เมื่อเห็นว่าเฉินโม่ไม่พูดอะไร ชายหนุ่มคิดว่าเฉินโม่ไม่เชื่อ และกล่าวต่อไปว่า “เห็นผู้ชายหัวล้านเมื่อสักครู่นี้แล้วใช่ไหม ขอเพียงแค่เขายอมรับเงื่อนไขของผม ผมก็จะปล่อยให้เขาเข้าไปข้างในทันที”

เฉินโม่หันไปมองชายหัวล้านที่ถูกคนเฝ้าประตูปฏิเสธเมื่อสักครู่ ชายหัวล้านคนนั้นกำลังมองทางเข้าสำนักยาเซียนด้วยสีหน้าไม่พอใจ

“ยังไม่เชื่ออีกเหรอ? คอยดูให้ดีน่ะ” ชายหนุ่มยิ้มด้วยความลึกลับ แล้วเดินเข้าไปหาชายหัวล้านคนนั้น

พวกเขาสองพูดคุยกันไม่กี่ประโยค แล้วชายหัวล้านก็พยักหน้าด้วยสีหน้าเจ็บปวด เขาน่าจะรับปากเงื่อนไขของชายหนุ่มคนนั้นแล้ว

จากนั้นชายหนุ่มก็เดินไปหาคนเฝ้าประตูสองคนนั้น และกล่าวอะไรบางอย่างเบา ๆ จากนั้นคนเฝ้าประตูทั้งสองคนก็พยักหน้า

ชายหนุ่มเรียกชายหัวล้านทันที จากนั้นชายหัวล้านก็เข้าไปในสำนักยาเซียนได้อย่างราบรื่น

“ดูเหมือนว่าบุคคลนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับสำนักยาเซียน” เฉินโม่ครุ่นคิด

ชายหนุ่มเดินกลับมาอยู่ข้างเฉินโม่ และกล่าวด้วยรอยยิ้มลำพองใจ “เป็นไงบ้าง? ตอนนี้เชื่อในความสามารถของผมแล้วใช่ไหม!”

เฉินโม่ถามว่า “ถ้าคุณช่วยทำให้พวกเราเข้าไปข้างในได้ พวกเราต้องจ่ายเท่าไร?”

ชายหนุ่มดีดนิ้วและกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “เป็นคนที่เข้าใจหลักการ!”

“ผมไม่ขออย่างอื่น ขอเพียงเงินเท่านั้น ถ้าพวกคุณยอมจ่ายเงิน ผมก็สามารถช่วยพวกคุณเข้าไปข้างในได้!” ชายหนุ่มชูหนึ่งนิ้ว

“หนึ่งหมื่น?” เฉินโม่ถามด้วยความสงสัย

“หือ?” ชายหนุ่มส่ายศีรษะ

“หนึ่งแสน?” เฉินโม่ถามอีกครั้ง

“หนึ่งล้าน!” ชายหนุ่มกล่าว “และมันเป็นราคาสำหรับหนึ่งคน ถ้าเป็นสองคน คนที่สองสามารถลดราคาได้ห้าสิบเปอร์เซ็นต์!”

คนละหนึ่งล้าน ถ้าเป็นสองคน คนที่สองลดราคาห้าสิบเปอร์เซ็นต์ รวมเป็นเงินหนึ่งล้านห้าแสน

ว่ากันว่าตอนนี้ในหัวเซี่ยนอกจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์แล้ว ก็มีน้ำชีวิตที่สามารถทำกำไรได้มหาศาล แต่เฉินโม่รู้สึกว่าธุรกิจของชายหนุ่มคนนี้ ถึงจะเป็นธุรกิจที่สามารถทำกำไรได้อย่างมหาศาลจริง ๆ

ไม่ต้องมีต้นทุนอะไร แค่พูดเพียงไม่กี่ประโยค ก็ได้รับเงินหนึ่งล้านต่อคนแล้ว

ถึงแม้เฉินโม่จะไม่สนใจเงิน แต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย มิน่าเมื่อสักครู่ชายหัวล้านถึงได้แสดงสีหน้าเจ็บปวด

“ว่าไง? จะเข้าไปไหม?” ชายหนุ่มถาม

เฉินโม่ส่ายศีรษะ “ไม่ล่ะ ผมอยากลองเอง”

“ไม่ต้องลอง เพราะมันไม่มีประโยชน์หรอก เว้นเสียแต่คุณจะมีวัตถุดิบยาที่สำนักยาเซียนสนใจ แต่มันก็เป็นไปไม่ได้หรอก” ชายหนุ่มกล่าวเยาะเย้ย

เพราะวัตถุดิบยาที่สำนักยาเซียนต้องการนั้นราคาต้องสูงมากอย่างแน่นอน

“ลองคิดดู เงินทองเป็นของนอกกาย เมื่อเทียบกับชีวิตแล้ว เงินหนึ่งล้านไม่มากหรอก” ชายหนุ่มยังคงเกลี้ยกล่อม

ความจริงแล้ว เงินหนึ่งล้านเทียบกับชีวิตของตนเองแล้ว คนส่วนใหญ่รู้ว่าต้องเลือกอย่างไร ยิ่งไปกว่านั้น คนที่สามารถเข้ามาที่นี่ได้ ฐานะครอบครัวต้องดีแน่นอน ส่วนคนที่ฐานะยากจนจะถูกคัดออกตั้งแต่ประตูใหญ่แล้ว

“ไม่จำเป็น ผมยังอยากจะลองด้วยตัวเอง” เฉินโม่ยืนยัน แล้วพาโจวลี่เต๋อเดินไปทางคนเฝ้าประตูของสำนักยาเซียน

ชายหนุ่มกล่าวเย้ยหยัน “ไม่เจียมตัว อีกสักครู่คุณถูกปฏิเสธ แล้วกลับมาหาผม ก็จะกลายเป็นคนละสองล้าน”

เฉินโม่พาโจวลี่เต๋อเดินมาอยู่ตรงหน้าคนเฝ้าประตูทั้งสองคน

“พวกคุณมีธุระอะไร?” คนเฝ้าประตูทั้งสองคนเหลือบมองเฉินโม่กับโจวลี่เต๋อ และถามอย่างเย็นชา

“มาขอซื้อยา!” เฉินโม่กล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“ช่วงนี้สำนักยาเซียนขาดแคลนวัตถุดิบยา ไม่ขายให้กับคนภายนอกแล้ว และรับเฉพาะการแลกเปลี่ยนจากภายนอกเท่านั้น” คนเฝ้าประตูคนหนึ่งกล่าวด้วยความเย็นชา

พูดเหมือนชายหนุ่มคนนั้น ถ้าไม่ได้สมรู้ร่วมคิดไว้ล่วงหน้า สำนักยาเซียนคงขาดแคลนวัตถุดิบยาจริง ๆ

โจวลี่เต๋อมองเฉินโม่ด้วยสีหน้ากังวล ถ้าเฉินโม่ถูกปฏิเสธ ก็หมดหวังที่จะรักษาอาการปวดของพ่อเขาแล้ว

สีหน้าของเฉินโม่ราบเรียบ เขายื่นมือออกไปทางคนเฝ้าประตูทั้งสองคน และมียาสีขาวขนาดเท่าเล็บมืออยู่ในฝ่ามือ