” มิใช่ปัญหา “

ดวงพระเนตรดิ่งลึกครุ่นคิด  พระองค์แย้มสรวลและตรัส

” หลิงน้อยคือบุตรตรีข้า  ข้าจักทำลายล้างทุกสกุลที่ทำร้ายนาง ทุกผู้ที่อาจหาญลองดี ! “

 

ขุนนางเหวินถอนหายใจโศกเศร้า

บางคนก็แสดงตนว่าพวกเขามิได้เกรงกลัว  และท่านนั้นมิสามารถพอจะทำลายสกุลของพวกเขา  จะช่วยลูกสาวของท่านได้อย่างไร หากท่านทำลายสกุลหลังจากพวกเขาสังหารองค์หญิงไปแล้ว ?

 

ดูเหมือนว่า พระองค์เลือกเดินเส้นทางนี้อย่างแน่นอน

 

การประมูลเดินทางมาถุงจุดสิ้นสุด  เหล่าองค์ชายทำดีที่สุดและทำลายมันไปแล้ว  มีคนจำนวนหนึ่งไม่มีความสุขเพราะเรื่องนั้น หยางมู่ คือผู้หนึ่ง แต่กระนั้น ผู้คนส่วนใหญ่มีความสุขและพึงพอใจ และเริ่มเดินออกไป

 

นายน้อยจวินเกือบหัวเราะขณะเขามองขุนพลตู่กู้หลบฉากออกไปด้วยความสามารถดั่งวิญญาณ ลูกชายเขาติดตามไปดั่งหมอกควัน  ตู่กู้เซี่ยวอี้ ยังคงอยู่เบื้องหลัง และเดินขึ้นมาชั้นบน

 

” ถังหยวนและ ซ้งฉาง ขึ้นมาที่นี่เมื่อทุกสิ่งเสร็จสิ้น  ข้ามีบางสิ่งที่ต้องจัดการ “

จวินโม่เซี่ยดูจริงจัง นี่เป็นเพียงการประมูล  อย่างไรก็ตาม จวินโม่เซี่ยแอบคิดว่า

มีบางสิ่งผิดพลาด ?  นี่อาจมิใช่เรื่องเล็กน้อย ?

 

เพียงหนึ่งผีเสื้อตัวเล็ก อาจก่อผลกระทบตามมา เช่นนั้นจะเกิดสิ่งใดขึ้นหากการจัดการของหอชนชั้นสูงมีบางสิ่งผิดพลาดในช่วงเวลาอันสำคัญนี้ ?  ไม่ง่ายที่จะเปลี่ยนแปลง

 

” ท่านน้าสาม ท่านต้องออกไปข้างนอกเพื่อจัดการบางสิ่ง  พวกเราจัดต้องจัดคนงานใส่ใจทุกสกุลที่กำลังแยกย้ายไปจากที่นี่  พวกเขาจะต้องติดตามว่าผู้ใดบ้างที่สกุลเหล่านี้ติดต่อด้วย  จากนั้น พวกเขาจักต้องล่าถอย  ไม่ทิ้งเบาะแสใดไว้เบื้อหลัง  ทุกผู้จักต้องรีบรวบรวมข้อมูลทั้งหมดที่สามารถหาได้  ข้าเชื่อว่าทุกสกุลที่ทรงอำนาจในนครเทียนเชียงมาที่นี่  และนี่คือโอกาสชั้นเลิศที่จะได้ประเมินความแข็งแกร่งที่แท้จริงและเครือข่ายของพวกเขา  มันจะทำให้อิทธิพลของเขาชัดเจน  ท่านจักต้องเตรียมการท่านน้า  ห้ามมีสิ่งใดผิดพลาด “

 

” ข้าเข้าใจ  ข้าจะระมัดระวัง “

ใบหน้าจวินวูอี้จริงจังขณะเขาพยักหน้า

 

” มีเพียงสี่ผู้ในที่นี้รู้ว่าข้าอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ ถังหยวน ท่านน้าสาม ซ้งฉาง และ องค์รัชทายาท ท่านน้าไม่มีปัญหาใด  ถังหยวน และ ซ้งฉาง จะดีขึ้นเมื่อข้าให้คำแนะนำ  เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวอาจมีความคิดหยาบกระด้าง แต่เขามิใช่ปัญหา … “

สมองของจวินโม่เซี่ยยุ่งอยู่กับการคิดคำนวน แต่เขาไม่พูดความคิดของเขามา  เขามองไปรอบๆ และสายตาหยุดลงที่หยางมู่  บังเกิดความคิดขึ้น

” หยางมู่ ข้ากำลังจะเขียนบางสิ่งอย่าง  ขอให้เจ้าส่งมันให้พ่อของเจ้าเมื่อถึงบ้าน  ห้ามมิให้ผู้ใดได้เห็น “

 

หยางมู่ ตกปากรับคำคอตก

 

” โอ้ และยังมี ไฮ่เฉินเฟิง แต่เขาคือยอดฝีมือสวรรค์เชวียน … “

จวินโม่เซี่ยไม่มีเวลาสนใจความโศกเศร้าของหยางมู่ เนื่องจากเขายังคงติดอยู่ในวังวนครุ่นคิดแผนการ

 

จักต้องตระเตรียมเพื่อรับมือกับปัญหาในภาคหน้า หากต้องการจะดำรงไว้ซึ่งชัยชนะ

 

มีผู้คนมากมายอยู่ที่นั่น  และจวินโม่เซี่ยสัมผัสได้ราวกับมีบางคนจ้องมองเขาอยู่  ทันใดนนั้น ดวงตาของเขาก็หยุดลงที่ชายชุดดำสองคนที่ยืนอยู่เบื้องหลังองค์หญิงหลิงเมิง และความรู้สึกถึงวิกฤตการณ์ก่อตัวขึ้นในหัวใจของเขา

 

การประมูลจบลงแล้ว เหล่าแขกเหรื่อเริ่มเดินทางกลับ  องค์ชายทั้งสามจากไปแล้ว  ความจริง องค์ชายสามคือผู้แรกที่จากไปเนื่องจากร้อนร้นจะแสดงความกตัญญูต่อพ่อของเขา  แต่กระนั้น องค์หญิงยังคงนั่งเงียบอยู่บนเก้าอี้  องค์หญิงไม่เคยชอบวิธีการที่พี่ทั้งสามของนางต่อสู้กันเพื่อตำแหน่งจักรพรรดิ  ในความจริง นางไม่เคยประสงค์จะมายังสถานที่นี้หากมิใช่ความคิดของท่านพ่อ

 

คนเหล่านี้คือพี่ๆของข้า และเขาคือพ่อของข้า  เหตุใดพวกเขาจึงไม่สนิทชิดเชื้อกัน ? เหตุใด …. เหตุใด …

 

ทันใดนนั้น องค์หญิงหลิงเมิงสัมผัสได้ถึงความโดดเดี่ยวและอับจนหนทาง  นางมักจะมองหา ตู่กู้เซี่ยวอี้  หรือสหายคนอื่นๆของนางเพื่อค้ำจุน  แต่กระนั้น นางก็ยังคงต้องการไหล่ที่แข็งแกร่งเพื่อแอบอิง …

ข้าจักหาคนเช่นนั้นได้ที่ใด ?

 

องค์หญิงหลิงเมิง งดงามและแจ่มใสเสมอ  อย่างไรก็ตาม อดไม่ได้ที่น่าจะรู้สึกอนาถใจในช่วงเวลานี้  นางเอื้อมมือไปแตะเข้ากับมีดบินที่สี่เล่ม  ราวกับมีดที่เป็นของชายลึกลับผู้นั้นคือสิ่งเดียวที่สามารถปลอดประโลมนางได้  นางรู้สึกราวกับใบมีดอันเยือกเย็นนี้ปกปิดความอบอุ่นในร่างของชายผู้นั้น …

 

ชายชุดดำจากไปครู่ใหญ่  ความจริงแล้ว ขุนนางหวินและองค์จักรพรรดิจากไปก่อนกลุ่มคนอื่นๆ  เดิมที องค์หญิงไม่มีสิทธิแทรกแซงสถานที่ ที่พวกเขาไป

 

สาวใช่ขององค์หญิงรู้ว่านางมิได้ออกจากวังเป็นเวลาเนินนานแล้ว  ดังนั้น องค์หญิงก็มีโอกาสได้ออกมาภายนอกในที่สุด  ด้วยเหตุนี้ สาวใช้จึงยืนเคียงข้างนาง และเฝ้าดูผู้คนสลายตัวอย่างอดทน  โถงเริ่มโล่งขึ้นในที่สุด แท้จริงแล้วมันเริ่มว่างเหล่าอย่างผิดปกติ  ไม่นาน กลิ่นหอมหวานของหมู่มวลบุปผาเข้ามาแทนที่กลิ่นของสุรา  โถงนั้นเริ่มดูสง่างามขึ้นมาอีกครั้ง ขณะที่กลิ่นของผู้คนจางหาย

 

แสดงส่องสว่างของโถงประหนึ่งปลดปล่อยความลับของใครบางคน

 

ดนตรียังคงบรรเลง  ความอ่อนโยนของมันบอกเล่าความโศกเศร้าและโดดเดี่ยวของคนรุ่นเก่านานนับพันปี ….

 

องค์หญิงหลิงเมิงนั่งไร้วาจาขณะนางฟังอย่างสงบ บทเพลงเหมือนจะทำให้ร่างของนางโดดเดี่ยวและเปราะบาง …

 

นายน้อยจวินได้จัดหาคนเพื่อคุ้มกันหยางมู่กลับจวน  เด็กชายผู้นี้อดทนมากมายในวันนี้ และต้องประสบกับเคราะห์ร้ายอย่างใหญ่หลวง  เขามาที่นี่ด้วยความเบิกบานหวังให้ตัวเองมีความสุข  แต่กระนั้น เขาต้องกลับไปพร้อมด้วยบาดแผลในใจมากมาย  สำหรับเด็กสิบขวบปี ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่คือสิ่งที่โหดร้าย

 

อย่างไรก็ตาม นายน้อยจวินมิได้พยายามปลอบโยนเขา ปล่อยให้เขาคิดไปในสิ่งที่ทำให้มีความสุขอีกครั้ง

 

กระบี่จำต้องลับคม พลัมบุปผาต้องการเหมันตฤดูเพื่อเฉิดฉาย  ไม่มีผู้ใดสามารถก้าวขึ้นสูงสุดโดยไม่ขัดเกลาตัวเอง

 

เด็กน้อยเติบโตได้จักต้องอาศัยมานะ  ความอัปยศคือการหวานเมล็ดลงในใจที่ละเอียดอ่อนและไร้เดียงสาของเขา  ชัดเจนว่าเขาประสบกับปัญหาใหญ่ในวันนี้  แต่กระนั้น ความอัปยศนี้ย่อมนำไปสู่การเติบโตที่แท้จริง  การอดกลั้นในเรื่องนี้จะคุ้มค่าต่อเขาเมื่อเวลามาถึง … ไม่สำคัญว่าอนาคตจะยื่นสิ่งใดมา

 

จำต้องใช้ประสบการณ์มากมายก่อนเด็กน้อยจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่แท้จริง

 

มันเป็นเพียงความคิด … โลกมิอาจตกต่ำจากความรู้สึกงดงาม แต่กระนั้น เพียงผู้ที่จะไม่เพิกเฉยเท่านั้นจึงควรค่าแก่การเล่นเกมส์ชีวิต  ผู้คนมิเคยทะเยอทะยานอย่างแท้จริง  ผู้หนึ่งจะลุกขึ้นเหนือผู้อื่นเมื่อเขามิอาจทนการโดนกดขี่  ผู้คนจะพยายามปีนป่ายเมื่อเขาสัมผัสถึงการพ่ายแพ้ที่เหยียบย่ำลงมา

 

ทุกสิ่งมีเหตุ และทุกเหตุสามารถก่อเกิดเป็นผล

 

ผู้หนึ่งมิอาจร้องขอความช่วยเหลือจากผู้อื่นได้เสมอเมื่อต้องอดทนกับความเจ็บปวด

 

ยิ่งไปกว่านั้น มือสังหารจวิน มิชอบแทรกแซงเส้นทางของพระเจ้า

 

การชมเชยก็สิ่งหนึ่ง ความช่วยเหลือก็สิ่งหนึ่ง  ข้าไม่ต้องการช่วยเหลือเจ้า หากเจ้ามิสามารถทนต่อความเจ็บปวด  หากเจ้าตาย เจ้าก็จะตาย  ข้าจะไม่สังเวชในการตายของเจ้า หากเจ้ามิอาจยืนหยัดได้ด้วยตัวเอง  แม้แต่คนที่ดีก็มิอาจยกเว้น !

 

ท้ายที่สุด มีคนดีมากมายตายในทุกวัน

 

นายน้อยจวินคิดกับตัวเอง

ข้าไม่ต้องการช่วยเขา ข้ามิใช่ผู้ไถ่บาป  หากจะช่วยชีวิตเขา … เขาจะต้องไม่มองหาความช่วยเหลือจากข้า

 

ถังหยวนกำลังเบิกบานขณะขึ้นมาชั้นบน  ใบหน้าอวบอ้วนของเขาแดงก่ำด้วยความตื่นเต้น  เขาตะโกน

” กำไรมหาศาล  กำไรมหาศาลจริงๆ … ว้าว … ฮ่าฮ่า … ข้าคาดว่าเพียงแค่ทำเงินส่วนหนึ่ง  แต่ข้ามิคาดว่าจะมากมายเช่นนี้ !  ช่างมีความสุขยิ่ง ! “

ถังหยวนกระโดดขึ้นทันทีขณะเขาคำรามใส่จวินโม่เซี่ย

” เก้าสิบล้าน เก้าสิบล้านถ้วน !  ฮ่า ฮ่า ฮ่า … “

 

ดูราวกับเจ้าอ้วนเป็นโรคประสาทหวาดผวา  นายน้อยจวินถือมาเสมอว่านิสัยของเจ้าอ้วนนั้นมิถูกต้องนัก

 

เงิน…มิใช่ผิดบาปดั้งเดิม !

 

ใบหน้าซ้งฉางหม่นหมอง แท้จริงแล้ว หาร่องรอยแห่งความสุขเลยไม่  ความคิดของ ซ้งฉางนั้นตรงข้ามกับเจ้าอ้วน

เกือบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะหาสุราที่วิเศษเช่นนี้ !  การขายมันให้แก่เหล่าผู้ที่เรียกว่า ชนชั้นสูงนั้น คือความไร้ค่า จะวัดค่าของสุราสวรรค์เพียงแค่ค่าเงินได้อย่างไรกัน ?  การตีค่ามันด้วยเงินมิต่างอันใดกับการดูหมิ่น !

 

แต่กระนั้น เขาก็มิได้ไม่เชื่อฟัง เนื่องด้วยนายน้อยคือผู้ออกคำสั่ง

 

ตู่กู้เซี่ยวอี้ จวนกระโดดด้วยความสำราญ ราวกับความสำเร็จในการประมูลที่จัดโดยจวินโม่เซี่ยนั้นนำความสำราญมาสู่นางมากยิ่งกว่าความสำเร็จได้ที่นางเคยประสบ

 

” อะไร ? “

จวินโม่เซี่ยยิ้มส่งถังหยวน

” ส่วนแบ่งกำไรของเจ้านั้นหลายสิบล้าน  แล้วเจ้าประสงค์จะทำสิ่งใด ? “

 

” สิ่งที่ข้าจะทำ ? “

ดวงตาถังหยวนหรี่ด้วยครุ่นคิด  จากนั้นเขาเอ่ยไม่เห็นแก่ตัว

” ใช่ เอ่อ  เหตุใดไม่เป็นเช่นนั้น !  ข้ามีความใฝ่ฝันหนึ่งสิ่ง  แต่ข้ามิเคยมีเงินมากพอจะทำมัน  สกุลของข้ามิเคยให้เงินแก่ข้ามากมาย เช่นนั้นข้าจึงมิอาจทำตามความฝันนี้ได้ “

 

เจ้าอ้วนถอนหายใจ ขณะความหลงไหลปรากฏขึ้นในดวงตา  แต่กระนั้น มีแววตาแห่งความไม่พอใจตามมา  บางทีอาจคือแววตาแห่งความผ่อนคลาย ทั้งความสุขที่กำลังจะเข้าใกล้ความฝันที่เขาหวังมายาวนาน … แต่ยังคงมีความกังวล …

 

” ความคิดอันยอดเยี่ยมนี่คือสิ่งใด ?  บอกข้า “

จวินโม่เซี่ยมิอาจกลั้นความสนใจ  แม้นเหมือนเขาถามไม่ตั้งใจ เขายังคงอยากรู้ว่าความฝันของถังหยวนแท้จริงแล้วคือสิ่งใด  ถังยวนรู้จักจวินโม่เซี่ยดีในเรื่องกิจกรรมที่สังคมมิอาจยอมรับ  แม้นว่าจวินโม่เซี่ยจะมิได้สนใจความฝันอันยาวนานของถังหยวน แต่เขายังมิอาจปกป้องตัวเองจากความฝันอันสกปรกที่ถังหยวนฝังไว้ในใจเขามานานได้

 

ความคิดที่ข้ามขั้วกันนี้แปลกประหลาดยิ่ง

 

” ข้ากำลังคิดว่า … ตอนนี้ข้ามีเงินบ้างแล้ว … และเงินเหล่านั้นเป็นของข้าจริงๆ .. มากมายอย่างแท้จริง … เพียงพอที่ข้า … “

ถังหยวนเศร้าลงทันที  ราวกับเขากำลังตกอยู่ในบรรยากาศกดดัน  ตู่กู้เซี่ยวอี้ ชื่นชอบการล้อเล่นของเจ้าอ้วนอย่างมาก  แต่กระนั้น นางยังคงเงียบปากไว้เพื่อหวังรอให้เจ้าอ้วนผ่อนคลายลงเล็กน้อย

 

” … ข้าไปยัง ทะเลสาปหมอกวิญญาณ อยู่บ่อยครั้ง และทุกสถานประกอบการมีหญิงสาวที่ขายตัว อย่างไรก็ตาม พวกนางที่ขายตัวไม่เคยไปรวมกันอยู่ในสถานที่เดียว  ผู้หญิงส่วนใหญ่เพียงแค่ร้องเล่นเต้นรำ  พวกนางจะเหลือบสายตาเกี้ยวพาตรงมายังข้า และแสดงความสนใจที่จะโดนกระทำ  แต่กระนั้น  พวกนางมักจะปฏิเสธแม้นว่าข้าจะเสนอเงินมากมาย “

ถังหยวนตีริมฝีปาก  ราวกับความคิดของเขาจะสำราณไปกับฉากที่งดงงาม

 

ทุกผู้ยังคงเงียบงัน ใบหน้าพวกเขาบูดเบี้ยวแปลกประหลาด

 

เขาช่างคู่ควรสมญานามเสเพล  มีสิ่งใดอีกที่จะคาดได้ว่าคือปรารถนาของเจ้าอ้วน …

 

” ข้ามิอาจทนต่อหญิงสาวผู้ที่กระทำส่อเสียดเช่นนี้กับชายหนุ่มทุกผู้ได้ “

ดูราวถังหยวนมีโทสะ

” พวกนางคือโสเภณี และควรพร้อมจะขายร่างกายของนาง  แต่กระนั้น พวกนางบางคนกับแขวนป้ายไว้ และเอ่ยเพียงแต่เป็นนักบันเทิง … และมิใช่โสเภณี  ข้ามิควรกระโดดไปยังสถานประการอื่นหากเงินมิใช่ปัญหา ?  …. หญิงเหล่านั้นคิดว่าตัวเองคือนักบุญกระนั้น ? “​

 

ทุกคนยังคงเงียบ แต่คำพูดของเจ้าอ้วนยังดูเหมือน….มีเหตุผล

 

” หากไม่เพราะเงิน และพวกนางใส่ใจกับการดูแย่ต่อหน้าผู้อื่น … พวกนางควรจะหาชายหนุ่ม และแต่งงาน  มันจะไม่เป็นการทำให้ชีวิตพวกนางสุขสบาย และปลอดภัยหรือ ?  แน่นอนเช่นนั้น !  ผู้ให้ความบันเทองเหล่านี้คือโสเภณี  ข้าจะฝังพวกนางด้วยกองเงิน และดูว่าพวกนางจะขายตัวหรือไม่ ! “

น้ำเสียงของถังหยวนดูจะเต็มไปด้วยความโศกเศร้าและขุ่นเคือง