แดนนิรมิตเทพ บทที่ 877
เดิมทีครอบครัวของโจวลี่เต๋ออยู่อย่างความสุข แต่ตอนที่เขาอายุสิบขวบ จู่ ๆ แม่ของเขาก็ป่วยเป็นโรคประหลาด

ทำให้ครอบครัวสามคนที่มีความสุข ตกอยู่ในภาวะวิกฤติ

โจวเอี๋ยนพ่อของโจวลี่เต๋อขายบ้านและทุกอย่างที่สามารถขายได้ เพื่อนำเงินไปรักษาภรรยา และยืมเงินจากญาติมิตรเป็นจำนวนมาก

สุดท้าย หลังจากความเพียรพยายามของโจวเอี๋ยน แม่ของโจวลี่เต๋อก็ได้รับการรักษาจนหายเป็นปกติ จากแพทย์ที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งในยานจิง

เพียงแต่ มันทำให้ตระกูลโจวยากจนข้นแค้นและมีหนี้สินมากมาย

อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าสวรรค์จะไม่ได้เห็นอกเห็นใจครอบครัวที่เจอมรสุมครอบครัวนี้ แต่กลับเกิดปัญหาที่ทำให้ความหวังสุดท้ายพังทลายลง

หนึ่งปีหลังจากที่แม่ของโจวลี่เต๋อหายเป็นปกติแล้ว เธอทนชีวิตที่ยากจนข้นแค้นไม่ได้ เธอเลยหนีไปกับนักธุรกิจที่ร่ำรวยคนหนึ่ง

ความสะเทือนใจเช่นนี้ ทำให้โจวเอี๋ยนที่เข้มแข็งและกล้าหาญป่วยหนักทันที

ปีนั้น โจวลี่เต๋ออายุสิบเอ็ดปี กำลังเรียนมัธยมศึกษาตอนต้น

การล้มป่วยของโจวเอี๋ยน ทำให้โจวลี่เต๋อที่อายุน้อยรู้สึกตกใจ เพราะพ่อเป็นญาติเพียงคนเดียวของเขา และเป็นที่พึ่งเพียงคนเดียวของเขาเช่นกัน แต่ตอนนี้เสาหลักเดียวที่ค้ำจุนครอบครัวล้มป่วยลง

เวลานี้ การอบรมสั่งสอนที่ดีของตระกูลโจวเข้ามามีบทบาท

โจวลี่เต๋อไม่ได้ร้องไห้เหมือนเด็กคนอื่น ๆ ในวัยเดียวกัน แต่แบกรับภาระของครอบครัวอย่างเงียบ ๆ

หลังจากโจวลี่เต๋อลาออกจากโรงเรียน เขาได้ไปขอความช่วยเหลือจากญาติมิตร

อย่างไรก็ตาม เมื่อก่อนเพื่อที่จะรักษาแม่ ทำให้ตระกูลโจวติดหนี้ญาติมิตรเป็นเงินจำนวนมาก หนี้เก่ายังไม่ได้ชำระ ตอนนี้คิดจะยืมเงินใหม่ เป็นเรื่องที่ยากมาก!

ยิ่งไปกว่านั้น คนที่เป็นเสาหลักเดียวของตระกูลโจวก็ล้มป่วย ตระกูลโจวสูญเสียแหล่งรายได้ทั้งหมด แม้แต่ญาติมิตรเหล่านั้นก็ไม่เต็มใจที่จะช่วยเหลือตระกูลโจว

เพราะญาติมิตรของตระกูลโจวก็ไม่ได้ร่ำรวย พวกเขาต่างมีครอบครัวของตัวเอง ก่อนหน้านั้นพวกเขาได้พยายามช่วยตระกูลโจวอย่างเต็มที่แล้ว

หลังจากโจวเอี๋ยนรู้สถานการณ์นี้แล้ว เขาไม่ได้โกรธ แต่กลับชี้แนะโจวลี่เต๋อที่กำลังโกรธ และบอกโจวลี่เต๋อว่าญาติมิตรช่วยเหลือพวกเขามากแล้ว และพวกเขาควรต้องสำนึกบุญคุณ

หลังจากโจวลี่เต๋อได้รับการชี้แนะจากโจวเอี๋ยนแล้ว โจวลี่เต๋อก็ระงับความโกรธ และตัดสินใจที่จะอาศัยตนเองในการรักษาอาการป่วยของพ่อ

ไม่มีใครกล้าจ้างเด็กที่อายุสิบเอ็ดปี ดังนั้นโจวลี่เต๋อทำได้เพียงพึ่งพาการเก็บของเก่าในกองขยะเพื่อเลี้ยงชีพ โชคดีที่หน่วยงานในท้องถิ่นทราบสถานการณ์ครอบครัวของพวกเขา และจ่ายเงินบรรเทาทุกข์ให้ครอบครัวเป็นประจำ

เมื่อเป็นเช่นนี้ โจวลี่เต๋อจึงพาพ่อไปรักษา และยืนด้วยลำแข้งของตนเอง แบกรับภาระของครอบครัวที่บ้านแตกสาแหรกขาดนี้

ยืนหยัดเป็นเวลาสองปี

ในช่วงเวลาระหว่างนั้น โจวเอี๋ยนไม่อาจทนเห็นลูกชายทำงานหนักได้ และเคยคิดที่จะฆ่าตัวตาย เพียงแต่โจวเอี๋ยนไม่อาจละทิ้งลูกชายได้

เพราะเขาเป็นญาติเพียงคนเดียวของลูกชาย ถ้าเขาตายแล้วโจวลี่เต๋อจะเป็นอย่างไร?

โจวเอี๋ยนไม่สามารถจินตนาการได้ ถึงแม้ว่าเขาจะได้เห็นหน้าลูกชายมากขึ้นอีกวันหนึ่งก็ยังดี

โจวลี่เต๋อไม่มีเงินพาพ่อไปหาหมอ เขาไปขอร้องหมอที่โรงพยาบาลหลายแห่งแล้ว แต่หมอไม่มีสิทธิ์รักษาพ่อของเขาเป็นการส่วนตัว เพราะถ้าไม่มีเงิน โรงพยาบาลไม่ให้คุณเข้าไปรักษาอย่างแน่นอน

ยังมีหมอบางคนที่มีจิตใจเมตตา ตรวจรักษาโจวเอี๋ยนเป็นการส่วนตัว แต่อาการป่วยของโจวเอี๋ยนเกิดจากการทำงานหนักเกินไป ประกอบการความเศร้าโศกเสียใจที่มากเกินไป ถ้าคิดที่จะรักษาโรคนี้ให้หายเป็นปกติ ต้องใช้เงินและเวลามาก เพราะต้องรักษาทั้งร่างกายและจิตใจควบคู่ไปด้วยกัน

ตระกูลโจวไม่มีเงินเหลือแล้ว ดังนั้นจึงทำให้อาการป่วยของโจวเอี๋ยนยังไม่หายสักที สุดท้ายมีคนชี้แนะโจวลี่เต๋อว่าสำนักยาเซียน สามารถรักษาอาการป่วยของพ่อเขาหายเป็นปกติได้

โจวลี่เต๋อจึงพาโจวเอี๋ยนเดินทางด้วยเท้าแปดร้อยกิโลเมตร มายังสำนักยาเซียน

แต่สำนักยาเซียนไม่ใช่องค์กรการกุศล โจวลี่เต๋อถูกปฏิเสธอย่างไร้ความปรานี และไม่สามารถผ่านด่านแม้แต่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยได้ด้วยซ้ำ

บทที่ 876

บทที่ 878