คราวนี้ ฝ่าบาทถึงกับงงงวยไปทีเดียว
พระองค์เคยพบกับอวี้หลัวช่าและอวี้เฟยเยียน แต่แมวน้อยนั่น เคยพบนางเมื่อไหร่กัน
“ท่านรู้จักแมวน้อย”
“รู้จัก”
ซย่าโหวจวินอวี่สับสนอย่างที่สุด
ในระยะนี้เขาไม่เคยพบหญิงสาวคนไหนเลยนี่นา!
ในระยะนี้ก็มี งานเลี้ยงต้อนรับหลิวเปยครั้งนั้น ราชนิกุลสตรีก็มีมากมาย ซึ่งเขาก็มิได้ใส่ใจดูใครเป็นพิเศษเสียด้วย!
ตกลงแล้ว ใครกันแน่นะ
เมื่อมองออกถึงความสับสนข้องใจของซย่าโหวจวินอวี่ ซย่าโหวฉิงเทียนจึงใจดีบอกคำตอบออกไป
“แมวน้อยก็คืออวี้เฟยเยียน นางยังมีอีกชื่อหนึ่งนั่นก็คืออวี้หลัวช่า!”
คำตอบนี้สำหรับซย่าโหวจวินอวี่แล้วเป็นดั่งระเบิดยักษ์ก็ไม่ปาน เมื่อได้ยินดังนั้นเขาก็ล้มตึงเป็นลมสลบไปในทันที
ลูกสะใภ้ทั้งสามจู่ๆ ก็กลายเป็นคนเดียวกัน!
ฝ่าบาทแทบจะรับไม่ไหว!
เดิมทีพระองค์ทรงคิดว่า ลูกสะใภ้คนหนึ่งมีหลานสักสามคน ทั้งหมดก็รวมเป็นเจ้าตัวอ้วนจ้ำม่ำเก้าคน จะดีสักเพียงไหนกัน ใครจะคาดคิด ความฝันอันสวยงามของพระองค์จะสูญสลายไปจนหมดสิ้น
แค่พริบตาเดียว ซาลาเปาน้อยทั้งหกก็หายไปในพริบตา หลานตัวอ้วนทั้งหกคนหายวับไปกับตา!
ใจพระองค์ เจ็บปวดยิ่งนักแล…
“ฝ่าบาท ทรงเป็นอะไรไป พระองค์อย่าทรงทำให้บ่าวตกใจสิพ่ะย่ะค่ะ!”
เห็นท่าอยากร้องไห้แต่ไร้น้ำตาของซย่าโหวจวินอวี่ ทำเซี่ยงจิ้นตกอกตกใจเป็นอย่างมาก ในตอนที่ฮ่องเต้องค์ก่อนทรงสวรรคต ไม่เห็นพระองค์โศกเศร้าเสียใจถึงเพียงนี้เลย!
“น่าโมโหยิ่งนัก!”
“เจ้าไสหัวไป เซี่ยงจิ้นอย่ามาห้ามข้า ข้าจะต้องสั่งสอนเจ้าหมอนี่ให้รู้สำนึก!”
ท่าทีซย่าโหวฉิงเทียนทำให้ซย่าโหวจวินอวี่อารมณ์ขึ้นจนถึงขีดสุด เขาเที่ยวควานหาไปทั่ว แต่ก็ไม่เจอของที่ถนัดมือ สุดท้ายจึงคว้าเอาแส้ในมือเซี่ยงจิ้น ขว้างใส่ซย่าโหวฉิงเทียน
คืนหลานสาวหลานชายของข้ามา!
ซาลาเปาน้อยทั้งหก!
ด้วยวรยุทธ์ซย่าโหวฉิงเทียนแล้ว แน่นอนว่าแส้นั่นทำอะไรเขาไม่ได้
เขาใช้เพียงมือเดียวรับแส้เอาไว้ แล้วค่อยๆ เดินเอาแส้มาคืนให้กับซย่าโหวจวินอวี่ด้วยตัวเอง แฝงความนัยว่าขว้างอีกสิถ้าต้องการ จนในที่สุดฮ่องเต้ที่หดหู่อย่างที่สุดก็ถึงกับหมดคำพูด
ไม่นาน ซย่าโหวจวินอวี่ก็เรียกสติคืนกลับมาได้
ช่างเถอะ เอาตามนี้แล้วกัน!
ก่อนหน้านี้เขายังเป็นกังวลใจอยู่เลยว่า หากลูกสะใภ้ที่เก่งกาจทั้งสามคนหึงหวงกันขึ้นมา แล้วซย่าโหวฉิงเทียนรับมือไม่ไหวจะทำอย่างไรกัน ตอนนี้ปัญหาทั้งหมดก็ตกไป
อย่างมากก็ให้อวี้เฟยเยียนมีลูกสักสองสามคน!
ดูจากรูปร่างหน้าตาของนางแล้ว ก็น่าจะขุนได้ไม่ยาก
อีกอย่างอวี้เฟยเยียนเป็นถึงปรมาจารย์ ร่างกายย่อมต้องแข็งแรง มีลูกสักแปดคนสิบคนน่าจะไม่มีปัญหาอะไร!
เมื่อคิดได้ดังนั้นความอึดอัดไม่สบายใจของซย่าโหวจวินอวี่ก็คลายลงไปมาก
แต่เมื่อมองดูสีหน้า ‘ไม่รับผิด’ ของซย่าโหวฉิงเทียนแล้ว ฝ่าบาทก็ทรง ‘เฮอะ’ ออกมาคำหนึ่ง
“เก็บความลับได้ดีนักนะ! แม้แต่ข้าก็ปิดบัง! เฮอะ!”
สามคนกลายเป็นคนคนเดียว เช่นนั้นสินสอดก็มิต้องตระเตรียมถึงสามชุดแล้ว แต่อวี้เฟยเยียนนอกจากจะมีสถานะเป็นปรมาจารย์แล้ว ยังเป็นจักรพรรดิโอสถอีกด้วย แต่งสะใภ้ที่เก่งกาจอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์ทั้งที สินสอดจะน้อยหน้าได้อย่างไรกัน!
เกรงก็แต่ว่า…ต่อให้สินสอดของจอมเทวาสามคนรวมกันก็ยังไม่มากเท่าแต่งปรมาจารย์เลยด้วยซ้ำ
คิดแล้ว ซย่าโหวจวินอวี่ก็ปวดหัวขึ้นมาอีก
ไม่ว่าจะอย่างไร จะต้องเอาแผ่นดินฉินจื้อมาให้ได้
เพื่อลูกสะใภ้ และเพื่อล้างอายในปีนั้น!
หากมิใช่ฉินจื้อบีบบังคับกันเกินไป ซย่าโหวฉิงเทียนที่เพิ่งจะลืมตาดูโลกจะต้องถูกส่งไปเป็นตัวประกันในต่างแดนที่ไกลแสนไกลเช่นนั้นหรือ
ลูกชายของเขาดีๆ ถูกกลั่นแกล้งจนมีนิสัยเช่นนี้ เรื่องเลวทรามเช่นนี้จะขาดเชียนลั่วเฉิงไปได้อย่างไรกัน เพราะฉะนั้นจะต้องกำจัดมันให้จงได้!
“เสด็จพี่ ถ้าไม่มีอะไรแล้วข้าขอประทานอนุญาตกลับก่อน แมวน้อยรอข้ากินข้าวอยู่!”
ซย่าโหวฉิงเทียนไม่สันทัดเรื่องการปลอบใจคนเสียด้วย
อีกทั้งเขารู้ดีว่าซย่าโหวจวินอวี่มิได้โกรธเคืองอะไรจริงๆ เพียงแต่ตอนแรกรับความจริงไม่ไหวเท่านั้น
แค่ให้เวลาเขา ทำใจยอมรับก็พอแล้ว!
“ไม่มีหัวใจ!”
ซย่าโหวจวินอวี่บ่นไล่หลังซย่าโหวฉิงเทียนที่เดินหลังตรงแน่วออกไป
ได้เมียแล้วลืมพ่อ ยังไม่ทันแต่งเข้าบ้านด้วยซ้ำ…
แต่เมื่อคิดถึงด่านอวี้จิงเหลยเข้า ซย่าโหวจวินอวี่ก็แอบกังวลใจไม่น้อย
อวี้จิงเหลยมีชื่อเสียงเลื่องลือยิ่งนักในเรื่องของความหัวแข็งดื้อรั้น จะให้เขายอมรับซย่าโหวฉิงเทียน เกรงว่าจะยากเสียหน่อย!
ไม่ว่าจะอย่างไร อวี้เฟยเยียนและอวี้หลัวช่าคือคนเดียวกัน นางไม่เพียงเป็นจักรพรรดิโอสถ ตอนนี้ยังเป็นถึงปรมาจารย์ ข่าวนี้ทำให้ฝ่าบาททรงดีพระทัยยิ่งนัก
ถึงแม้ว่าต่อหน้าซย่าโหวฉิงเทียน ซย่าโหวจวินอวี่จะตีหน้ายักษ์ถมึงทึงโกรธเคือง
ทว่าเมื่อซย่าโหวฉิงเทียนจากไป ซย่าโหวจวินอวี่ก็เริ่มคุยโม้ให้เซี่ยงจิ้นฟังทันที
“สมแล้วที่เป็นลูกชายข้า สายตาเฉียบคมยิ่งนัก ลูกสะใภ้คนนี้ข้าพึงพอใจมากถึงมากที่สุด ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่กันที่ข้าจะได้ดื่มชาจากลูกสะใภ้!”
“ฝ่าบาท เช่นนั้นเหตุใดพระองค์ถึงมิเชิญคุณชายเหลียนมาพยากรณ์ละพ่ะย่ะค่ะ”
เซี่ยงจิ้นเสนอความคิดเห็น
“ความคิดนี้ไม่เลว แต่รออีกเดี๋ยวจะดีกว่า! ตอนนี้เหลียนจิ่นล้มป่วย รอเขาหายดีเสียก่อนค่อยว่ากัน”
ทว่าในใจของซย่าโหวจวินอวี่จินตนาการไปไกล
ลูกสะใภ้ก็มีแล้ว แล้วเจ้าซาลาเปาน้อยจะไปไหนเสีย
อวี้เฟยเยียนรูปร่างหน้าตางดงาม หากหลอมรวมกับซย่าโหวฉิงเทียนละก็ พื้นฐานหน้าตาพ่อแม่ดีถึงขนาดนี้ ลูกที่เกิดมาจะต้องน่ารัก น่าเอ็นดูมากเป็นแน่
คืนนั้น เครื่องเสวยในตอนเย็นเต็มไปด้วยซาลาเปานับสิบชนิด ซึ่งส่วนใหญ่เป็นซาลาเปาไส้เนื้อ ซย่าโหวจวินอวี่ยิ่งอารมณ์แช่มชื่นเปรมปรีดิ์เข้าไปใหญ่
ตอนนี้ขอเพียงแต่เป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับซาลาเปา เขาล้วนแต่ชอบทั้งสิ้น!
“เซี่ยงจิ้น เจ้าไปบอกกับห้องเครื่องนะ ซาลาเปาวันนี้ข้าชอบมาก จะตกรางวัลให้อย่างงาม!”
หลังจากที่ห้องเครื่องได้รับรางวัลแล้ว พากันดีอกดีใจเป็นอย่างมาก โชคดีที่หัวหน้าเซี่ยงแจ้งมา ให้พวกเขาตระเตรียมซาลาเปาให้มาก หัวหน้าเซี่ยงช่างเป็นคนดีจริงๆ เลย!
ซย่าโหวฉิงเทียนถือภาพวาดที่ได้รับประทานจากซย่าโหวจวินอวี่กลับออกจากวังหลวงแล้วตรงไปที่บ้านสกุลอวี้ทันที ไม่ได้แวะไปที่จวนหลินเจียงอ๋องก่อนแต่อย่างใด
ตอนนี้อวี้จิงเหลย อวี้เชียนเสวี่ยและมู่เหนี่ยนซีมิได้อยู่ที่จวน ดังนั้นซย่าโหวฉิงเทียนจึงมิต้องลักลอบปีนป่ายกำแพงจวนเข้าไป
ซย่าโหวฉิงเทียนมาถึงก็ได้กลิ่นหอมของอาหารลอยมาแตะจมูก ตั้งแต่ยังไม่ถึงหอซงเฮ่อด้วยซ้ำ กระทั่งซย่าโหวฉิงเทียนเดินอ้อมไปถึงห้องครัวเล็กๆ ของหอซงเฮ่อ ก็เห็นอวี้เฟยเยียนที่สภาพที่พับแขนเสื้อขึ้น มีผ้ากันเปื้อนคาดอยู่ที่เอวกำลังง่วนอยู่หน้าเตา
“ทำไมถึงได้กลับมาช้านักละ!”
เงยหน้าขึ้นมาเจอซย่าโหวฉิงเทียน อวี้เฟยเยียนก็กล่าวขึ้นมาอย่างงอนๆ
“ช่างเถอะ ท่านมาได้เวลาพอดีเลย มาเร็ว ช่วยข้ายกอาหารเร็วเข้า!”
ซย่าโหวฉิงเทียนนึกไม่ถึงเลยว่าอวี้เฟยเยียนจะทำกับข้าวเป็น ในช่วงเวลาสั้นๆ ที่เขาเข้าวังนั้น นางสามารถออกไปซื้อกับข้าว ล้างผัก หั่นผัก ทำกับข้าว ทั้งหมดนี่นางทำเพียงคนเดียว รวดเร็วราวกับบันดาลมา!
“พี่ทำเอง เจ้าพักเถอะ!”
เมื่อเห็นว่าอวี้เฟยเยียนมีเหงื่อเม็ดโตผุดขึ้นตามไรผมมากมาย ซย่าโหวฉิงเทียนก็รีบวางภาพในมือลงแล้วเข้าไปช่วยนางยกอาหารทันที
“นี่คืออะไร ข้าดูได้หรือไม่”
อวี้เฟยเยียนเหลือบไปเห็นภาพวาดของเข้าก็สนอกสนใจขึ้นมา
“เสด็จพี่ประทานให้พี่มา ให้พี่ตั้งใจเอาไปศึกษาโดยละเอียด เจ้าเอาไปเถอะ ของพี่ก็คือของเจ้า!”
ได้ยินดังนั้นอวี้เฟยเยียนก็หยิบภาพวาดนั้นขึ้นมาแล้วเปิดออก
เมื่อเห็นภาพวาดด้านใน อวี้เฟยเยียนก็ร้อง ‘ไอ้หยา’ ขึ้นมาทันที จากนั้นก็ทิ้งภาพวาดลงบนพื้น แล้วยกมือขึ้นกุมแก้มทั้งสองข้าง ทั้งโกรธทั้งอาย ตาก็จ้องเขม็งไปที่ซย่าโหวฉิงเทียน
“คนลามก!”
ถูกด่าโดยไม่รู้อีโหน่อีเหน่ ทำซย่าโหวฉิงเทียนงงงวยเป็นอย่างมาก
กระทั่งเขาเก็บภาพวาดที่ตกอยู่บนพื้นขึ้นมาเปิดดู ก็พอเดาออกว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น
ด้านในคือภาพรูปมนุษย์สองคน กำลังระเริงรักกันอย่างสุขสมร่างกายตวัดเกี่ยวรัดพันกัน ซึ่งภาพนั้นสมจริงสวยงามราวกับมีชีวิต
“นี่เขาเรียกว่า ‘หลอมรวม’ ”
ซย่าโหวฉิงเทียนกล่าวออกมาด้วยความมั่นอกมั่นใจ
“หลอมรวมคือขั้นหนึ่งของวรยุทธ์ เหมาะสำหรับชายหญิงร่วมกันฝึก แต่มีเงื่อนไขว่าขั้นวรยุทธ์ของคนทั้งสองจะต้องไล่เลี่ยในระดับเดียวกัน ตอนนี้เจ้ายังอ่อนหัดเกินไป ยังมิอาจฝึกหลอมรวมกับพี่ได้!”
“หลอมรวมกับผีน่ะสิ!”