มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 529
“แก๊ง!”

นิ้วของทั้งสองปะทะเข้าหากันกลางอากาศ การโจมตีของจูชิงหายวับไปกับตาอย่างง่ายดาย

กลางท้องฟ้าสูง จูชิงที่ยืนอยู่กลางฟ้าขมวดคิ้วเข้าหากัน เขาเป็นถึงผู้แข็งแกร่งมกุฎยุทธ์ขั้น 7 แต่อีกฝ่ายกลับรับมือการโจมตีของตนได้ เห็นได้ชัดว่าระดับการฝึกตนของเขาไม่ธรรมดา

ผู้ลาดตระเวนในระดับเทียบเท่ากัน พลังของฉีฝ่าเทียนกลับแข็งแกร่งกว่ามู่จื่อซิวมากกว่าหนึ่งขั้น

ชั่วเวลาเพียงพริบตาเดียว ผู้แข็งแกร่งมกุฎยุทธ์ทั้งสองได้ต่อสู้กันกลางท้องฟ้าไปแล้วไม่ต่ำกว่าสิบยก

ทันใดนั้นเอง ปลายนิ้วของฉีฝ่าเทียนปรากฏเปลวไฟสว่างไสวดวงใหญ่พุ่งทะยานออกมา ทุกที่ที่มันเคลื่อนผ่านแปรเปลี่ยนกลายเป็นผุยผงอย่างน่าหวาดหวั่น

“พลังกฎธาตุทอง?”

จูชิงหน้าถอดสี เขาสัมผัสได้ว่าเปลวไฟสว่างลุกโชนนั้นแฝงไปด้วยพลังงานอันน่าหวาดหวั่นที่ทำให้เขารู้สึกหวาดกลัว

มกุฎยุทธ์ที่สามารถใช้พลังแห่งกฎเอาได้นั้น ในแดนเดียวกันนับว่ายากที่จะหาคู่ต่อสู้ที่เทียบเท่าได้ เว้นเสียแต่ว่าอีกฝ่ายจะใช้พลังแห่งกฎได้เช่นเดียวกัน ก็ต้องมาดูว่าพลังแห่งกฎของใครจะเหนือกว่ากัน

เมื่อนึกมาถึงตรงนี้ จูชิงก็เริ่มรู้ตัวแล้วว่าตัวเองไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉีฝ่าเทียน จึงตั้งท่าจะคิดหนี

ทว่าเขายังไม่ทันจะได้ถอยหนี แสงค่ายกลก็ได้ร่วงหล่นลงมาจากฟากฟ้าปิดทางหนีของเขาเอาไว้

“สำนักไท่เสวียนของข้ากำลังจัดพิธีเปิดสำนักเขาอยู่ ไม่ใช่ว่าเจ้าคิดจะมาก็มา คิดจะไปก็ไปได้ง่ายๆ”

หลัวซิวแสงแข็ง ร่างของเขาเริ่มสั่นคลอน เขาแหวกผ่านอากาศ ภายในชั่วพริบตาก็ไปปรากฏอยู่ตรงหน้าของจูชิงแล้วปล่อยหมัดเข้าใส่เขาอย่างจัง

“เป็นแค่จักรพรรดิยุทธ์ กล้าดีอะไรมาอวดดีกับข้าแบบนี้” จูชิงยังคงกล่าวออกไปด้วยน้ำเสียงดูแคลน เขาเป็นผู้แข็งแกร่งมกุฎยุทธ์ช่วงปลายแล้ว แม้ว่าที่นี่จะมีค่ายพิทักษ์เขาขั้น 7 หากเขาคิดจะหนี ใครจะขวางเขาเอาไว้ได้หรือ

ทว่าเมื่อเขาสัมผัสได้ถึงพลังงานอันน่ากลัวของหมัดของหลัวซิวที่โจมตีมา สีหน้าของเขาก็ถอดสีอย่างฉับพลัน

หมัดๆ นี้ หลัวซิวใช้พลังของลูกแก้วเสวียนดำ แถมยังเสริมด้วยพลังแปรเสวียนเทียนยี่สิบสี่เท่า รวมทั้งยังมีร่างเนื้อในร่างยุทธ์แดนมกุฎที่แข็งแกร่ง ทั้งความเร็วและกำลังต่างแข็งแกร่งมากอย่างที่สุด

ไม่เพียงเท่านี้ ในการโจมตีของหลัวซิวยังแฝงไปด้วยกฎการเวียนว่ายตายเกิด รวมทั้งความลึกลับของวิชาสังหารไท่เสวียน

ระหว่างที่จูชิงกำลังมีสีหน้าตื่นตระหนก เขารีบกระตุ้นพลังจิตแท้ให้ผนึกรวมกลายเป็นโล่สีเลือด เพื่อที่จะรับมือหมัดของหลัวซิวที่กำลังโจมตีเข้ามาในระยะประชิด

ตู้ม!

แรงระเบิดอันรุนแรงสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งท้องฟ้า โล่ที่เกิดจากการผนึกรวมของพลังจิตแท้สีเลือดได้แหลกละเอียดกลายเป็นจุนภายในชั่วพริบตาเดียว

ต่อจากนั้นทันทีการโจมตีที่รุนแรงของหมัดหลัวซิวได้กระแทกเข้าที่กลางอกของจูชิงเข้าอย่างเต็มแรง

ร่างของอีกฝ่ายลอยละลิ่วไปราวกับว่าวที่หลุดออกจากด้าย โลหิตสดพุ่งทะลักออกมาจากปาก เสียงกระดูกแตกทำให้ผู้ที่ได้ยินต่างพากันขนหัวลุก

จูชิงยังไม่ทันที่จะตั้งตัวได้ ร่างของหลัวซิวก็ได้มาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าของเขาอย่างรวดเร็ว แล้วใช้นิ้วกดลงที่หว่างคิ้วของเขา

พลังของกฎการเวียนว่ายตายเกิดทะลักเข้าสู่ร่างกายของเขา ฝังผังลายชีวิตของจูชิงเอาไว้ทันที ทำให้การฝึกตนถึงแดนมกุฎยุทธ์ช่วงปลายของเขาถูกกักขังเอาไว้ภายในร่าง ไม่สามารถขยับเขยื้อนได้อีก

“ทหาร มาจับตัวคนคนนี้ไปแล้วขังเอาไว้”

หลัวซิวไม่คิดจะสังหารเขา สิ้นเสียงก็มีลูกศิษย์นอกสำนักสองคนเดินออกมาแล้วจับตัวจูชิงที่ไม่สามารถขยับเขื้อนตัวได้ไป

หากก่อนหน้านี้การที่หลัวซิวสังหารอาจารย์เสวียนหยางได้ ทำให้ทุกคนที่เห็นต่างพากันรู้สึกตื่นตะลึง

เช่นนั้นตอนนี้การทำร้ายมกุฎยุทธ์ช่วงปลายจนได้รับบาดเจ็บแถมยังปิดการฝึกตนของเขาเอาไว้แล้วจับเป็น ทำให้ทุกคนที่เห็นไม่ได้รู้สึกเพียงตื่นตะลึงอีกต่อไป แต่รู้สึกหวาดกลัวอย่างมาก

แววตาของฉีฝ่าเทียนเริ่มวับไหวขั้นมา ตัวเขาเองก็เป็นมกุฎยุทธ์ช่วงปลายคนหนึ่งเช่นกัน ก่อนหน้าตอนที่ต่อสู้กับจูชิง เขามั่นใจว่าหากเขาไม่ได้ใช้พลังแห่งกฎ อย่างมากเขาก็คงทำได้แค่เพียงเสมอกับอีกฝ่ายเท่านั้น

“หมายความว่า หากผู้ลาดตระเวนอย่างข้าต่อสู้กับหลัวซิวก็อาจจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาด้วยงั้นหรือ” บทสรุปเช่นนี้ ทำให้ฉีฝ่าเทียนรู้สึกว่าหลัวซิวล้ำลึกอย่างหยั่งถึง

ครั้งนี้ที่เขาตัดสินใจมาที่พิธีเปิดสำนักเขา เป็นเพราะว่าผู้ลาดตระเวนเห็นความสำคัญของเด็กหนุ่มคนนี้ จึงตั้งใจมาเพื่อที่จะเชื่อมความสัมพันธ์

แต่เขาไม่ได้คาดคิดมาก่อนว่า พลังของเด็กหนุ่มคนนี้จะน่าหวาดกลัวมากขนาดนี้

บทที่ 528

บทที่ 530