บทที่ 1760 - คนจากภูเขาศักดิ์สิทธิ์ รู่เหมิน

Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล

AST
  บทที่1760 – คนจากภูเขาศักดิ์สิทธิ์ รู่เหมิน
  มูหยุนชิงเก้อไม่มีความรู้เรื่องสัตว์อสูรสายเลือดมังกรทองเลยแต่เธอก็แสดงความสนใจเพราะมันเป็นโอกาสน้อยที่ใครสักคนนึงจะได้เห็นอสูรอสูรสายพันธุ์งูกลายร่างเป็นมังกร ดังนั้นเธอจึงต้องมองมันด้วยความอยากรู้อยากเห็น
  บางทีการเดินทางตามหาดอกมุทราศักดิ์สิทธิ์คงจะคุ้มค่ามากกว่าที่พวกเขาคิดชิงสุ่ยเชื่อว่าเขาจะต้องเจอ แม้ว่าจะไม่เจอที่นี่ เขาก็วางแผนมุ่งหน้าเข้าสู่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ แล้วถ้าหากเขาเจอมันจริงๆ เขาก็พร้อมใช้ทุกวิถีทางเพื่อให้ได้มันมา
  วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วเพียงแค่กระพริบตาวันรุ่งขึ้นก็มาถึง ชิงสุ่ยและมูหยุนชิงเก้อไม่รู้ตัวว่าทั้งสองคนเดินทางไปไกลแค่ไหน อาจเป็นเพราะสถานที่แห่งนี้กว้างใหญ่เกินไป แล้วทั้งสองคนก็ไม่รู้สถานที่เติบโตของดอกมุทราศักดิ์สิทธิ์ นั่นจึงทำให้การค้นหาไม่ได้ง่ายเหมือนที่คิด
  ”ยิ่งเราเดินทางเข้าไปข้างหน้ามากขึ้นเท่าไหร่ความเข้มข้นของพลังปราณจิตก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น แม้ว่าเจ้าดอกมุทราศักดิ์สิทธิ์จะอยู่ที่นี่จริงๆ ข้ามั่นใจว่ามันต้องอยู่ในส่วนที่ลึกที่สุดของถ้ำ”มูหยุนชิงเก้อจ้องมองไปข้างหน้ามันเหมือนห้วงอวกาศที่ไร้ขีดสุด เธอเองก็สัมผัสได้ถึงพลังปราณจิตอันเข้มข้นจากดินแดนที่ไร้ขอบเขต
  ในขณะเดียวกันทั้งสองคนคนรับรู้ถึงการมีอยู่ของใครบางคนที่กำลังเดินทางเข้ามาใกล้ด้วยความเร็วสูง
  ชิงสุ่ยหันมองมูหยุนชิงเก้ออย่างรวดเร็วและพบว่าเธอเองก็กำลังทำหน้าผิดปกติ เขารู้ทันทีว่าเธอเองก็รู้สึกได้เช่นกัน จากนั้นเขาก็พยักหน้าและกล่าวว่า “ดูเหมือนว่าพวกเขาจะต้องเป็นคนของภูเขาศักดิ์สิทธิ์ เจ้าว่าพวกเราควรออกไปพบพวกเขาหรือไม่?”
  สำหรับตอนนี้การหลีกเลี่ยงยังคงทำได้ง่ายดายเพราะเพียงแค่ชิงสุ่ยอาศัยทักษะย่างก้าว 9 เทวา เขาก็สามารถสลัดคนที่กำลังเดินทางมาหาพวกเขาได้ในทันที หรืออีกทางเลือกนึงคือการซ่อนตัว แม้โอกาสที่จะหาตัวเจอยังคงมีสูง แต่อย่างน้อยก็ยืดเวลาออกไปได้อีกสักพักใหญ่
  ”แทนที่เราจะตามหาอย่างไร้จุดหมายปลายทางบางทีการถามและขอเส้นทางโดยตรงอาจจะดีกว่า ข้าคิดว่าพวกเราลองพูดคุยกับพวกเขาดูก่อน แล้วค่อยตัดสินใจจากทัศนคติที่พวกเขามีแต่พวกเรา”มูหยุนชิงเก้อคิดเล็กน้อยก่อนจะตอบกลับ
  ในตอนแรกชิงสุ่ยวางแผนที่จะหลีกเลี่ยงเพื่อไม่ให้มีปัญหาใดๆตามมา แต่ถ้าหากทั้งสองตัดสินใจหลีกเลี่ยง โอกาสที่จะกลับไปพูดคุยกับคนที่ไล่ตามมา มันจะกลายเป็นความเสี่ยงแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้ และการพยายามหลีกเลี่ยงไม่ต่างอะไรจากการเชิญชวนปัญหาให้เข้ามาหาพวกเขาเอง
  เมื่อพิจารณาถึงจุดนี้ชิงสุ่ยจึงพยักหน้า “เอาละ ถ้าเช่นนั้นพวกเราก็จะรออยู่ตรงนี้ อีกไม่นานพวกเขาก็คงจะมาถึง”
  หลังจากเวลาผ่านไปประมาณ1 ถ้วยชา ร่างของมนุษย์ 4 คนก็ปรากฏตัวต่อหน้าชิงสุ่ยและมูหยุนชิงเก้อ ทั้ง 4 คนล้วนแล้วแต่เป็นอิสตรีที่สวมเสื้อผ้าบางเบาพร้อมกับกระบี่ยาวสะพายหลัง ทั้ง 4 คนทะยานลงสู่พื้นดินห่างจากจุดที่ชิงสุ่ยยืนอยู่เป็นระยะประมาณ 10 เมตร
  ”ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เป็นเขตแดนหวงห้ามคนนอกไม่มีสิทธิ์เข้าหากมิได้รับอนุญาต”หญิงสาวคนหนึ่งก้าวเดินออกมาข้างหน้าพร้อมกับกล่าวด้วยวาจาน้ำเสียงที่เย็นชา
  ชิงสุ่ยค่อยๆเผยให้เห็นรอยยิ้มจางๆอีกฝ่ายเป็นคนที่ตรงไปตรงมาอย่างมาก และในขณะเดียวกันชิงสุ่ยกำลังต้องการความช่วยเหลือจากพวกเขา มันคงจะเป็นการดีถ้าหากเขาแสดงความถ่อมตนให้มากขึ้น และยอมลดสถานะของตนเองลง
  ”เนื่องจากมหาสมุทรศักดิ์สิทธิ์เป็นสถานที่ที่กว้างใหญ่ไพศาลและเต็มไปด้วยสิ่งของมากมายหากปล่อยมันไว้ ข้าเกรงว่ามันจะสลายหายไปกลายเป็นทรัพยากรที่ไร้ประโยชน์ ฉะนั้นที่พวกเรามาที่นี่ เพื่อตามหาบางสิ่งบางอย่างอาจช่วยเหลือชีวิตคนได้”ชิงสุ่ยกล่าวอธิบายอย่างช้าๆด้วยน้ำเสียงที่สงบนิ่ง
  ทันใดนั้นหญิงสาวอีกคนนึงก็แสดงสีหน้าที่เปลี่ยนไปเธอต้องเขม็งมาที่ชิงสุ่ย “พวกเจ้าคือคนที่ขโมยผลอสูรโลกาศักดิ์สิทธิ์ใช่หรือไม่?”
  ชิงสุ่ยจ้องมองใบหน้าหญิงสาวผู้นั้นก่อนที่จะมองดวงตาของเธอกลับไปพร้อมกับแสดงสีหน้าความงุนงง “พวกเราเพิ่งมาถึง ผลอสูรโลกาศักดิ์สิทธิ์คือผลอะไรกัน?”
  มูหยุนชิงเก้อแต่รู้สึกละอายใจเมื่อมองดูการกระทำของชิงสุ่ยหากไม่ใช่เพราะเธอเห็นการกระทำของชิงสุ่ยด้วยตาของตัวเอง เธอก็คงปักใจเชื่อในท่าทีการแสดงออกที่ชิงสุ่ยกำลังกระทำอยู่ เขากำลังกล่าวอ้างว่าตัวของเขาเองนั้นไม่รู้ไม่เห็นในเรื่องเหล่านี้ เธอได้แต่ความคิดและตั้งคำถามในใจถึงสิ่งที่เธอเห็นไม่นานมานี้มันเป็นความจริงหรือภาพลวงตา
  หญิงสาวผู้นั้นแสดงความประหลาดใจดูเหมือนเธอจะเชื่อในคำพูดของชิงสุ่ย อาจเป็นเพราะเหตุผลว่าทันทีที่ชิงสุ่ยก้าวเข้าสู่สถานที่แห่งนี้ พวกเธอก็ได้ออกเดินทางตามติดทั้งสองคนมาอย่างทันทีทันใด ต่อให้พวกเขาคิดจะเก็บเกี่ยวผลอสูรโลกาศักดิ์สิทธิ์จริงๆ มันยังต้องรอเวลาให้ผลอสูรโลกาศักดิ์สิทธิ์สุกงอมซึ่งจะเกิดขึ้นอีกหนึ่งอาทิตย์ข้างหน้า ฉะนั้นต่อให้เป็นคนโง่ คนโง่ย่อมรู้ดีว่าผลไม้ที่ยังไม่สุกงอม เก็บเร็วเกินไปก็มีแต่จะเน่าเสีย ไร้ซึ่งผลประโยชน์
  ”พวกเจ้าทั้งสองไม่เห็นผลอสูรโลกาศักดิ์สิทธิ์จริงๆงั้นหรือ?”
  ขณะที่หญิงสาวผู้นั้นกำลังกล่าวสายตาของเธอก็จ้องออกไปยังสถานที่ที่ต้นอสูรโลกาศักดิ์สิทธิ์เติบโต ทันใดนั้นเธอก็โบกสะบัดแขนพร้อมกับปลดปล่อยคลื่นพลังปราณธรรมชาติ
  ปังงงงงง!!
  ด้านหน้าของทุกคนปรากฏให้เห็นเป็นปล่องภูเขาไฟขนาดใหญ่ต้นอสูรโลกาศักดิ์สิทธิ์ได้ถูกย้ายมาอยู่เบื้องหน้าของทุกคน แต่ตอนนี้มันหลงเหลือเพียงแค่รากขณะที่ส่วนลำต้นถูกตัดออกไป เธอแสดงสีหน้าเย็นชาและหันไปมองชิงสุ่ย “ไหนเจ้าลองอธิบายสิ่งนี้สิ?”
  ชิงสุ่ยถามกลับด้วยท่าทางสับสน”จะให้ข้าอธิบายเรื่องอะไร?”ไอลีนโนเวล
  มูหยุนชิงเก้อไม่รู้ว่าเธอเองควรทำเช่นไรนี่อาจเป็นครั้งแรกที่เธอได้มองดูชิงสุ่ยแสดงความโป้ปดดื้อรั้น ซึ่งเธอเองก็เลือกที่จะยืนนิ่งเงียบ รอดูว่าชายคนนี้จะแก้ปัญหาอย่างไร
  ”ลำต้นของต้นอสูรโลกาศักดิ์สิทธิ์ถูกโดยใครบางคนตัดออกไป และพวกเจ้า 2 คนคือกลุ่มคนกลุ่มเดียวที่อยู่ในสถานที่แห่งนี้ ฉะนั้นพวกเจ้าก็ควรอธิบายว่าทำไมมันถึงเป็นเช่นนี้ได้?”หญิงสาวผู้นั้นบ่งบอกให้เห็นถึงความโกรธผ่านดวงตา สายตาของเธอกำลังลุกเป็นไฟขณะจ้องมองชิงสุ่ย
  มันไม่ใช่เรื่องแปลกอันใดที่พวกเธอจะโกรธเพราะผลอสูรโลกาศักดิ์สิทธิ์กำลังจะสุกงอมในอีกไม่ช้า แต่ตอนนี้ต้นของมันเกิดความเสียหาย ทำให้การรอคอยด้วยความอดทนทั้งหมดของพวกเธอกลายเป็นสิ่งที่ไร้ประโยชน์
  ”เอาล่ะแม่สาวน้อยข้าเองก็ไม่รู้จะเอาคำอธิบายจากไหนมาให้เจ้า พวกเราเพิ่งมาถึงที่นี่ และพวกเจ้าก็มาปรากฏตัวทันที ความจริงแล้วแม้กระทั่งตัวข้าเองยังรู้สึกงุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น ได้โปรดภาวะผู้นำของพวกเจ้ามาพบข้า ข้ารับประกันได้ว่าบทสรุปของปัญหาที่เกิดขึ้นจะต้องจบลงด้วยความพึงพอใจ”ชิงสุ่ยกล่าว ดูเหมือนเขาจะไม่สนใจสิ่งที่เกิดขึ้นอีกแล้ว
  หญิงสาวผู้นั้นตกตะลึงเล็กน้อยเธอคือรู่เหมิน 1 ใน 4 คนรับใช้ที่ขึ้นตรงต่อนายหญิงของพวกเธอ ไม่เพียงแต่เธอจะมีความงดงามเหนือหญิงสาวคนอื่น ในแง่ของพลังเมื่อเทียบกับคนที่อยู่ในภูเขาศักดิ์สิทธิ์ สถานะของเธอเรียกได้ว่าสูงส่งอย่างมาก เธอจึงได้รับการคัดเลือกให้คอยเป็นกำลังหนุนสำคัญของนายหญิงแห่งภูเขาศักดิ์สิทธิ์
  แต่ถึงกระนั้นเธอกลับถูกเรียกว่าแม่สาวน้อยโดยเด็กแก่แดดไร้ยางอาย “วันนี้ ข้าคงต้องลงโทษเด็กเหลือขออย่างเจ้าที่ไม่รู้จักที่ไหนฟ้าที่ไหนดิน”
  ก่อนที่รู่เหมินจะกล่าวจบเธอก็พุ่งเข้าหาชิงสุ่ยพร้อมกับการฟาดฟันกระบี่ยาวที่อยู่ในมือของเธอ
  การโจมตีอาจจะดูธรรมดาแต่เมื่ออยู่ภายใต้มือของผู้คนจากภูเขาศักดิ์สิทธิ์ มันทำให้การโจมตีเหล่านี้มีความรุนแรงเทียบเท่ากับการอาศัยพลังธรรมชาติในการจู่โจม และพลังที่ปลดปล่อยออกไปก็อยู่ในรูปแบบศักดิ์สิทธิ์เช่นกัน
  ชิงสุ่ยไม่เคลื่อนไหวใดๆในตอนนี้ม่านพลังป้องกันของเขาอยู่ในระดับสูงส่ง แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะเลือกใช้มันเพื่อป้องกัน เขาเลือกใช้ทะเลแห่งปัญญา มันช่วยเขาสามารถมองเห็นวิถีและความเร็วของกระบี่ที่อยู่ในมือหญิงสาวผู้นั้นได้อย่างชัดเจน
  และด้วยพลังของทะเลแห่งปัญญามันทำให้เขารู้สึกราวกับว่าเวลาที่อยู่ภายใต้โลกทั้งกำลังเดินช้าลง จนทำให้เขายิ่งมองเห็นตัวกระบี่ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น เขาจึงอาศัยการเบี่ยงตัวเพียงเล็กน้อย เพื่อไม่ให้พลังปราณกระบี่สัมผัสร่างกายของเขา
  ชิงสุ่ยอาศัยการย่างก้าวอย่างเป็นระเบียบเพื่อหลีกเลี่ยงการโจมตีในเวลาที่เหมาะสม ทุกอย่างเป็นไปอย่างละเอียดอ่อน ซึ่งการกระทำของชิงสุ่ย ยิ่งทำให้รู่เหมินพยายามกวัดแกว่งกระบี่เข้าใส่ชิงสุ่ยในรูปแบบผิดเพี้ยนมากยิ่งขึ้น
  ชิงสุ่ยยังคงเลือกที่จะเบี่ยงตัวหลบพร้อมกับก้าวย้ำไปมาราวกับว่าเขากำลังเต้นรำไปพร้อมกับกระแสกระบี่
  ในที่สุดหญิงสาวผู้นั้นก็ยอมหยุดการโจมตี รูปแบบการโจมตีที่เธอใช้ไม่ใช่สิ่งที่คนปกติจะสามารถหลบพ้น นอกจากนี้คู่ต่อสู้ของเธอยังคงเป็นเพียงแค่ชายหนุ่ม อย่างน้อยที่สุด เขาก็อายุน้อยกว่าเธอ
  ”พวกเราไม่ได้มีเจตนาร้ายใดๆเลยพวกเรามาที่นี่เพื่อตามหาสมุนไพรที่ใช้รักษาชีวิตคน ได้โปรดพาพวกเราไปพบคนที่ดูแลสถานที่แห่งนี้เถิด?”ชิงสุ่ยกล่าวย้ำอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง