บทที่ 589 การรุกรานของสํานักสุวรรณสิงห์ 9

Dual Cultivation ร่วมเรียงเคียงเซียน

บทที่ 589 การรุกรานของสํานักสุวรรณสิงห์ 9

 

“อย่างไรก็ตาม สมบัติที่เจ้าได้มาจากนายพลเล่ย…มันสามารถส่งคนไปยังทวีปศักดิ์สิ ทธิ์กลางได้จริงรี” ซีหวังถามซูหยางหลังจากนั้นด้วยท่าทางจริงจัง

 

“ท่านต้องการไปทวีปศักดิ์สิทธิ์กลางงั้นรี” ซูหยางยิ้มกับเจตนาที่เห็นได้อย่างชัดแจ้งของอีกฝ่าย

 

“ใช่” ซีหวังพยักหน้าไม่เสียเวลากล่าวอ้อมค้อม

 

ถ้าเขาสามารถไปยังทวีปศักดิ์สิทธิ์กลางที่ถือว่าเป็นสวรรค์ของผู้ฝึกยุทธ บางทีเขาอาจจะสามารถเพิ่มพลังการฝึกปรือให้รุดหน้าต่อไปอีกได้ ด้วยอายุและพรสวรรค์ของเขา ซีหวังรู้ว่าเขามีโอกาสน้อยมากที่จะก้าวข้ามไปอีกระดับการได้ก้าวเข้าสู่เขตราชันวิญญาณนี้นั้นถือได้ว่าเป็นปาฏิหารีย์

 

ซูหยางกล่าวว่า “หลังจากตรวจสอบยันต์นี้แล้ว ข้าสามารถบอกได้อย่างมั่นใจว่ามันมีความสามารถที่จะย้ายผู้คนได้ แต่ทว่าเรามมั่นใจว่ามันจักย้ายท่านไปยังทวีปศักดิ์สิทธิ์กลางหรือว่าแห่งหนตําบลใดในโลก บางทีดาบเสี้ยวจันทร์อาจจะแค่โชคดีด้วยตําแหน่งของพวกเขาตกลงไปที่ทวีปศักดิ์สิทธิ์กลางพอดี”

 

“ข้ายินดีที่จะทดสอบยันต์นี้” ซีหวังรีบขันอาสา

 

“ท่านอาจจะจบลงที่กลางทะเลหยกรู้ไหม” ซูหยางพูด

 

“ข้าไม่สนต่อให้ข้าต้องจบลงที่ก้นทะเลหยก ตราบเท่าที่ยังมีโอกาสที่ข้าจักสามารถไปยังทวีปศักดิ์สิทธิ์กลางข้ายินดีรับความเสี่ยง” ซีหวังกล่าว

 

ซูหยางยิ้มกับความปรารถนาของอีกฝ่าย เขากล่าวว่า “ท่านรู้ไหม…ถ้าท่านต้องการที่จะไปยังทวีปศักดิ์สิทธิ์กลางจริงๆ ข้าสามารถที่จะพาท่านไปได้ด้วยยานบินนี้ มันมิได้ใช้เวลาไปมากกว่าสองสามนาที และมันก็มีความเสี่ยงเป็นศูนย์

 

“จริงรึ เจ้าสามารถทําเช่นนั้นได้รึ” ซีหวังดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ แต่เมื่อเขานึกถึงความเร็วของยานบิน ความตื่นเต้นของเขาก็พลันพุ่งทะยาน

 

ซูหยางพยักหน้าและกล่าวว่า “ข้าวางแผนที่จะไปยังทวีปศักดิ์สิทธิ์กลางหลังจากจัดการกับคนที่มาจากที่แห่งนั้นอยู่แล้ว มันมิได้มีความแตกต่างถ้าหากข้าจักพาคนไปด้วยกับข้าอีกสองสามคน”

 

“ขอบคุณ ข้าจักมีลืมหนี้ครั้งนี้ไปตราบชั่วชีวิตของข้า” ชีหวังรีบคํานับเขา

 

“มิต้องทําเกินไปถึงเช่นนั้น ข้ามิได้ต้องการอะไรเป็นการตอบแทน” ซูหยางส่ายหน้า

 

“มิว่าอย่างไร นี่ก็มีเวลามีถึงวันแล้วก่อนที่พวกเขาจะมาถึง ข้าจักไปฝึกฝนและเตรียมตัว” ซูหยางกล่าวกับพวกเขาก่อนที่จะเข้าไปในยาน

 

เมื่อซูหยางไปพ้นจากสายตาแล้ว ซีซิงฟางก็กล่าวกับซีหวังว่า “ข้ามิเคยคิดว่าจักมีสักวันที่ตระกูลชีจะเป็นหนี้ใครสักคนที่มิสามารถตอบแทนได้มากนัก”

 

“สุดท้ายเจ้าก็คิดที่จะมอบร่างกายให้กับเขาในตอนนี้ฉันรึ” ชีหวังถามเธอด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า

 

“นั่นมิได้เป็นเรื่องขําขัน ท่านปู่”

 

“ใครว่าข้าพูดเล่น” ซีหวังส่ายหน้าแล้วกล่าวว่า “ถ้าข้าเป็นหญิง ข้าย่อมยินดีที่จะทําทุกสิ่ง ฃเพียงเพื่อที่จะได้อยู่กับเขา”

 

ซีซิงฟางมองดูเขาด้วยสีหน้าประหลาด แต่เธอก็ไม่ได้ปฏิเสธคําพูดของเขา

 

“ข้ารู้ว่าเจ้าต้องการให้เขาเป็นคนเฉพาะตัวของเจ้า แต่ความจริงก็คือผู้ชายที่มีฐานะและพลังอํานาจนั้นมักมีไม่น้อยที่จะต้องแบ่งปันกับหญิงอื่นหลายคนแน่นอนว่าก็ยังมีหญิงที่มีสามีหลายคนคอยกวักมือเรียก ถ้าเจ้ามองหาคนอย่างซูหยางที่ปราศจากหญิงอื่นเช่นนั้นเจ้าก็เหมือนกับกําลังมองหามังกรตัวจริง”

 

“ถ้าเช่นนั้นทําไมท่านพ่อจึงมีภรรยาเพียงคนเดียวล่ะ” ซีซิงฟางถามเขา “แล้วท่านละท่านปู คู่ครองของท่านอยู่ไหน”

 

ซีหวังหัวเราะเสียงดังลั่นหลังจากได้ยินคําพูดของเขา แล้วเขาก็พูดขึ้นว่า “แม้ว่าข้าอาจจะดูไม่เหมือน แต่ข้าก็เคยเป็นพวกนักเลงหญิงเมื่อย้อนกลับไปยังสมัยวัยรุ่นของข้าซึ่งมีสาวสวยนับร้อยผลัดเปลี่ยนมาเป็นคู่ของข้า อย่างไรก็ตามตอนนี้ข้าแก่เกินไปที่จะตามหาและสนุกกับเรื่องพวกนั้น ส่วนสําหรับพ่อของเจ้านั้น เขาก็เคยเป็นคนที่มีคู่ครองมากมายเช่นกัน แต่ทว่าหลังจากที่พบกับ แม่ของเจ้าเขาก็ได้หยุดมองหาหญิงอื่น แตกต่างจากสถานการณ์ของข้าเป็นแม่ของเจ้าที่ใช้เสน่ห์ของเธอโน้มน้าวจิตใจเขาไว้”

 

“ท่านทั้งสองเป็น…” ซีซิงฟางมองดูซีหวังด้วยท่าทางมีนงงเห็นชัดว่าพูดไม่ออกกับประวัติของพวกเขา

 

“และก่อนที่เจ้าจะมีความคิดประหลาดๆ จงจําไว้ว่าซูหยางนั้นมิใช่ผู้ฝึกยุทธทั่วไป แต่เป็นผู้กวิชาคู่ชีวิตของเขาวนเวียนอยู่กับคู่เคียงมากมายในชีวิต”

 

“ ข้าทราบ ท่านปู ข้ารู้” ซีซิงฟางถอนหายใจ และเธอก็กล่าวต่อหลังจากนั้นว่า “ข้าจักกลับไปพักก่อนในตอนนี้ ข้าต้องการพลังงานมากที่สุดที่จะสามารถทําได้ในวันพรุ่งนี้”

 

ครั้นเมื่อชีหวังได้อยู่ตามลําพังแล้ว เขาก็กลับไปมองดูเหล่าสมาชิกของดาบเสี้ยวจันทร์พยายามที่จะทําลายออกไปจากค่ายกลของซูหยางต่อไป

 

“ดิ้นรนต่อไปเจ้าพวกมดน้อย ยิ่งเจ้าดิ้นรนเจ้าก็จักรู้สึกสิ้นหวังมากขึ้นเท่านั้น” เขาพึมพัมด้วยรอยยิ้มเล็กน้อยบนใบหน้า”

 

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว และภายในชั่วพริบตาเวลาทั้งวันก็ผ่านพ้นไป

 

“นายท่าน พวกนั้นอยู่ที่นี่แล้ว” เชี่ยวหรงพลันปรากฏกายขึ้นในห้องของซูหยางราวกับวิญญาณ และได้เตือนเขาซึ่งตอนนนี้ได้นั่งขัดสมาธิหลับตาอยู่บนเตียง

 

ซูหยางลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ และประกายอันลึกล้ําก็ปรากฏขึ้นภายในสายตาของเขา

 

“พวกเราไปทักทายแขกของพวกเรากันเถอะ” เขากล่าวขณะที่ลุกขึ้นจากเตียง

 

หลังจากที่เขาออกจากห้อง ซูหยางก็แจ้งให้กับทุกคนที่อยู่ในยานบินทราบถึงเหตุการณ์

 

“ในที่สุดพวกเขาก็มาถึง…” ชีหวังหรี่ตาด้วยสีหน้าตึงเครียด

 

“ข้าจักไปทักทายเขาพร้อมกับท่านผู้เฒ่าก่อน พวกเจ้าอย่าเพิ่งแสดงตัว” ซูหยางกล่าวกับสามสาวสวย

 

“อื้อ” เชี่ยวหรงพยักหน้า

 

“ช่างน่าเสียดาย ข้ากําลังเฝ้าคอยที่จะกระทืบเขามากกว่านี้” ชิวเยว่กล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย

 

“ระวังตัวด้วย ท่านปู ซูหยาง” ซีซิงฟางกล่าวกับพวกเขาพร้อมกับหมัดของเธอที่กําแน่น แม้ว่าเธอจะแสดงท่าทางเยือกเย็น แต่เธอก็อดไม่ได้ที่จะกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ทั้งหมดอยู่ภาย ในใจลึกๆ

 

เมื่อเห็นเช่นนั้น ซูหยางก็จับมือเธอไว้และกล่าวด้วยเสียงนุ่มนวลว่า “ใจเย็นๆ ตราบเท่าที่ข้าอยู่ที่นี่ ต่อให้ทั้งทวีปศักดิ์สิทธิ์กลางมาอยู่ต่อหน้า ข้าก็จักมิปล่อยให้พวกเขาได้สัมผัสเจ้าแม้แต่เพียงเส้นขนบนร่างเจ้า”

 

หลังจากที่ได้ยินคําปลอบประโลมและสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นของเขา ซีซิงฟางก็รู้ สึกผ่อนคลายขึ้นมาในทันใด และเธอก็พยักหน้ารับด้วยเลือดฝาดขึ้นหน้า “ขอบคุณ ซูหยาง…”

 

สองสามอึดใจจากนั้น ซูหยางกับซีหวังก็ออกจากยานบินไป