TQF:บทที่ 547 คิดถึงเข้ากระดูก โศกเศร้าน้ำตาไหล (2)
แต่ใจของนางไม่อาจสงบลงได้ ใบหน้าอันคุ้นเคยปรากฏขึ้นลางๆบนท้องฟ้าสีดำ ใจของนางเหมือนถูกคนกระชากขึ้น เจ็บจนหน้าซีด
ในนาทีนี้ น้ำตาเอ่อล้นขึ้นทำให้นางนึกถึงเพลงหนึ่งที่ชื่อว่า (ชาติปางก่อนจนชาตินี้) บทเพลงนั้นเหมือนเขียนขึ้นเพื่อนาง
ไม่รู้ว่ารอมากี่ค่ำคืน ความคิดถึงกระจายออกอย่างไม่มีขอบเขต ดาวตกเป็นสัญญาณออกเดินทางเมื่อฟ้าสว่าง ข้าข้ามน้ำข้ามภูเขามาอยู่ข้างกายเจ้า นี่เป็นพรหมลิขิตจากชาติปางก่อนอย่างไรกันแน่ ดอกไม้ตกลงมาดั่งเช่นน้ำตาที่ร่วงหล่นอยู่ในใจ ฝันจากชาติก่อนรัดพันกันอย่างถวิลหา บทเพลงของชาตินี้กลับไร้ตัวตันเหมือนหมอกควัน ตำนานบอกว่าพรุ่งนี้ความรักจะเกิดขึ้นใหม่อีกครั้ง การคิดถึงเจ้าก็เป็นแค่ความเหงาครั้งสุดท้าย ข้ารวมจดหมายรักเข้าไว้ด้วยกันเป็นเล่ม จะรักเจ้าตลอดไปเป็นบทกวีที่ไพเราะที่สุด
นี่เป็นพรหมลิขิตจากชาติปางก่อนอย่างไรกันแน่ ดอกไม้ตกลงมาดั่งเช่นน้ำตาที่ร่วงหล่นอยู่ในใจ บทเพลงของชาตินี้ไร้ตัวตันเหมือนหมอกควัน นี่เป็นพรหมลิขิตจากชาติปางก่อนอย่างไรกันแน่ มีเพียงรักแท้ที่ยังส่งถึงกันทุกคืนวัน ตอนนั้นเป็นเพียงคำสัญญาชั่ววูบ พันปีผ่านไปกลับกลายเป็นคำสาบานจากโบราณกาล นี่เป็นพรหมลิขิตจากชาติปางก่อนอย่างไรกันแน่ การเวียนว่ายก็ไม่ทำให้ลืมใบหน้านี้ได้
รักเจ้าแบบควบคุมตัวเองไม่ได้ อยู่ด้วยกันจนฟ้าดินทลาย นี่เป็นสัญญาของเราจากชาติปางก่อน รักกันในชาตินี้ ไม่เปลี่ยนผันตลอดไป
น้ำตาไหลออกมาเรื่อยๆ เฉิงเสี่ยวเสี่ยวอดร้องบทเพลงแห่งความรักในใจออกมาไม่ได้ บทเพลงที่บ่งบอกถึงความรู้สึกและความคาดหวังในใจ ไม่ได้น้ำตาร่วงมากว่าครึ่งปีแล้ว ไม่รู้ทำไมพอมาอยู่ที่นี่ นางรู้สึกโศกเศร้าขึ้นอีกครั้ง น้ำตาไหลออกมาด้วยความเจ็บปวด
เสียงเพลงของนางแม้จะเบา แต่คนที่อยู่ห้องขางๆได้ยินกันหมด พวกเขาถอนหายใจออกมาพร้อมกัน หรงจิ้งซือเองก็เช็ดน้ำตาเงียบๆ
หยูเฮงลืมตาขึ้นเมื่อไหร่ไม่รู้ มองไปยังน้ำตาที่รวงเผลาะดั่งฝนตกก็ไม่รู้จะพูดอะไรดีเหมือนกัน
ความคิดถึงถูกกระตุ้นขึ้น ร้อง (ชาติปางก่อนจนชาตินี้) จบ นางก็ร้องเพลงที่ชื่อว่า (ข้ายินยอม) ต่อ
ความคิดถึงเป็นสิ่งที่แปลกประหลาด ไร้รูปไร้เสียงไร้ร่องรอยเกิดขึ้นอยู่ในใจ พริบตาเดียวก็กลืนกินข้าไป ข้าไม่มีแรงต้านทานโดยเฉพาะในกลางคืน คิดถึงเจ้าจนหายใจไม่ออก อยากจะวิ่งไปหาเธอซะบัดเดี๋ยวนี้ บอกเจ้าเสียงดังๆว่าข้ายินยอม ข้ายินยอมเพื่อเจ้า ยอมลืมชื่อตัวเอง ขอแค่อีกวินาทีเดียวที่ได้อยู่ในอ้อมกอดเจ้า จะต้องเสียทั้งโลกไปก็ไม่เสียดาย
ข้ายินยอมเพื่อเจ้า ข้ายินยอมเพื่อเจ้า ข้ายินยอมเพื่อเจ้า ยอมที่จะถูกเนรเทศไปสุดขอบฟ้า ขอแค่เจ้าจริงใจตอบรับข้าด้วยความรัก จะอะไรก็ยอมทั้งนั้น อะไรก็ยอมเพื่อเจ้าได้ ข้าไม่มีแรงต้านทานโดยเฉพาะในกลางคืน คิดถึงเจ้าจนหายใจไม่ออก อยากจะวิ่งไปหาเธอซะบัดเดี๋ยวนี้ บอกเจ้าเสียงดังๆว่าข้ายินยอม ข้ายินยอมเพื่อเจ้า ยอมลืมชื่อตัวเอง ขอแค่อีกวินาทีเดียวที่ได้อยู่ในอ้อมกอดเจ้า จะต้องเสียทั้งโลกไปก็ไม่เสียดาย
ข้ายินยอมเพื่อเจ้า ข้ายินยอมเพื่อเจ้า ข้ายินยอมเพื่อเจ้า ยอมที่จะถูกเนรเทศไปสุดขอบฟ้า ขอแค่เจ้าจริงใจตอบรับข้าด้วยความรัก จะอะไรก็ยอมทั้งนั้น อะไรก็ยอมเพื่อเจ้าได้
เฉิงเสี่ยวเสี่ยวสารภาพความในใจไปตามบทเพลง แม้ว่าเพลงนี้จะเบาลงเรื่อยๆจนแทบจะไม่ได้ยิน แต่ผู้ที่มีพลังจิตกว้างขวางก็ยังได้ยินอยู่ดี
ผู้ใหญ่ทุกคนเพิ่งเคยได้ฟังเพลงที่บอกทุกอย่างออกมาตรงๆ ลึกซึ้งและเต็มไปด้วยความคิดถึงแบบนี้เป็นครั้งแรก พวกเขาอาจจะยังไม่ค่อยคุ้นเคยการสื่อความรักที่ตรงขนาดนี้ แต่พวกเขาก็สามารถสัมผัสได้ถึงความรู้สึกที่อยู่ในใจนาง
หยูเฮงไม่รู้ว่าลุกขึ้นจากเตียงตั้งแต่เมื่อไหร่ และพุ่งมาข้างกายนาง ยื่นมือมาโอบกอดร่างที่เหมือนจะจากตัวเองไปไว้แน่น
ชั่วขณะที่หยูเฮงโอบกอดตัวเองไว้ ร่างของเฉิงเสี่ยวเสี่ยวสั่นไป อยู่กับหยูเฮงมาหลายปี นี่เป็นครั้งแรกที่นางกอดตัวเอง
เฉิงเสี่ยวเสี่ยวที่โศกเศร้าอยู่ เริ่มสงบลงในนาทีนี้
“คุณหนู ท่านกับคุณชายสื่อใจถึงกันได้ เขาต้องรู้สึกถึงความคิดถึงของท่านได้แน่ และเขาก็คงอยู่ที่ไหนสักที่และกำลังคิดถึงคุณหนูอยู่ พยายามหาวิธีกลับมาหาคุณหนู”
เสียงใสๆของหยูเฮงดังขึ้น ตาของเฉิงเสี่ยวเสี่ยวกรอกไปมา ไม่ได้พูดอะไรออกมา
“คุณหนูยอมแลกทุกอย่างเพื่อได้เจอคุณชาย ข้าเชื่อว่าคุณชายก็ยอมแลกทุกอย่างเหมือนกัน คุณหนู พวกเราหาคุณชายเจอแน่”
“…..”
“คุณชายรักคุณหนูที่สุด คุณหนูจำได้มั้ย 2 เพลงนั้นที่ท่านร้องครั้งที่แล้วคุณชายร้องได้หมด ข้าแอบสอนคุณชายเอง เพราะคุณชายเคยบอกว่าจะร้องให้ท่านฟังในวันแต่งงาน คุณหนู คุณชายร้องเพราะมาก เพราะมากจริงๆ”
“….”
“คุณหนู ถึงแม้ข้าจะยังไม่รู้ว่าคุณชายอยู่ที่ไหน แต่ข้าสังหรณ์ใจว่าคุณชายอยู่ที่ผืนดินฉางไห่ จริงๆนะ ข้ารู้สึกได้ คุณหนู ท่านไม่เสียใจแล้วได้มั้ย ต้องมีวันที่พวกเราเจอคุณชายแน่”
“….”
หยูเฮงยังพูดไม่หยุด ราวกับนกกระจอกที่ไม่รู้จักเหนื่อย การบ่นของนางทำให้เฉิงเสี่ยวเสี่ยวนึกย้อนไปถึงช่วงเวลาที่เพิ่งรู้จักเขา ในสายตาของนาง ผู้ชายที่รูปร่างหล่อเหลาคนนั้นกลับเหมือนป้าคนหนึ่งที่พูดไม่หยุด แต่ผู้ชายคนนี้กลับเข้ามาอยู่ในใจนางโดยไม่รู้ตัว ทำให้นางรู้จักความรักลึกซึ้งที่ยอมตายเพื่ออีกฝ่ายได้
วันที่ 2
ฟางซูหยุนเติบโตที่ผืนดินฉางไห่จึงมีแผ่นคริสตัลประจำตัวอยู่แล้ว และยังเป็นแผ่นคริสตัลของชิงยางด้วย สถานะสูงส่งกว่าเฉาซางหลายระดับ เสมือนประชาชนพบกับข้าราชการ ต้องเคารพและให้เกียรติ
ตัวนางมีแผ่นคริสตัลประจำตัวแล้ว แต่อีก 4 คนในโรงเตี๊ยมยังไม่มี ต้องทำให้พวกเขาก่อนถึงจะออกเดินทางได้
เมื่อนางพาสาวงามทั้ง 2 มาถึงที่ทำแผ่นคริสตัลประจำตัวเพื่อทำให้อีก 4 คนที่เหลือ เนื่องจากสีแผ่นคริสตัลของนางเป็นสีระดับสูง แม้ว่าผู้อาวุโสของอำเภอจะยังไม่ได้เจอ 4 คนนั้นแต่ก็ยอมทำตามคำขอของฟางซูหยุนอย่างว่าง่าย ทำแผ่นคริสตัลประจำตัวของเฉาซางให้กับ 4 คนที่มาจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์จงหยวน
สีของแผ่นคริสตัลบ่งบอกสถานะ สำหรับประชาชนทั่วไป สีดำคือผู้ชาย สีขาวขุ่นคือผู้หญิง สำหรับผู้ฝึกฝนวิทยายุทธ สีขาวคือผู้ชาย สีชมพูคือผู้หญิง สำหรับขุนนาง สีเหลืองคือผู้ชาย สีเขียวคือผู้หญิง สำหรับสมาชิกราชวงศ์ สีทองคือผู้ชาย สีแดงคือผู้หญิง และยังมีอีก 2 สี สีน้ำเงินสำหรับสมาชิกตระกูลใหญ่ อีกสีหนึ่งที่สูงส่งกว่าสีทองก็คือสีม่วง คนที่ได้สีม่วงนอกจากจะเป็นระดับปรมาจารย์ที่ทุกคนเคารพ ก็เป็นผู้ที่ฝึกฝนวิทยายุทธถึงระดับปรากฏเทพเทวาและระดับเทพเจ้า
ดังนั้น ต่อให้ผู้อาวุโสคนนี้มองออกว่าฟางซูหยุนไม่มีวิทยายุทธ และแม่นาง 2 คนที่มาด้วยวิทยายุทธก็ไม่ได้สูงนัก แต่ก็ไม่กล้าเรื่องมากเพราะเห็นแผ่นคริสตัลประจำตัวสีน้ำเงินของตระกูลใหญ่ ไม่อย่างนั้นถ้าเป็นคนทั่วไป เขาไม่มีทางทำให้กับคนที่ยังไม่เคยเห็นตัวจริงหรอก
ออกจากที่ทำการอำเภอ สาวสวยทั้ง 3 เดินอยู่ข้างถนน คนที่แต่งตัวแบบพวกนางมีเยอะมากจึงไม่ได้เป็นที่สังเกตของผู้คน
“ท่านย่า พวกเราไปดูที่ที่ขายพวกคัมภีร์ลับ ยันต์วิเศษ และยาเม็ดวิเศษกันมั้ย”
เฉิงเสี่ยวเสี่ยวอยากจะรีบแก้ปัญหาของฟางซูหยุน จึงถามขึ้นเสียงเบา
“ได้” ฟางซูหยุนพยักหน้า “เฉาซางเป็นอำเภอระดับ 3 ของที่นี่คงไม่แย่นัก แม้จะเทียบกับระดับ 1 ระดับ 2 ไม่ได้ แต่ก็ถือว่าไม่เลว บางทีอาจจะเจอของที่เราต้องการจริงๆก็ได้”
“อาจจะมี ยังไงก็ระดับ 3 เลยนะ ไม่เลวหรอก” ตาคู่สวยของหยูเฮงมองไปรอบๆ
ฟางซูหยุนยื่นมือไปลูบหัวเล็กๆของนาง หัวเราะออกมา จับมือนางเข้าตึกใหญ่ที่ชื่อว่าตึกว่านซาง
แม้จะยังไม่รู้ว่าขายอะไร แต่ด้วยป้ายตึกว่านซางนี้ไม่น่าจะขายของดาดๆแน่
หลังจากที่ก้าวเข้าไปในประตู กลิ่นหอมสมุนไพรก็โชยมาแตะจมูก คนที่เป็นนักปรุงยาอย่างเฉิงเสี่ยวเสี่ยวย่อมรู้ดีว่าเพราะอะไร ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าที่นี่ขายยาเม็ดและน้ำยาต่างๆ
เมื่อมองไปก็เห็นร้านใหญ่หลายสิบตารางวา บนชั้นมีของวางอยู่มากมาย ที่สำคัญคือเฉิงเสี่ยวเสี่ยวสัมผัสได้ถึงพลังวิญญาณอ่อนๆจากของพวกนี้
การปรากฏตัวของสาวสวยทั้ง 3 เป็นที่สังเกตุของคนในร้าน ผู้ฝึกฝนวิทยายุทธที่กำลังดูสินค้าอยู่ก็มองมาที่พวกนาง โดยเฉพาะเมื่อเห็นว่าวิทยายุทธของ 3 คนนี้ไม่สูง พวกผู้ชายจึงมองอย่างไม่เกรงใจ ส่วนเจ้าตัวเล็กไม่มีใครสนใจ
แม้ว่าฟางซูหยุนจะอายุ 50 กว่าแล้ว แต่นางยังดูเหมือนคนอายุ 20-30 อยู่ ในสายตาคนอื่นก็ยังเป็นสาวงามอยู่
“ลูกค้าต้องการอะไรขอรับ….” ผู้เฒ่าคนหนึ่งเดินมาหาพวกนางด้วยรอยยิ้ม
————————————