เขาอวี่ฮั่วนอกเมืองหยุนไห่
ที่นี่เป็นที่รวมตัวผู้ฝึกชี่ทั้งเมืองตงหวา พวกคนทั่วไปไม่รู้ แต่สำหรับคนที่มีตำแหน่ง ต้องเคยได้ยินชื่อที่นี่แน่นอน
ตลาดหม้อยา คือสถานที่แลกเปลี่ยนสินค้าของผู้ฝึกชี่ สถานที่แบบนี้ราชสำนักคุ้มกันอย่างแน่นหนา เพื่อไม่ให้มีคนเข้ามาสร้างความวุ่นวาย ไม่เพียงแค่กลัวคนเข้ามาก่อเรื่องในตลาดหม้อยา สิ่งสำคัญคือ เมื่อผู้ฝึกชี่พวกนี้รวมตัวกัน จะเกิดเหตุยุ่งยากอะไรไหม นี่คือปัจจัยที่ราชสำนักต้องคำนึง
พลเอกเฟิง เฟิงซื่อชิง เป็นหนึ่งในสี่นายทหารชั้นสูงที่ประจำการอยู่เชิงเขา
แบ่งตามฟ้า กิน เสวียน เหลืองระดับทั้งสี่ขั้น เขาเป็นนายทหารชั้นสูงที่ระดับเหลืองขั้นแย่ที่สุด
แต่ถึงระดับเหลืองขั้นแย่ที่สุด แต่กำลังคนและอาวุธในมือก็เรียกได้ว่ามีจำนวนมาก แค่นักบู๊แดนปราณชีวิตก็สิบคนแล้ว ส่วนตัวเองเป็นยอดฝีมือแดนปราณดิน
พละกำลังระดับนี้ เดินไปไหนล้วนได้รับการสรรเสริญ แม้ประจำการอยู่ที่ชายแดนแบบนี้ ก็ยังมีแขกมาที่ฐานบัญชาการของพลเอกเฟิง เพื่อมอบของขวัญให้อย่างต่อเนื่อง
วันนี้ก็มีคนต่อแถวเพื่อมอบของขวัญเหมือนเดิม พลเอกเฟิงนั่งอยู่บนเก้าอี้ทหาร ลูบเคราของตัวเอง เล่นลูกตะกั่วสองลูก อมยิ้มมองคนที่มามอบของขวัญ
“พลเอกเฟิง กรุณาส่งยอดฝีมือไปที่เมืองหยุนไห่ด่วนเลยครับ ครั้งนี้ท่านผู้เฝ้าเมืองของเรา ต้องการความช่วยเหลือจากพลเอกเฟิงจริงๆ!”
องครักษ์คนหนึ่งคุกเข่าข้างหนึ่งลงข้างหน้าพลเอกเฟิง เขาคือคนที่ผู้เฝ้าเมืองซ่งส่งมาขอความช่วยเหลือ
แต่ดูไม่เหมือนที่ท่านผู้เฝ้าเมืองบอกเขา เหมือนพลเอกเฟิงไม่ได้มีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับท่านผู้เฝ้าเมืองซ่งสักเท่าไร เขาพูดจนปากจะฉีกแล้ว พลเอกเฟิงทำเพียงยิ้ม ไม่พูดอะไรเลย
ขณะที่ทำอะไรไม่ได้ องครักษ์กัดฟันพูดว่า “พลเอกเฟิง คุณท่านเราบอกว่ามีความสัมพันธ์อันดีกับพลเอกเฟิง พลเอกเฟิงจะปล่อยให้เมืองหยุนไห่เกิดเรื่องแบบนี้เหรอครับ”
ในที่สุดพลเอกเฟิงก็พูดออกมา “ในอดีตฉันเคยรู้จักกับท่านผู้เฝ้าเมืองของพวกนาย ฉันก็อยากช่วย แต่ฉันเป็นพลเอกที่เฝ้าเขาอวี่ฮั่ว ไม่ใช่พลเอกที่เฝ้าเมืองหยุนไห่ คำสั่งทหารอยู่กับตัว จะละเมิดไม่ได้ ถ้าผู้เฝ้าเมืองของพวกนายต้องการความช่วยเหลือจากฉันจริง หรือเรื่องเกี่ยวข้องกับพื้นฐานของเมือง ให้เขามาด้วยตัวเอง เขามาขอความช่วยเหลือพร้อมกับป้ายผู้เฝ้าเมือง ฉันสามารถส่งคนไปได้”
พลเอกเฟิงพูดอย่างไม่มีช่องโหว่ แต่ใจของเขา แม้แต่องครักษ์คนนี้ก็ดูออกอย่างชัดเจน
รอให้ผู้เฝ้าเมืองมาคุยเงื่อนไขด้วยตัวเองไม่ใช่หรือไง ถือโอกาสตอนที่อีกฝั่งกำลังย่ำแย่
ในเมืองหยุนไห่ มีใครที่ไม่รู้จักชื่อ “เฟิงคนโลภ” บ้างล่ะ
ชื่อเสียงโลภในทรัพย์สินของพลเอกเฟิง รู้ไปทั่วเมืองหยุนไห่ตั้งนานแล้ว
แต่พูดถึงขนาดนี้แล้ว องครักษ์ก็ไม่รู้จะพูดอย่างไร เขาลุกขึ้นบอกลา เตรียมกลับไปรายงานผู้เฝ้าเมืองซ่ง
แต่ขณะนั้นมีทหารคนหนึ่งพุ่งเข้ามา
พลเอกเฟิงขมวดคิ้วเบาๆ พูดว่า “ใครให้นายเข้ามา ออกไป!”
ทหารคนนี้คุกเข่าลงข้างหนึ่งแล้วพูดว่า “พลเอกเฟิง ผู้เฝ้าเมืองหยุนไห่ส่งผมมาแจ้ง โจรสองคนสร้างความวุ่นวายที่จวนผู้เฝ้าเมือง ฆ่าคนมากมาย คนตายนับไม่ถ้วน ท่านผู้เฝ้าเมืองรับมือคนเดียวไม่ไหว พลเอกเฟิงได้โปรดพายอดฝีมือไปช่วยด้วยครับ!”
แววตาพลเอกเฟิงเป็นประกาย เขาหัวเราะแล้วพูดว่า “บุกไปถึงจวนผู้เฝ้าเมืองแล้วเหรอ น่าสนใจๆ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ฉันจะดูสิว่าโจรสองคนนี้เป็นใคร บอกผู้เฝ้าเมืองว่ารีบปิดทางเข้าออกเมือง รอฉันพาคนไป”
องครักษ์ทั้งสองคนโล่งอก พลเอกเฟิงพูดกับคนอื่นในห้องว่า “ทุกคนกลับไปก่อนเถอะ วันนี้ฉันมีธุระ คงไม่ได้อยู่กับทุกคนแล้ว”