ตอนที่ 874 ข่าวทางทหารที่เป็นเท็จ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

หลี่ว์ซู่ครุ่นคิดสักพัก กับเสี่ยวอวี๋ ถึงแม้พวกเขาอาจจะยังไม่สามารถเอาชนะผู้บำเพ็ญนับแสนคนได้ แต่หากพวกเขาสามารถจัดการกับสถานการณ์ปกติได้ เมืองนี้ก็เป็นแค่เรื่องง่ายๆ สำหรับพวกเขา 

 

 

เขาพูดว่า “มุ่งหน้าไปที่เมืองเพื่อตรวจสอบสถานการณ์” 

 

 

ในระหว่างทางกลับไปที่เมือง จางเว่ยอวี่เห็นหลี่ว์ซู่และหลี่ว์เสี่ยวอวี๋พูดคุยกันเล็กๆ น้อยๆ นั่นทำให้ความสัมพันธ์ของพวกเขาต้องไม่ใช่แค่ทาสกับนายทาสแน่ๆ 

 

 

อย่างไรก็ตาม จางเว่ยอวี่คิดว่านั่นก็ไม่ใช่เรื่องของเขา หลี่ว์ซู่อาจจะมีความลับแต่ตัวเขาเองก็มีความลับมากมายเช่นกัน ในเมื่อพวกเขาทั้งสองคนผ่านอะไรมาด้วยกันตั้งมากมาย เขาจึงไม่อยากจะสอบถามมากจนเกินไป 

 

 

หลี่ว์ซู่เริ่มออกคำสั่งหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ในระหว่างเดินทาง “พวกเรามาช่วยกันหาทางกลับบ้านอย่างเงียบๆ กันเถอะ ถึงแม้เธอจะสามารถควบคุมวิญญาณของผู้มีพลังระดับ A ได้ แต่ที่นี่ยังมีเสินฉังจิ้งและระดับบางระดับที่อาจจะถึงขั้นสูงกว่านั้นอีก เนี่ยถิงสามารถแยกทัณฑ์สวรรค์ได้ตอนที่เขาอยู่ระดับ A จนกระทั่งตอนนี้ ฉันยังไม่เคยเห็นเขาโจมตีด้วยเสินฉังจิ้งเลย คงมีแค่เทพเจ้าที่รู้ว่าสิ่งนี้ทรงพลังแค่ไหน ดังนั้น เราต้องระมัดระวังและคอยหาทางกลับบ้านอย่างลับๆ หลังจากนั้น ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับโลกใบนี้ก็ล้วนแล้วแต่ไม่เกี่ยวกับพวกเราอีกต่อไป” 

 

 

จริงๆ แล้ว หลี่ว์ซู่ระมัดระวังผู้มีพลังในโลกนี้เป็นอย่างมาก เนี่ยถิงระดับ A หลี่เสียนอี และเฉินไป่หลี่ ก็น่ากลัวพอแล้ว ครั้งหนึ่งเขาเคยใช้ตราแผ่นดินเพื่อควบคุมพลังจิตวิญญาณในตรอกหลิวไห่ ในท้ายที่สุด เนี่ยถิงก็สามารถคิดออกได้เพียงส่วนเล็กๆ ของตรรกะ เขาเพียงแค่ก้าวเข้าไปในประตูของเสินฉังจิ้งและไปถึงระดับที่สูงขนาดนั้นก่อนที่เขาจะถึงขั้นมีชีวิตอยู่ด้วยทัณฑ์สวรรค์ สิ่งที่ขวางกันระหว่างตราแผ่นดินและลานแตกออกเมื่อเขาเคาะโต๊ะเพียงแผ่วเบา… 

 

 

ถ้าอย่างนั้นแล้วเสินฉังจิ้งเป็นอย่างไร หลี่ว์ซู่ไม่สามารถจินตนาการได้เลย 

 

 

เขาอาจจะเตรียมใจได้หากเขาเคยเห็นการโจมตีที่ทำโดยใครสักคนที่อยู่ในระดับเสินฉังจิ้ง แต่เขาก็ยังไม่เคยเห็น และสิ่งที่ไม่รู้นั่นก็คือสิ่งที่น่ากลัวที่สุด 

 

 

ถ้าเสินฉังจิ้งเป็นขอบเขตที่ผู้มีพลังสามารถใช้กฎของตนเองได้ แล้วกฎเหล่านั้นจะมีข้อจำกัดหรือไม่ หลี่ว์ซู่รู้สึกว่าเขาไม่ควรกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้เพราะมันออกจะซับซ้อนเกินไป 

 

 

ในตอนนี้เอง จางเว่ยอวี่กำลังชำเลืองมองไปทางหลี่ว์เสี่ยวอวี๋และหลี่ว์ซู่ “พวกนายสองคนอยากจะไปซ่อนตัวในถ้ำกับฉันไหม” 

 

 

หลี่ว์ซู่รู้ว่าจางเว่ยอวี่กำลังคิดอะไรอยู่ จางเว่ยอวี่และคนอื่นๆ เป็นเพียงชาวบ้านธรรมดาที่ได้รับความทุกข์ยากเพราะพวกเขาไม่ได้ฝึกบำเพ็ญ ถ้าหลี่ว์ซู่ตามเขาไปที่ถ้ำ เขาจะต้องซื้ออาหารมากกว่านี้แน่… 

 

 

จางเว่ยอวี่ที่ไม่ได้กินอาหารฟรีของคนอื่นรู้สึกว่าความคิดนั้นก็ไม่เลวเลยที่จะทำเช่นนั้น… 

 

 

นอกจากนี้ ถ้าหลี่ว์ซู่และหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ไปกับเขา จางเว่ยอวี่และคนที่เหลือก็จะมีคนคอยปกป้อง ไม่ว่าหลี่ว์ซู่และหลี่เสี่ยวอวี๋จะอ่อนแอขนาดไหน แต่ก็ดีกว่าการไม่มีคนคอยปกป้องเลย 

 

 

จางเว่ยอวี่อาจจะไม่ได้รู้จักหลี่ว์ซู่ดีนัก แต่เขารู้ว่าหลี่ว์ซู่จะไม่ทิ้งสหายไว้เบื้องหลังนยามยากอย่างแน่นอน พวกเขาสามารถบอกว่าเป็นเพื่อนกันได้ใช่หรือไม่ 

 

 

เมื่อพวกเขาไปถึงเมือง หลี่ว์ซู่และจางเว่ยอวี่ถึงได้รู้ว่าเมืองไม่ได้วุ่นวายอย่างที่พวกเขาคิดว่าจะเป็น ถึงแม้ว่าร้านรวงทุกร้านจะปิดประตูแน่นสนิท พวกเขาก็ยังสามารถเห็นคนจ้องมองลอดออกมาทางช่องว่างระหว่างประตูด้วยความกังวล 

 

 

ทาสที่มีตราประทับอยู่บนร่างกายไม่มีใครกล้าหลบหนี ถ้าทหารเสื้อขนดำมาถึง พวกเขาก็ทำได้เพียงรอความตายเท่านั้น 

 

 

นายทาสเองก็รู้ว่าควรให้ความสำคัญกับสิ่งใด การสู้ถือเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ พวกเขาจึงไม่สามารถปล่อยให้เหล่าทาสหนีไปจนทำแผนของพวกเขาพังไม่เป็นท่า 

 

 

เสียงฝีเท้าของหลี่ว์ซู่และหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ดังก้องในเมืองที่เงียบสงัด จางเว่ยอวี่เคาะประตูที่ทำจากไม้ของร้านขายข้าว เมื่อประตูเปิดออก หลี่ว์ซู่ก็เห็นคนขายตัวสั่นเทาอยู่ที่มุมหนึ่ง ทาสระดับห้าสองคนเปิดประตูด้วยมีดในมือของพวกเขา 

 

 

หลี่ว์เสี่ยอวี๋ชำเลืองมองหลี่ว์ซู่ “ต้องฆ่าพวกเขาไหม” 

 

 

หลี่ว์ซู่ส่ายหัวและได้ยินเสียงทาสอุทานด้วยความประหลาดใจ “ทำไมพวกนายสองคนถึงมาอยู่ที่นี่ แล้วทหารเสื้อขนดำล่ะ” 

 

 

จางเว่ยอวี่ตอบว่า “ทหารเสื้อขนดำ…หายไปแล้ว…” 

 

 

“ถ้างั้นพวกนายกำลังทำอะไร” ทาสถามอย่างสับสน 

 

 

“พวกเรามาที่นี่เพื่อซื้ออาหาร…” จางเว่ยอวี่ตอบ 

 

 

ทาสทั้งสองคนเดินออกมาจากร้านและไม่เห็นทหารเสื้อขนดำแม่แต่คนเดียว ในตอนแรก พวกเขารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติในตอนที่พวกเขาได้ยินเสียงดังตูม แต่หลังจากเสียงนั้น เสียงควบม้าก็หายไป 

 

 

ทุกอย่างดูแปลกมาก… 

 

 

นี่ไม่น่าจะใช่แผนการของทหารเสื้อขนดำ เพราะสุดท้ายแล้ว หากจะให้ได้ผลดีที่สุดก็คือต้องให้กองหน้าเข้าโจมตีเมืองกำลังวุ่นวาย จะมีใครรอให้ฝ่ายตรงข้ามพร้อมก่อนจึงจะโจมตี 

 

 

ทาสคนหนึ่งวิ่งเข้าไปในเมืองและคนอีกหลายคนก็ออกมาดูอย่างประหม่า แต่หากพวกเขาลังเลเพียงเล็กน้อย ตราประทับที่อยู่บนคอของพวกเขาก็จะเจ็บเพราะนายทาสกำลังเร่งให้พวกเขาออกมาดูสถานการณ์ 

 

 

หลังผ่านไปสักพัก ทาสสองสามคนก็กลับมาพร้อมกับตะโกนว่า “พวกเราไม่เห็นทหารเสื้อขนดำแล้วจริงๆ!” 

 

 

หลังจากนั้น หลี่ว์ซู่ก็เห็นทาสจำนวนมากออกมาจากตรอกซอกซอยและร้านค้าต่างๆ คงมีแค่พระเจ้เท่านั้นที่จะรู้ว่าก่อนหน้านี้คนเหล่านี้ซ่อนตัวอยู่ที่ไหนบ้าง 

 

 

พนักงานขายของแต่ละร้านเดินออกมาข้างนอก และหญิงโสเภณีก็กระซิบกระซาบกันอยู่ที่ประตูซ่อง 

 

 

หลี่ว์เสี่ยวอวี๋ชำเลืองมองจางเว่นอวี่ และชี้ไปที่สถานที่ๆ มีหญิงโสเภณีเดินออกมาและถามว่า “นั่นคือสถานที่อะไรเหรอ” 

 

 

“นั่นคือซ่อง” จางเว่ยอวี่ตกตะลึงก่อนจะพูดต่อ “เธอกำลังจะบอกว่าไม่มีซ่องในที่ๆ เธออยู่งั้นเหรอ” 

 

 

“พวกเราไม่ได้เถื่อนขนากนั้น…” หลี่ว์ซู่สามารถอธิบายได้เพียงเท่านั้น 

 

 

แต่ก่อนที่เขาจะได้พูดจนจบประโยค เขาก็เห็นหลี่ว์เสี่ยวอวี๋เดินตรงไปที่หญิงสาวเหล่านั้นและชี้มที่หลี่ว์ซู่พร้อมกับถามว่า “เขาเคยมาที่นี่มาก่อนไหม” 

 

 

[ได้แต้มจากหลี่ว์ซู่ +666!] 

 

 

‘นี่มันใช่เวลามาถามคำถามแบบนี้เหรอ เห็นฉันเป็นคนแบบนั้นหรือยังไง’ 

 

 

เหล่าหญิงสาวชำเลืองมองมาที่หลี่ว์ซู่และพูดว่า “พวกเราไม่เคยเห็นหนุ่มหล่อคนนี้มาก่อน แต่ถ้าเขามา พวกเราจะดูแลเขาอย่างดีเลยล่ะ” 

 

 

ในตอนนี้เอง มีเสียงควบม้าดังมาจากทางทิศตะวันออกของเมือง แต่หลี่ว์ซู่รู้ว่าตอนนี้คงไม่มีใครเป็นกังวลแล้ว กลับกันพวกเขากับดูมีความสุขมากกว่า 

 

 

จางเว่ยอวี่พูดเบาๆ ว่า “กำลังเสริมจากเมืองหนานเกิงคงมาถึงแล้ว ฉันไม่แน่ใจว่าใครเป็นผู้นำทัพ แต่คนที่เป็นผู้นำของเมืองหนานเกิงก็คือชนชั้นสูงระดับสอง” 

 

 

หลังจากเขาพูดจบ ทหารม้าที่สวมชุดเกราะสีแดงก็พุ่งเข้ามาในเมืองและเข้ายึดทางแยกทั้งหมดในเมืองทันที 

 

 

พู่สีแดงที่อยู่บนหมวกของคนที่ขี่ม้าเป็นเหมือนธงสีแดง และแม้แต่ม้าก็สวมหน้ากากสีแดงเช่นกัน 

 

 

พร้อมกับเสียงของม้า ชายหนุ่มอายุน้อยที่กล้าหาญและหล่อเหลาก็ขี่ม้าไปที่ป้อมป้องกันเมือง ทหารรักษาเมืองโค้งคำนับต่อหน้าเขาด้วยท่าทางประหม่า 

 

 

ชายอายุน้อยคนนั้นมองลงไปที่ทหารรักษาเมืองและถามว่า “ทหารเสื้อขนดำอยู่ที่ไหน” 

 

 

“ผมไม่ร…” 

 

 

“นายรู้ถึงผลของการแจ้งข่าวทางทหารที่เป็นเท็จหรือเปล่า” 

 

 

ทหารรักษาเมืองตัวสั่น “พวกเราได้ยินเสียงควบม้ามาจากทางด้านนอกเมือง แต่พวกเราไม่รู้ว่าทหารเสื้อขนดำหายไปไหน…” 

 

 

เขารู้สึกผิดปกติอย่างมาก พวกเขาได้ยินเสียงม้าไม่ผิดแน่ แต่ทหารเสื้อขนดำหายไปไหน