ความเปลี่ยนแปลงของดาร์คเดน

ในป่าฝนรอบนอกใจกลางพื้นที่ของดาร์คเดน ประตูขนาดใหญ่ที่ถูกสร้างจากหมอกสีดำทั้งหมดก็ปรากฎขึ้น พลังงานที่น่ากลัวจำนวนมากนั้นก็แผ่ออกมาจากออกมาจากประตูและกระตุ้นให้พวกสัตว์ปีศาจที่อยู่ใกล้ๆล่าถอยโดยไม่สมัครใจ ขณะที่พวกมันก็ล้วนจ้องมองไปยังประตูที่สูงหกเมตรอย่างประหม่า

หลังจากประตูเปิดขึ้น มันก็มีร่างของผู้เล่นเดินออกมาจากประตูอย่างรวดเร็ว

“นี่มันเป็นสถานที่แบบไหนกัน ? แรงโน้มถ่วงของที่นี่นั้นรุนแรงมากๆ และมันแทบจะเทียบได้กับที่ชั้นหนึ่งของสุสานดาวเลย” ธันเดอร์บีสต์ที่พึ่งย่างเท้าเข้ามาในป่าฝนนี้อุทานด้วยความประหลาดใจ

มันมีพลังแห่งความมืดที่หนาแน่นล้อมรอบป่าฝนแห่งนี้ และเพียงแค่สภาพแวดล้อมที่มีแรงโน้มถ่วงสูงที่นี่มันก็มากเพียงพอแล้วที่จะลดพลังการต่อสู้ของผู้เล่นขั้นสองลงครึ่งหนึ่ง แม้แต่ผู้เล่นขั้นสามเช่นธันเดอร์บีสต์เองก็ยังได้รับผลกระทบค่อนข้างมาก

“อย่างไรก็ตามมานาที่นี่ก็มีความหนาแน่นมากๆ มันมีความใกล้เคียงกับมานาห้าสิบเปอเซ็นต์ที่พบในป้อมปราการแสงดาวเลย หากเราสามารถเข้าร่วมการต่อสู้ที่นี่ได้ในระยะยาว มันจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุมมานาของเราได้อย่างแน่นอน” Elementalist ขั้นสามกล่าวด้วยความตื่นเต้น

แม้ว่ามานาโดยรอบของป้อมปราการแสงดาวนั้นจะมีความหนาแน่นกว่าที่ป่าฝนแห่งนี้มาก แต่มันก็ไม่ได้อนุญาติให้มีการต่อสู้เกิดขึ้นในป้อมปราการ อย่างไรก็ตามใน God domain หากผู้เล่นต้องการจะปรับปรุงตัวเอง วิธีที่เร็วที่สุดในการจะทำแบบนี้ได้คือการเข้าร่วมการต่อสู้แบบมีชีวิตเป็นเดิมพัน การต่อสู้ในสภาพแวดล้อมที่มีมานาหนาแน่นนั้นมีประสิทธิภาพมากเป็นพิเศษ เนื่องจากผู้เล่นจะมีช่วงเวลาที่ง่ายขึ้นมากในการฝึกและทำความคุ้นเคยกับการควบคุมมานา

ในตอนนี้ดวงตาของสมาชิกกองกำลังนรกนั้นก็เปล่งประกายด้วยความตื่นเต้น

ซึ่งนี่เป็นเพราะป่าฝนแห่งนี้นั้นเต็มไปด้วยมอนสเตอร์ที่มีเลเวลมากกว่าหนึ่งร้อย และสถานที่แห่งนี้นั้นก็ไม่เพียงแต่จะเป็นสถานที่ยอดเยี่ยมในการฝึกควบคุมมานาของพวกเขาเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการเก็บเลเวลด้วย

เฮลรัชและคนอื่นๆนั้นเข้าใจได้ทันทีว่าทำไมซือเฟิงถึงมั่นใจมากว่าเขาจะสามารถช่วยปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของพวกเขาทุกคนให้ได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ในหนึ่งเดือน หากพวกเขาสามารถต่อสู้ในสภาพแวดล้อมที่ยอดเยี่ยมแบบนี้ได้ การปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของพวกเขาให้ได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ในหนึ่งเดือนนั้นมันก็เป็นไปได้แน่นอน

ในขณะเดียวกันอควาโรสที่ติดตามซือเฟิงมายังดาร์คเดนก็รู้สึกประหลาดใจกับสถานการณ์นี้มากเช่นกัน

เธอไม่เคยคิดเลยว่าซือเฟิงจะซ่อนสนามฝึกที่ยอดเยี่ยมแบบนี้ไว้ด้วย มอนสเตอร์ที่นี่อาจไม่แข็งแกร่งมากนัก ซึ่งโดยส่วนใหญ่ประกอบไปด้วยบอสทั่วไปเลเวลมากกว่าหนึ่งร้อย และพวกที่แข็งแกร่งที่สุดก็จะเป็นลอร์ดบอสผู้ยิ่งใหญ่เลเวลมากกว่าหนึ่งร้อย เพียงแต่ว่าสภาพแวดล้อมที่นี่ทำให้ที่นี่เป็นสถานที่ที่สมบูรณ์แบบสำหรับการฝึกฝนของผู้เชี่ยวชาญขั้นสามที่พึ่งได้รับการเลื่อนขั้นมาเลย

“หัวหน้ากิล หัวหน้าลำเอียงเกินไปแล้ว หัวหน้าได้เก็บสถานที่ที่ยอดเยี่ยมนี้ไว้สำหรับบคนอื่นๆ ถ้าสมาชิกของสภาสิบแปดปีกเข้ามาที่นี่ทันทีที่พวกเขามาถึงเลเวลหนึ่งร้อย เราอาจจะสามารถเพิ่มจำนวนผู้เชี่ยวชาญที่เรามีขึ้นเป็นสองเท่าได้เลยด้วยสถานที่แห่งนี้” อควาโรสบ่น

คำพูดของอควาโรสนั้นทำให้ซือเฟิงที่กำลังจะก้าวเท้าไปข้างหน้าป่าฝนนี้สะดุดลง และพูดไม่ออก เพราะสถานที่แห่งนี้นั้นมันแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับพื้นที่ใจกลางที่พวกเขารู้จัก !!!

ก่อนหน้านี้เมื่อเขาใช้แหวนโมล๊อคเพื่อเทเลพอร์ตมายังพื้นที่ใจกลางดาร์คเดน เขานั้นได้เข้ามาใกล้กับการประชุมโลกมากๆ อย่างไรก็ตามตอนนี้เขามองไม่เห็นการประชุมโลกเลยจากจุดที่เขายืน ยิ่งไปกว่านั้นสภาพแวดล้อมของเขายังเต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตปีศาจจำนวนมากเช่นกัน นอกจากนี้โลกแห่งนี้ก็ดูเหมือนจะต่อต้านเขาอยู่บ้าง เพราะเขารู้สึกว่าเขาไม่สามารถจะแสดงพลังในการต่อสู้ออกมาได้เต็มที่

ประตูเทเลพอร์ตนั้นเปลี่ยนจุดหมายปลายทางตามเลเวลและขั้นของฉันงั้นหรอ ?

หลังจากครุ่นคิด ซือเฟิงก็สรุปได้ว่าสมมุติฐานของเขาน่าจะถูกต้องมากที่สุด เพราะเพราะเขาก็มาถึงสถานที่ที่แตกต่างกันออกไปเช่นกันในครั้งแรกกับครั้งที่สอง เพียงแต่ว่าตอนนั้นความแตกต่างมันยังไม่ชัดเจนมากนัก เพราะเขาถูกเทเลพอร์ตมาอยู่ใกล้การประชุมโลก อย่างไรก็ตามในครั้งที่สามนี้เขากับถูกเทเลพอร์ตมายังพื้นที่ที่แตกต่างกันออกไปอย่างสิ้นเชิง แม้ว่าจะยังอยู่ในใจกลางดาร์คเดนก็ตาม

ซือเฟิงส่ายหัวอย่างรวดเร็วและละความสนใจจากเรื่องนี้

เขาใช้ดาร์คเดนเป็นจุดขนส่งและเดินทางไปยังทวีปด้านตะวันออกเท่านั้น และพวกเขาก็จะออกจากดาร์คเดนกันไปอย่างรวดเร็ว ดังนั้นมันจึงไม่สำคัญเลยว่าพวกเขาจะมาถึงที่นี่ตรงไหน

ประตูแห่งความมืดที่ถูกเปิดขึ้นโดยแหวนโมล๊อคนั้นแตกต่างจากประตูแห่งความมืดที่ถูกเปิดขึ้นโดยไบเบิ้ลแห่งความมืด เพราะมันเป็นประตูแห่งความมืดเทเลพอร์ตสองทาง

กล่าวอีกนัยหนึ่งคือตราบใดที่เขาเปิดประตูแห่งความมืดของแหวนโมล๊อค ทุกคนที่เป็นส่วนหนึ่งของทีมเขานั้นก็จะสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ ระหว่างสถานที่ทั้งสองที่เชื่อมต่อกันด้วยประตูแห่งความมืด

ดังนั้นสิ่งเขาต้องทำต่อไปนั้นง่ายมาก

เขาเพียงต้องใช้ม้วนคัมภีร์วาร์ปกลับเมืองเพื่อเทเลพอร์ตกลับไปยังเมืองไวท์ริเวอร์เท่านั้นจากดาร์คเดน แล้วเมื่อเขากลับไปถึงที่เมืองไวท์ริเวอร์ หลังจากนั้นเขาก็จะค่อยใช้ประตูแห่งความมืดอีกครั้งเพื่อเปิดให้เฮลรัชและคนอื่นๆที่ไม่มีม้วนคัมภีร์วาร์ป
กลับเมืองของเมืองไวท์ริเวอร์นั้นสามารถเดินทางไปที่เมืองไวท์ริเวอร์ได้

แม้ว่าวิธีนี้อาจจะใช้ไม่ได้ แต่เขาก็ยังจะสามารถใช้ไบเบิ้ลแห่งความมืดเปิดประตูแห่งความมืดให้เดินทางผ่านทีละสามสิบคนได้ ซึ่งมันก็ยังดีกว่าการใช้ประตูเวทย์มนต์เทเลพอร์ตโบราณ

อย่างไรก็ตามในขณะที่แหวนของโมล๊อคยังคงอยู่ในคูลดาวน์นั้น ซือเฟิงจึงได้ให้สมาชิกของกองกำลังนรกทำการล่ามอนสเตอร์โดยรอบบริเวณนี้และสำรวจป่าฝนไปด้วย แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้อยู่ที่นี่นาน แต่ดาร์คเดนก็ยังคงเป็นสถานที่ที่เหล่าทวยเทพสร้างขึ้น ถึงแม้จะไม่มีการประชุมโลก แต่มันก็ยังมีสมบัติและโอกาสมากมายที่ไม่สามารถหาได้จากโลกภายนอก หากพวกเาโชคดี พวกเขาก็อาจจะได้รับผลตอบแทนจำนวนมหาศาล และอย่างน้อยที่สุดมันก็ยังดีกว่าการนั่งเฉยๆไม่ทำอะไรเลยทั้งวัน

“หัวหน้ากิล มันมีเมืองที่ได้รับการปกป้องด้วยบาเรียเวทย์มนต์อยู่นอกป่าฝน และดูจากลักษณะแล้ว มันก็มีผู้เล่นจำนวนมากไปรวมตัวกันที่นั่น” ไฟเออร์แดนซ์ ซึ่งกำลังนอดแนมอยู่บริเวณใกล้เคียงรายงานผ่านแชททีม

เมืองที่ได้รับการปกป้องด้วยบาเรียเวทย์มนต์ ? รายงานของไฟเออร์แดนซ์นั้นกระตุ้นความสนใจของซือเฟิงอย่างมาก มันเป็นหนึ่งในเขตที่อยู่อาศัยของดาร์คเดนงั้นหรอ ?

จากสิ่งที่เขารู้นั้น ดาร์คเดนควรมีแค่เขตที่อยู่อาศัยไม่ใช่เมือง และเขตที่อยู่อาศัยนั้นก็ดำเนินการแตกต่างจากเมือง NPC กับเมืองที่พบได้ในโลกภายนอก เขตที่อยู่อาศัยนี้นั้นมีความสามารถเฉพาะเป็นของตัวเองและจะมีสินค้าพิเศษเป็นของตนเอง ดังนั้นยิ่งเขตที่อยู่อาศัยได้รับการจัดอันดับสูงเท่าไหร่ มันก็จะยิ่งมีสินค้าพิเศษที่ดีมากขึ้นเท่านั้น

ในขณะเดียวกัน หากเป็นดั่งที่ไฟเออร์แดนซ์รายงาน และเขตที่อยู่อาศัยนี้อยู่ใกล้กับแผนที่เลเวลมากกว่าหนึ่งร้อยนั้น มันก็แปลว่าพวกเขาจะต้องเป็นเขตที่มีระดับสูงมาก

นอกจากนี้ นอกเหนือจากสินค้าพิเศษแล้ว ดาร์คเดนยังอุดมไปด้วยเจ็มสโตน ซึ่งเป็นสิ่งที่ขาดในทวีปหลัก

“หัวหน้ากิล เราควรตรงไปไหม ?” ไฟเออร์แดนซ์ถาม

“แน่นอน” ซือเฟิงกล่าวพลางพยักหน้า “นี่อาจเป็นโอกาสแห่งโชคลาภเลยนะ ..”

ก่อนหน้านี้ซือเฟิงนั้นยุ่งมากอย่างไม่น่าเชื่อ แถมไบเบิ้ลแห่งความมืดนั้นก็ยังจำเป็นต่อการปราบปรามแหวนโมล๊อค ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถจะส่งต่อไบเบิ้ลแห่งความมืดให้คนอื่นได้ เป็นผลให้นอกเหนือจากรายงานเวลาที่เขาออฟไลน์ที่เขาได้รับจากบลู
ฟอร์สและคนอื่นๆเป็นครั้งคราวแล้ว มันก็เป็นเวลานานมากแล้วที่พวกเขาไม่ได้ติดต่อกันโดยตรงระหว่างสภาสิบแปดปีกกับดาร์คเดน

ซือเฟิงนั้นได้รับคริสตัลเวทย์มนต์และเงินมาจำนวนมากจากป้อมปราการแสงดาว และตอนนี้คริสตัลเวทย์มนต์ที่เขามีอยู่ในมือนั้นมันก็มีมากกว่าหกแสนชิ้นแล้ว นี่ยังไม่นับรวมเงินอีกมากกว่าสองแสนเหรียญทอง เขาสามารถที่จะใช้โอกาสนี้ซื้อสินค้าจำนวนมากเพื่อไปขายต่อยังทวีปด้านตะวันออกได้ ยิ่งไปกว่านั้นเจ็มสโตนเพิ่มค่าสถานะยังมีค่ามากกว่าคริสตัลเวทย์มนต์ และยังใช้ประโยชน์ได้มากกว่าสำหรับผู้เล่นด้วย

หลังจากนั้นซือเฟิงก็นำอควาโรสและสมาชิกคนอื่นๆของสภาสิบแปดปีกไปที่เขตที่อยู่อาศัยที่ไฟเออร์แดนซ์ค้นพบทันที

สมาชิกของกองกำลังนรกนั้นไม่ได้แสดงความสนใจในเขตที่อยู่อาศัยเลย และเลือกจะติดตามไปทีหลัง พวกเขานั้นเพียงแค่ต้องการจะล่าและเพิ่มประสิทธิภาพการควบคุมมานาของพวกเขาต่อไปเท่านั้น เพราะท้ายที่สุดซือเฟิงได้บอกพวกเขาแล้วว่าจะต้องออกไปจากที่นี่ในไม่ช้า ดังนั้นพวกเขาจึงจำเป็นจะต้องยึดมั่นในโอกาสนี้และปรับปรุงตัวเองให้มากที่สุด

เขตที่อยู่อาศัยที่ไฟเออร์แดนซ์ค้นพบนั้นอยู่ที่เชิงเขา โดยมันมีภูเขาล้อมรอบสามในสี่ทิศทางที่สำคัญ และเนื่องจากเขตที่อยู่อาศัยจะต้องรับมือกับการโจมตีจากสัตว์ปีศาจอย่างต่อเนื่อง มันจึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าสถานที่แห่งนี้นั้นเป็นสถานที่ตั้งเชิงกลยุทธ์

ในขณะที่กลุ่มของซือเฟิงมาถึงในระยะห่างจากเขตที่อยู่อาศัยหลายร้อยหลา ในที่สุดเขาก็สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน

แม้ว่าเขตที่อยู่อาศัยนี้จะไม่ได้มีขนาดใหญ่โตเป็นพิเศษ แต่มันก็มีขนาดเท่ากับเมืองขั้นสูงเลยในโลกภายนอก และวงเวทย์ป้องกันของมันนั้นก็ทรงพลังอย่างยิ่งโดยมันจะสามารถทนต่อการโจมตีของมอนสเตอร์ระดับเทพนิยายขั้นสี่ได้เป็นเวลานานเลยทีเดียว ซึ่งในแผนที่เลเวลมากกว่าหนึ่งร้อยเขตที่อยู่อาศัยที่เป็นแบบนี้นั้นจะถือว่าเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยมาก

นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมถึงมีผู้เล่นจำนวนมากอาศัยอยู่ในเขตที่อยู่อาศัยนี้ ซือเฟิงนั้นคาดว่าเขตที่อยู่อาศัยนี้น่าจะรองรับผู้เล่นได้มากกว่าสองแสนคน

ยิ่งไปกว่านั้นผู้ที่พักอยู่ในเขตที่อยู่อาศัยนี้ก็ยังมีความแข็งแกร่งมากๆ แม้แต่ผู้เล่นที่มีเลเวลต่ำที่สุดที่ซือเฟิงพบก็ยังอยู่ในเลเวลหนึ่งร้อยสี่ ขณะที่ผู้เล่นส่วนใหญ่นั้นก็มีเลเวลหนึ่งร้อยหกและหนึ่งร้อยเจ็ด ซึ่งเลเวลขนาดนี้นั้นสามารถจะเทียบได้กับผู้เชี่ยวชาญระดับสูงของมหาอำนาจต่างๆในโลกภายนอกได้เลย แถมผู้เล่นในเขตที่อยู่อาศัยนี้ยังมีอุปกรณ์ครบครัน โดยที่อ่อนแอที่สุดในหมู่พวกเขานั้นคืออุปกรณ์ระดับเหล็กลึกลับ เลเวลหนึ่งร้อย ขณะที่มีบางคนส่วนสวมใส่และใช้อาวุธกับอุปกรณ์ระดับไฟน์โกล เลเวลหนึ่งร้อยด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตามด้วยเหตุผลบางประการอาวุธกับอุปกรณ์ส่วนใหญ่ของผู้เล่นเหล่านี้นั้นหยุดลงที่เลเวลหนึ่งร้อยทั้งหมด และมันมีผู้เล่นเพียงแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่มีอุปกรณ์เลเวลหนึ่งร้อยห้า ในความเป็นจริง แม้แต่อุปกรณ์ระดับเหล็กลึกลับเลเวลหนึ่งร้อยห้าก็ยังหายากอย่างไม่น่าเชื่อ
เมื่อกลุ่มของซือเฟิงมาถึงทางเข้าของที่อยู่อาศัย นักดาบหญิงขั้นสามที่ดูสวยและสง่างามก็เดินเข้ามาหาเขา

“ฉันเชื่อว่าคุณเป็นเพื่อนร่วมทีมของรองหัวหน้าบลูฟรอสต์ใช่ไหม ? ฉันรอคุณมานานแล้ว !!!” นักดาบหญิงกล่าวอย่างตื่นเต้น “แล้วเมื่อไหร่รองหัวหน้ากิลบลูฟรอสต์จะมาถึง ?”

“บลูฟรอสต์ ?” ซือเฟิงนั้นอดไม่ได้ที่จะสันสนกับสถานการณ์นี้

นักดาบหญิงตรงหน้าของเขานั้นแข็งแกร่งมาก เธอไม่เพียงแต่จะอยู่ในมาตราฐานของขอบเขตรวดเร็วดั่งสายน้ำ แต่เธอยังเหลืออีกเพียงแค่ก้าวเล็กๆเท่านั้นเธอก็จะเข้าสู่ขอบเขตอนันต์ได้แล้ว

เมื่อนักดาบหญิงเห็นความสับสนบนใบหน้าของซือเฟิง เธอก็ชี้ไปที่สัญลักษณ์หกปีกที่ติดอยู่ที่หน้าอกของเขา และถามอย่างแปลกๆว่า “คุณไม่ใช่เพื่อนของรองหัวหน้า
กิลบลูฟรอสต์งั้นหรอ ?”

ในระยะนี้ของเกมนั้น ผู้เล่นขั้นสามยังคงหายากอย่างไม่น่าเชื่อ และผู้เล่นขั้นสามที่สวมตราสัญลักษณ์กิลของสภาสิบแปดปีกนั้นยิ่งหายาก ดังนั้นเธอจึงสรุปได้ว่ากลุ่มของซือเฟิงควรเป็นเพื่อนของบลูฟรอสต์

“พวกเป็นเพื่อนกันนั่นแหละ แต่ก็ไม่ใช่ในแนวที่คุณคิด …” ซือเฟิงอธิบาย

“แปลว่าทีมของรองหัวหน้ากิลบลูฟรอสต์จะมาถึงไม่ทันเวลาสินะ …” นักดาบหญิงนั้นรู้สึกหดหู่เล็กน้อย เมื่อได้ยินคำพูดของซือเฟิง

ในขณะเดียวกันตอนที่นักดาบหญิงพูดจบ เสียงที่ชัดเจนก็ดังขึ้นมาจากระยะทางสั้นๆ

“เกรซฟูล ฉันบอกไปแล้วนี่ว่าแทนที่จะเชิญบลูฟรอสต์จากสภาสิบแปดปีกมา มันจะดีกว่าถ้าเชิญรองหัวหน้ากิลของจักรพรรดิคริมสันอย่างอิลูซะรี่เวิร์ดมา แต่เธอก็ไม่ฟังฉัน !!! ตอนนี้เราจบสิ้นแน่ๆแล้ว !!!”