแล้ว และยังมีตระกูลหลินรวมถึงเขาอยู่ในนั้น ทั้งหมดเป็นของเธอแล้ว…
เพราะนิสัยส่วนตัวตั้งแต่เล็กของเขา ทำใหเเขาชอบเก็บเรื่องทั้งหมดไว้ในใจ
“จินเหลียน…จินเหลียน…” จ่านมู่ฮวารีบวิ่งเข้ามาด้วยรอยยิ้ม “พวกเรารวยแล้ว คุณลองทายดูสิว่าที่คุณเดิมพันไปเจ็ดอัน มีอันไหนถูกบ้าง?”
“คงไม่ถูกทั้งหมดหรอกใช่ไหม” ซีเหมินจินเหลียนพูด เธอทายถูกไปหกอันเท่านั้น ในนั้นมีอันหนึ่งที่เธอตั้งใจวางเดิมพันผิด ไม่อย่างนั้นถ้าถูกทั้งหมดคงจะเป็นเป้าสายตาของทุกคนเกินไป
“คุณยังอยากเดิมพันชนะทั้งหมดเหรอ?” จ่านมู่ฮวาพูด “คุณก็รู้ว่าสามปีก่อน ผมวางไปยี่สิบเอ็ดอัน แต่ชนะไปแค่อันเดียว ทำเอาผมแทบไม่เหลือแม้แต่กางเกงใน”
“ในเมื่อคุณไม่รู้เรื่องการเดิมพันหยก แล้วจะวางเดิมพันมั่วๆ ไปทำไมกัน?” หลินเสวียนหลานหัวเราะออกมา แต่ในใจก็สงสัยถามออกไปว่า “สรุปแล้วถูกเท่าไหร่”
“ถูกไปห้าอันแน่ะ!” จ่านมู่ฮวาพูดขึ้นแล้วนั่งลงข้างๆ ซีเหมินจินเหลียน “เมื่อหักเงินทุนออกแล้ว ครั้งนี้พวกเราก็ทำเงินได้ทั้งหมดสามสิบหกล้าน เดี๋ยวผมค่อยโอนเงินเข้าบัญชีคุณนะ” แม้ว่าสามสิบหกล้าน สำหรับเขาและซีเหมินจินเหลียนมันเป็นแค่จำนวนเงินเพียงเล็กน้อย แต่สามารถเดิมพันได้ถูก เขาก็ดีใจมาก โดยเฉพาะเรื่องที่เคยทำให้เขาพ่ายแพ้อย่างราบคาบไปเมื่อสามปีก่อน
ซีเหมินจินเหลียนไม่เข้าใจ ทำไมถึงถูกแค่ห้า ไม่น่าจะเป็นไปได้? ถ้าหากความสามารถในการมองทะลุผ่านของเธอมีปัญหา ถ้าอย่างนั้นเดิมพันทั้งห้านั่นคงไม่ถูกแล้ว แต่ถ้าไม่มีปัญหาอะไร ถ้าอย่างนั้นการเดิมพันครั้งนี้น่าจะมีคนเล่นอะไรไม่ชอบมาพากลเสียแล้ว…
“สองอันไหนที่ไม่ถูก” ซีเหมินจินเหลียนถามขึ้น ตอนที่ถามคำถามนี้ ในใจเธอก็รู้ดีว่าน่าจะต้องเป็นก้อนที่ลักษณะข้างนอกดูดี แต่ข้างในกลับเป็นหินสีขาวก้อนนั้นที่ไม่ถูก เธออุตส่าห์ให้จ่านมู่ฮวาวางลงไปสิบล้าน อัตราต่อรองหนึ่งต่อสิบห้า… ถ้าจะพูดก็คือถ้าอันนี้เดิมพันถูกก็สามารถทำเงินได้ถึงหนึ่งร้อยห้าสิบล้าน แต่ไม่เหมือนตอนนี้ที่ได้แค่สามสิบหกล้าน
“พวกเราไปดูด้านหน้ากัน” ซีเหมินจินเหลียนลุกขึ้น ถ้าหากเดิมพันหินมีการเล่นขี้โกงแบบนี้ มันก็น่าเกียจเกินไปแล้ว
“โอเค” แม้ว่าจ่านมู่ฮวาจะไม่เข้าใจเจตนาของเธอ แต่ก็ยังเดินไปด้านหน้าด้วยกัน
“อันที่พวกเราลงไปสิบล้านไม่ถูกเหรอ?” ซีเหมินจินเหลียนจงใจถามขึ้น
“อืม ผมก็คิดว่าอันนั้นไม่น่าจะถูกหรอก ลักษณะดีแบบนั้น!” จ่านมู่ฮวาพูด “แต่ก็ไม่เป็นอะไร ยังไงพวกเราก็ถูกอยู่ดี”
หลินเสวียนหลานเองก็ไม่เข้าใจ เวลาซีเหมินจินเหลียนเดิมพัน หากเดิมพันเป็นร้อยเธอก็มักจะได้กลับมาทั้งร้อย ไม่มีทางที่จะดูพลาด ถ้าหากเธอวางเดิมพันไปเจ็ด ขอแค่เธอยินดีที่จะเดิมพัน มันก็น่าจะถูกทั้งหมดร้อยเปอร์เซ็นต์ แน่นอนสำหรับคนที่ไม่ได้ใส่ใจอะไร คงคิดว่าเธออาจจะแกล้งเดิมพันพลาดไปสองที่ แต่ดูจากสีหน้าของซีเหมินจินเหลียนในตอนนี้แล้วน่าจะไม่ใช่อย่างนั้น
หรือว่างานนี้จะมีคนเล่นอะไรตุกติก?
ในที่สุดซีเหมินจินเหลียนก็หาบริษัทจิวเวอรี่นั่นเจอ เมื่อสักครู่เธอไม่ได้สนใจชื่อบริษัท ตอนนี้เมื่อกวาดสายตาไปดูก็เห็นว่าเป็นบริษัทที่มีชื่อดีแห่งหนึ่ง บริษัทหมิงเย่ว์ จิวเวอรี่ หินก้อนนั้นถูกเปิดออกมาต่อหน้าผู้ร่วมงานทั้งหมด
หยกเนื้อน้ำแข็งสีเขียวธรรมดา สีไม่ค่อยบริสุทธิ์เท่าไหร่ แต่สีเขียวหญ้าอ่อนก็ถือว่าไม่เลวแล้ว เมื่อดูไปที่หน้าจอแสดงผล ในใจของซีเหมินจินเหลียนก็รู้สึกกลัดกลุ้มไม่หาย
หินหยกก้อนนี้กับหินหยกก้อนนั้นขนาดเท่าๆ กัน สีของเปลือกผิว จุดหยกและลายเส้นหยกคล้ายกัน จากสายตาของคนภายนอกย่อมแยกไม่ออก
แต่ซีเหมินจินเหลียนดูเพียงแค่นั้นก็รู้เลยว่าหินหยกก้อนนี้ไม่ใช่หินหยกก้อนก่อนหน้านั้น นี่ชัดเจนว่ามีคนอุ้มออกไปแล้ว
“นี่เป็นหินหยกของบริษัทไหน” ซีเหมินจินเหลียนถามจ่านมู่ฮวาที่อยู่ข้างๆ
“บริษัทในเครือของบริษัทหมิงฮุย ทำไมเหรอ?” จ่านมู่ฮวาถาม
“หยกก้อนนี้ ไม่ใช่หยกก้อนเดิม!” ซีเหมินจินเหลียนพูดอย่างใจเย็น
“คุณจะบอกว่า หินหยกที่เดิมพันนี้ถูกคนนำออกไปแล้ว?” จ่านมู่ฮวาพยายามใจเย็น เขาไม่เข้าใจเรื่องหินหยก ในสายตาของเขาหินหยกพวกนี้ก็ไม่เห็นจะแตกต่างไปจากหินก่อสร้าง ขอแค่ขนาดเท่าๆ กัน เขาก็ดูไม่ออกแล้ว
“ใช่” ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้า
“คุณแน่ใจใช่ไหม?” จ่านมู่ฮวาถามขึ้นอีกครั้ง
“ฉันแน่ใจ” ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้า
“นี่มันก็มากเกินไปแล้ว!” หลินเสวียนหลานโมโหขึ้นมา “หินหยกในการเดิมพันถูกยกออกไป? นี่มันก็เป็นการวางกับดักหลอกนักเดิมพันหยก เรื่องนี้หากแพร่ออกไป บริษัทจิวเวอรี่แห่งนี้ก็ไม่ต้องอยู่รอดกันแล้วล่ะ”
“ตอนนี้เงียบไว้ก่อน เดี๋ยวผมจะตามสืบทีหลัง ถ้าพวกเขาไม่ได้นำออกไปก็ดี แต่ถ้าเอาออกไป ก็ต้องขอโทษด้วย เพราะไม่ว่าจะเป็นบริษัทไหนผมก็จะไม่ไว้หน้าแน่” สีหน้าของจ่านมู่ฮวาไม่สู้ดี แม้ว่าเขาจะไม่ใช่ผู้จัดงาน แต่คลับหยกนี้เป็นของเขา ในเมื่อเกิดเรื่องตุกติกขึ้นในสถานที่ของเขา อีกทั้งคนที่ถูกหลอกยังเป็นเจ้าของอย่างเขาเอง นี่มันก็จะเกินไปแล้ว
“เงินสิบล้านมันเล็กน้อย แต่โกหกมันเรื่องใหญ่ ถ้าหากทุกบริษัทต่างเล่นกันแบบนี้ การเดิมพันหยกก็ไม่ต้องจัดมันแล้ว” จ่านมู่ฮวาพูดขึ้นอีกครั้ง
ซีเหมินจินเหลียนคิดถึงตอนที่คุณนายซูรีบเดินออกไป หรือว่าเธอจะทำเพื่อบริษัทในเครือของตัวเอง? ไม่ว่าบริษัทจิวเวอรี่ไหนถ้าหากจะต้องรับผิดชอบเงินจำนวนหนึ่งร้อยห้าสิบล้าน เกรงว่าคงจะตกใจอยู่เหมือนกัน ปัญหามันไม่ใช่เรื่องชดใช้ไม่ชดใช้ แต่จำนวนนี้มันก็เยอะเกินไป เพราะอย่างนั้นเธอจึงรีบให้บริษัทหมิงเย่ว์เปลี่ยนหินหยก เพื่อหลีกเลี่ยงการชดใช้ในจำนวนสูง