แล้วหวังเป่าเล่อเดาถูกจริงเสียด้วย!
ศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันเป็นเพียงหุ่นเชิดหนังหน้าไฟเท่านั้น ความคิดของชายชราจึงไม่สำคัญแม้แต่น้อย สิ่งที่สำคัญคือความคิดจิตใจของจื่อเยว่ต่างหาก เมื่อสูญเสียนิ้วของตนเองไป นางก็พลันมองว่าหวังเป่าเล่อสำคัญกว่าสหพันธรัฐ!
ทั้งหมดนี้ถูกต้องตามตรรกะทุกอย่าง แผนการทำลายสหพันธรัฐของหญิงสาวเป็นเพียงการทดลองที่นางสร้างมาสำหรับศิษย์แห่งเต๋าโยวหรัน และเป็นเสี้ยวหนึ่งของการเพิ่มพูนพลังปราณด้วยกระบวนเวทเมล็ดพันธุ์ดาราเต๋าของนาง ความตั้งใจของนางคือใช้ศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันให้ทำตามแผนที่ตนเองวางไว้ ส่วนนางจะทำตัวเป็นเพียงผู้สังเกตการณ์ และใช้สงครามนี้เพื่อเพิ่มพูนพลังปราณให้ตนเอง
มันก็เหมือนกับการเล่นว่าวที่ต้องคอยดูทิศทางลม นางไม่สนใจแม้แต่น้อยว่าสหพันธรัฐจะอยู่หรือตายกับเหตุการณ์นี้ ผิดกับหวังเป่าเล่อที่กลายมาเป็นภัยร้ายซึ่งอาจทำลายตัวตนของนางได้จริงๆ นางรู้แล้วว่าตนเองไม่สามารถเข้าไปแทรกแซงได้ตรงๆ ไม่ว่าจะมองอย่างไร จื่อเยว่ก็ไม่มีวันปล่อยให้หวังเป่าเล่อหนีไปได้แน่นอน!
นอกจากนี้สถานการณ์ยังเดินทางมาถึงจุดที่ออกนอกความควบคุมของนางไปแล้ว เวทที่หญิงสาวร่ายใส่ศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันเป็นความพยายามที่จะทดสอบกระบวนเวทเมล็ดพันธุ์ดาราเต๋า และเป็นส่วนหนึ่งของแผนการเสริมสร้างพลังปราณของนาง ด้วยเหตุนี้นางจึงใช้เวลาเตรียมการเรื่องนี้นานมาก ทันทีที่ศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันยึดครองสหพันธรัฐได้สำเร็จตามแผนการ ขั้นปราณของนางในฐานะผู้ควบคุมเมล็ดพันธุ์ดาราเต๋าก็จะก้าวหน้าไปอย่างมาก
ด้วยเหตุนี้จื่อเยว่จึงยอมแพ้ไม่ได้เป็นอันขาด อีกเหตุผลที่นางยังล่าถอยตอนนี้ไม่ได้คือนางได้คำนวณมาเรียบร้อยแล้ว ว่านี่คือโอกาสเดียวที่นางจะค้นหาสิ่งที่เฉินโม่เฟิงซ่อนเอาไว้ไม่ให้นางพบ สิ่งที่จำเป็นต่อการฝึกวิชาเมล็ดพันธุ์ดาราเต๋า
นอกจากนี้…ในแผนการดั้งเดิมของนาง การทำลายสหพันธรัฐและใช้ระบบสุริยะทั้งหมดเป็นเครื่องสังเวย จะทำให้นางมีพลังงานมากพอที่จะพัฒนาขั้นปราณของตนเองได้ นางจะสามารถควบคุมกระบี่สำริดโบราณและฝังเมล็ดพันธุ์ดาราเต๋าเข้าไปในกายของบรรดาผู้อาวุโสที่หลับใหลอยู่ได้ ระบบสุริยะจะกลายเป็นรากฐานให้นางก้าวข้ามขีดจำกัดขั้นปราณของตน เพื่อที่จะบรรลุไปยังระดับดารานิรันดร์ได้ในระยะเวลาอันสั้น!
แผนการของนางจัดได้ว่าสมบูรณ์แบบ ทุกอย่างเดินหน้าไปอย่างราบรื่น จนกระทั่ง…หวังเป่าเล่อปรากฏตัวขึ้น!
การปรากฏตัวของเขาส่งผลกับนางมาก เนื่องจากนางลงทุนลงแรงไปไม่น้อย จนใกล้จะได้เวลาเก็บเกี่ยวผลลัพธ์อันแสนหอมหวานอยู่รอมร่อ หากไม่ใช่เพราะเหตุนี้ จื่อเยว่คงหนีไปตั้งแต่ตอนเผชิญหน้ากับราชันสวรรค์ลำดับแรกนานแล้ว เพราะแบบนี้…นางจึงทำสิ่งใดไม่ได้นอกจากกัดฟันเดินหน้าต่อ!
จื่อเยว่ไม่สนใจที่จะสังหารหวังเป่าเล่อแม้แต่น้อย แต่ด้วยสถานการณ์พาไป นางจึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องจบชีวิตเขาเสีย และกำจัดเขาออกจากวงจรเหตุการณ์ทั้งหมด นางได้ข้อสรุปนี้มาหลังจากที่ใช้พลังของเมล็ดพันธุ์ดาราเต๋าคำนวณความเป็นไปได้ของเหตุการณ์ต่างๆ ทั้งหมด การสังหารหวังเป่าเล่อจะช่วยปลดปล่อยนางออกจากกงกรรมกงเกวียนนี้เช่นกัน!
เมื่อความมาดหมายของจื่อเยว่ถูกส่งผ่านเข้ามาในร่างของศิษย์แห่งเต๋าโยวหรัน ดวงตาของชายชราก็สว่างวาบ โยวหรันไม่สนใจสนามรบบนดาวอังคารอีกต่อไป แต่กลับติดตามหวังเป่าเล่อไปในทันที ทั้งสองหายออกจากอาณาเขตของดาวอังคาร พากันท่องอวกาศไปสู่ความเวิ้งว้างอันไกลโพ้นท่ามกลางแสงดาวระยับ
ความเร็วอันน่าเหลือเชื่อของทั้งสองทำให้ผู้ที่ดูการต่อสู้อยู่ไม่เข้าใจแม้แต่น้อยว่าเกิดสิ่งใดขึ้น วงแหวนปราณระบบสุริยะที่อ่อนแรงลงจากการทำลายตัวเองก่อนหน้านี้ จึงไม่สามารถจับเหตุการณ์ระยะไกลเพื่อถ่ายทอดความเคลื่อนไหวต่อได้ ชาวโลกและชาวดาวอังคารทำได้เพียงเฝ้ารอด้วยความกระวนกระวายเท่านั้น เมื่อเห็นทั้งสองทะยานหายลับสายตาไป
แต่ยังโชคดี…ที่สมรภูมิบนดาวอังคารกลับมาสมดุลกันอีกครั้งเมื่อศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันจากไป ทุกคนรู้ดีว่าการต่อสู้บนดาวสีแดงไม่ใช่สนามหลักอีกต่อไป สนามที่จะชี้เป็นชี้ตายชะตาของสหพันธรัฐ คือการขับเคี่ยวกันระหว่างผู้ฝึกตนทั้งสองคนที่กำลังทะยานจากไปต่างหาก!
ชัยชนะของสหพันธรัฐในสงครามครั้งนี้ขึ้นอยู่กับชัยชนะของหวังเป่าเล่อในศึกกับศิษย์แห่งเต๋าโยวหรัน หากชายหนุ่มชนะ อารยธรรมของพวกเขาก็จะคงอยู่ต่อไป แต่หากเขาพ่ายแพ้…ทุกอย่างก็จะดับสลายลง กลายเป็นเพียงเถ้าธุลีในอวกาศเวิ้งว้าง
หวังเป่าเล่อแบกชะตากรรมของทั้งอารยธรรมไว้บนบ่า แต่เขาก็ไม่ได้อยู่ในสภาพพร้อมเต็มร้อยในตอนนี้ ริมฝีปากของชายหนุ่มอาบไปด้วยเลือดสดๆ เขาพยายามเคลื่อนที่ด้วยความเร็วมากที่สุดเท่าที่ตนเองจะทำได้ เบื้องหลังของชายหนุ่มคือศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันที่ว่องไวไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน จึงเป็นการยากที่เขาจะทิ้งระยะห่างออกไป
ชายหนุ่มยังคงร้องเรียกดาวพลูโต และตอบรับเสียงเพรียกก่อนหน้านี้อย่างกระวนกระวายขณะมุ่งหน้าไปสู่ปลายระบบสุริยะ กระนั้นชายหนุ่มก็ยังอยู่ไกลเกินไป นอกจากนี้ ต่อให้เขาจับเสียงเรียกได้ พลังปราณที่จำกัดของเขาก็ยากจะประสานกับเสียงเรียกนั้น หรือกระทั่งเดินทางไปถึงอีกปลายด้านหนึ่งของระบบสุริยะ!
เรื่องระยะทางนั้นแก้ง่าย แต่เรื่องพลังปราณของข้าที่ต่ำต้อยเกินไปจะแก้อย่างไรดีความกระวนกระวายคืบคลานไปทั่วร่างชายหนุ่ม ศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันปลดปล่อยอำนาจของกระบวนเวทลึกลับบางอย่างออกมา ทำให้ความเร็วของชายชราเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก การเปลี่ยนแปลงนี้ยิ่งทำให้ชายหนุ่มเครียดขึ้นอีก
เขารู้ดีว่าหากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป ศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันจะไล่เขาทันในที่สุด หากไม่รีบหาวิธีมาต้านการโจมตีของโยวหรัน ตัวเขาคงต้องสิ้นชีพเป็นแน่!
ดาวพฤหัสบดีก็แล้วกัน! ดวงตาของหวังเป่าเล่อเด็ดเดี่ยวชัดเจน ขณะมุ่งหน้าไปยังดาวพฤหัสบดีแทน ระยะทางระหว่างเขากับดาวพลูโตก็จะยังหดสั้นลงต่อให้เขาเปลี่ยนทิศการเดินทาง นอกจากนี้อำนาจพิเศษของวิญญาณจุติดวงดาราจะทำให้เขาได้รับพลังที่เพิ่มมากขึ้นจากดาวพฤหัสบดี จนสามารถทดแทนพลังปราณที่น้อยนิดเกินไปของเขาอีกด้วยเรือสำปั้นแห่งความมืดแทบเท้าเริ่มเผาไหม้พลังชีวิตของตนเอง ในเวลานี้หวังเป่าเล่อยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้รับชัยชนะ เขาทะยานตัดผ่านระบบสุริยะไปด้วยความเร็วสูงจนมองไม่เห็น ราวกับกำลังเคลื่อนย้ายไปโผล่ที่อีกจุดหนึ่งมากกว่าการเดินทางด้วยความเร็วปกติ เมื่อปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง ชายหนุ่มก็อยู่ในวิถีของดาวพฤหัสบดีเรียบร้อยแล้ว
ราคาที่เขาจ่ายให้กับการท่องอวกาศด้วยความเร็วสูงนั้นมากล้น ชายหนุ่มกระอักเลือดออกมาอีกยกใหญ่ แทบจะล้มหมดสติลงกับพื้น ร่างกายของเขามาถึงขีดสุดจนแทบจะทานทนการเดินทางด้วยความเร็วขนาดนี้ไม่ไหว เค้าโครงของเรือสำปั้นแห่งความมืดเริ่มเลือนรางเนื่องจากใช้พลังงานไปมาก จนกลายเป็นเพียงม่านหมอกบางเบาเท่านั้น!
ด้วยความที่เรือสำปั้นยังไม่ได้รับการซ่อมแซมโดยสมบูรณ์ มันจึงได้รับความเสียหายใหญ่หลวง แต่หวังเป่าเล่อก็ไม่มีเวลาและพลังงานพอที่จะมาสนใจมัน เขาใช้พลังของสำนักแห่งความมืดอีกครั้งเพื่อเดินหน้าเข้าไปใกล้ดาวพฤหัสบดีมากยิ่งขึ้น จุดหมายปลายทางยังอยู่ห่างออกไปพอสมควร กระนั้นวิญญาณจุติดวงดาราในร่างกายของชายหนุ่มก็เริ่มมีชีวิตชีวาขึ้น
ความเชื่อมโยงระหว่างตัวเขาและดาวพลูโตทวีความแข็งแกร่งขึ้นมาก ซึ่งทำให้ตัวเขามั่นใจขึ้นไม่น้อยว่าตนเองจะทำได้สำเร็จ
*แค่ดาวพฤหัสบดีอาจจะยังไม่เพียงพอ…*ดวงตาของหวังเป่าเล่อวาวโรจน์ด้วยความบ้าคลั่ง เขาคิดไปถึงสถานที่ที่จะเพิ่มพลังวิญญาณจุติดวงดาราของตนเองให้ไปอยู่ในจุดที่น่ากลัวจนทนไม่ได้
เขาไม่รู้เลยว่าตอนนี้ศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันอยู่ใกล้หรือไกลออกไปเพียงใด จากการคำนวณของชายหนุ่ม เขาเพียงแต่ต้องไปถึงดาวพฤหัสบดีให้ได้เท่านั้น หวังเป่าเล่ออาจไม่มีหวังว่าตนจะกำชัยในการสู้รบกับศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันตัวต่อตัว แต่เขาแน่ใจว่าจะทะลุผ่านไปถึงดาวพลูได้แน่นอน!
เรือสำปั้นแห่งความมืดผลาญพลังชีวิตของตนเองอีกครั้งเพื่อเพิ่มความเร็วให้มากยิ่งขึ้น ชายหนุ่มเข้าใกล้ดาวพฤหัสบดีเข้าไปทุกที ในตอนนั้นเองแรงระเบิดก็อุบัติขึ้นที่เบื้องหลังเขา ศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันทะยานผ่านห้วงอวกาศมาปรากฏอยู่เบื้องหลังหวังเป่าเล่อ สีหน้าเต็มไปด้วยความหงุดหงิดใจ ชายชราขยับตัวเพื่อปล่อยเถาวัลย์ออกจากหลัง เถาวัลย์นั้นพันเกี่ยวกันไปมาและแปรเปลี่ยนเป็นปีกยักษ์สองข้าง พัดกระพือเพียงครั้งเดียวก็ส่งกระแสพลังปราณให้กระเพื่อมไปในอวกาศ ซึ่งช่วยให้โยวหรันเพิ่มความเร็วได้มากขึ้นไปอีก อสูรกายโยวหรันทะยานไปข้างหน้า มือใหญ่สร้างผนึกฝ่ามือ อักขระโบราณส่องสว่างขึ้นทั่วร่างกายชายชรา
“หวังเป่าเล่อ ระบบสุริยะนั้นเล็กนัก เจ้าคิดว่าจะหนีข้าไปได้พ้นหรือ” เสียงของชายชราดังก้องไปทั่วจักรภพ อักขระเวทโบราณผละออกจากร่าง ลอยค้างอยู่ในอวกาศ พวกมันพุ่งเข้าหาหวังเป่าเล่อด้วยความเร็วที่มากเสียยิ่งกว่าศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันเสียอีก ระยะห่างระหว่างทั้งสองหดแคบลงเรื่อยๆ อักขระย่นย่อระยะทางลงมาอย่างรวดเร็ว อักขระสามตัวในนั้นไล่หวังเป่าเล่อทันในที่สุด อักรขระทั้งสามพลันระเบิดก่อนที่จะพุ่งเข้าใส่หวังเป่าเล่อ!
กระแสพลังระเบิดทรงอำนาจจนทำให้ห้วงอวกาศแทบแตกสลาย มันพัดพาไปทั่วจนก่อให้เกิดพายุร้ายที่พุ่งเข้าทำลายหวังเป่าเล่อ
ชายหนุ่มไม่แม้แต่จะหันกลับไปมอง เขาโบกมือส่งชุดคลุมแห่งความมืดให้พองออกอีกครั้งเพื่อป้องกันร่างของตนจากแรงระเบิด เลือดไหลทะลักออกจากปาก แต่ความเร็วยังคงที่โดยการใช้พลังชีวิตของเรือสำปั้นแห่งความมืดเข้าแลก ชายหนุ่มพุ่งเข้าใกล้ดาวพฤหัสบดีเข้าไปทุกที และวิญญาณจุติดวงดาราของเขาก็ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเป็นเงาตามตัว
จิตเชื่อมโยงระหว่างเขาและดาวพลูโตทวีความเข้มข้นขึ้นด้วยเช่นกัน จนเขาสัมผัสได้ถึงเสียงเพรียกจากดาวเคราะห์ที่อยู่แสนไกลในที่สุด เสียงเพรียกนั้นถือกำเนิดมาจากบางสิ่งที่ยังมองเห็นไม่ชัดเจนสำหรับเขา
*ยังไม่พอ!*หวังเป่าหรี่ตาลง กัดฟันแน่น ก่อนจะตั้งหน้าตั้งตาหนีต่อไป อักขระโบราณของศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันยังคงระเบิดอย่างต่อเนื่องเบื้องหลังเขา ทำให้ร่างกายของชายหนุ่มได้รับบาดเจ็บมากขึ้นอีก กระนั้นเขาก็ยังคงหนีเพื่อไปให้ถึงดาวพฤหัสบดี วิญญาณจุติดวงดาราเริ่มเอ่อล้นด้วยพลังเต็มเปี่ยม พลังปราณที่เพิ่มสูงขึ้นไหลบ่าทั่วร่างกายของชายหนุ่ม ทำให้อาการบาดเจ็บของเขาหายไปแทบจะในฉับพลัน
ในที่สุดหวังเป่าเล่อก็เห็นดาวพฤหัสบดีอยู่ไกลลิบๆ วิญญาณจุติดวงดาราของเขาลืมตาขึ้นในวินาทีนั้น พลังของมันเต้นตุบอยู่ในดวงตาทั้งสองข้าง พลังประหลาดที่ดาวพฤหัสบดีส่งออกมาไหลเข้าสู่กายหวังเป่าเล่อ นี่คืออำนาจที่เขาไม่เคยประสบมาก่อน พลังนี้ทำให้ดวงตาของชายหนุ่มสว่างไสวด้วยความตื่นเต้น
หวังเป่าเล่อพยายามเป็นอย่างมากที่จะซ่อนพลังใหม่ของเขาให้มิดชิด กระนั้นศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันก็ยังรู้สึกได้ว่ามีบางสิ่งผิดแผกไป สีหน้าของชายชราเปลี่ยนไปอีกครั้ง สัญชาตญาณประหลาดส่งออกมาจากอวัยวะภายใน แต่ก็ไม่มีเวลามาคิดหาคำตอบ ประกายเด็ดเดี่ยววาบเข้ามาในดวงตาศิษย์แห่งเต๋าโยวหรัน เขายกมือขวาขึ้นกระชากแขนซ้ายของตนเองทิ้ง ก่อนตะโกนก้อง “วิชาแปรเปลี่ยนดาราเทพ!”
แขนซ้ายที่ถูกกระชากออกดิ้นเร่า ภายในพริบตาก็กลายสภาพเป็นแมลงกิ่งไม้สีดำร่างอ้วนตัวใหญ่สามร้อยเมตร มันกรีดร้องเสียงแหลมก่อนกระโจนไปในอากาศพุ่งเข้าใส่หวังเป่าเล่อ ปากของมันอ้ากว้างหมายกลืนกินชายหนุ่มเข้าไปทั้งตัวในคราวเดียว ชุดคลุมสีดำของหวังเป่าเล่อพองใหญ่อีกครั้ง แต่ก็ไม่มีประโยชน์ คมเขี้ยวของแมลงยักษ์เจาะทะลุชุดคลุมมาอย่างง่ายดาย!
เมื่อแมลงกิ่งไม้ยักษ์เข้าใกล้ ความอำมหิตก็ทาบทับดวงตาของหวังเป่าเล่อ ร่างของเขาพร่าเลือน ร่างอวตารปรากฏกายขึ้นนับสิบอย่างรวดเร็ว พวกมันไม่ได้เข้าโจมตีแมลงกิ่งไม้ แต่ระเบิดโดยพลัน แรงระเบิดส่งให้หวังเป่าเล่อทะยานไปข้างหน้าใกล้ดาวพฤหัสบดีมากขึ้นไปอีก ในที่สุดเขาก็เข้าสู่อาณาเขตของแถบดาวเคราะห์น้อยที่กั้นระหว่างดาวอังคารกับดาวพฤหัสบดไว้!
นี่คือเป้าหมายของหวังเป่าเล่อ เป็นความคิดที่จะช่วยเพิ่มพูนพลังปราณของตนเองให้พุ่งสูงขึ้นจนอยู่ในระดับที่น่ากลัวจับใจ!
แถบดาวเคราะห์น้อยประกอบไปด้วยดาวเคราะห์ขนาดเล็กนับแสนดวง และเบื้องหน้าของหวังเป่าเล่อ คือดาวเคราะห์พิเศษที่สหพันธรัฐค้นพบเมื่อล้านปีก่อน…ดาวเคราะห์แคระซีรีส ดาวเคราะห์แคระหนึ่งเดียวในแถบดาวเคราะห์น้อยนั่นเอง!
ในที่แห่งนี้ พลังของวิญญาณจุติดวงดาราจะแข็งแกร่งที่สุดจนยากจะหาใดเทียบ และพลังที่แท้จริงของมันก็จะปรากฏให้เห็น!
…………………………………….