เมื่อได้ยินว่าบ้านเลขที่-1ถูกล้อมไว้แล้ว หลิงหยุนก็ถึงกับจิตใจสั่นไหวขึ้นมาทันที!
หลิงหยุนสังหรณ์ใจมานานแล้วว่าสักวันต้องเกิดเหตุร้ายขึ้นที่บ้านของตนเองอย่างแน่นอน เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าจะเป็นตอนนี้!
“พวกมันมีคนมากน้อยเท่าไหร่แต่ละคนอยู่ในขั้นใหนบ้าง? ยังสามารถรับมือพวกมันได้มั๊ย?”
ในนาทีวิกฤตเช่นนี้..หลิงหยุนจึงเลือกที่จะถามคำถามที่สำคัญที่สุดเท่านั้น!
แต่กลับได้ยินหนิงหลิงยู่ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงกระวนกระวาย“น่าจะมากกว่าสามสิบคน.. ดูเหมือนพวกมันจะเตรียมการมาอย่างดี ตอนนี้พวกมันตัดเบรกเกอร์ไฟที่บ้านแล้ว และตอนนี้ในบ้านก็มืดสนิทเลย..”
“ส่วนเรื่องขั้นของพวกนั้นก็น่าจะมีปะปนกันไป นี่เซียนเอ๋อก็เพิ่งจะสังหารพวกมันตายไปสิบกว่าคน แต่นางบอกว่ารอบๆ บ้านยังมีศัตรูที่แข็งแกร่งกว่ามากหลบซ่อนอยู่..”
หลิงหยุนตระหนักถึงสถานการณ์เลวร้ายที่บ้านได้ในทันทีจึงรีบถามต่อว่า “เธอได้เห็นหน้าศัตรูที่บุกมาล้อมบ้านบ้างมั๊ย”
หนิงหลิงยู่รีบตอบกลับทันที“คนพวกนั้นมีผ้าสีดำปิดหน้ากันหมดทุกคน แล้วในมือก็มีอาวุธทุกคนด้วย!”
รังสีสังหารพวยพุ่งออกมาจากร่างของหลิงหยุนอย่างรุนแรงในขณะที่ถามออกไปว่า“แล้วหวังเฟยฮู๋กับลูกน้องของเขาล่ะ. ออกมาช่วยสู้กับศัตรูบ้างมั๊ย”
หนิงหลิงยู่นิ่งไปเล็กน้อยคล้ายกับกำลังหันไปมองรอบๆ ก่อนจะตอบหลิงหยุนไปว่า “พวกเขาทั้งสามคนสู้อย่างเอาเป็นเอาตาย และดูเหมือนจะทำให้ศัตรูสองคนได้รับบาดเจ็บด้วย..”
หลิงหยุนรู้สึกโล่งใจขึ้นมาเล็กน้อยและรีบตอบกลับไปว่า “หลิงยู่.. ไม่ต้องกลัวนะ! มีเซียนเอ๋ออยู่ข้างๆ รับรองว่านางต้องรับมือพวกมันได้อย่างแน่นอน เว้นแต่จะมียอดฝีมือที่เก่งกาจมากจริงๆ!”
“ฟังนะ..พี่จะรีบส่งน้าหญิงกลับไปช่วยทุกคนที่บ้าน! ขอเวลาครึ่งชั่วโมง ไม่สิ.. ยี่สิบนาที! อีกยี่สิบนาทีพี่จะรีบกลับไปช่วย!”
เครื่องมือสื่อสารที่ใช้อยู่นี้นับว่ามีประสิทธิภาพดีมากหลิงหยุนได้ยินแม้กระทั่งเสียงกรีดร้องดังผ่านเครื่องมือสื่อสารมาด้วย เขาพูดจากับหนิงหลิงยู่อีกไม่กี่คำก็รีบเก็บเครื่องมือสื่อสารทันที..
หลังจากที่เก็บเครื่องมือสื่อสารไปแล้วหลิงหยุนก็ไม่ลังเลที่จะเรียกน้ำเต้าวิเศษออกมา แล้วรีบยกน้ำลายมังกรขึ้นดื่มทันที!
ทันทีที่น้ำลายมังกรไหลเข้าปากปราณมังกรจำนวนมากก็ไหลลงสู่จุดตันเถียนของหลิงหยุนทันที จากนั้นหลิงหยุนจึงใช้วิชาพลังลับหยิน-หยาง ทำการเดินพลังปราณไปทั่วทั้งร่างกาย และพละกำลังของเขาก็ฟื้นตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว!
หลิงหยุนสูดลมหายใจเข้าลึกและเริ่มฟืนฟูพลังปราณเข้าสู่ขั้นสูงสุด แล้วจึงเรียกน้ำเต้าวิเศษเก็บเข้าไป
หลิงหยุนกวาดตามองเหล่ายอดฝีมือที่อยู่ตรงหน้าลูกนัยน์ตาทั้งสองข้างของเขาเปลี่ยนเป็นสีขาวและดำอย่างน่ากลัว และเวลานี้กลิ่นอายสังหารในตัวของหลิงหยุนก็ยิ่งรุนแรงขึ้นมากจนไม่อาจเก็บซ่อนไว้ได้อีก..
ความจริงแล้วระหว่างที่อยู่ต่อหน้าเหล่ายอดฝีมือที่เลื่องชื่อเหล่านี้หลิงหยุนก็ได้พยายามใช้ทั้งการเจรจา และการต่อสู้เท่าที่จำเป็น นอกจากนี้ยังพยายามที่จะสังหารผู้คนให้น้อยที่สุด และหาวิธีที่สมเหตุสมผลที่สุดในการยุติปัญหาบนเขาหลงเหมินแห่งนี้!
หลิงหยุนใช้วิธีเชือดเสือให้วัวกลัวและโน้มน้าว เพื่อให้คนที่เหลือรู้ว่าหากยังขืนที่จะสู้กับเขาจะต้องมีจุดจบเช่นใด
และนับว่าความพยายามของหลิงหยุนนั้นก็ประสบความสำเร็จดีพอควรเพราะอย่างน้อยก็ทำให้เส้าหลินกับบู๊ตึ๊งไม่คิดลงมือกับตนเองในเวลานี้ และดูเหมือนว่าทุกอย่างก็กำลังจะเป็นไปด้วยดี!
ระหว่างที่แก้ปัญหาอยู่บนเขาหลงเหมินแห่งนี้หลิงหยุนเองก็พยายามที่จะจบปัญหาที่นี่ให้เร็วที่สุด เพราะในใจของเขานั้นรู้สึกเป็นห่วง และสังหรณ์ใจอย่างบอกไม่ถูก จึงอยากจะรีบกลับไปที่บ้านเลขที่-1 ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้!
แต่เวลานี้..กลับกลายเป็นว่าบ้านเลขที่-1 ของเขานั้นได้ถูกศัตรูล้อมไว้แล้ว ความคิดที่จะประนีประนอม และจบปัญหาที่นี่ลงด้วยดี จึงเป็นอันว่าจบไป!
“คิดไม่ถึงว่าเหล่าชาวยุทธจะกล้าบุกบ้านที่อยู่ในใจกลางเมืองเช่นนี้!”
“เอาล่ะ..ข้าต้องรีบกลับบ้านแล้ว! หากใครขวางข้า.. มันผู้นั้นต้องตาย!” น้ำเสียงเย็นชาของหลิงหยุนดังก้องไปทั่วทั้งยอดเขาหลงเหมิน..
หลิงหยุนเพิ่งจะจบบทสนทนากับหนิงหลิงยู่ไปแม้ว่าเขาจะพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ดังนัก แต่ยอดฝีมือทุกคนในที่นี้ต่างก็ได้ยินกันถ้วนหน้า..
ฉินตงเฉี่วยยืนห่างจากหลิงหยุนไปเพียงแค่เล็กน้อยมีหรือที่จะไม่ได้ยินทุกอย่างชัดเจน เมื่อรู้ว่าที่บ้านกำลังตกอยู่ในอันตราย จึงต้องการที่จะพูดอะไรบางอย่างกับหลิงหยุน..
แต่หลิงหยุนยกมือขึ้นห้ามไม่ให้นางพูดจากนั้นจึงบอกฉินตงเฉี่วยผ่านกระแสจิต
–น้าหญิง..ตอนนี้ทุกคนที่บ้านกำลังตกอยู่ในอันตราย ในบรรดาศัตรูทั้งหมด ศัตรูที่น่ากลัวที่สุดก็คือพรรคมาร ท่านรีบกลับไปช่วยพวกเขา และบอกเซียนเอ๋อให้ระวังโอรสพรรคมารด้วย!-
ฉินตงเฉี่วยรู้ตัวดีว่า..หากนางยังอยู่ที่นี่ต่อไป ก็คงต้องเป็นภาระให้กับหลิงหยุนเป็นแน่ นางกวาดสายตาไปรอบๆ ก่อนจะถามออกไปว่า
“แล้วข้าจะออกไปจากที่นี่ได้อย่างไร”
หลิงหยุนยิ้มมุมปากพร้อมกับกระซิบตอบเสียงเบา“ข้าย่อมมีวิธี..”
ยังไม่ทันที่จะพูดจบ..คันธนูทองก็ปรากฏขึ้นในมือของหลิงหยุน เขาร้องตะโกนบอกไปว่า
“ด้วยคันธนูทองนี่ไงล่ะ!น้าหญิง.. ท่านกระโดดขึ้นมาเกาะบนสายธนูไว้!”
ฉินตงเฉี่วยเข้าใจความคิดของหลิงหยุนได้เป็นอย่างดีนางบิดร่างเล็กน้อย และกระโดดขึ้นไปเกาะสายธนูไว้ทันที
คันธนูใหญ่สีทองในมือของหลิงหยุนสั่นเล็กน้อย..
จากนั้น..หลิงหยุนก็ค่อยๆ ย่อเข่าลง เงยหน้าขึ้นมองไปยังดวงจันทร์บนศรีษะ พร้อมกับโยกคันธนูขึ้นไปบนท้องฟ้า ในขณะที่มือขวารวบเท้าทั้งสองข้างของฉินตงเฉี่วยไว้ และดึงเข้าหาตัวพร้อมกับสายธนู!
เวลานี้คันธนูของหลิงหยุนเล็งขึ้นไปบนท้องฟ้าส่วนร่างของฉินตงเฉี่วยก็ยืนตระหง่านอยู่บนคันธนูราวกับกิ่งหลิว จากนั้นหลิงหยุนก็ปล่อยมือขวาที่น้าวสายธนูทันที..
ฟิ้ว!
หลิงหยุนสัมผัสได้ถึงแรงสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงของสายธนูที่อยู่ภายใต้เท้าทั้งสองข้างของฉินตงเฉี่วยจากนั้นร่างบอบบางของนางก็พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าที่มืดมิดอย่างรวดเร็ว!
หลิงหยุนใช้ร่างของฉินตงเฉี่วยแทนลูกธนูและส่งนางออกจากยอดเขาหลงเหมินได้ในทันที!
หลวงจีนเจี๋วยหยวนถึงกับอึ้งไปนักพรตชงซวีก็ถึงกับตกตะลึง จื่อหยาง และจื่อกวงก็ถึงกับลืมที่จะต้องจู่โจมหลิงหยุนไปครู่หนึ่ง ส่วนซีเสียกับชิงเฟิงเองก็ถึงกับพูดอะไรไม่ออกเช่นกัน..
ยอดฝีมือที่อยู่ในบริเวณนั้นเมื่อได้เห็นสิ่งที่ไม่คาดคิดเช่นนี้ ก็ได้แต่ตกตะลึงไม่พูดไม่จาราวกับคนเป็นใบ้ และยืนนิ่งแหงนหน้ามองท้องฟ้าที่มืดสนิทราวกับหุ่นไม้..
หลิงหยุนแหงนหน้าขึ้นฟ้าพร้อมกับใช้มังกรคำรามร้องตะโกนออกไป“เจสเตอร์.. หากเจ้ากล้าทำให้น้าหญิงของข้าตกกลางอากาศแล้วล่ะก็.. ข้าจะสับเจ้าเป็นชิ้นๆ แล้วโยนชิ้นส่วนให้สุนัขกิน!”
ค่ำคืนกลางดึกบนยอดเขาหลงเหมินทั้งเจสเตอร์และพอลต่างก็บินลงมารอในระยะที่สูงจากยอดเขาไปราวสี่ร้อยเมตร..
หลังจากที่เริ่มการต่อสู้กับเหล่ายอดฝีมือที่พากันขึ้นเขามานั้นทั้งพอลกับเจสเตอร์ก็ได้บินลงมารอที่ความสูงจากพื้นสี่ร้อยเมตรแล้ว..
ร่างของฉินตงเฉี่วยพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่างรวดเร็วและเมื่อถึงระยะที่สูงจากพื้นราวสามร้อยเมตรนั้น ร่างของนางก็ค่อยๆ ลดความเร็วลง และในเวลานั้นเองทั้งพอลกับเจสเตอร์ที่อยู่เหนือขึ้นไปหนึ่งร้อยเมตร ก็รีบบินพุ่งตัวลงมาด้านล่างพร้อมๆกันเพื่อรอรับร่างของฉินตงเฉี่วยทันที..novel-lucky
เพราะนี่ไม่ใช่เพียงการรักษาชีวิตของฉินตงเฉี่วยไว้เท่านั้นแต่ยังเป็นการรักษาชีวิตของพวกมันเองอีกด้วย ทั้งคู่จึงไม่กล้านิ่งดูดาย และรีบบินลงมาพร้อมกัน หากใครคนใดคนหนึ่งพลาด อีกฝ่ายก็จะได้แก้ไขสถานการณ์ได้ทัน
หลายวันมานี้เจสเตอร์ทำหน้าที่บินรับส่งให้กับหลิงหยุนมาตลอดจึงค่อนข้างชำนิชำนาญ และกะระยะทางได้ค่อนข้างแม่นยำ และทันทีที่บินลงมา มันก็ได้สอดแผ่นหลังเข้าไปวางไว้ที่ใต้ฝ่าเท้าของฉินตงเฉี่วยได้อย่างพอดิบพอดี และมั่นใจว่านางจะสามารถยืนได้อย่างมั่นคงปลอดภัย..
“ว้าว..แม่นางฉินคนสวย! นี่มันเกิดอะไรขึ้น เจ้านายที่เคารพถึงได้ส่งท่านออกมาแบบนี้..”
เจสเตอร์สามารถปฏิบัติภารกิจได้สำเร็จอย่างงดงามและไม่เกิดอันตรายใดๆขึ้นกับฉินตงเฉี่วยแม้แต่น้อย จากนั้นจึงได้ร้องถามออกไป
ถึงแม้ว่าฉินตงเฉี่วยจะมีวรยุทธที่ล้ำเลิศและเป็นคนที่มีจิตใจกล้าหาญ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้ยืนอยู่เหนือพื้นดินในระยะที่สูงเช่นนี้ จึงได้แต่ยืนนิ่งๆด้วยความกลัว และหัวใจก็เต้นรัว..
“เฮ้อ..เจ้าเด็กบ้านี่! ทำให้ข้าหายใจแทบไม่ออก..”
ฉินตงเฉี่วยพูดออกมาได้เพียงแค่ประโยคเดียวหลังจากนิ่งไปนานส่วนหลิงหยุนก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
หลังจากที่ตั้งสติได้แล้วนางก็ร้องบอกเจสเตอร์ว่า “เจสเตอร์.. พอล.. บ้านเลขที่-1 ถูกคนล้อมไว้ พวกเราต้องรีบกลับไปที่บ้านช่วยทุกคนให้เร็วที่สุด! มีอะไรข้าจะค่อยๆ เล่าให้ฟังระหว่างทาง!”
ทันทีที่พอลกับเจสเตอร์ได้ยินคำพูดของฉินตงเฉี่วยพวกมันก็รีบกระพือปีกมุ่งหน้าเข้าสู่ตัวเมืองจิงฉูอย่างรวดเร็ว
หลังจากที่ส่งฉินตงเฉี่วยออกจากเขาหลงเหมินได้แล้วหลิงหยุนก็รู้สึกโล่งใจอย่างมาก แต่ในขณะที่หลิงหยุนโล่งใจอยู่นั้น ที่บ้านเลขที่-1 ก็กำลังต่อสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตาย!
หลิงหยุนมั่นใจว่าไป๋เซียนเอ๋อฉินตงเฉี่วย เจสเตอร์ และพอลจะสามารถต้านทานศัตรูไว้ก่อนที่เขาจะกลับไปถึงได้แน่!
“ยังเหลืออีกยี่สิบคนสินะ!”
เวลานี้ยังมีหลวงจีนจากวัดเส้าหลินอยู่หกคนบู๊ตึ๊งเจ็ดคน ศิษย์สำนักดาบสวรรค์สามคน นักบวชจากเขาหลงหู่สองคน และมือกระบี่คุนหลุนอีกสองคน!
“ยี่สิบคน..ยี่สิบนาทีพอดีไม่สิ.. เวลานี้เหลือเพียงแค่สิบแปดนาทีเท่านั้น!”
หลิงหยุนดึงกระบี่โลหิตแดนใต้ออกมาอีกครั้งพร้อมกับร้องตะโกนออกไปว่า..
“ข้าจะให้โอกาสพวกเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย!หากผู้ใดใคร่ลงจากเขาตอนนี้ ข้าจะไม่ห้าม แต่หากยังไม่ไป.. อย่าตำหนิว่าข้าคลุ้มคลั่งเสียสติก็พอ!”
แต่ในเวลานั้นเอง..ชางซงที่ถูกหลิงหยุนศอกเข้าที่หน้าอก และเพิ่งจะฟื้นตัวก็ได้ร้องตะโกนบอกกับพี่น้องของตนเองว่า
“น้องข้าจงฟัง..คืนนี้พี่ใหญ่กำลังไปปราบปีศาจอยู่ และจะไม่ขึ้นมาที่เขาแห่งนี้ พวกเราต้องหยุดมารน้อยตนนี้ไว้ อย่าให้มันลงจากเขาหลงเหมินได้!”
จุ้ยจู่ยังคงไม่ได้สติเวลานี้จึงเหลือเพียงซีเสียกับชิงเฟิงสองคนเท่านั้น แต่ทั้งคู่ก็ได้รับบาดเจ็บเพราะลูกธนูของหลิงหยุน ถึงกระนั้นสายตาของทั้งคู่ก็จับจ้องแน่วแน่อยู่ที่ร่างของหลิงหยุน พร้อมกับร้องตะโกนออกไปว่า
“พวกเราทั้งสองน้อมรับคำสั่ง!”
เวลานี้ไฟที่เผาร่างของหลี่เคิ่นวู๋เพิ่งจะดับลงร่างที่ถูกเปลวไฟของยันต์เตโชเผาไหม้นั้นได้ดำเป็นตอตะโกไปแล้ว จึงไม่เหลือเค้าโครงของหลี่เคิ่นวู๋คนเดิมอีกเลย แต่ถึงกระนั้น.. หลี่เคิ่นวู๋ก็รวบรวมกำลังร้องตะโกนออกมาอย่างเคียดแค้น
“ท่านอาจื่อหยางท่านอาจื่อกวง มารน้อยตนนี้หมดกำลังแล้ว พวกท่านต้องอาศัยโอกาสนี้สังหารมันล้างแค้นในกับลุงจื่อเยี่ย!”
ทางด้านจี้เสี่ยวฉิงที่ยืนนิ่งเงียบมาโดยตลอดนั้นได้หันไปทางจงชวนเยี่ยนพร้อมกับพูดขึ้นว่า
“น้องหก..แม้ศิษย์พี่ใหญ่จะตายไปแล้ว แต่ความแค้นของสำนักดาบสวรรค์ ก็ไม่อาจปล่อยให้เป็นภาระของผู้อื่นได้ ข้าได้ตัดสินใจแล้ว.. ข้าขอสั่งให้เจ้าพาพี่สามลงจากหลงเหมินไปเดี๋ยวนี้ และรีบกลับไปรายงานเรื่องราวทั้งหมดให้กับศิษย์สำนักดาบสวรรค์รู้โดยเร็ว!”
จงชวนเยี่ยนมีท่าทีลังเล..ส่วนจี้เสี่ยวฉิงก็ขมวดคิ้วและพูดต่อว่า “เด็กคนนี้ได้กลายเป็นมารเต็มตัวแล้ว คืนนี้ต่อให้ต้องตาย พวกเราทั้งหมดก็จะไม่ปล่อยให้เขามีชีวิตรอด และลงจากเขาหลงเหมินแห่งนี้ไปได้..”
จงชวนเยี่ยนเข้าใจความหมายในคำพูดของจี้เสี่ยวฉิงได้เป็นอย่างดีว่า..นางยอมตายอยู่ที่นี่ จึงได้แต่ยกมือขึ้นปาดน้ำตา และพูดออกไปว่า..
“ศิษย์พี่ห้า..ท่านรักษาตัวด้วย!”
จากนั้นนางก็หันไปลากฮู๋ฉีเฟิงที่ยังคงอยู่ในอาการเสียสติแล้ววิ่งหายเข้าไปในป่าลึกทันที..
หลิงหยุนยังคงยืนนิ่งไม่ไล่ตามไปแม้แววตาของเขาจะปรากฏรังสีสังหาร แต่เขาก็ไม่สามารถลงมือสังหารผู้หญิง กับผู้ชายที่เหลือเพียงแค่ร่างได้!
เวลานี้ชางซงซีเสีย ชิงเฟิง จื่อหยาง จื่อกวง และจี้เสี่ยวฉิง ยอดฝีมือทั้งหกคนก็ได้กระโดดเข้าไปล้อมร่างของหลิงหยุนไว้ทันที..
หลิงหยุนมองลึกลงไปในดวงตาของชางซงแล้วจึงถามขึ้นว่า “ชางซง.. เมื่อครู่เจ้าพูดว่าศิษย์พี่ของเจ้ากำลังจะไปปราบปีศาจ.. มันคือปีศาจอะไรงั้นรึ”
ชางซงจ้องลึกลงไปในดวงตาของหลิงหยุนเช่นกันและตอบกลับไปตรงๆ “ปีศาจจิ้งจอก!”
“เยี่ยม!”
ทันทีที่ได้ฟังคำตอบของชางซงกลิ่นอายสังหารในตัวของหลิงหยุนก็พวยพุ่งรุนแรงขึ้นกว่าเดิมมาก..