ตอนที่ 504 แบ่งงาน

บุตรอสูรบรรพกาล

ตอนที่ 504

แบ่งงาน

“ฝะ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยขอรับ/เจ้าค่ะ”หญิงสาวเส้นผมสีเทากับชายหนุ่มเส้นผมสีเขียวก้มหัวลงตรงหน้ายี่เจินด้วยท่าทีจำยอมอย่างประหลาด ทำเอายี่เจินมีท่าทีประหลาดใจไม่น้อย จูล่งบอกว่ามีคนติดหนี้ตัวมันอยู่ก็เลยจะไปตามตัวมาให้ แต่ก็ไม่คิดว่าจะพามาจริงๆเสียหน่อย

“พวกเจ้าคือใครกัน”ยี่เจินขมวดคิ้วอย่างงุนงงเมื่อเห็นทั้งสองคนเข้ามาฝากเนื้อฝากตัวกับตนเอง ถึงจะบอกว่าติดหนี้มันอยู่ แต่มันไม่เคยเจอทั้งสองมาก่อน ไม่มีทางจะไปมีเรื่องหนี้สินอะไรอยู่แล้ว

“พะ พวกเราเป็นผู้คุ้มกันของเรือที่ท่านโดยสารมาขอรับ”มังกรเขียวตอบพลางเหลือบไปมองอสูรปักษาข้างๆ นางคืออสูรรูปร่างนกที่สู้กับมันเมื่อวันก่อนนั่นเอง เพราะทั้งสองเป็นอสูรธาตุลมที่มีอาณาเขตใกล้กัน ก็เลยมีเรื่องกันบ่อยๆเรื่องใครเป็นอสูรธาตุลมที่แข็งแกร่งกว่ากัน

“ผู้คุ้มกันงั้นหรือ แล้วพวกเจ้ามาเป็นหนี้ข้าตั้งแต่เมื่อไหร่”ยี่เจินถามด้วยท่าทียังไม่หายสงสัย

“พวกเราทำงานผิดพลาดก็เลยทำของๆท่านตกทะเลไป พวกเราก็เลยจะมาช่วยงานเป็นการชดเชยเจ้าค่ะ”อสูรปักษาตอบพลางก้มหน้าลงด้วยท่าทีรู้สึกผิด ถึงแม้จริงๆนางจะแค่กลัวจูล่งก็ตาม เจ้าบ้ามังกรเขียวดันพาจูล่งมาถึงเขตอสูรของนาง แถมอสูรในเขตของนางยังโจมตีจูล่งที่มากับมังกรเขียวอีกต่างหาก ทำเอานางแทบจะหัวใจวายตายไปหลายรอบเลยทีเดียว

“ไม่เป็นไร”ยี่เจินพูดพลางส่ายหน้าเบาๆ

“วันนั้นข้าแอบเห็นแล้วว่าตัวอะไรทำให้เกิดพายุ ไม่ใช่ความผิดของพวกเจ้าหรอกที่คุ้มกันไม่ได้”ยี่เจินตบบ่ามังกรเขียวเบาๆพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทีใจดี อสูรระดับมังกรเขียวและอสูรปักษาสีเทาตรงหน้านั้นหากไม่เอาคนระดับต้าชิงต้าเฉินหรือท่านอู๋หมิงมาก็คงไม่มีใครทำอะไรได้หรอก จะไปโทษว่าเป็นความผิดของผู้คุ้มกันไม่ได้

“นะ นายท่าน…..มันบอกว่าไม่เป็นไรแน่ะ”อสูรปักษาสีเทาพูดพลางหันมาหาจูล่งราวกับจะบอกว่าเท่านี้ก็ปล่อยนางเป็นอิสระได้แล้วสินะ

“ไม่ได้นะขอรับ พวกท่านต้องอยู่ช่วยงานพวกเราตามสัญญาสิ”ไป๋จูล่งทำแก้มป่องด้วยท่าทีไม่พอใจ เพราะจริงๆพวกมันไม่ได้คุ้มกันผิดพลาดเสียหน่อย แต่เป็นคนทำให้เรือเสียหายโดยตรงเลยต่างหาก

“จะ เจ้าค่ะ”แม้ท่าทีไม่พอใจของจูล่งจะดูน่ารักดีในสายตาสาวๆที่แอบอยู่ด้านหลัง แต่สำหรับอสูรปักษาสีเทาตนนี้กลับดูน่าขนลุกแทน

“ทายท่าน ท่านช่างใจดีเหลือเกิน”มังกรเขียวพูดพลางก้มตัวลงคุกเข่าตรงหน้ายี่เจิน ท่าทางความใจดีของยี่เจินจะทำให้มังกรเขียวถูกใจเสียแล้ว

“เชอะ ทำไมข้าต้องมาทำงานให้มนุษย์ด้วยเนี่ย”น่าเสียดาย แต่อสูรปักษากลับไม่มีท่าทีซาบซึ้งแม้แต่น้อย นางเพียงรู้สึกเหมือนโดนบังคับให้มารับใช้มนุษย์ที่ต้อยต่ำไม่มีผิด หากไม่ใช่เพราะจูล่งขอ?ละก็นางไม่มีทางทำตามแน่นอน

“เจ้านาย แล้วท่านคิดออกหรือยังขอรับว่าจะทำอะไร”จูล่งถามพลางเดินเข้าไปหายี่เจินด้วยท่าทียิ้มแย้ม

“ก็พอจะคิดออกแล้ว”ยี่เจินว่าพลางนำเหรียญเงินที่มันมีออกมา เงินจำนวนนี้คงทำอะไรมากมายไม่ได้ แต่มันก็ไปเจอคนใจดีที่จะแบ่งขายของที่มันต้องการได้ในราคาทุน เรียกได้ว่าเป็นการช่วยเหลือจากเพื่อนร่วมชาติก็ว่าได้

“ไม่เห็นต้องคิดมากเลยนี่ขอรับ เอาของในเขตของข้ามาขายก็…..”มังกรเขียวเสนอ แต่ยังพูดไม่ทันจบจูล่งหยิกเอสของมังกรเขียวเข้าให้ทีหนึ่งทำเอามังกรเขียวที่สมควรมีเกล็ดหนาจนอาวุธแทงฟันไม่เข้าแทบจะล้มลงไปนั่งกับพื้น

“แบบนั้นไม่ได้นะขอรับ แบบนั้นใครๆก็ทำได้ไม่ใช่หรือไงขอรับ”จูล่งว่าพลางส่ายหน้าช้าๆ แม้มังกรเขียวจะอยากเถียงว่าไม่ใช่ใครก็เข้าไปเอาของในเขตของมันออกมาขายได้เสียหน่อย แต่หากได้ของมาแล้วนำมาขายจนร่ำรวยแบบนั้นใครก็ทำได้อย่างที่จูล่งพูดจริงๆนั่นล่ะ การที่จูล่งยังตามยี่เจินต่อไม่ใช่เพราะความชื่นชมในตัวยี่เจินเพียงอย่างเดียวเท่านั้น เพราะมันยังต้องการเงินเดือนจากยี่เจิน และที่สำคัญมันอยากทราบว่าพ่อค้าคนหนึ่งจะสร้างฐานะได้อย่างไร

“แล้วตกลงเจ้า….ท่านจะขายอะไรล่ะเจ้าคะ”อสูรปักษาถามพลางหันไปมองยี่เจิน ท่าทางนางจะยังสลัดมาดนางพญาไม่หมดเลยทำให้จูล่งต้องมองเตือนนางไปทีหนึ่ง

“พุทราเชื่อม”ยี่เจินตอบพลางยิ้มออกมาด้วยใบหน้าอ่อนโยน ก่อนหน้านี้มันไปเจอพ่อค้านำเข้าเช่นเดียวกับตัวมันมา โดยมันสามารถขอซื้อพุทราตากแห้งจากพ่อค้าคนนั้นได้ในราคาถูก หลังจากหาที่พักได้ยี่เจินจะกลับไปซื้อพุทราและอุปกรณ์อื่นๆที่จำเป็น

“พุทราเชื่อม มันคืออะไรกัน”มังกรเขียวถามด้วยท่าทีงุนงง มันไม่เคยเข้ามาในเมืองมนุษย์ แค่อาหารของไชน์มันยังไม่รู้จัก ไม่ต้องพูดถึงขนมของอาณาจักรอื่นเลย

“พุทรานี่….เจ้าผลไม้ไร้ค่านั่นนะเหรอ”ในสายตาของอสูรปักษาแล้ว พุทราคงเป็นผลไม้ไร้ค่าจริงๆ เพราะมันเป็นเพียงผลไม้ธรรมดา ไม่ได้แฝงพลังอะไรเลย

“พุทราเชื่อม…..”จูล่งทวนคำพลางมองไปรอบๆ เพราะที่นี่เป็นเมืองท่า ทำให้มีสินค้าจากแผ่นดินของจูล่งอยู่มาก มีของคุ้นตามากมาย แต่เพราะมีแต่สินค้านำเข้าที่นำมาขายหวังกำไร เรื่องนำของกินเข้ามาเลยมีน้อย และของกินก็มีแต่พวกของแห้งหรือของที่เก็บได้นานทั้งนั้น ส่วนใหญ่จะนำไปประกอบอาหารในร้านอาหารที่เปิดขายอาหารของอาณาจักรอู๋หรือไป๋ทั้งนั้น ทำให้ไม่มีอาหารของอาณาจักรอู๋ขายตามข้างทางเลย บางทีการขายพุทราเชื่อมอาจจะไม่เลวนัก

“ก่อนอื่นเราไปหาที่พักกันก่อนก็แล้วกัน แล้วข้าจะแบ่งงานให้พวกเจ้าอีกที”ยี่เจินว่าพลางพาพวกจูล่งไปหาที่พักแถวๆชานเมือง ที่นั่นน่าจะมีที่พักราคาถูกสำหรับ 4 คนให้เข้าพักได้ไม่ยาก และหากได้ที่พักที่มีครัวให้ใช้ด้วยจะดีมาก แต่แบบนั้นคงหวังเกินไป

.

.

หลังจากเดินหาที่พักราคาถูกที่ต้องนอนอยู่รวมกันในห้องใหญ่ๆได้สำเร็จ ยี่เจินก็แบ่งงานให้กับพวกจูล่งทันที โดยยี่เจินจะไปซื้อพุทราที่ตกลงกับพ่อค้านำเข้าเอาไว้ ส่วนจูล่งจะไปซื้อน้ำตาล ส่วนมังกรเขียวที่ตอนนี้ใช้ชื่อว่าเอมิลและอสูรปักษาที่ใช้ชื่อว่าเกว็นมีหน้าที่หาฟืนและทำไม้เสียบ

“ให้ตายสิ ทำไมอสูรอย่างข้าถึงต้องมาทำงานอย่างกับขี้ข้าแบบนี้ด้วย”เกว็นบ่นพลางใช้มือเปล่าตัดกิ่งไม้ออกอย่างง่ายดาย พวกนางบอกยี่เจินว่าเป็นผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณ งานหาไม้ในป่าก็เลยเป็นหน้าที่ของนางและไอ้เจ้ามังกรเขียวตนนี้นั่นเอง

“ทำไมงั้นเหรอ….”เอมิลถามพลางหันมามองเกว็นด้วยท่าทีไม่ค่อยพอใจ

“ที่พวกเราต้องมาเสี่ยงตายอยู่แบบนี้ก็เพราะเจ้าเข้ามาโจมตีข้ากลางทะเลไม่ใช่หรือไง”เอมิลว่าพลางปล่อยพลังอสูรออกมาทำเอาอสูรที่อยู่ในแถบนั้นแทบจะเผ่นหนีกันหมด

“หา…แต่คนทำท้องเรือพังมันเป็นเจ้าไม่ใช่หรือยังไง”เกว็นเองพอเห็นเอมิลปล่อยพลังอสูรออกมาก็พลันปล่อยพลังอสูรออกมาเช่นกัน ทำเอารอบด้านเต็มไปด้วยพลังอสูรของทั้งสองแทบจะทันที

“ถ้าไม่ใช่เพราะมีคนโจมตีข้าขนตกทะเล ข้าคงไม่ชนเรือเข้าหรอก”เอมิลโวยพลางจับไปที่ซี่โครงของตนเอง มันโดนต้าเฉียนปาทวนใส่จนตกทะเล ก็เลยเป็นฝ่ายหัวไปหม่งโดนใต้ท้องเรือเข้าให้ หากไม่ใช่แบบนั้นพายุของเกว็นต่างหากที่จะทำเรือจม

“เหรอ ไม่ใช่ว่าเจ้ากระจอกเองหรอกหรือ”เกว็นว่าพลางหัวเราะใส่เอมิลด้วยท่าทีดูถูก ท่าทางการแบ่งงานของยี่เจินจะมีปัญหาเสียแล้วที่เอาสองคนนี้มาทำงานร่วมกัน แต่ก็ว่ามันไม่ได้หรอกเพราะยี่เจินรู้แค่ว่าทั้งสองเป็นผู้คุ้มกันเรือที่ทำงานมาด้วยกัน ก็เลยนึกว่าจะสามารถทำงานด้วยกันได้ไม่มีปัญหาอะไร

“เจ้าพ่นอะไรออกมานะ”เอมิลเส้นเลือดขึ้นหน้าทันทีที่ได้ยินคำว่ากระจอกหลุดออกมาจากปากของเกว็น

“ทำไม เจ้าได้ยินไม่ชัดหรือยังไง ข้าบอกว่าเจ้ามันกระจอกยังไงล่ะ”เกว็นหัวเราะลั่นพลางเริ่มสร้างลมพายุขึ้นมารอบๆ พวกมันท่าทางจะอยู่ด้วยกันเฉยๆไม่ได้จริงๆ

ตูม!! เอมิลไม่ได้มีความอดทนมากมายอะไร พอได้ยินเช่นนั้นก็เข้าไปโจมตีอีกฝ่ายทันที เคียวสายลมที่เอมิลใช้ออกมานั้นรุนแรงและคมกริบ ทำเอาต้นไม้ด้านหลังเกว็นล้มระเนระนาดเป็นทางยาว เพียงแต่เกว็นเองก็ไวไม่น้อย นางลอยตัวอยู่บนฟ้าตั้งแต่เห็นเอมิลจะใช้เคียววายุแล้ว

“ฮ้าๆ ความไวของข้าน่ะ ไม่มีทางโดนทวนกระจอกๆนั่นโจมตีเหมือนเจ้าหรอก”เกว็นว่าพลางเตรียมจะยิงกระสุนวายุออกมา แค่….

เปรี้ยง!!! ทวนสีแดงที่ลุกท่วมไปด้วยเปลวเพลิงพุ่งวาบเข้ามากระแทกเข้าข้างลำตัวของเกว็นเข้าอย่างจัง ทำเอาเกว็นร่วงลงพื้นก่อนจะกลิ้งไปอีกหลายตลบเลยทีเดียว

“พวกเจ้า….”ต้าเฉียนกับต้าหวานที่ตามทั้งสองคนมาเพราะกังวลว่าอสูรพวกนี้จะทำงานได้ดีหรือไม่พูดด้วยท่าทีดุดันอย่างมาก เก็บไม้ยังไม่ทันไรก็ตีกันซะแล้ว แถมยังถางป่าไปเป็นทางอีกต่างหาก

“เจ้า….”เอมิลสะดุ้งวาบเมื่อเห็นทวนสีแดงของต้าเฉียน มันคือสิ่งที่ทำให้มันร่วงลงทะเลไปนั่นเอง

“ตอนนี้พวกเจ้าทำงานให้กับน้องจูล่งนะ หัดสำนึกตนเสียบ้าง”ต้าหวานว่าพลางนำทวนสีดำออกมาชี้ไปที่เอมิล พลังของพวกนางสูงกว่าอสูรทั้งสองอยู่ขั้นหนึ่ง แต่เอมิลและเกว็นก็มีประสบการณ์ที่เหนือกว่า บางทีอาจจะสู้กันได้อย่างสูสี แต่ทั้งเกว็นและเอมิลตอนนี้ต่างโดนทวนของต้าเฉียนเล่นงานไปคนละที อาการบาดเจ็บที่ได้รับต้องทำให้พวกมันเสียเปรียบแน่ๆ

ตูม!! ต้าหวานหวดทวนลงพื้นเฉียดด้านข้างเอมิลไปเพียงเล็กน้อย แต่กำลังที่นางแสดงออกมาก็ทำให้เอมิลเข้าใจแล้วว่าอีกฝ่ายมีพลังเหนือกว่าตนเอง

“ข้าจะช่วยสอนให้พวกเจ้ารู้เองว่าเป็นบ่าวรับใช้ของน้องจูล่งต้องทำตัวอย่างไร”ต้าหวานพูดด้วยท่าทีร้อนระอุอย่างประหลาด หรือว่านางจะแอบไม่พอใจที่จูล่งรับบ่าวมาเพิ่ม ทั้งๆที่มีพวกนางคอยดูแลอยู่แท้ๆ

“อะ โอ้ย”ทางด้านเกว็นที่โดนทวนของต้าเฉียนกระแทกเข้าอย่างจังนั้นกำลังพยายามลุกขึ้นมาอย่างยากลำบาก มังกรเขียวอย่างเอมิลยังมีเกล็ดที่แข็งแกร่ง แต่เกว็นไม่มีอะไรแบบนั้น ทำให้อาการบาดเจ็บของเกว็นมากกว่าเอมิลอย่างเห็นได้ชัด

“เป็นไงล่ะ ทวนกระจอกๆที่เจ้าว่าเจ็บดีไหม”เอมิลยิ้มด้วยท่าทีสะใจที่เห็นเกว็นโดนเข้าให้บ้าง

“เจ้าว่าไงนะไอ้จิ้งเหลน”เกว็นที่พึ่งโดนทวนโจมตีใส่เข้าไปเจ็บปางตาย แต่เมื่อได้ยินคำดูหมิ่นของเอมิลก็พลันเลือดขึ้นหน้าอีกรอบทันที

“พวกเจ้า”ต้าเฉียนคำรามพลางชี้ทวนสีแดงไปทางเกว็น ส่วนต้าหวานก็หวดทวนสีดำใส่หลังของเอมิลไปทีหนึ่งเป็นการสั่งสอน ทำเอาอสูรทั้งสองได้แต่ยอมสงบปากสงบคำฟังคำที่ต้าเฉียนและต้าหวานเทศนาใส่เท่านั้น