ตอนที่ 1618 ผู้เคราะห์ร้าย

Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ

ตอนที่ 1618 ผู้เคราะห์ร้าย Ink Stone_Fantasy

“ฮ่าฮ่า! ทำไมข้าจะได้ใจไม่ได้กันเล่า? สมบัติล้ำค่าในครานี้มันอาจจะกลายเป็นตัวช่วยที่ยิ่งใหญ่ของข้าในการบรรลุขึ้นสู่อาณาจักรนภาสวรรค์! เป็นความสูงส่งที่ทั้งอาจารย์ห่วยๆ และตัวของเจ้าเองไม่มีปัญญาไปให้ถึง มีหรือที่ข้าจะไม่ได้ใจ?” เกาหยุนหัวเราะลั่น

เพราะจริงๆ เกาหยุนนั้นก็เป็นคนรุ่นเหนือกว่าเจิ่งชีไปหนึ่งรุ่น

หากนับกันตามความอาวุโสและความสามารถ เขาไม่น่าจะมาที่แบบนี้ด้วยตัวเองเลย

แต่ที่เขามาในวันนี้มันก็ไม่ได้มีจุดประสงค์อื่นนอกจากจะมาเสี่ยงโชคด้วย

ตอนนี้เกาหยุนสามารถขึ้นสู่ระดับอาณาจักรนภาสวรรค์ครึ่งขั้นไปได้แล้ว แต่กลับไม่สามารถบรรลุได้เสียที

เมื่อมีโอกาสอันหวานหอมแบบนี้เกิดขึ้น แน่นอนว่าเขาคงไม่ปล่อยมันไป

เจิ่งชีนั้นโกรธจนควันแทบออกหูแต่เขาก็ไม่สามารถที่จะทำอะไรคนตรงหน้านี้ได้

เพราะแม้เขาจะสามารถไล่ตามการบ่มเพาะของเกาหยุนทัน แต่ใครจะไปคิดว่าอีกฝ่ายจะใช้โชคที่ได้มาจากการจัดการอาจารย์ของตัวเขา? สุดท้ายกลับสามารถบรรลุขึ้นสู่อาณาจักรนภาสวรรค์ครึ่งก้าวได้สำเร็จ

แม้ความสามารถของเจิ่งชีนั้นจะเหนือล้ำมากมาย แต่เมื่อต้องเจอกับอาณาจักรนภาสวรรค์เขาก็รู้ดีว่าพลังของตัวเองมันไม่พอเลยแม้แต่น้อย

ในเวลาหลายต่อหลายปีมานี้เกาหยุนได้ใช้วิธีต่างๆ นาๆ มากมายอย่างนับไม่ถ้วน แต่ก็ยังไม่สามารถหาวิธีใดที่จะช่วยให้เขาบรรลุสู่อาณาจักรนภาสวรรค์ได้

“แน่นอนว่าเจ้ามีโอกาสที่จะโชคดีได้สมบัติช่วยบรรลุอาณาจักรนภาสวรรค์ แต่เจ้าก็มีโอกาสที่จะตายลงในเหวอัญเชิญปีศาจ กลายเป็นฝุ่นผงอย่างไม่มีใครเหลียวแลเช่นกัน” เย่หยวนพูดขึ้นขัด

เมื่อเกาหยุนได้ยินเขาก็ชักสีหน้าทันที ก่อนจะหันมามองเย่หยวนด้วยสายตาอาฆาตแค้น

เย่หยวนนั้นไม่กลัวที่จะต้องสบตากับเกาหยุนในสภาพนั้น

“เจ้าเด็กน้อยคนนี้มันมาจากไหน? ผู้ใหญ่กำลังคุยกันอยู่มาสอดไม่เข้าเรื่อง”

ไม่มีใครคาดคิดว่าจู่ๆ พูดจบเกาหยุนจะยกมือขึ้นมาตบฟาด

ฝ่ามืออันรุนแรงนั้นพุ่งเข้าหาเย่หยวนด้วยความเร็วที่สายฟ้ายังต้องอาย

ฝ่ามือนี้มันกะทันหันจนเกินไป ก่อนหน้านี้เกาหยุนไม่ได้แสดงท่าทางว่าจะลงมือมาก่อนทำให้คนที่ยืนอยู่รอบๆ ไม่มีใครทันจะขยับตัวทำอะไร

เสียกรีดร้องดังขึ้นทั่วด้วยความกลัวว่าเย่หยวนอาจจะถูกบดขยี้จนเละกลายเป็นชิ้นเนื้อไปด้วยฝ่ามือนี้

ฝ่ามือของยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์ครึ่งก้าวมันรุนแรงแค่ไหน? แค่การตบเบาๆ มันก็เกินกว่าที่อาณาจักรบรรพชนพระเจ้าจะรับได้แล้ว

แต่ภาพที่ปรากฏในวินาทีต่อมากลับทำให้คนที่ได้เห็นต้องอ้าปากค้าง

ตู้ม!

เสียงระเบิดดังขึ้น ส่งร่างของนักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าหนึ่งดาวข้างกายเกาหยุนลอยออกไปไกล

คนๆ นั้นร่วงตกลงพื้นอย่างไร้สติ ด้วยสภาพร่างกายที่เกือบจะตายอยู่รอมร่อ

นั่นทำให้เกาหยุนหน้าเปลี่ยนสีและตะโกนขึ้นมา “แนวคิดแห่งห้วงมิติ!”

เย่หยวนยิ้มออกมา “โอ้ ไม่เลวนี่ เจ้าพอมีความรู้อยู่บ้าง”

ตอนนี้ใบหน้าของเกาหยุนนั้นดูไม่ได้เลย เขารีบควักเม็ดโอสถออกมาและส่งให้คนที่อยู่ข้างๆ “เอาไปให้เขากิน!”

แน่นอนว่าคนที่ถูกใช้งานนั้นไม่กล้าที่จะขัดคำสั่ง และรีบวิ่งเอาโอสถเข้าไปป้อนใส่ปากนักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าผู้เคราะห์ร้ายทันที

เกาหยุนหันมามองเย่หยวนด้วยสายตาสุดเย็นเหยียบ

เมื่อสักครู่นี้เขาคิดจะสั่งสอนเด็กน้อยอย่างเย่หยวน ด้วยความคิดที่ว่านี่คงเป็นศิษย์ของเจิ่งชีที่เขาพาออกมาดูโลกภายนอก

ใครจะไปคิดว่าเด็กน้อยแบบนี้จะเป็นยอดคนที่เข้าใจถึงแนวคิดแห่งห้วงมิติกัน!

และเกาหยุนนั้นมีประสบการณ์มากมายแค่ไหน? เขารู้ได้ทันทีว่าแนวคิดแห่งห้วงมิติของเย่หยวนนั้นไม่ใช่ของครึ่งๆ กลางๆ อย่างที่เคยเจอ แต่นี่คือแนวคิดแห่งห้วงมิติที่ผู้ใช้เข้าใจมันอย่างถ่องแท้

การโจมตีสวนกลับเมื่อสักครู่มันอาจจะดูง่ายดาย แต่การควบคุมห้วงมิติของเย่หยวนนั้นแบ่งแยกย่อยเป็นหลายต่อหลายชั้น เขาต้องทำถึงขนาดนั้นถึงจะส่งพลังทั้งหมดกลับไปยังผู้เคราะห์ร้ายคนนั้นได้

ความเข้าใจในระดับนี้เป็นสิ่งที่คงไม่มีใครคาดเดาได้

“แนวคิดแห่งห้วงมิติ! เด็กหนุ่มคนนี้ใช้แนวคิดแห่งห้วงมิติได้!”

“พระเจ้า เด็กคนนี้มันเข้าใจแนวคิดแห่งห้วงมิติจริงๆ ด้วย ทั้งๆ ที่ยังอยู่แค่อาณาจักรบรรพชนพระเจ้าแท้ๆ”

“เมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์มีตัวประหลาดแบบนี้โผล่ขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”

ได้ยินถึงแนวคิดแห่งห้วงมิติ พวกเขาทั้งหลายต่างร่ำร้องออกมาด้วยความตื่นตะลึง

แนวคิดที่เหนือฟ้าขนาดนี้มีใครบ้างที่ไม่คิดจะศึกษา?

แต่แม้จะใช้เวลาไปนับพันนับหมื่นปีพวกเขาก็ยังไม่สามารถที่จะเข้าใจถึงแนวคิดนี้ได้แม้แต่น้อย

แม้ว่าเหล่านักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าจะสามารถใช้พลังแห่งมิติได้บ้าง แต่ความรู้เรื่องแนวคิดแห่งห้วงมิติของพวกเขานั้นมันก็เรียกได้ว่าสุดจะตื้นเขิน

แต่เย่หยวนผู้นี้ ผู้ที่มีการบ่มเพาะแค่อาณาจักรบรรพชนพระเจ้าที่ยังไม่ทันจะได้เปิดโลกของตัวเอง กลับสามารถเข้าใจถึงแนวคิดแห่งห้วงมิติได้

ตอนนี้ทั้งความริษยา อิจฉา และอารมณ์ต่างๆ นานา ต่างปรากฏออกมาให้เห็น

การโจมตีเมื่อสักครู่ของเกาหยุน แม้แต่เจิ่งชีก็ยังต้องตื่นตะลึงจนเขาไม่ทันจะลงมือทำอะไร จึงไม่ได้ยื่นมือเข้าไปช่วยเย่หยวนในที่สุด

แต่ไม่มีใครรู้ว่าจริงๆ เย่หยวนได้เตรียมรับการโจมตีมาก่อนหน้าที่จะพูดขึ้นแล้ว ทำให้เขาสามารถส่งยาพิษคืนเจ้าของ ทำให้นักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าขจองฝั่งนั้นต้องบาดเจ็บสาหัสแทน

ทำให้อารมณ์อันขุ่นเคืองของเจิ่งชีเริ่มมีความสดใสขึ้นมาบ้าง

“เฒ่าเกาหยุน เจ้านั้นเข้าใจผิดเสียแล้ว เย่หยวนนั้นหาใช่เด็กน้อยที่ไหน เขาคนนี้คือผู้อาวุโสแห่งเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ของเรา เขามีสิทธิที่จะพูดแทรกเจ้าเสมอ” เจิ่งชีพูดออกมาอย่างภูมิใจ

นั่นทำให้เกิดคลื่นความโกลาหลขึ้นในใจผู้คนที่มุงดูอีกครั้ง เพราะนี่เป็นครั้งแรกเลยที่พวกเขาทั้งหลายได้ยินว่าอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าได้ขึ้นเป็นผู้อาวุโส

แต่หากดูจากแนวคิดแห่งห้วงมิตินั้นแล้ว มันก็คงเพียงพอจริงๆ

เพราะเขาคนนี้แทบจะสังหารนักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าลงได้ด้วยการโจมตีเดียว!

ต่อให้มันจะเป็นโอกาสที่มาพร้อมโชค แต่หากคนอื่นได้โอกาสแบบนี้ จะมีใครบ้างที่ทำเช่นนี้ได้?

เกาหยุนมองมาที่เย่หยวนด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยจิตสังหารอย่างรุนแรง ก่อนจะกล่าวขึ้น “ดีมาก พวกเจ้าทั้งหลายคงอยากให้ข้าพิโรธขึ้นจริงๆ สินะ! งั้นก็จงเตรียมรับความพิโรธของชายแก่คนนี้ได้เลย!”

พูดจบเขาก็ปลดปล่อยพลังอันหนักหน่วงออกมารอบตัว

มันเป็นพลังที่ทำให้ผู้ที่อ่อนแอต้องถึงกับนั่งลงคุกเข่า

พลังกดดันของอาณาจักรนภาสวรรค์ครึ่งก้าวมันแข็งแกร่งมาก!

เจิ่งชีมีสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีนัก เขาได้แต่คิดในใจว่าพลังของเฒ่าคนนี้มันแข็งแกร่งขึ้นอีกแล้ว

แต่เย่หยวนกลับรับมือสถานการณ์วิกฤตนี้อย่างใจเย็น ไม่ได้กังวลเลยแม้แต่น้อย

แต่เป็นเวลานั้นเองที่หลิงจี้คุนปรากฏตัวขึ้นมา “ท่านพี่เกาหยุน ถือว่าเห็นแก่หน้าชายแก่คนนี้ท่านทั้งหลายช่วยวางความแค้นแต่เก่าก่อนลงไปก่อนได้หรือไม่? ตอนนี้ฝ่ายตรงข้ามเรานั้นคือเผ่าปีศาจที่พร้อมจะเข้าขย้ำคอเราได้ทุกเมื่อ หากภายในเราแตกแยกกันก่อนใครที่จะได้สมบัติล้ำค่าไปมันก็คงเดาได้ไม่ยาก!”

คำพูดนั้นทำให้เกาหยุนสงบลงทันทีก่อนจะดึงความกดดันกลับเข้าร่างกายตัวเองไป

ก่อนจะพูดแก้ตัวออกมา “หลิงจี้คุน ครั้งนี้ข้าจะถือว่าเห็นแก่หน้าเจ้า ข้าจะปล่อยเจ้าเด็กเวรนี่ไปก่อน! แต่หลังจบเรื่องในครานี้แล้วชายแก่คนนี้จะไปตามทวงถามความยุติธรรมให้ศิษย์ของข้าเอง!”

หลิงจี้คุนจึงพูดขึ้นมาอีกครั้ง “พี่เกาหยุนขอท่านโปรดใจเย็นก่อน ทำใจชื่นๆ เข้าไว้! อ่ะ จริงด้วย นี่คือเยี่ยนเสอที่ประจำการอยู่ที่เมืองกระแสพิรุณ เขารู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นแถบนี้มากกว่าข้าจึงขอให้เขาได้ออกมาบอกเล่าให้เราฟัง”

ชายวัยกลางคนคนหนึ่งออกมาจากด้านหลังหลิงจี้คุนและก้มหัวให้เจิ่งชี เกาหยุน และคนที่เหลือก่อนจะพูดขึ้น “ข้าน้อยมีนามว่าเยี่ยนเสอขอคารวะท่านผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหลาย!”

แต่จู่ๆ ใครอีกคนที่ด้านหลังเยี่ยนเสอก็ตะโกนขึ้น “ย-เย่หยวน! เจ้ามันเย่หยวนนี่นา!”

เยี่ยนเสอจึงหันหน้าตามไปมองที่เย่หยวนในทันทีด้วยสีหน้าสุดจริงจัง ก่อนจะเจอเข้ากับใบหน้าที่คุ้นเคยดี

จู่ๆ เขาเองก็ทำท่าเหมือนจะจำอีกฝ่ายขึ้นมาได้พร้อมร้องขึ้น “เจ้า… เจ้ามันเย่หยวน!”

เย่หยวนนั้นเห็นหน้าของทั้งสองคนมาแต่ไกลและเขาก็จำทั้งสองได้ดี เพราะนี่คือคนรู้จักแต่เก่าก่อน เหลียงเฟิง

เย่หยวนไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะได้มาเจอพวกเขาอีกในโอกาสเช่นนี้

หลิงจี้คุนหน้าเสียทันทีที่ได้ยินก่อนจะหันไปตำหนิคนทั้งสอง “เย่หยวนอะไรเล่า? พวกเจ้าเรียกท่านห้วนๆ เช่นนั้นได้อย่างไร? เรียกท่านว่าท่านเย่หยวนหรือผู้อาวุโสเย่สิ!”

เรื่องนี้มันไม่ได้เป็นเรื่องเล็กๆ เลย แม้เหลียงเฟิงจะไม่เข้าใจ แต่เยี่ยนเสอนั้นเข้าใจถึงคำว่าผู้อาวุโสดี

หากนึกย้อนกลับไป ตอนนั้นเย่หยวนยังเป็นแค่เด็กน้อยที่เพิ่งบรรลุอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าเท่านั้น

แต่เวลาเพิ่งจะผ่านไปได้ 100 กว่าปี เย่หยวนกลับสามารถไต่เต้าขึ้นมาเป็นผู้อาวุโสของเมืองจักรพรรดิได้?

เรื่องนี้… เรื่องแบบนี้มันจะไม่เกินไปหน่อยอย่างนั้นรึ?

……………………………………….