ตอนที่ 256 ใส่แหวนอย่างเปิดเผย
“แหงสิ ก็เราสองคนเป็นฝาแฝดกัน เขาเกิดก่อนฉันแค่แป๊บเดียว สมมติว่าฉันเป็นพี่สาว ฉันก็ต้องคอยดูแลเขา” หลิ่วเฟยซวงพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
“เธอเลิกเอาแต่พูดแบบนี้สักทีได้ไหม นี่มันความจริงที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ จะสมมติอะไรเยอะแยะ” หลิ่วเฟยอวิ๋นพูดพลางลุกขึ้น
หลิ่วเฟยซวงยิ้ม เลิกป่วนต่อ สายตาเธอเลื่อนไปจับที่กล่องสามใบบนโต๊ะ จากนั้นก็เปิดดูด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“ว้าว แหวนหยกสวยจัง” เธอคิดว่าของพวกหยก ก็แค่ใช้ทำจี้หยก ป้ายหยก หรือกำไลหยกเท่านั้น คิดไม่ถึงว่าทำเป็นแหวนจะออกมาสวยขนาดนี้
ดวงตาอีลั่วเสวี่ยเป็นประกาย มองแวบเดียวก็ดูออกว่าแหวนหยกนั่นเหมือนแหวนหยกที่เธอได้จากโรงประมูลใต้ดินไม่ผิดเพี้ยน เห็นทีแผนที่วางไว้ก่อนหน้านี้ของเธอจะกลายเป็นจริงแล้ว
ที่แท้เธอเอาภาพแหวนต้นแบบและสีให้บริษัทเครื่องหมายการค้าแห่งหนึ่ง คิดไม่ถึงว่าร้านเครื่องหยกของหลิ่วเฟยอวิ๋นจะซื้อไป
แม้การทำแบบนี้จะค่อนข้างเข้าข่ายการนำไปใช้อย่างผิดกฎหมาย แต่แหวนวงนี้เดิมก็เป็นของเธออยู่แล้ว ส่วนที่ประเทศซีกั๋ว แหวนหยกนี้อยู่ในฐานะของโบราณ น่าจะไม่มีแหวนวงที่สองที่เหมือนกัน
อีกอย่างถ้าเธอจะสวมแหวนโดยไม่ให้มีใครจับได้ ก็ต้องมีการทำแหวนเลียนแบบออกมาขาย ทั้งตัวแหวนเองก็สวยงาม ถ้าผลิตออกมาต้องได้รับความนิยมแน่นอน
“นี่เป็นแหวนตัวอย่างที่ฝ่ายผลิตส่งมาให้วันนี้ ผมเลือกที่ดีที่สุดสามวงให้พวกคุณ อีกอย่างแหวนหยกนี้จะเป็นสินค้าใหม่ที่เราวางจำหน่ายสุดสัปดาห์นี้ เป็นไง”
“ให้พวกเรา ขอบคุณนะพี่” หลิ่วเฟยซวงตื่นเต้นมาก รีบเอาอีกสองกล่องยื่นให้อีลั่วเสวี่ยกับเหอเย่ว์ ส่วนตัวเองสวมแหวนใส่นิ้วทันที
“ขอบคุณค่ะ” อีลั่วเสวี่ยยิ้ม เธอยังคิดว่ารอให้แหวนออกวางขายแล้ว ก็จะซื้อไว้สักวง คิดไม่ถึงว่าวันนี้จะมีโอกาสแล้ว
เนื่องจากความสัมพันธ์ระหว่างกัน เหอเย่ว์จึงไม่ลำบากใจที่จะรับของจากอีกฝ่าย จึงเอ่ยขอบคุณ แล้วสวมแหวนไว้ที่นิ้วนางซ้าย ถ้าสวมไว้ที่มือซ้ายแล้ว ก็ไม่ต้องกังวลว่าสวมแหวนที่นิ้วอื่นจะมีความหมายอะไร
อีลั่วเสวี่ยลังเลเล็กน้อย แล้วสวมแหวนที่นิ้วชี้ขวา สวมแหวนที่นิ้วชี้มีความหมายว่ามีคู่รักแล้ว ไม่ว่าจะแต่งงานแล้วหรือยังไม่แต่งงานก็ตาม อีกอย่างเธอกับเฉวียนหมิงก็ถือว่าเป็นคู่รักได้
‘ดีใจด้วย คราวนี้คุณก็สวมแหวนได้อย่างเปิดเผยซะที’ ลูกบอลเงินเห็นแล้วก็แสดงความยินดีกับเธอ นี่นับว่าเร็วกว่าที่พวกเขาคาดการณ์ไว้มาก จะว่าไปหลิ่วเฟยอวิ๋นเป็นคนที่เหมาะกับการทำธุรกิจจริงๆ
ขณะที่อีลั่วเสวี่ยเปิดกล่องแหวนหยกก็แอบสับเปลี่ยนเป็นแหวนวงจริงแล้วใส่ไว้ที่นิ้วแทน ตอนนี้ก็ไม่กังวลแล้วว่าจะอธิบายที่มาของแหวนอย่างไร
“ดูสิ นี่เป็นสัญลักษณ์ว่าเราเป็นเพื่อนซี้กัน ห้ามทำหายนะ” หลิ่วเฟยซวงยื่นมือตัวเองออกมาด้วยความชื่นชม สามมือขาวผ่องเรียงเทียบอยู่ด้วยกัน มือต่างกัน แต่แหวนหยกแทบจะเหมือนกันไม่ผิดเพี้ยน
“เธอพูดถูก นี่เป็นสัญลักษณ์ของเราสามคน แต่ว่าพอฉันกลับไปก็ใส่แหวนไม่ได้…แต่ฉันจะห้อยไว้ที่คอแทน” เหอเย่ว์รีบเปลี่ยนคำพูดทันที จะว่าไปนี่ถือเป็นของที่เขามอบให้เธอ
อีลั่วเสวี่ยยิ้ม “หยกเป็นสิ่งที่มีไอทิพย์ ทั้งหยกนี่ยังสวยเป็นพิเศษ ฉันว่าต้องทำจากหยกชั้นเยี่ยมแน่ๆ ใส่ติดตัวไว้ตลอดย่อมดีต่อเรา”
หลิ่วเฟยอวิ๋นพยักหน้า พูดเสริมว่า “เสวียเสวี่ยพูดถูก แหวนสามวงนี้ทำจากหยกก้อนเดียวกัน แตกต่างกันไม่มาก แหวนหยกที่ทำขายทีหลังก็ดีไม่เท่า”
หินหยกมีใหญ่เล็ก แต่ไม่สามารถรับประกันได้ว่าหยกแต่ละก้อนจะมีส่วนประกอบเหมือนกันอย่างสมบูรณ์ ดังนั้นเมื่อทำเป็นแหวนหยกออกมาย่อมมีความแตกต่างกัน เท่าที่หลิ่วเฟยอวิ๋นเห็น แหวนสามวงนี้ ทำได้ใกล้เคียงต้นแบบมากที่สุด
ตอนที่ 257 ลูกค้าที่รับมือยาก
หลิ่วเฟยซวงช่วยพี่ชายดูแลร้านหยกมานานขนาดนี้ ย่อมมีความเข้าใจบ้าง ขณะที่พยักหน้า สายตาเธอก็มองมาที่แหวนบนมืออีลั่วเสวี่ย
“พี่พูดถูก แต่แหวนของเสวียเสวี่ยต่างจากของพวกเรา” พูดจบก็ชี้ไปที่ริ้วสีแดงเล็กๆ บนเรือนแหวน เส้นสีแดงเล็กมาก ละเอียดเท่าเส้นผม ถ้าไม่ได้ดูใกล้ๆ ก็มองไม่เห็น
แววตาอีลั่วเสวี่ยเป็นประกายวูบ แสร้งทำเป็นแปลกใจ “เธอไม่พูด ฉันก็ไม่สังเกตนะเนี่ย ไหนดูหน่อย ของพวกเธอมีเหมือนกันไหม”
ทั้งสองคนตรวจดูอย่างละเอียด ยังสามารถหาจุดที่แตกต่างกันของแหวนสามวงนี้ได้
“ริ้วสีแดง แหวนที่พวกเขาส่งมามีตำหนิเหรอ” ตอนที่ตัดแต่งหยกก้อนนี้ ก็ไม่เห็นมีรอยริ้วสีแดง หรือว่าจะถูกสับเปลี่ยน แต่คนงานไม่น่าจะกล้าขนาดนี้
“พี่ไม่ได้ตรวจดูให้หมดเหรอ” หลิ่วเฟยซวงหันมา สะเพร่าจริงๆ
หลิ่วเฟยอวิ๋นลูบหัวตัวเอง “ก็ต้องตรวจแล้วสิ แต่อาจไม่ทันสังเกต ขอโทษด้วยลั่วเสวี่ย ถ้าคุณไม่ชอบ ผมค่อยให้พวกเขาหาหยกที่เหมาะ แล้วทำให้คุณใหม่”
แบบนี้จะได้ยังไง แหวนวงนี้ต่างหากที่ฉันต้องการสวม “ไม่ต้องหรอกค่ะ พิเศษกว่าวงอื่นถึงจะดี เฟยเฟยเธอว่าไง”
หลิ่วเฟยซวงกับเหอเย่ว์ก็คิดเหมือนกัน ข้อห้ามสำคัญที่สุดสำหรับเด็กสาวก็คือ ห้ามใส่ของซ้ำกัน ถ้าไม่ใช่เพื่อนสนิทจริงๆ ย่อมไม่ใส่เสื้อผ้าเหมือนกัน แหวนหยกนี้มีความหมายพิเศษ แต่ถ้าแต่ละวงมีลักษณะพิเศษก็จะจดจำได้ ไม่ดีหรอกหรือ
ต่อให้เป็นฝาแฝด นิสัยก็ยังต่างกัน ถึงแยกออกได้ง่าย
“ฉันเห็นด้วยกับเสวียเสวี่ย ไม่ต้องเปลี่ยนแหวนหรอก”
หลิ่วเฟยอวิ๋นเห็นว่าพวกเธอชอบ จึงไม่ถามอะไรอีก
ตอนนี้เอง มือถือของหลิ่วเฟยอวิ๋นก็ดังขึ้น “อะไรนะ ได้ ผมรู้แล้ว จะไปเดี๋ยวนี้” จากนั้นก็วางสาย
“ลั่วเสวี่ย เฟยเฟย ที่โกดังมีหยกดิบล็อตใหม่เข้ามา ผมต้องไปตรวจด้วยตัวเอง พวกคุณกลับก่อนได้เลย ไม่ต้องรอ”
“แต่พี่ วันนี้เรานัดไปกินข้าวกันที่บ้านกันนะ กลับเร็วหน่อยได้ไหม” หลิ่วเฟยซวงเบ้ปาก ลำบากแทบแย่กว่าจะชวนมาได้ จะให้เสียเปล่าไม่ได้
“วางใจเถอะ ไม่นานหรอก” เขาจะไม่ไปก็ได้ แต่ต่อให้ความเสียหายที่เกิดขึ้นจะไม่ใช่เรื่องใหญ่ อีลั่วเสวี่ยกับเพื่อนก็ต้องรู้สึกผิด เมื่อเป็นแบบนี้ย่อมไม่ดี อีกอย่างถ้าเขาไม่พยายามให้มากเพื่อจะเติบโตขึ้น แล้วจะแข่งกับเฉวียนหมิงเพื่อช่วงชิงเธอได้อย่างไร
หลังจากหลิ่วเฟยอวิ๋นไปแล้ว มือถือบนโต๊ะก็ดังขึ้น ทั้งสามหันไปมอง จึงพบว่าหลิ่วเฟยอวิ๋นรีบร้อนจนลืมมือถือไว้ พอเดินมาดูที่หน้าต่าง ก็เห็นเขาขับรถออกไปแล้ว
“ฮัลโหล ฉันหลิ่วเฟยซวง พี่ชายฉันวางมือถือไว้ในห้องทำงาน มีเรื่องอะไรบอกฉันไว้ได้” หลิ่วเฟยซวงไม่ใช่ไร้ความสามารถ บางครั้งพี่ชายเธอต้องไปติดต่องานที่ต่างเมือง เธอก็เป็นคนตัดสินใจแทนในเรื่องจำเป็น จึงรู้วิธีรับมือ
“รองประธานครับ มีลูกค้าสองคนเข้ามาในร้าน ท่าทางรับมือยาก ติโน่นตินี่ไปทั้งร้าน ทำให้ภาพลักษณ์ร้านเราเสียหาย คุณช่วยมารับมือได้ไหมครับ” เสียงร้อนรนของผู้จัดการดังมาจากปลายสาย
หลิ่วเฟยซวงนิ่วหน้า “พวกเธอรออยู่นี่ ฉันไปเดี๋ยวเดียว”
“ไปด้วยกันเลยเถอะ เผื่อมีอะไรที่เราสองคนช่วยได้” เหอเย่ว์ว่าพลางสบตากับอีลั่วเสวี่ย
ทั้งสามลงมาชั้นล่างก็เห็นชายสองคนหันหลังให้พวกเธอ เดินผ่านกระจกหน้าต่างไป ขณะที่พนักงานที่รับหน้าอยู่หยิบหยกให้เลือกดู แต่อีกฝ่ายยังคงส่ายหน้า ชี้จุดตำหนิของหยก แล้วเลือกต่อ
มิน่าผู้จัดการถึงบอกว่าลูกค้าสองคนนี้รับมือยาก ไม่ใช่แค่รับมือยาก แต่เห็นชัดว่าฝ่ายนั้นตั้งใจมาก่อกวน มาอย่างมีจุดมุ่งหมาย