ตอนที่ 93-2 คนรักที่ชิดใกล้ เขาที่แสนทึ่ม

จำนนรักชายาตัวร้าย

คราวนี้ ฝ่าบาทถึงกับงงงวยไปทีเดียว

 

 

พระองค์เคยพบกับอวี้หลัวช่าและอวี้เฟยเยียน แต่แมวน้อยนั่น เคยพบนางเมื่อไหร่กัน

 

 

“ท่านรู้จักแมวน้อย”

 

 

“รู้จัก”

 

 

ซย่าโหวจวินอวี่สับสนอย่างที่สุด

 

 

ในระยะนี้เขาไม่เคยพบหญิงสาวคนไหนเลยนี่นา!

 

 

ในระยะนี้ก็มี งานเลี้ยงต้อนรับหลิวเปยครั้งนั้น ราชนิกุลสตรีก็มีมากมาย ซึ่งเขาก็มิได้ใส่ใจดูใครเป็นพิเศษเสียด้วย!

 

 

ตกลงแล้ว ใครกันแน่นะ

 

 

เมื่อมองออกถึงความสับสนข้องใจของซย่าโหวจวินอวี่ ซย่าโหวฉิงเทียนจึงใจดีบอกคำตอบออกไป

 

 

“แมวน้อยก็คืออวี้เฟยเยียน นางยังมีอีกชื่อหนึ่งนั่นก็คืออวี้หลัวช่า!”

 

 

คำตอบนี้สำหรับซย่าโหวจวินอวี่แล้วเป็นดั่งระเบิดยักษ์ก็ไม่ปาน เมื่อได้ยินดังนั้นเขาก็ล้มตึงเป็นลมสลบไปในทันที

 

 

ลูกสะใภ้ทั้งสามจู่ๆ ก็กลายเป็นคนเดียวกัน!

 

 

ฝ่าบาทแทบจะรับไม่ไหว!

 

 

เดิมทีพระองค์ทรงคิดว่า ลูกสะใภ้คนหนึ่งมีหลานสักสามคน ทั้งหมดก็รวมเป็นเจ้าตัวอ้วนจ้ำม่ำเก้าคน จะดีสักเพียงไหนกัน ใครจะคาดคิด ความฝันอันสวยงามของพระองค์จะสูญสลายไปจนหมดสิ้น

 

 

แค่พริบตาเดียว ซาลาเปาน้อยทั้งหกก็หายไปในพริบตา หลานตัวอ้วนทั้งหกคนหายวับไปกับตา!

 

 

ใจพระองค์ เจ็บปวดยิ่งนักแล…

 

 

“ฝ่าบาท ทรงเป็นอะไรไป พระองค์อย่าทรงทำให้บ่าวตกใจสิพ่ะย่ะค่ะ!”

 

 

เห็นท่าอยากร้องไห้แต่ไร้น้ำตาของซย่าโหวจวินอวี่ ทำเซี่ยงจิ้นตกอกตกใจเป็นอย่างมาก ในตอนที่ฮ่องเต้องค์ก่อนทรงสวรรคต ไม่เห็นพระองค์โศกเศร้าเสียใจถึงเพียงนี้เลย!

 

 

“น่าโมโหยิ่งนัก!”

 

 

“เจ้าไสหัวไป เซี่ยงจิ้นอย่ามาห้ามข้า ข้าจะต้องสั่งสอนเจ้าหมอนี่ให้รู้สำนึก!”

 

 

ท่าทีซย่าโหวฉิงเทียนทำให้ซย่าโหวจวินอวี่อารมณ์ขึ้นจนถึงขีดสุด เขาเที่ยวควานหาไปทั่ว แต่ก็ไม่เจอของที่ถนัดมือ สุดท้ายจึงคว้าเอาแส้ในมือเซี่ยงจิ้น ขว้างใส่ซย่าโหวฉิงเทียน

 

 

คืนหลานสาวหลานชายของข้ามา!

 

 

ซาลาเปาน้อยทั้งหก!

 

 

ด้วยวรยุทธ์ซย่าโหวฉิงเทียนแล้ว แน่นอนว่าแส้นั่นทำอะไรเขาไม่ได้

 

 

เขาใช้เพียงมือเดียวรับแส้เอาไว้ แล้วค่อยๆ เดินเอาแส้มาคืนให้กับซย่าโหวจวินอวี่ด้วยตัวเอง แฝงความนัยว่าขว้างอีกสิถ้าต้องการ จนในที่สุดฮ่องเต้ที่หดหู่อย่างที่สุดก็ถึงกับหมดคำพูด

 

 

ไม่นาน ซย่าโหวจวินอวี่ก็เรียกสติคืนกลับมาได้

 

 

ช่างเถอะ เอาตามนี้แล้วกัน!

 

 

ก่อนหน้านี้เขายังเป็นกังวลใจอยู่เลยว่า หากลูกสะใภ้ที่เก่งกาจทั้งสามคนหึงหวงกันขึ้นมา แล้วซย่าโหวฉิงเทียนรับมือไม่ไหวจะทำอย่างไรกัน ตอนนี้ปัญหาทั้งหมดก็ตกไป

 

 

อย่างมากก็ให้อวี้เฟยเยียนมีลูกสักสองสามคน!

 

 

ดูจากรูปร่างหน้าตาของนางแล้ว ก็น่าจะขุนได้ไม่ยาก

 

 

อีกอย่างอวี้เฟยเยียนเป็นถึงปรมาจารย์ ร่างกายย่อมต้องแข็งแรง มีลูกสักแปดคนสิบคนน่าจะไม่มีปัญหาอะไร!

 

 

เมื่อคิดได้ดังนั้นความอึดอัดไม่สบายใจของซย่าโหวจวินอวี่ก็คลายลงไปมาก

 

 

แต่เมื่อมองดูสีหน้า ‘ไม่รับผิด’ ของซย่าโหวฉิงเทียนแล้ว ฝ่าบาทก็ทรง ‘เฮอะ’ ออกมาคำหนึ่ง

 

 

“เก็บความลับได้ดีนักนะ! แม้แต่ข้าก็ปิดบัง! เฮอะ!”

 

 

สามคนกลายเป็นคนคนเดียว เช่นนั้นสินสอดก็มิต้องตระเตรียมถึงสามชุดแล้ว แต่อวี้เฟยเยียนนอกจากจะมีสถานะเป็นปรมาจารย์แล้ว ยังเป็นจักรพรรดิโอสถอีกด้วย แต่งสะใภ้ที่เก่งกาจอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์ทั้งที สินสอดจะน้อยหน้าได้อย่างไรกัน!

 

 

เกรงก็แต่ว่า…ต่อให้สินสอดของจอมเทวาสามคนรวมกันก็ยังไม่มากเท่าแต่งปรมาจารย์เลยด้วยซ้ำ

 

 

คิดแล้ว ซย่าโหวจวินอวี่ก็ปวดหัวขึ้นมาอีก

 

 

ไม่ว่าจะอย่างไร จะต้องเอาแผ่นดินฉินจื้อมาให้ได้

 

 

เพื่อลูกสะใภ้ และเพื่อล้างอายในปีนั้น!

 

 

หากมิใช่ฉินจื้อบีบบังคับกันเกินไป ซย่าโหวฉิงเทียนที่เพิ่งจะลืมตาดูโลกจะต้องถูกส่งไปเป็นตัวประกันในต่างแดนที่ไกลแสนไกลเช่นนั้นหรือ

 

 

ลูกชายของเขาดีๆ ถูกกลั่นแกล้งจนมีนิสัยเช่นนี้ เรื่องเลวทรามเช่นนี้จะขาดเชียนลั่วเฉิงไปได้อย่างไรกัน เพราะฉะนั้นจะต้องกำจัดมันให้จงได้!

 

 

“เสด็จพี่ ถ้าไม่มีอะไรแล้วข้าขอประทานอนุญาตกลับก่อน แมวน้อยรอข้ากินข้าวอยู่!”

 

 

ซย่าโหวฉิงเทียนไม่สันทัดเรื่องการปลอบใจคนเสียด้วย

 

 

อีกทั้งเขารู้ดีว่าซย่าโหวจวินอวี่มิได้โกรธเคืองอะไรจริงๆ เพียงแต่ตอนแรกรับความจริงไม่ไหวเท่านั้น

 

 

แค่ให้เวลาเขา ทำใจยอมรับก็พอแล้ว!

 

 

“ไม่มีหัวใจ!”

 

 

ซย่าโหวจวินอวี่บ่นไล่หลังซย่าโหวฉิงเทียนที่เดินหลังตรงแน่วออกไป

 

 

ได้เมียแล้วลืมพ่อ ยังไม่ทันแต่งเข้าบ้านด้วยซ้ำ…

 

 

แต่เมื่อคิดถึงด่านอวี้จิงเหลยเข้า ซย่าโหวจวินอวี่ก็แอบกังวลใจไม่น้อย

 

 

อวี้จิงเหลยมีชื่อเสียงเลื่องลือยิ่งนักในเรื่องของความหัวแข็งดื้อรั้น จะให้เขายอมรับซย่าโหวฉิงเทียน เกรงว่าจะยากเสียหน่อย!

 

 

ไม่ว่าจะอย่างไร อวี้เฟยเยียนและอวี้หลัวช่าคือคนเดียวกัน นางไม่เพียงเป็นจักรพรรดิโอสถ ตอนนี้ยังเป็นถึงปรมาจารย์ ข่าวนี้ทำให้ฝ่าบาททรงดีพระทัยยิ่งนัก

 

 

ถึงแม้ว่าต่อหน้าซย่าโหวฉิงเทียน ซย่าโหวจวินอวี่จะตีหน้ายักษ์ถมึงทึงโกรธเคือง

 

 

ทว่าเมื่อซย่าโหวฉิงเทียนจากไป ซย่าโหวจวินอวี่ก็เริ่มคุยโม้ให้เซี่ยงจิ้นฟังทันที

 

 

“สมแล้วที่เป็นลูกชายข้า สายตาเฉียบคมยิ่งนัก ลูกสะใภ้คนนี้ข้าพึงพอใจมากถึงมากที่สุด ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่กันที่ข้าจะได้ดื่มชาจากลูกสะใภ้!”

 

 

“ฝ่าบาท เช่นนั้นเหตุใดพระองค์ถึงมิเชิญคุณชายเหลียนมาพยากรณ์ละพ่ะย่ะค่ะ”

 

 

เซี่ยงจิ้นเสนอความคิดเห็น

 

 

“ความคิดนี้ไม่เลว แต่รออีกเดี๋ยวจะดีกว่า! ตอนนี้เหลียนจิ่นล้มป่วย รอเขาหายดีเสียก่อนค่อยว่ากัน”

 

 

ทว่าในใจของซย่าโหวจวินอวี่จินตนาการไปไกล

 

 

ลูกสะใภ้ก็มีแล้ว แล้วเจ้าซาลาเปาน้อยจะไปไหนเสีย

 

 

อวี้เฟยเยียนรูปร่างหน้าตางดงาม หากหลอมรวมกับซย่าโหวฉิงเทียนละก็ พื้นฐานหน้าตาพ่อแม่ดีถึงขนาดนี้ ลูกที่เกิดมาจะต้องน่ารัก น่าเอ็นดูมากเป็นแน่

 

 

คืนนั้น เครื่องเสวยในตอนเย็นเต็มไปด้วยซาลาเปานับสิบชนิด ซึ่งส่วนใหญ่เป็นซาลาเปาไส้เนื้อ ซย่าโหวจวินอวี่ยิ่งอารมณ์แช่มชื่นเปรมปรีดิ์เข้าไปใหญ่

 

 

ตอนนี้ขอเพียงแต่เป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับซาลาเปา เขาล้วนแต่ชอบทั้งสิ้น!

 

 

“เซี่ยงจิ้น เจ้าไปบอกกับห้องเครื่องนะ ซาลาเปาวันนี้ข้าชอบมาก จะตกรางวัลให้อย่างงาม!”

 

 

หลังจากที่ห้องเครื่องได้รับรางวัลแล้ว พากันดีอกดีใจเป็นอย่างมาก โชคดีที่หัวหน้าเซี่ยงแจ้งมา ให้พวกเขาตระเตรียมซาลาเปาให้มาก หัวหน้าเซี่ยงช่างเป็นคนดีจริงๆ เลย!

 

 

ซย่าโหวฉิงเทียนถือภาพวาดที่ได้รับประทานจากซย่าโหวจวินอวี่กลับออกจากวังหลวงแล้วตรงไปที่บ้านสกุลอวี้ทันที ไม่ได้แวะไปที่จวนหลินเจียงอ๋องก่อนแต่อย่างใด

 

 

ตอนนี้อวี้จิงเหลย อวี้เชียนเสวี่ยและมู่เหนี่ยนซีมิได้อยู่ที่จวน ดังนั้นซย่าโหวฉิงเทียนจึงมิต้องลักลอบปีนป่ายกำแพงจวนเข้าไป

 

 

ซย่าโหวฉิงเทียนมาถึงก็ได้กลิ่นหอมของอาหารลอยมาแตะจมูก ตั้งแต่ยังไม่ถึงหอซงเฮ่อด้วยซ้ำ กระทั่งซย่าโหวฉิงเทียนเดินอ้อมไปถึงห้องครัวเล็กๆ ของหอซงเฮ่อ ก็เห็นอวี้เฟยเยียนที่สภาพที่พับแขนเสื้อขึ้น มีผ้ากันเปื้อนคาดอยู่ที่เอวกำลังง่วนอยู่หน้าเตา

 

 

“ทำไมถึงได้กลับมาช้านักละ!”

 

 

เงยหน้าขึ้นมาเจอซย่าโหวฉิงเทียน อวี้เฟยเยียนก็กล่าวขึ้นมาอย่างงอนๆ

 

 

“ช่างเถอะ ท่านมาได้เวลาพอดีเลย มาเร็ว ช่วยข้ายกอาหารเร็วเข้า!”

 

 

ซย่าโหวฉิงเทียนนึกไม่ถึงเลยว่าอวี้เฟยเยียนจะทำกับข้าวเป็น ในช่วงเวลาสั้นๆ ที่เขาเข้าวังนั้น นางสามารถออกไปซื้อกับข้าว ล้างผัก หั่นผัก ทำกับข้าว ทั้งหมดนี่นางทำเพียงคนเดียว รวดเร็วราวกับบันดาลมา!

 

 

“พี่ทำเอง เจ้าพักเถอะ!”

 

 

เมื่อเห็นว่าอวี้เฟยเยียนมีเหงื่อเม็ดโตผุดขึ้นตามไรผมมากมาย ซย่าโหวฉิงเทียนก็รีบวางภาพในมือลงแล้วเข้าไปช่วยนางยกอาหารทันที

 

 

“นี่คืออะไร ข้าดูได้หรือไม่”

 

 

อวี้เฟยเยียนเหลือบไปเห็นภาพวาดของเข้าก็สนอกสนใจขึ้นมา

 

 

“เสด็จพี่ประทานให้พี่มา ให้พี่ตั้งใจเอาไปศึกษาโดยละเอียด เจ้าเอาไปเถอะ ของพี่ก็คือของเจ้า!”

 

 

ได้ยินดังนั้นอวี้เฟยเยียนก็หยิบภาพวาดนั้นขึ้นมาแล้วเปิดออก

 

 

เมื่อเห็นภาพวาดด้านใน อวี้เฟยเยียนก็ร้อง ‘ไอ้หยา’ ขึ้นมาทันที จากนั้นก็ทิ้งภาพวาดลงบนพื้น แล้วยกมือขึ้นกุมแก้มทั้งสองข้าง ทั้งโกรธทั้งอาย ตาก็จ้องเขม็งไปที่ซย่าโหวฉิงเทียน

 

 

“คนลามก!”

 

 

ถูกด่าโดยไม่รู้อีโหน่อีเหน่ ทำซย่าโหวฉิงเทียนงงงวยเป็นอย่างมาก

 

 

กระทั่งเขาเก็บภาพวาดที่ตกอยู่บนพื้นขึ้นมาเปิดดู ก็พอเดาออกว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น

 

 

ด้านในคือภาพรูปมนุษย์สองคน กำลังระเริงรักกันอย่างสุขสมร่างกายตวัดเกี่ยวรัดพันกัน ซึ่งภาพนั้นสมจริงสวยงามราวกับมีชีวิต

 

 

“นี่เขาเรียกว่า ‘หลอมรวม’ ”

 

 

ซย่าโหวฉิงเทียนกล่าวออกมาด้วยความมั่นอกมั่นใจ

 

 

“หลอมรวมคือขั้นหนึ่งของวรยุทธ์ เหมาะสำหรับชายหญิงร่วมกันฝึก แต่มีเงื่อนไขว่าขั้นวรยุทธ์ของคนทั้งสองจะต้องไล่เลี่ยในระดับเดียวกัน ตอนนี้เจ้ายังอ่อนหัดเกินไป ยังมิอาจฝึกหลอมรวมกับพี่ได้!”

 

 

“หลอมรวมกับผีน่ะสิ!”