ตอนที่ 885

The Divine Nine Dragon Cauldron

DND.885 – คุณสมบัติของหยกแก่นเพลิง
  น้ำกับไฟหลอมรวมกันอย่างสมบูรณ์แบบและสุดท้ายก็ได้กลายเป็นจี้ที่มีไฟลุกไหม้ภายในอยู่ที่มือของซือหยู แก่นเพลิงข้างในนั้นมิได้เผาหรือทำร้ายซือหยูแต่อย่างใด
  นี่คือสภาวะสมดุลที่ตำราโบราณกล่าวไว้มันคือการหลอมรวมสมบัติวิถีวารีโดยไม่เสียแก่นเพลิงแม้แต่ส่วนเดียว ต้องเป็นสภาวะนี้เท่านั้นจึงจะหลอมรวมกับร่างกายได้อย่างปลอดภัย
  แล้วก็มาถึงขั้นสุดท้ายซือหยูกลืนจี้หยาดเพลิงเข้าไป ความรู้สึกอันสดชื่นกำลังชำระล้างทั้งร่างกายของเขา
  หยาดเพลิงได้หลอมรวมเข้ากับสายโลหิตของซือหยูและแล่นผ่านโลหิตไปยังหัวใจมันหยุดอยู่ในหัวใจเมื่อซือหยูใช้พลังชีวิต จากนั้นเขาจึงหลอมรวมหยาดเพลิงเข้าสู่ร่างกายช้าๆ ตามที่ตำราโบราณเขียนเอาไว้ จนสุดท้ายมันก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายเขา
  ขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนที่ช้าและยาวนานมันจบลงเมื่อถึงเช้าวันถัดไป ซือหยูลืมตาขึ้น เพลิงได้ลุกไหม้ในดวงตาของเขา ขณะที่ปีกเพลิงที่มองเห็นได้ด้วยตาโบกสะบัดที่แผ่นหลังไปครู่หนึ่ง
  คลื่นความร้อนอันน่าตกใจถูกปล่อยออกมาจากตัวเขาและพุ่งออกไปจากห้องจ้าวเทวะระดับหนึ่งหลายคนที่อยู่ด้านนอกที่กำลังคุ้มกันห้องอยู่นั้นต่างหวาดกลัวและรีบถอยห่าง
  “ความร้อนนั่นมันอะไรกัน?ทำไมมันถึงร้อนอย่างนี้? ซือหยูเซี่ยนทำอะไรข้างในห้องหรือ?”
  จ้าวเทวะคนหนึ่งพูดขึ้นมา
  พวกเขาล้วนงุนงงยิ่งไปกว่านั้น สัญชาตญาณยังบอกพวกเขาว่าซือหยูกำลังอยู่ในห้องที่เต็มไปด้วยเพลิงที่สามารถสังหารพวกเขาได้ทุกคน!
  ในบรรดาจ้าวเทวะทั้งหมดมีเพียงจ้าวเทวะระดับสองเท่านั้นที่ยังไม่แตกตื่น แต่พวกเขาก็สับสน
  ด้านในห้องซือหยูยิ้มจางๆ หลังจากชำระหยาดเพลิงสเข้าสู่ร่างกายทั้งวันทั้งคืน เขาก็หลอมรวมมันได้ทั้งหมด
  หยาดเพลิงนั้นยังคงอยู่ในหัวใจของซือหยูแต่เขาสามารถควบคุมมันได้ เพียงแค่คิด หยาดเพลิงก็จะปล่อยพลังอัคคีส่วนหนึ่งออกมา ซึ่งนั้นจะส่งผ่านมายังร่างกายและปลดปล่อยสู่ภายนอก ยิ่งไปกว่านั้นซือหยูยังพอใจมากที่คุณสมบัติของแก่นเพลิงนี้คือการบิน ปีกเพลิงที่ปรากฏบนแผ่นหลังของเขาคือเครื่องพิสูจน์
  เหนือไปกว่านั้นมันมิใช่ปีกธรรมดาๆ ความร้อนที่มันส่งผ่านมานั้นเหนือกว่าจ้าวเทวะชั้นกลางและเทียบได้กับจ้าวเทวะชั้นสูง หรือพูดอีกอย่างก็คือ ถ้าหากจ้าวเทวะชั้นสูงไม่มาตามล่า เขาก็จะหนีได้อย่างง่ายดายทุกเมื่อ
  จิตใจซือหยูผ่องใสเมื่อคิดถึงสิ่งสำคัญที่สุดของการบ่มเพาะพลัง มันหาใช่วิชาโจมตี สมบัติ หรือตัวฐานพลังเองเลย ชีวิตต่างหากที่สำคัญที่สุด
  ยิ่งมีฐานพลังสูงเท่าใดคนผู้นั้นก็ยิ่งเข้าใจหลักการนี้ดียิ่งขึ้นตอนนี้ซือหยูมีเครื่องช่วยชีวิตเพิ่มมาอีกหนึ่งอย่าง ไม่มีสิ่งใดที่ดีกับเขามากกว่านี้แล้ว
  “ต้องขอบคุณกงซุนหวูซื่อกับแม่นางหลิงข้าจะไม่เป็นรองเรื่องความเร็วไปอีกนาน นี่มันการเปลี่ยนแปลงที่น่ายินดีนัก!”
  ซือหยูยิ้ม
  เขามิใช่บ่มเพาะวิชาเคลื่อนไหวมานานแล้วแต่ตอนนี้เขาก็ได้พลังพิเศษจากหยกแก่นเพลิงมา เขาดีใจมาก
  “เจ้าของร้านซือพวกข้าเชิญนายหน้าค้าโอสถทั้งหมดในรายชื่อตามที่ท่านบอกมาแล้ว…”
  หยิงหลวนที่อยู่นอกห้องรายงาน
  ห้าวันผ่านไปแล้วหยิงหลวนได้เชิญนายหน้าค้าโอสถทุกคนที่เสี่ยงค้าโอสถให้ซือหยูในยามที่ร้านตงหลินติดบัญชีดำ นายหน้าเหล่านี้นำมาโดยตระกูลหวงที่เป็นนายหน้าลำดับสี่ของเมือง พวกเขาเป็นรองแค่บ้านจันทร์กระจ่าง
  เวลานี้สองคนจากตระกูลหวงมาถึงแล้ว หนึ่งในนั้นคือเจ้าตระกูลหวงคนก่อน ขณะที่คนคือเจ้าตระกูลหวงคนปัจจุบันซึ่งเป็นบุตรชายของเจ้าตระกูลหวงคนก่อนนั่นเอง
  ครั้งนั้นยามที่ผู้เฒ่าหวงมาถึงร้านตงหลิน เขาต่อต้านความเห็นของตระกูลและตัดสินใจมอบโอสถให้กับร้านตงหลินซึ่งมีค่านับห้าหมื่นดวง นั่นช่วยให้ซือหยูพ้นภัยการถูกปลดออกจากหน้าที่เจ้าของร้าน บอกได้เลยว่าเขาดื้อรั้นและมีน้ำใจมาก
  ขณะนี้ร้านตงหลินมีอิทธิพลต่อทั้งเมือง ภูติหลายคนและจ้าวเทวะชั้นต้นมากมายต้องการพบซือหยู แต่ทุกคนก็ไม่ได้โอกาสนั้น แต่พวกเขาซึ่งเป็นเพียงนายหน้าลำดับสี่ถูกเชิญด้วยตัวเอง นับว่าเป็นเกียรติอย่างยิ่ง
  ผู้เฒ่าหวงและคนอื่นๆที่ถูกเชิญมากับเขารออยู่ที่ด้านนอก
  ซือหยูโบกมือสลายเพลิงในห้อง
  เขาพูด
  “ทุกท่านโปรดเข้ามา”
  นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้พบซือหยูเพราะซือหยูไม่เคยให้โอกาสพวกเขาในครั้งที่แล้ว
  “หึหึหึเจ้าของร้านซือ”
  ผู้เฒ่าหวงตาเป็นประกายเขาหัวเราะเบาๆแม้จะกังวลอยู่บ้าง
  ซือหยูโบกและยิ้มจางๆ
  “อย่ามากพิธีนักนั่งลงก่อน ข้าเชิญทุกคนมาที่นี่วันนี้ก็เพราะอยากจะขอความช่วยเหลือ”
  เมื่อได้ฟังนายหน้าทุกคนหูผึ่งด้วยความอยากรู้ พวกเขายินดีจะช่วยซือหยูอยู่แล้วเพราะซือหยูเคยช่วยเหลือเจ้าพันธมิตรโจว การช่วยซือหยูจะทำให้พวกเขาได้ประโยชน์จากพันธมิตรปรุงยา
  พวกเขายังได้ยินว่ายอดขายต่อวันของร้านตงหลินนั้นสูงเป็นประวัติการณ์ดังนั้น คนมาที่ร้านตงหลินเพื่อวารีผงกลั่นดวงใจอย่างเดียวก็ได้รู้ว่าร้านตงหลินนั้นขายโอสถธรรมดาที่มีคุณภาพดีอยู่ด้วย
  และหากมีคนเยอะนั่นก็หมายถึงการเงินที่ไหลสะพัด นี่คือหลักการที่ไม่เคยเปลี่ยนตั้งแต่ครั้งโบราณ และการมีคนอยู่มากก็หมายถึงการค้าที่กำลังเติบโต
  ทุกๆวันจะมียอดฝีมือมากมายมารวมตัวอยู่หน้าประตูร้านตงหลินพวกเขาทั้งหมดยังเป็นยอดฝีมือฐานะดีที่ร่ำรวยเกินพอที่จะซื้อวารีผงกลั่นดวงใจ
  ดังนั้นถ้าหากพวกเขาต้องมารอต่อแถวเป็นระยะเวลานาน พวกเขาก็ย่อมสนใจร้านรวงอื่นๆไปด้วย นั่นทำให้ยอดขายต่อวันของร้านในเมืองส่วนนอกพุ่งขึ้นสูง มันคือกลเม็ดการขายที่ดีทีเดียว!
  หลายคนได้ยินว่าวารีผงกลั่นดวงใจถูกขายได้หนึ่งแสนดวงในวันเดียวมีไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้ว่าโอสถธรรมดาได้ถูกขายไปแปดหมื่นดวงในห้าวันที่ผ่านมา ยอดขายเช่นนี้ประทับใจยิ่งกว่าร้านโอสถระดับสูง ทุกคนจึงคิดว่าถ้าได้เป็นคนส่งโอสถให้กับร้านตงหลิน นั่นก็คือผลกำไรก้อนใหญ่ที่กำลังจะหล่นมาจากฟ้า!
  “เจ้าของร้านซือโปรดบอกสิ่งที่ต้องการให้พวกข้าช่วยเถอะ พวกเราจะทำให้ดีที่สุด…”
  ผู้เฒ่าหวงกล่าว
  ซือหยูพยักหน้า
  “อืม…ร้านตงหลินของข้าไม่มีโอสถอีกแล้วข้ามิได้สินค้ามาขายเพิ่ม นั่นเป็นเหตุให้ข้าต้องขอให้พวกท่านช่วยส่งโอสถที่ขายได้ให้กับข้า”
  “โฮ่…พวกเราทุกคนจะช่วยเหลือเรื่องนี้แน่นอนบอกมาได้เลยว่าท่านต้องการโอสถมากเท่าใด ท่านจะได้เราส่งทางไหน แล้วราคาจะเป็นอย่างไร”
  ผู้เฒ่าหวงถอนหายใจด้วยความโล่งอกดูเหมือนว่าเขาจะได้บางสิ่งกลับคืนมาจากการเสี่ยงในวันนั้นไปห้าหมื่นดวง!
  ซือหยูยื่นกระดาษกับนายหน้าแต่ละคนที่เขาเตรียมไว้ล่วงหน้า
  “ไม่ยาก…ห้าตระกูลของพวกเจ้าจะได้ส่วนแบ่งเท่ากันแต่ละตระกูลจะเตรียมโอสถจำนวนเท่ากัน โอสถที่ต้องเตรียมกับราคา ข้าเขียนเอาไว้แล้ว ข้าจะรับซื้อทั้งหมดในราคาตลาดเพื่อที่พวกเจ้าจะไม่ต้องขาดทุน พวกเจ้าเก็บใบสั่งซื้อที่ข้าเขียนเอาไว้ได้เลย”
  ผู้เฒ่าหวงสีหน้าแข็งทื่อแต่เขาก็รีบฝืนตัวเองให้แสดงสีหน้าใจเย็นและรับใบสั่งซื้อด้วยรอยยิ้ม
  แต่ถึงเขาจะยอมรับได้ง่ายๆลูกชายของเขาก็ไม่เป็นเช่นนั้น เขาถามซือหยูอย่างไม่พอใจ
  “เจ้าของร้านซือข้าขอถาม…ท่านคิดจากอะไรถึงแบ่งกำไรเช่นนี้?”
  ซือหยูตอบอย่างใจเย็น
  “แน่นอนข้าประเมินจากที่พวกเจ้าช่วยข้ามาก่อนหน้า”
  “โอ้ถ้าเช่นนั้น ทำไมตระกูลหวงของเราที่ช่วยท่านเป็นมูลค่าห้าหมื่นดวงกลับต้องแบ่งกำไรเหมือนตระกูลอื่นเล่า? ตามที่ข้ารู้ โอสถที่พวกเขาให้ท่านไม่ได้เกินห้าพันดวง ท่านต้องเข้าใจว่ายากที่ตระกูลหวงจะยอมรับความไม่เท่าเทียมเช่นนี้ได้”
  ลูกชายผู้เฒ่าหวงตอบ
  ซือหยูมองเขาอย่างใจเย็น
  “ถ้าเจ้าไม่ยอมรับเจ้าก็ปฏิเสธที่จะเตรียมสินค้าให้ข้าแล้วให้นายหน้าคนอื่นจัดการเอง”
  “นี่เจ้า!”
  ลูกชายผู้เฒ่าหวงโมโหผู้เฒ่าหวงจ้องหน้าบุตรชายขณะที่เขากำลังจะโต้เถียง เขาทำได้แค่เงียบปากไปอย่างไม่เต็มใจ
  “ถ้าหากไม่มีเรื่องใดให้หารือกันแล้วข้าจะไม่รบกวนเวลาพวกเจ้าอีก…”
  ซือหยูหลับตาช้าๆและพูดสั่งสลายตัว
  กลุ่มนายหน้าออกจากห้องด้วยความตื่นเต้นพวกเขารู้ว่าเพิ่งจะได้รับโอกาสทองมา
  ต่อให้ยอดขายต่อเดือนมีแค่แปดหมื่นหนึ่งในห้าก็คือหนึ่งหมื่นหกพันต่อเดือน นั่นคือมากกว่าแก้วสองแสนดวงต่อปี! นี่คือข้อตกลงธุรกิจชั้นยอดสำหรับพวกเขา!
  ในบรรดานายหน้ามีแค่คนตระกูลหวงที่ไม่กระตือรือร้นเท่าใดนัก นายหน้าข้างๆที่เห็นหันมาพูดกับผู้เฒ่าหวง
  “หึหึผู้เฒ่าหวง พวกเราต้องขอบคุณท่าน เป็นเพราะท่านให้โอสถมากมายไป ร้านตงหลินถึงผ่านวิกฤติมาได้ วันนี้พวกข้าได้โอกาสงามมาก็เพราะท่านนั่นเอง!”
  คำพูดเยาะเย้ยถากถางของเขาชัดเจนแจ่มแจ้งตระกูลหวงให้ของขวัญกับซือหยูอย่างงาม แต่พวกเขาก็ได้รับการปฏิบัติแบบเดียวกันกลับมา
  ผู้เฒ่าหวงยังคงใจเย็นเขาเพียงแค่หัวเราะเบาๆตอบ ส่วนบุตรชายนั้นมิอาจใจเย็นอยู่ได้ เขาหงุดหงิดใจยิ่งกว่าเดิม
  “ท่านพ่อทำไมตระกูลหวงของเราได้แค่อดทนอดกลั้นไปแบบนี้? ถ้าหากข่าวเรื่องวันนี้เผยแพร่ออกไป พวกเราจะกลายเป็นตัวตลกของคนทั้งเมือง ซือหยูเซี่ยนนั่นไม่ใช่คนดี! เขาดูไม่รู้สำนึกเลย!”
  ผู้เฒ่าหวงแววตาคมกริบเขาตะคอกใส่บุตรชาย
  “หุบปาก!”
  เขาพูดต่อ
  “ตระกูลหวงของพวกเราส่งโอสถมูลค่าห้าหมื่นให้เขาพวกเราจะได้ส่งสินค้าให้เขาหนึ่งหมื่นหกพันต่อเดือน รายได้ต่อเดือนของตระกูลเราเพิ่มขึ้นมาหนึ่งเท่าตัว จะคืนทุนก็ใช้เวลาแค่สามเดือน ทำไมเจ้าถึงร้อนใจนัก?”
  ผู้เฒ่าหวงนั้นใจกว้างกว่าบุตรชายของเขาในเรื่องนี้
  “จะหาข้อเสนอราคาถูกแบบนี้จากที่ไหนได้รึ?ความมั่นคงเช่นนี้มิได้หาได้ง่ายๆ”
  แม้เขาจะรู้ว่าผู้เป็นบิดาพูดถูกมันก็ยากที่เขาจะยอมรับได้แม้จะได้ฟังเหตุผลเช่นนั้น
  “แล้วทำไมเขาถึงให้ส่วนแบ่งตระกูลหวงมากกว่านั้นไม่ได้เล่า?ฮื่ม!”
  บุตรชายร้องคำรามในใจหลายครั้งเขารู้ดีว่าหลังจากกลับบ้านไป คำบ่นแบบเดียวกันจะเกิดขึ้นในตระกูล
  ผู้เฒ่าหวงเงียบไปและถอนหายใจเบาๆ
  “เราทำได้แค่มองโลกในแง่ดีกับเรื่องนี้นี่คือการค้า ตระกูลหวงของพวกเราได้หายใจหายคอแล้ว เราจะไม่ถูกขับออกจากเมืองเทียนหยาโดยพวกนักปรุงยาของพันธมิตรอีกแล้ว!”
  ถ้าผู้เฒ่าหวงกล่าวว่าเขาไม่ผิดหวังกับครั้งแรกที่ได้ฟังการแบ่งกำไรกับตระกูลเขาจากซือหยูนั่นก็คงจะเป็นคำโกหก แต่เมื่อเขาไม่สามารถทำอะไรได้ เขาก็ได้แต่ยอมรับโชคชะตา
  ขณะถอนหายใจผู้เฒ่าหวงเปิดใบสั่งซื้อที่ซือหยูมอบให้ เขาคิดว่ามันคงจะเป็นโอสถธรรมดาหลายชนิด แต่มันกลับมีชื่อโอสถเดียวเขียนเอาไว้!
  ผู้เฒ่าหวงผงะไปข้างหลังเขาใจหายและคิด…ตระกูลหวงของข้าต้องเตรียมโอสถแค่ชนิดเดียวเองหรือ?
  แต่เมื่อเขาได้อ่านข้อความเขาก็ได้แต่หรี่ตาอ่านอีกครั้ง ดวงตาเขาเปล่งประกายขึ้นมา เขากำลังตื่นเต้น
  เมื่อบุตรชายเห็นท่าทางประหลาดของผู้เป็นพ่อเขาก็มองผ่านบ่าของพ่อด้วยความแปลกใจ
  “ท่านพ่อมันเขียนว่าอะไร? อ๊ากก! วารีผงกลั่นดวงใจ…”
  ทันทีที่เขาร้องเสียงดังเหล่านายหน้าคนอื่นๆที่ยังไม่ทันได้ออกไปก็ตัวสั่น พวกเขามองกลับมายังพ่อลูกและพยายามจะมองว่าบุตรชายของผู้เฒ่าหวงส่งเสียงดังในเรื่องอันใด
  “วารีผงกลั่นดวงใจ?เจ้าพูดอะไรกัน?”
  นายหน้าใกล้ๆคนหนึ่งถามด้วยความสงสัย
  นายหน้าอื่นทั้งสี่ล้วนเฉลียวฉลาดพวกเขาย่อมสังเกตเห็นว่ามีเรื่องแปลกๆเกิดขึ้น พวกเขาจึงเดินเข้ามาหาและมองดูใบสั่งซื้อ ผู้เฒ่าหวงจึงพับกระดาษเก็บอย่างรวดเร็วก่อนที่นายหน้าคนอื่นจะได้เห็น
  เขาหัวเราะเบาๆ
  “โอ้…ไม่มีอะไรหรอก!ลูกชายโง่ของข้าพูดเหลวไหลไปเช่นนั้นเอง!”
  จากนั้นสองพ่อลูกก็รีบออกจากเมืองส่วนนอกไๅปยังเรือนที่เมืองส่วนใน พวกเขาปิดประตูใหญ่และป้องให้ทหารคุ้มกันอย่างแน่นหนา ไม่มีใครก้าวเข้าไปได้แม้แต่ก้าวเดียว
  “ทะ…ท่านพ่อข้าไม่ได้อ่านผิดใช่หรือไม่? มันคือวารีผงกลั่นดวงใจจริงๆรึ? เจ้าของร้านซือหมายความว่ายังไงกัน? เขาอยากจะให้พวกเราเตรียมวารีผงกลั่นดวงใจให้เขารึ?”
  บุตรชายถาม
  บุตรชายริมฝีปากสั่นระริกคำเรียกซือหยูจากซือหยูเซี่ยนก็ได้เปลี่ยนไปเป็นเจ้าของร้านซือ
  ผู้เฒ่าหวงตอบด้วยใบหน้าเคร่งเครียด
  “เจ้าเกือบจะทำให้ภัยร้ายมาถึงพวกเราแล้วเจ้าแก่ถึงเพียงนี้ยังไม่รู้จักควบคุมตัวเองอีก!”