เธอยังไม่ทันได้สติดี ใบหน้าของหัสดินก็ขยายเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว จนกระทั่งในที่สุดมันก็ขยายเต็มรูม่านตา และเธอก็จูบเขา
ยู่ยี่โกรธและหงุดหงิดมาก แต่มือของเธอก็เจ็บมากจนเธอไม่สามารถออกแรงได้เลย และเธอไม่กล้าที่จะบิดคอเพราะความเจ็บปวดด้วยเช่นกัน
เธอไม่สามารถส่งเสียงได้ ดังนั้นเธอจึงยกมือที่ไม่ได้รับบาดเจ็บของเธอดึงผมของเขาออกอย่างแรง เมื่อเธอรู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ ฉันทัชก็วางสายอย่างรวดเร็วแล้วหันกลับมา ก่อนดวงตาของเขาจะดำมืดราวกับพายุกำลังก่อตัว
เขาก้าวขายาวเดินมาอย่างรวดเร็ว และยกหมัดที่ไม่ค่อยได้ใช้ชกหัสดินด้านข้างอย่างแรงสองครั้ง
หัสดินโดยชกอย่างไม่ได้ตั้งตัวจึงเซไปเล็กน้อย และล้มลงบนโต๊ะข้างหลังเขา เลือดสีแดงไหลออกจากมุมปาก แต่รอยยิ้มของเขากลับชั่วร้าย และยั่วยุมากขึ้นเรื่อยๆ
การหายใจของฉันทัชค่อยๆช้าลง และความไม่พอใจและความโกรธก็ปะทุขึ้นบนใบหน้าที่ละเอียดและคมเข้มของเขา
บาดแผลบนข้อมือของยู่ยี่แตกเล็กน้อย และผ้าก๊อซสีขาวถูกย้อมเป็นสีแดง ตอนมาบริษัทเธอจะแต่งหน้าบางเบา ลิปสติกสีชมพูบนริมฝีปากของเธอถูกหัสดินกินไปครึ่งหนึ่ง
ฉันทัชมองหัสดินด้วยสายตาที่แผดเผา และดึงยู่ยี่เข้ามาไว้ในอ้อมกอด
เขาไม่ค่อยแสดงอารมณ์ทางสีหน้า สีหน้าของเขามากสงบนิ่งอยู่เสมอ และมีความสุขุม แต่ตอนนี้สีหน้าของเขาไม่ดีอย่างเห็นได้ชัด!
เธอพยายามจะเปิดปากพูด แต่ยังไม่ทันได้พูด ฉันทัชก็ยกแขนเสื้อขึ้นมาเช็ดลิปสติกอีกครึ่งหนึ่งของเธอลงบนเสื้อเชิ้ตสีขาวของเขา
ยู่ยี่จึงเงียบต่อไปไม่ได้พูดอะไรออกมา
ลิปสติกสีชมพูทั้งหมดทุกเช็ดออก แล้วแขนเสื้อเชิ้ตของเขาก็เป็นสีชมพูอย่างเห็นได้ชัด
นิ้วยาวอันอบอุ่นของฉันทัชจับใบหน้าของเธอ และจูบเธอโดยไม่พูดอะไร
เขาจูบนานมาก อย่างละเมียดละไม
ยู่ยี่เงียบและอ่อนน้อมมาก เธอปล่อยให้เขาทำตามใจ เขากำลังโกรธ เธอรู้สึกได้ เพราะเขากัดปากเธอจนรู้สึกเจ็บ
ผู้จัดการก็เคยมีประสบการณ์เรื่องบนเตียง แต่ตอนนี้เขากลับหน้าแดง กระแอมเบาๆ และหันหลังเดินจากไป
หัสดินพยุงร่างของเขาขึ้น สายตามองไปที่ฉากที่คนอื่นมองว่าสวยงาม แต่สำหรับเขา มันเป็นฉากที่ค้านสายตามากที่สุด
เสื้อคลุมสีแดงเข้มถูกถอดออกและโยนไปด้านข้าง หัสดินเหมือนราชสีห์ที่ถูกทำให้โกรธ จึงยกกำปั้นขึ้นมาอย่างสั่นๆ
ฉันทัชกลัวยู่ยี่จะโดนลูกหลง จึงดันเธอออกให้อยู่ห่างจากเขตอันตราย
ผู้จัดการถูมือไปมา ขณะที่ชายทั้งสองคนยังคงต่อสู้กัน และพูดว่า “ยู่ยี่ เธอช่วยห้ามหน่อยได้ไหม”
“ฉันได้รับบาดเจ็บ ไม่มีแรง ผู้จัดการตัวสูงใหญ่ คุณไปห้ามเถอะ” ยู่ยี่พูดอย่างเย็นชา
พร้อมกับแอบเยาะเย้ยในใจ ถ้าเมื่อกี้เขาไม่มากเรื่อง ก็คงไม่เกิดเรื่องมากขนาดนี้
หัสดินที่กำลังโมโหไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉันทัช หลังจากผ่านไปหลายรอบ ฉันทัชก็จับข้อมือของหัสดินไว้ได้ มือซ้ายของเขาจึงดึงเนคไทสีน้ำเงินออกจากคอ
มือซ้ายและมือขวาของหัสดินถูกมัดด้วยเน็คไทด์ที่เขาใช้
ดวงตาของหัสดินแดงก่ำราวกับสัตว์ร้าย และให้ผู้จัดการแก้เน็คไทด์ที่มือให้เขา
ผู้จัดการยืนอยู่กับที่ด้วยความลังเล เขามองไปที่ฉันทัชที แล้วมองหัสดินที จากนั้นก็ถูมือไม่กล้าพูดอะไรออกมา
จากนั้นฉันทัชก็โทรออกอีกครั้ง ไม่นานตำรวจก็มาพาตัวหัสดินไป
ตอนที่เขาโทรศัพท์ยู่ยี่ได้ยินอย่างชัดเจน เขาบอกว่ามีคนล่วงละเมิดของผม ให้รีบมาพาตัวเข้าไป
ปลายสายถามว่าล่วงละเมิดยังไง…
เสียงของเขาดุมาก แลดูห้วนเล็กน้อย ไม่ได้ดูนิ่งเหมือนปกติ : ทำไม ต้องบอกรายละเอียดให้คุณรู้หรอ อธิบายสิ สนใจมากหรอ
ตำรวจมาจากสถานีใกล้ๆ พวกเขาจับหัสดินที่กำลังโมโหถึงขีดสุดไป และนำตัวผู้จัดการไปด้วย
ทั้งสองคนออกมาจากบริษัท เข้าไปนั่งในรถ จากนั้นฉันทัชก็ใส่เข็มขัดนิรภัยให้เธอโดยไม่พูดอะไร
เพื่อทำให้บรรยากาศดีขึ้น ยู่ยี่จึงพูด “ที่จริงคุณก็ทะเลาะวิวาทเป็นด้วย”
“ครั้งสุดท้ายที่มีเรื่องก็เมื่อสิบปีก่อน….” ฉันทัชสตาร์ทรถ หักพวงมาลัยไปทางซ้าย อารมณ์ของเขายังคงขุ่นมัวอยู่
หลายปีมานี้ ไม่ว่าจะเป็นคำพูด พฤติกรรม หรือวิธีการทำสิ่งต่างๆก็เริ่มเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น แม้แต่การโกรธก็นับครั้งได้
แต่วันนี้เขากลับใจร้อนมาก หุนหันพลันแล่น สามสิบสี่ปี อายุปูนนี้แล้ว ไม่ใช่วัยที่จะชกต่ออีกต่อไป
ยู่ยี่พูดด้วยหัวใจที่เต้นแรง “เหตุการณ์เมื่อกี้เป็นอุบัติเหตุ ฉันไม่คิดว่าเขาจะทำอย่างนี้”
ฉันทัชหลับตา และพูดด้วยอารมณ์ที่เริ่มร้อนขึ้น “ดังนั้นคุณต้องรักษาระยะห่างกับเขา ไม่ต้องเจอหน้ากันดีที่สุด”
“เพราะเลิกงานวันนี้ฉันจึงต้องเจอกับเขา ไม่อย่างนั้นฉันก็ไม่มาเจอเขาหรอกค่ะ” ยู่ยี่พูด
“หันหน้ามา”
เขาปิดริมฝีปากของเธอไม่ให้พูดต่อ ตอนนั้นคนที่ให้เธอรับหน้าที่ดูแลโครงการนี้ เพราะเป็นเขาเองที่แนะนำ เพราะฉะนั้นเขาจึงไม่สามารถปฏิเสธคำพูดนี้ของเธอได้
เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้เชี่ยวชาญ เขาหวังว่าเธอจะมีงานของตัวเอง มีการเปลี่ยนแปลง เขาจึงให้คำแนะนำที่ดีและสมเหตุสมผลที่สุดให้แก่เธอ
แต่ในมุมมองของแฟน นี่ไม่ใช่วิธีการทำที่ดี อีกฝ่ายเป็นสามีเก่าของเธอ แถมยังอาลัยอาวรณ์เธอ
ยู่ยี่ไม่เข้าใจ แต่ก็ยังทำตามคำสั่งเขา เธอหันหน้าไปทางเขา ก่อนที่ฝ่ามืออุ่นจะลูบไล้บนริมฝีปากของเธอ
ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เขาสวมหูฟังบลูทูธ เป็นสถานีตำรวจที่โทรมา ฝ่ายนั้นบอกว่าแค่การบังคับจูบไม่ถือว่าเป็นการล่วงละเมิด แถมทั้งสองคนยังรู้จักกัน
เขายกมือซ้ายขึ้นมานวดขมับ และพูดอย่างเคร่งขรึม : บังคับจูบไม่นับ แล้วหลังจากบังคับจูบคืออะไร ต้องให้ขึ้นคร่อมก่อนใช่ไหม ถึงจะเรียกว่าทำผิด หัวหน้าของพวกคุณคือใคร
ทางนั้นวางสายไปโดยที่ยู่ยี่ยังไม่ทันได้สติกลับมา เธอคิดไม่ถึงว่าจะได้ยินคำว่าขึ้นคล่อมจากปากของเขา
ท่าทางของเขาที่แสดงต่อหน้าเธอเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่เหมือนเมื่อตอนแรก ที่มีแต่ความสง่า และสุขุม
ไม่รู้ทำไมเธอถึงคิดถึงภรรยาของเขา เธอคิดอย่างลึกซึ้งจนเหม่อลอย
เมื่อกลับมาที่คฤหาสน์ อาคิระยังอยู่ไม่ได้กลับไป เขาบอกว่าภรรยากับลูกของเขาช่วงนี้ยังไม่กลับมา ฉะนั้นเขาจะอยู่ที่นี่อีกสักพัก
ยู่ยี่ไม่ได้แสดงท่าทีอะไรออกมา เขามีอคติต่อเธอ เธอก็ไม่จำเป็นต้องเป็นมิตรกับเขา
ฉันทัชก็ตอบรับเบาๆแสดงความรับรู้เท่านั้น จากนั้นก็ขึ้นไปเอากล่องพยาบาลข้างบนมาทายาให้เธอ และทำแผลให้เธอใหม่
อาคิระนั่งเอนหลังอยู่อีกด้านหนึ่ง เมื่อเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เขาก็มองและรับสาย
ไม่รู้ว่าปลายสายพูดอะไรออกมา เขาถึงได้มองผ่านฉันทัชไปอย่างมีความหมาย ก่อนจะตอบกลับไปว่า เขาไม่อยู่ มีธุระเดี๋ยวค่อยคุยกันนะ
ตอนกินข้าวเย็น ฉันทัชพูดกับยู่ยี่ หลบหน้าได้ให้หลบ ถ้าหลบไม่ได้แล้วค่อยเจอกัน แต่ให้รักษาระยะห่าง
ยู่ยี่พยักหน้า ถึงเขาไม่บอกเธอก็รู้
เมื่อกินข้าวเย็นเสร็จ ฉันทัชก็ไปอาบน้ำ และก่อนไปก็บอกกับยู่ยี่ว่า “เดี๋ยวมาหาผมที่ห้อง มีของจะให้”
ในห้องนั่งเล่นเหลือยู่ยี่กับอาคิระ มือข้างเดียวใช้ไม่สะดวก ทำให้เธอกินข้าวได้ช้า และอึดอัด
“คุณมีความอดทนมาก แต่ยังไงคุณก็ไม่เหมาะสมกับเขา” อาคิระยิ้ม
“ขอบคุณสำหรับคำชม” ยู่ยี่จิบซุปที่รสชาติดีมาก และไม่ได้สนใจประโยคหลังของเขา
“ผมบอกแล้วนะ เหตุผลที่ผมทำอยู่ตอนนี้ถ้าคุณรู้ทีหลังแล้วจะทำให้คุณตกใจ และโกรธด้วย แล้วก็จะมีอารมณ์อีกมากมายตามมา ไม่สงสัยจริงหรอ”
ยู่ยี่ยิ้ม “ฉันก็จำได้ เรื่องนี้คุณบอกว่าจะให้ฉันไปรู้ด้วยตัวเอง ทำไม ตอนนี้คิดจะบอกฉันแล้วหรอ”
อาคิระยิ้มอย่างเย็นชาแล้วยืนขึ้น ก่อนจะเดินไปนั่งที่โซฟาแล้วหยิบรีโมทขึ้นมา “ผมไม่มีความคิดแบบนั้น คุณรู้เองตื่นเต้นกว่าร้อยเท่า”
….
ชื่อเสียงของหัสดินในเมืองsมีไม่น้อย คนส่วนใหญ่ต่างรู้จักเขา เมื่อเขามาถึงสถานีตำรวจ ทุกคนจึงรีบแกะเน็คไทด์ออก จนแม้แต่ผู้บัญชาการยังต้องมาด้วยตัวเอง
สีหน้าของหัสดินแย่มาก เหมือนมีเมฆดำปกคลุมใบหน้าของเขา เขาไม่เคยอับอายขนาดนี้มาก่อน ต้องถูกคนหัวเราะเยาะ โดยเฉพาะแพ้ให้กับฉันทัช
ถึงเรื่องจะไม่ได้ใหญ่มาก แต่ก็ต้องมีการสอบสวน และทำแผนประกอบ
แต่เขาก็อ้อยอิ่งกว่าครึ่งชั่วโมง ผู้จัดการได้แต่ยิ้มอยู่ข้างเขา และยกชาให้เขา
หัสดินจิบชาพลางเอนตัวบนเก้าอี้อย่างเกียจคร้าน และเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้จึงถามผู้จัดการ “ไอ้คนนั้นชื่ออะไรนะ”
“ฉันทัชครับ”
ยังไงตอนนี้คุณฉันทัชก็ไม่อยู่ แถมยังแค่เอ่ยชื่อเฉยๆ ก็ไม่ได้ถือว่าทำอะไรผิด แถมพูดไปแล้วด้วย
ปากเขาเหมือนจะแตก ขึ้นพระเอกได้รสชาติของเลือดตรงริมฝีปาก ตอนเขาจะให้ตำรวจตรวจสอบเรื่องฉันทัช
แต่ประวัติของฉันทัชในเมืองsว่างเปล่า ตรวจไม่เจออะไรเลย
จิตใจของเขาไม่ดีมาก โดยเฉพาะเมื่อคิดได้ว่ายู่ยี่ถูกฉันทัชพาตัวไป เขาแทบอยากทำลายสถานีตำรวจ
สุดท้ายเขาก็ทำนายโต๊ะและเก้าอี้ของสถานีตำรวจ โดยที่ผู้บัญชาการไม่ได้พูดอะไร ได้แต่ยิ้มอยู่อย่างนั้น
หัสดินใส่เสื้อโค้ท เขาพูดแค่ว่าพรุ่งนี้จะส่งอันใหม่มาให้ จากนั้นก็เดินออกไปอย่างเย่อหยิ่ง
อีกด้านหนึ่ง เรนนี่ยังไม่หลับ
สี่ทุ่มแล้ว หัสดินยังไม่กลับมา และไม่ได้โทรหาเธอ
แล้วเธอก็ไม่คิดจะโทรไป กลัวเขาจะรู้สึกรำคาญ และหมดความอดทน ถ้าเธอไม่มีทางเลือก เธอก็คงต้องลงมือกับคนในบ้านของหัสดิน
เธอต้องได้อะไรบางอย่าง ตอนแรกเธอคิดว่าจะได้ใจของเขา แต่ตอนนี้เธอคิดว่ามันห่างไกลมาก อย่างน้อยเธอก็ต้องได้รับตำแหน่งนายหญิงของบ้าน
สองอย่างนี้เธอได้อันไหนก็เหมือนกัน โดยเฉพาะเมื่อเธอสูญเสียลูกไปแล้ว
เธอตรวจสอบแล้ว หัสดินเคารพพี่สาวของเขามากที่สุด พี่สาวของเขาเปิดร้านในเมืองs เธอว่าเธอต้องสร้างความสัมพันธ์กับเธอ
ส่วนยู่ยี่ ช่วงที่เธอยังไม่คิดจะเอาหัสดินไป หรือหัสดินยังไม่มีวิธีเอาตัวเธอมา เธอก็จะนิ่งไว้ก่อน