หลังจากออกมาจากบริษัทอะจิน, ฉันก็ขึ้นรถม้าไปด้วยกันกับฟีเน่

 

ฟีเน่นั้นสวมชุดคลุมเพื่อปิดบังตัวเองมาตั้งแต่แรกแล้ว

 

เมื่อมองไปที่เธอ, ฉันก็นึกถึงอะไรบางอย่างขึ้นมา

 

“มีอะไรรึเปล่าคะ?”

 

“ฟีเน่….เจ้าคิดยังไงกับเด็กเล็กหรอ?”

 

“เอ่อ….ท, ท่านหมายถึงลูกของข้าเองหรอคะ!?”

 

ฟีเน่ถามฉันกลับอย่างเก้ๆกังๆ

 

ครั้งนี้เธอเข้าใจอะไรผิดไปอีกเนี่ย

 

“ไม่ ไม่ใช่แบบนั้น ที่ข้าตั้งใจจะถามก็คือเจ้าโอเคกับการเล่นด้วยกันกับเด็กเล็กรึเปล่า”

 

“อ๋อ, เข้าใจแล้วค่ะ…..ไม่มีปัญหาเลยค่ะ! ล, แล้วข้าก็ไม่ได้หมายความว่าจะมีปัญหาถ้าเป็นลูกของตัวเองนะคะ!”

 

“รู้แล้ว ถ้างั้นพวกเราเดินทางอ้อมกันซักหน่อยดีไหม?”

 

“เอ๊ะ….อ้อมหรอคะ?”

 

“ใช่, ข้าคิดว่าจะไปเยี่ยมเพื่อนเก่าซักหน่อย”

 

พอพูดจบฉันก็บอกคนขับให้ไปยังจุดหมายของเรา

 

เมืองหลวงของจักรวรรดินั้นมีเขตย่อยที่กว้างขวางห้อมล้อมอยู่โดยมีปราสาทดาบหลวงตั้งเป็นศูนย์กลาง

 

เขตย่อยนั้นถูกแบ่งออกเป็นเจ็ดชั้นและยิ่งยากจนเท่าไหร่, ที่พักอาศัยก็จะยิ่งห่างจากใจกลางเมืองมากเท่านั้น

 

พวกเรามุ่งหน้าไปที่กำแพงชั้นนอกสุดของเขตย่อย

 

มีโรงฝึกดาบเล็กๆอยู่ที่นั่น

 

“ที่นี่คือ?”

 

“เป็นโรงฝึกของนักผจญภัยที่เป็นคนรู้จักของข้าเปิดอยู่ เขาสอนทักษะดาบให้กับเด็กที่ใช้ชีวิตอยู่ในเขตชั้นนอกสุดของเมืองหลวงจักรวรรดิโดยไม่คิดเงิน”

 

“ไม่คิดเงินหรอคะ?”

 

“คนส่วนใหญ่ที่อยู่เมืองชั้นนอกสุดต้องดินรนเพื่อหาเงินประทังชีวิตไปวันๆ หนทางที่จะออกจากวงจรนี้ได้ก็คือรีบแข็งแกร่งขึ้นให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้แต่เนื่องจากพวกเขาไม่มีเงินในการเรียนทักษะดาบอย่างเหมาะสม, เขาจึงสอนวิธีจับดาบให้พวกเด็กๆโดยไม่คิดเงิน”

 

ในขณะที่อธิบาย, ฉันก็มองเข้าไปข้างในโรงฝึกจากหน้าต่าง

 

ฟีเน่เองก็แอบดูด้วยกันกับฉัน

 

ในตอนนั้นเอง

 

“ย้ากกกกกก!!”

 

“อ้ากกก!!”

 

“โอ้วววว!!”

 

“ย้าาาา!!”

 

“เจ้าพวกโง่! นี่! พอได้แล้วหน่า! เห็นกิ่งไม้มันอ่อนก็อย่าได้ใจนักสิ!”

 

“….โดนรังแกหรอคะ?”

 

“ไม่หรอก, เขาก็แค่กำลังเล่นกับพวกเด็กๆหน่ะ….”

 

ข้างในโรงฝึก, มีชายคนนึงกำลังถูกเด็กหลายคนรุมฟาดอยู่

 

ผมและดวงตาสีน้ำตาลอ่อน, มีแผลเป็นยาวตั้งแต่แก้มลงไปถึงคอ, เขาดูให้ความรู้สึกแข็งแกร่งแต่ว่าพอมาเห็นเขาถูกพวกเด็กๆรุมฟาดแบบนี้มันก็ทำให้ภาพลักษณ์นั้นหายไปเลย

 

ชื่อของเขาคือไก ในตอนที่พวกเรายังเด็กพวกเรามักจะเล่นด้วยกันอยู่บ่อยๆ

 

ตอนนี้เขาทำงานเป็นนักผจญภัยในขณะที่คอยดูแลเด็กๆที่นี่ไปด้วย

 

“อาจารย์ มีคนอยู่ข้างนอกครับ”

 

“หา! ใครมันจะมาที่โกโรโกโสแบบนี้! ข้าไม่เห็นใครเลย!”

 

“อ้ะ, เขาทำสายตาเอือมระอาใส่อาจารย์ด้วยหล่ะ เขาต้องเป็นคนรู้จักของอาจารย์แน่ๆเลย”

 

“เขามองอาจารย์เหมือนกับว่าอาจารย์เป็นไอ้โง่เลย!”

 

“ข้าไม่ได้โง่ซักหน่อย!”

 

“ถ้างั้นก็หันกลับไปดูเองสิครับ”

 

“ไอ้เด็กพวกนี้นี่…..เออ! ก็ได้! เดี๋ยวข้าดูเอง!”

 

พอพูดจบ, ไกก็หันมาสบตากับฉัน

 

สายตาของไกเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจแต่พวกเด็กๆที่อยู่ข้างหลังเขากำลังยิ้มแป้น

 

ในตอนที่ฉันมองเขา, เด็กทุกคนก็เข้ามาโจมตีเขาพร้อมกัน

 

“ตอนนี้ได้โอกาสหล่ะ! ลุยกันเลย!”

 

“เห็นไหมใช่จริงๆด้วย!”

 

“ว่าแล้วเชียวโง่จริงๆด้วย!”

 

“เหวอ! เจ้าพวกเด็กบ้า! นั่นแขกนะ! รอเดี๋ยวสิ! หยุดก่อน! สงบสติอารมณ์หน่อย!”

 

“ฮิฮิ…..พวกเขาดูสนุกกันจังเลยนะคะ”

 

“สนุกหรอนั่น……”

 

เอาเถอะ, หมอนั่นก็ดูไม่ได้เกลียดอะไรนี่นะ, ไอ้คำว่าสนุกมันคงมีอยู่หลายแบบ แต่ถ้าฉันต้องรับมือกับพวกเด็กที่มีพลังงานเต็มเปี่ยมแบบนี้ทุกวันกระดูกของฉันคงหักตายแน่

 

ท้ายที่สุดแล้ว, พวกเด็กๆก็ไม่ได้ฟังเขาดังนั้นไกเลยใช้กำปั้นเขกหัวพวกเขาและเดินออกมา

 

“โย่! ไม่เจอกันนานเลยนะ! อัล!”

 

“ก็นะ, เจ้าดูสบายดีนี่ไก ว่าแต่….พวกเด็กไม่เป็นไรหรอ? ดูเหมือนเจ้าพวกนั้นจะสลบไปหมดแล้วไม่ใช่รึไง?”

 

“ไม่เป็นไรหรอกหน่า อย่าดูถูกพวกเด็กๆที่อยู่เขตนอกสุดนะ!”

 

“เอาเถอะ, ถ้าเจ้าว่าอย่างนั้นข้าก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอก…..”

 

พวกเด็กที่อยู่ที่นี่อาจจะเด็กกว่าคริสต้าด้วยว้ำ

 

มันคือช่วงวัยที่เด็กๆจะซุกซนมากที่สุด

 

ที่โรงฝึกนี้มีแต่เด็กผู้ชาย บางทีพวกเด็กผู้หญิงน่าจะไปเรียนกันที่อื่น

 

“ว่าแต่ลมอะไรหอบเจ้ามาหล่ะ?”

 

“หืม, ข้าก็แค่อยากรู้ว่าเจ้าเป็นยังไงบ้าง พอดีช่วงนี้ข้าไม่ค่อยเห็นเจ้าก็เลยรู้สึกเป็นห่วงนิดหน่อย”

 

“ไม่เคยเปลี่ยนเลยนะ! พวกข้านะอึดผิดกับพวกเจ้า! ข้าคงไม่ตายในเร็วๆนี้หรอก!”

 

พอพูดจบ, ไกก็ยืดกล้ามเนื้อแขน

 

แขนของคนที่จับดาบ แม้ว่ามันจะผอม, แต่กล้ามเนื้อที่จำเป็นสำหรับการทำแบบนั้นก็อยู่รวมกันแน่นในนั้น

 

แผลเป็นของเขาเองก็เพิ่มขึ้นมาเล็กน้อย ไกเป็นนักผจญภัยแรงค์ B เขาเกือบจะอยู่แรงค์ A แล้วแต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะแข็งแกร่งเหนือมนุษย์หรืออะไรแบบนั้น

 

“ดูท่าจะเป็นแบบนั้นจริงๆ ข้าโล่งใจหล่ะ แต่ถึงงั้นก็เถอะ, ที่นี่เป็นโรงฝึกดาบไม่ใช่หรอ? ที่ข้าเห็นเจ้าก็แค่อยู่เล่นกับพวกเด็กๆไม่ใช่รึไง?”

 

“ไม่เห็นเป็นอะไรเลยนี่! เริ่มแบบนี้ก็ดีแล้ว ถ้าพวกเขาทำร้ายใครซักคน, มันก็จะต้องเจ็บปวดในตอนที่ถูกคนๆนั้นทำร้ายกลับ ถ้าพวกเขาเรียนรู้เรื่องนี้ได้มากพอมันก็โอเคแล้วนี่ มันไม่ใช่ว่าทุกคนที่อยู่ที่นี่จะกลายเป็นนักผจญภัยซักหน่อย ถ้าพวกเขามีพรสวรรค์หรือความฝัน, สุดท้ายแล้วพวกเขาก็จะคิดถึงเส้นทางของตัวเอง และถ้าเป็นแบบนั้นข้าก็แค่สอนพวกเขาในตอนที่เวลามาถึงก็พอแล้ว”

 

“เหมือนอย่างเจ้าเนี่ยนะ?”

 

“ก็ต้องใช่หน่ะสิ! ข้าบอกเจ้าแล้วนี่ว่าอย่าดูถูกเด็กที่อยู่เขตชั้นนอกสุด พวกเราไม่จำเป็นต้องฝึกฝนตามแบบพวกขุนนาง ทั้งหมดที่พวกเราต้องสอนเด็กของเราก็คือพวกเขาจะโดนสวนกลับได้ถ้าพวกเขาทำร้ายใครซักคน ถ้าพวกเขาตระหนักได้ถึงจุดนี้พวกเขาก็จะไม่ไปทำล้ายใครมั่วซั่ว พวกเขาควรได้เรียนรู้ถึงความเจ็บปวดนี้ตั้งแต่เนิ่นๆ ถ้าพวกเขาไม่รู้ถึงมัน, พวกเขาก็จะกลายเป็นเหมือนไอ้ขุนนางที่มีดีแค่ภายนอกที่เคยรังแกเจ้าเมื่อตอนเด็ก”

 

“หมายถึงกีโด้สินะ……ก็คงจะจริงแหล่ะ, ไอ้หมอนั่นเป็นตัวอย่างของพวกที่โตมาโดยไม่รู้จักความเจ็บปวด”

 

ในขณะที่ฉันกำลังยิ้มเจื่อนๆ, ไกก็กระตุ้นให้ฉันแนะนำฟีเน่ด้วยสายตาของเขา

 

ฉันพึมพำว่า ‘อ้ะ’ แล้วเอามือปิดปากของไก

 

จากนั้นฉันก็ส่งสัญญาณให้ฟีเน่เผยใบหน้าของเธอ

 

“ค่ะ”

 

“อื้อออ, อื้ออออออออออออ!!??”

 

“ครับ ครับ ช่วยสงบสติอารมณ์หน่อย ถ้าเจ้าแหกปากตอนนี้ที่พวกเราแอบมาเยี่ยมเจ้ามันก็ไม่มีความหมายหน่ะสิ”

 

ตามที่คาดเอาไว้, ไกตกตะลึงและเกือบจะส่งเสียงร้องออกมา

 

บางทีเขาน่าจะพยายามตะโกนว่าเจ้าหญิงนกนางนวลสีน้ำเงิน

 

“!?, ร, รอบนี้เจ้าเอาปัญหาอะไรมาให้ข้าอีกเนี่ย……!?”

 

“ข้าไม่ได้เอาปัญหามาให้ซักหน่อย, ข้ากับฟีเน่พึ่งไปทำธุระกันเสร็จก็เลยแวะมาหา”

 

“ธุระหรอ? กับเจ้าหญิงนกนางนวลสีน้ำเงินเนี่ยนะ!? อย่าทำขิงไปหน่อยเลยอัล! ข้าไม่ยกโทษให้เจ้าแน่!!”

 

“เดี๋ย….ค, คอข้า, คอข้า…..”

 

“หุบปากไปเลย! จงรับความแค้นของผู้ชายทุกคนในเมืองหลวงของจักรวรรดิไปซะ!!”

 

“ย, ยอมแล้…..”

 

“เอ่อ, คือว่า……ท่านอัลกำลังจะสลบเหมือดแล้วนะคะ…….”

 

“อ้ะ, ครับ แต่ไม่เป็นไรหรอก ไอ้หมอนี่มันชอบเล่นกับความตายเพราะฉะนั้นมันอึดจนคาดไม่ถึงเลยหล่ะครับ”

 

ด้วยการปล่อยมือออกจากคอของฉัน, สีหน้าของไกก็เปลี่ยนเป็นยิ้มแย้มในขณะที่เขาหันไปหาฟีเน่

 

ไอ้เจ้าบ้านี่…….

 

ในขณะที่ฉันสบถออกมาแบบนี้, เด็กคนนึงก็ออกมาจากโรงฝึก

 

จากนั้นด้วยความคิดอะไรก็ไม่รู้, เด็กคนนั้นก็วิ่งเข้าไปหาฟีเน่แล้วกอดเธอ

 

ก็นะ, จากสายตาของเด็กๆ, คงจะรู้สึกว่าเธอเป็นคนที่เข้าหาง่าย

 

“ผู้หญิงสวยหล่ะ!”

 

“หนอย! เจ้านี่! ทำแบบนี้ข้าอิจฉานะ!”

 

“ฮี่ฮี่! ตัวหอมจังเลย นี่ นี่, พี่สาวเป็นแฟนของอาจารย์หรอครับ?”

 

“ฮุฮุ, ยังไงดีนะ?”

 

ฟีเน่พูดในขณะที่ลูบผมของเด็กคนนั้นโดยไม่แสดงความรังเกียจจากการถูกเด็กกอดเลย

 

บางทีเขาคงดีใจที่เธอยิ้มให้เขา, เด็กคนนั้นกอดเธอแน่นกว่าเดิมเหมือนกับว่าเขาอยากให้เธอเอาใจ

 

ในขณะนั้นเอง, ไกก็กัดฟันมองเขา

 

“เอาจริงดิ? อิจฉาแม้กระทั่งเด็กเลยหรอเนี่ย……”

 

“เจ้าหน่ะเงียบไปเลย! เจ้าไม่มีวันเข้าใจความรู้สึกของข้าหรอก!”

 

“ทางนี้ครับ!”

 

“อุ๊ย! คือว่า……”

 

“ไม่เป็นไร ไปเล่นกับพวกเด็กๆเถอะ”

 

“ค, ค่ะ!”

 

เห็นได้ชัดว่า, ฟีเน่เองก็ยังอยากเล่นกับพวกเด็กๆมากกว่านี้

 

เธอเข้าไปในโรงฝึกและเริ่มเล่นกับพวกเด็กๆในทันที

 

พอเห็นฟีเน่กำลังเล่นกับเด็กๆ, ไกก็เริ่มตัวสั่นด้วยความอิจฉา

 

“อ้ากกกก….ข้าควรทำยังไงดีเนี่ย…..ถ้าเจ้าพวกนั้นไม่รีบหยุดในเร็วๆข้าคงอยากตัดหัวตัวเองทิ้งแน่ๆ……แต่รอยยิ้มของท่านฟีเน่ในตอนที่กำลังมองพวกเด็กๆนี่ช่าง…..โถ่เอายังไงดีเนี่ย…..อิจฉาชะมัด”

 

“จะอิจฉาหรือห่วงตัวเอง, ก็เลือกเอาซักอย่างเถอะ”

 

“ถ้าให้เลือกก็คงห่วงตัวเองก่อนหล่ะนะ, จะให้ตัดหัวตัวเองนี่มันก็ค่อนข้างจะ……”

 

“แต่เมื่อสักครู่เจ้าพึ่งจะบีบคอเจ้าชายมาเองนะ, รู้ตัวบ้างรึเปล่าเนี่ย?”

 

“ไม่เห็นไปไรเลยนี่ ถ้าเจ้าเป็นประเภทที่สนใจเรื่องแบบนี้, เอลน่าก็คงจะโดนเล่นงานก่อนข้าไม่ใช่หรอ? เพราะฉะนั้นไม่เป็นอะไรหรอกหน่า”

 

“เหตุผลบ้าบออะไรกัน…..”

 

เอาเถอะ, ก็เพราะแบบนี้แหล่ะนะพวกเราถึงยังพูดคุยกันแบบนี้ได้

 

เก็บเรื่องสมัยเด็กเอาไว้ก่อน, ในตอนที่โตขึ้นเป็นผู้ใหญ่นั้น, จะทำให้คนเราตระหนักถึงตำแหน่งของตัวเองมากขึ้น

 

เจ้าชายก็ยังคงเป็นเจ้าชายอยู่วันยังค่ำต่อให้เคยเล่นหัวกันมาก่อนก็ตาม มีหลายคนที่คิดแบบนี้แล้วเลือกที่จะตีตัวออกห่าง

 

ซึ่งในบรรดาผู้คนเหล่านั้น, ไกถือว่าเป็นตัวตนพิเศษ

 

“น่าคิดถึงจังเลยนะ เอลน่าเป็นคู่แข่งที่ดีเลยหล่ะ”

 

“คำว่าคู่แข่งคงไม่เหมาะหรอกมั้งในเมื่อเจ้าแพ้เธอไปตั้ง 200 ครั้งแล้ว”

 

“197 ครั้งต่างหากหล่ะ อย่านับผิดสิ”

 

“ไม่เห็นจะต่างกันตรงไหน…..”

 

ในสมัยเด็ก, ไกนั้นเหมือนกับเด็กเกเรทั่วๆไปที่อยู่เขตชั้นนอกสุด

 

มันเป็นหน้าที่ประจำวันสำหรับเขาที่จะต้องขึ้นไปที่เขตกลางและเที่ยวแกล้งคนอื่น และนี่ก็คือตอนที่ฉันกับเอลน่าได้พบกับเขา

 

ถ้าฉันจำไม่ผิด, ตอนแรก, ไกขโมยขนมปังจากร้านขนมปังแล้วกำลังซ่อนตัวจากคนที่ไล่ตาม ในตอนนั้นเอลน่าเป็นคนเจอตัวเขาแล้วก็เอาชนะเขาได้

 

ตั้งแต่นั้นมา, ไกก็มองเธอเป็นคู่แข่งและขอท้าสู้กับเธออยู่หลายครั้ง, ซึ่งก็แน่นอนว่าเขาแพ้

 

แต่ประสบการณ์ทำให้ไกแข็งแกร่งขึ้น มันเป็นความจริงที่ชาวเมืองชั้นนอกสุดนั้นอึดมาก คนพวกนี้ไม่รู้จักยอมแพ้จริงๆ

 

“สรุปแล้ว? เจ้ามาที่นี่ด้วยเหตุผลอะไรกันแน่? เจ้าคงไม่ได้มาที่นี่แค่เพราะอยากเจอข้าถูกไหม?”

 

“บางครั้งเจ้าก็ฉลาดจนน่าแปลกใจนะเนี่ย อันที่จริง, ลีโอถูกแต่งตั้งให้เป็นผู้ตรวจสอบเหตุการณ์ผู้อพยพทางใต้หน่ะ ข้าอยากมาถามเจ้าเกี่ยวกับการเลือกปฏิบัติที่ชายแดนใต้เพราะแต่เดิมแล้วเจ้าเคยอยู่ที่นั่น, เจ้าคิดว่าไงหล่ะ?”

 

ไกเป็นผู้อพยพ

 

พ่อแม่ของเขาเป็นผู้อพยพและเขาก็โตมาพร้อมกับการถูกเลือกปฏิบัติ

 

บางทีนี่อาจจะเป็นต้นตอของความดื้อรั้นของเขา

 

นี่คือสาเหตุที่ไกพุ่งเป้าที่จะกลายเป็นนักผจญภัยเพื่อที่เขาจะได้ไม่ต้องมาจัดการกับเรื่องผู้อพยพอีก แม้ว่าท่านพ่อจะยอมรับผู้อพยพเป็นประชากรของจักรวรรดิ, แต่การเลือกปฏิบัติในเมืองหลวงของจักรวรรดิก็ยังคงมีต่อไปอีกเป็นเวลาหลายปี

 

“ก็นะ, ไม่ต้องสงสัยเลย มันผ่านมาตั้ง 11 ปีแล้วไม่ใช่หรอตั้งแต่ตอนที่จักรพรรดิประกาศว่าผู้อพยพอย่างพวกเราเป็นประชาชนของจักรวรรดิ? สำหรับข้า, มันก็ยังแค่ 11 ปีหล่ะนะ การเลือกปฏิบัติคงไม่หมดไปง่ายๆหรอก โดยเฉพาะแนวคิดของพวกขุนนาง ถึงยังไงพวกนั้นก็ถูกปลูกฝังมาแบบนั้น”

 

“….เข้าใจหล่ะ ได้ยินแบบนี้ค่อยโล่งอกหน่อย”

 

“โล่งอกหรอ?”

 

“สิ่งที่เกิดขึ้นที่ชายแดนใต้ก็คือคดีลักพาตัวที่หมู่บ้านผู้อพยพ ถ้าไม่มีขุนนางเกี่ยวข้องด้วยมันก็คงไม่ทำให้เกิดปัญหาจนถึงขั้นที่จักรพรรดิต้องส่งลีโอออกไป แต่ถึงยังไงคดีนี้ก็คุ้มค่าแก่การส่งลีโอออกไปเพราะที่นั่นยังมีการเลือกปฏิบัติกระจายอยู่ในพื้นที่โดยมีขุนนางท้องถิ่นเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยในทางปฏิบัติ ลีโอมีความสามารถในการไขคดีนี้, นี่คือเหตุผลที่จักรพรรดิตัดสินใจส่งเขาไปที่นั่น”

 

“เจ้ายังอวยน้องชายของตัวเองไม่เปลี่ยนเลยนะ เขาอาจจะคล้ายมงกุฎราชกุมารแต่คนแบบนั้นไม่ได้หากันได้ง่ายๆหรอก ต้องขอบคุณเขานั่นแหล่ะการเลือกปฏิบัติในเมืองหลวงจึงลดลงมาถึงขนาดนี้ คนแบบนั้นนี่พิเศษจริงๆ….เขาเป็นคนที่พิเศษมากเลยหล่ะ”

 

“ก็คงจะใช่แหล่ะ….แต่ถึงอย่างนั้น, ลีโอก็มีเลือดครึ่งนึงของชายคนนั้นไหลเวียนอยู่ในตัวนะ”

 

“เจ้าก็เหมือนกันไม่ใช่รึไง?”

 

“ช่างข้าเถอะหน่า”

 

ฉันพูดในขณะที่ยิ้มเจื่อนๆ

 

ข้างในโรงฝึก, ฟีเน่กำลังเล่นกับพวกเด็กๆอย่างมีความสุข

 

ฉันพาฟีเน่มาที่นี่ก็เพื่อให้เธอได้ผ่อนคลายบ้างและดูเหมือนว่าจะคิดถูกหล่ะนะ

 

“อ้ะ, ใช่แล้ว ตอนนี้ลูกศิษย์ของข้าคนนึงอยู่ที่ปราสาทด้วย ถ้าเจ้าเจอ, ก็ฝากดูแลแทนข้าหน่อยนะ”

 

“ลูกศิษย์หรอ?”

 

“ใช่, เป็นเด็กที่ค่อนข้างมีพรสวรรค์เลยหล่ะ ข้าแนะนำให้เพื่อนของข้าพาไปฝึกเป็นอัศวินที่ปราสาท ตอนนี้น่าจะใช้ชีวิตอยู่ในปราสาทนั่นแหล่ะ”

 

“โฮ่, แล้วเขาหน้าตาเป็นยังไงหล่ะ?”

 

“ผู้หญิงต่างหากหล่ะแต่เธอค่อนข้างขี้โวยวาย ก็นะ, เพราะเธอชอบส่งเสียงดังนี่แหล่ะเจ้าก็น่าจะรู้ได้เองในตอนที่เจอเธอ เธอชอบโวยวายสุดๆเลยหล่ะ”

 

สีหน้าของไกเต็มไปด้วยรอยยิ้มในตอนที่เขาพูดออกมาแบบนั้น

 

ฉันคิดว่าเขาคงจะชอบเด็กจริงๆหล่ะนะ

 

ท้ายที่สุดแล้ว, หลังจากที่ปล่อยให้ฟีเน่เล่นกับเด็กอยู่พักนึง, ฉันกับฟีเน่ก็เดินทางกลับ