บัญชามังกรเดือด บทที่ 787 อิฐฉิน
“คุณชาย ฝูงหมาป่าออกจากหุบเขาไปแล้วครับ!”
“ราชาหมาป่าหัวเสือนำทีมเอง ดูแล้วครั้งนี้คงเป็นการออกล่าสัตว์ครั้งใหญ่ของพวกมันแน่เลย!”
สมาชิกในทีมที่คอยสังเกตการณ์อยู่บนต้นไม้ พูดออกมาเบาๆ ด้วยความตื่นเต้น
ฉินเปียวขยับตัวทีเดียวก็ขึ้นมาถึงบนต้นไม้แล้ว เขารับกล้องส่องทางไกลสำหรับกลางคืนมาจากมือของสมาชิกในทีม และส่องมองไปทางหุบเขา
เห็นแค่พุ่มไม้ขยับไปมา และมีเงาสีดำพุ่งออกมาอย่างรวดเร็ว
เบื้องหน้า บนก้อนหินใหญ่ก้อนหนึ่ง มีหมาป่าสีน้ำเงินตัวขนาดมหึมา ช่วงศีรษะทรงสี่เหลี่ยม คล้ายกับหัวเสือ
อุปนิสัยของมันไม่ธรรมดา สายตาอันแน่วแน่ นี่แหละคือจ่าฝูงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของฝูงหมาป่านี้ ฉินเปียวและคนของเขาเรียกมันว่า ราชาหมาป่าหัวเสือ
เนื่องจากความจำเป็นในการฝึกซ้อม ฉินเปียวจึงเคยพาคนของเขามาจับหมาป่าที่นี่ด้วยตัวเองอยู่หลายครั้ง
ครั้งแรกที่ได้เห็นราชาหมาป่าหัวเสือเขาเองก็รู้สึกตื่นเต้นอยู่ไม่น้อย และคิดอยากจะจับมันกลับไปฝึกซ้อมด้วย
แต่ว่า ราชาหมาป่าตัวนี้ ไม่เพียงแต่มีความคล่องแคล่วปราดเปรียวและมีความกล้าหาญมากกว่าปกติแล้ว มันยังมีความเจ้าเล่ห์มากๆอีกด้วย มีอยู่ครั้งหนึ่ง มันสั่งให้ฝูงหมาป่าจัดการกับฉินเปียวและคนอื่นๆ จนพวกเขาเกือบจะได้กลายเป็นเกี๊ยวห่อเข้าปากให้ของมันไปแล้วด้วยซ้ำ
แม้ว่าฉินเปียวและคนของเขาจะเก่งกาจมากแต่ไหน แต่หากปล่อยให้พวกเขาถูกรายล้อมด้วยฝูงหมาป่านับร้อยนับพันตัวแล้วหล่ะก็ คงไม่ต้องจินตนาการถึงผลที่จะตามมาเลย
ดังนั้นการต่อสู้ที่ผ่านมาหลายครั้ง ฉินเปียวและพวกเขาเลยเป็นฝ่ายที่พ่ายแพ้
ครั้งนี้เมื่ออยู่ด้านนอกของหุบเขา เขายื้อเวลาเลือกที่จะยังไม่เข้าไป นั่นเป็นเพราะความหวาดกลัวที่มีต่อราชาหมาป่าหัวเสือนั่นเอง
คิดไม่ถึงว่า ครั้งนี้ ราชาหมาป่าหัวเสือจะเป็นจ่าฝูงนำทีมออกล่าสัตว์ด้วยตนเอง
นี่มันเป็นเพราะสวรรค์เข้าข้างฉันไม่ใช่หรือ
“ทุกคนเตรียมตัว!”
“หลังจากฝูงหมาป่าออกไปแล้ว พวกเขาค่อยเข้าไป!”
ฉินเปียวพูดอย่างตื่นเต้น
เลี่ยวเจี๋ยและคนของเขา ล้วนต่างพากันตื่นเต้นกันยกใหญ่ เดิมทีคิดว่า ภารกิจครั้งนี้คงจะต้องหนักหนาเอาการแน่ๆ
และหากภารกิจล้มเหลว จากนิสัยของฉินเปียวแล้ว พวกเขาเองก็คงจะจบไม่สวยด้วยเช่นกัน
ตอนนี้สบายใจได้แล้ว!
อิฐฉิน อยู่ใกล้แค่เอื้อมแล้ว!
เมื่อถึงเวลาโบกธงแห่งชัยชนะ และจากอาการดีใจของฉินเปียวแล้ว คงต้องตกรางวัลอย่างงามให้กับพวกเขาอย่างแน่นอน!
บนตัวของพวกเขา ล้วนถูกทาด้วยยาพิเศษชนิดหนึ่งที่สามารถปกปิดกลิ่นได้ดี บวกกับฝูงหมาป่าที่เดินออกจากหุบเขาไปอีกทางหนึ่ง
ดังนั้น ราชาหมาป่าหัวเสือและผู้ติดตามของเขาจึงแทบไม่ได้สังเกตเลยว่ามีคนแปลกหน้าดักซุ่มอยู่ใกล้ๆ รังของพวกเขาแล้ว
หลังจากผ่านไปเกือบชั่วโมง เสียงหอนของหมาป่านั้นก็ค่อยๆ ไกลออกไปทุกที
มีเสียงร้องของสัตว์ป่าตัวอื่นดังขึ้นจากที่ไกลๆ แสดงว่าฝูงหมาป่านั้นได้ไปถึงสถานที่ล่าสัตว์แล้ว และพวกเขาก็กำลังออกล่าสัตว์กันอยู่
ภูเขาต้าหวางแห่งนี้ มีทั้งสิงโต เสือ หมีดำ และสัตว์ป่าดุร้ายอื่นๆ แทบจะทุกชนิด แต่เจ้าป่าที่แท้จริงนั้น คือหมาป่าฝูงนี้นี่เอง
กล่าวกันว่า เสือที่ดีก็ยากที่จะต่อสู้กับฝูงหมาป่าได้ เพราะความแตกต่างของจำนวนมันมากจนเกินไป!
“ไปกัน!”
เมื่อคิดว่าถึงเวลาอันสมควรแล้ว ฉินเปียวก็คำรามขึ้น ท่ามกลางความมืดมิดนั้น ร่างกายของเขาก็แข็งแรงปราดเปรียวราวกับเสือชีต้าร์ และพุ่งตรงเข้าไปที่หุบเขานั้น
“คุ้มกันคุณชาย!”
“ลุยโลด!”
เลี่ยวเจี๋ยรีบตะโกนออกมาอย่างสุดเสียง และนำสมาชิกในทีม คุ้มกันขนาบข้างฉินเปียวทั้งซ้ายและขวาอย่างใกล้ชิด
พวกเขาเคลื่อนไหวด้วยความเร็วสูง ระหว่างทาง บรรดาหมาป่าที่อยู่เฝ้าบ้านในหุบเขานั้น บางตัวยังไม่ได้ทันได้ระวัง ก็ถูกพวกเขาจู่โจมเข้าให้แล้ว
หมาป่าตัวเล็กจำนวนหนึ่งวิ่งเข้ามาเพื่อที่จะกัด แต่ก็ถูกฉินเปียวฟันผ่าออกเป็นสองท่อน
กลิ่นคาวเลือด เริ่มคละคลุ้งไปทั่วหุบเขา
หมาป่าที่รักษาการณ์อยู่นั้นต่างพากันตกใจ จนร้องโหยหวนอย่างเสียงดังออกมา เงากะพริบสีเทา เริ่มกระโจนเข้าใส่ฉินเปียวและคนอื่นๆ
แม้ว่า ราชาหมาป่าหัวเสือจะนำเหล่าบรรดาฝูงหมาป่าผู้องอาจเหล่านั้นออกไปล่าสัตว์ และที่เหลือส่วนใหญ่เป็นพวกหมาป่าตัวเมียที่กำลังตั้งท้อง หมาป่าแก่ รวมถึงหมาป่าเด็ก
แต่ยังไงก็ตาม พวกมันรวมกันก็มีอยู่ราวๆ สองสามร้อยตัวได้
“ระวังด้วย อย่าให้พวกมันทำร้ายเอาได้หล่ะ!”
“พอพวกเราได้ อิฐฉิน แล้ว รีบถอนทัพกลับทันที!”
เสียงหอนของหมาป่า รวมกับกลิ่นคาวเลือด ทำให้เลือดในตัวของฉินเปียวเดอดพลุ่งพล่าน
ผมยาวสยาย ดวงตาสีแดงเลือด และการกวัดแกว่งของมีดในมือเขา ฟาดฟันอย่างไร้ความปรานี
“คุณชาย พวกเราจะสกัดหมาป่าพวกนี้เอาไว้ก่อน เธอรีบเข้าไปหาอิฐฉินเถอะ!”
“ตัวของท่านอาวุโสถงจิ่ง น่าจะอยู่บนเครื่องบิน แล้วค่อยๆใช้เชือกหย่อนอิฐฉินลงมา”
“ลองไปดูที่ราบด้านหน้าตรงนั้น!” เลี่ยวเจี๋ยนำคนของเขาต่อสู้ฟาดฟันกับหมาป่าไปพลางและตะโกนไปพลาง
ฉินเปียวสูญเสียการควบคุมตัวเอง จนราวกับไม่ได้ยินคำพูดของเลี่ยวเจี๋ยแม้แต่น้อย ชายผู้นี้เมื่อใดที่ได้กลิ่นคาวเลือดแล้ว เขาจะเสียสติและสูญเสียการควบคุมตัวเองไปทันที
ราวกับมีสัตว์ร้ายสิงอยู่ในร่างของเขา หลังจากที่มันถูกปลุกให้ตื่นแล้ว มันจะรวมร่างกับเขา และกลายร่างเป็นสัตว์ดุร้ายไปในที่สุด
เมื่อได้เห็นรังสีโหดเหี้ยมอำมหิตของเขาแล้ว เหล่าหมาป่าที่อยู่รอบๆ ต่างก็รู้สึกหวาดกลัว จนไม่กล้าที่จะเข้าใกล้เขามากนัก
ฉินเปียวหัวเราะเสียงดัง จู่ๆ เขาก็เก็บมีดลง และจ้องมองพวกมันพร้อมกับพูดว่า “เข้ามาสิ!”
“มาประลองกับฉันสักหน่อย!”
เขาพูดพลาง พร้อมกับเดินไปข้างหน้าด้วยมือเปล่าอย่างท้าทาย
หลังจากที่หมาป่าจำนวนหนึ่งต่างล่าถอยไปได้ไม่กี่ก้าว ความดุร้ายของมันก็ถูกกระตุ้นขึ้น พวกมันคำรามและกระโดดขึ้นสูง ขณะเดียวกันก็พุ่งตัวโถมเข้าหาฉินเปียว
ฉินเปียวหลบได้ทันและจับตรงคอของหมาป่าตัวหนึ่งอย่างโหดเหี้ยม จากนั้น เขาก็ใช้ซากศพของหมาป่าตัวนั้นใช้แทนเป็นอาวุธ และจับมันเหวี่ยง
เสียงดังเปรี้ยงปร้าง หมาป่าสองสามตัวที่เหลือถูกร่างของเพื่อนที่ลอยมาปะทะเอา
“สนุกจัง!”
“เข้ามาอีกสิ!”
ความบ้าคลั่งของฉินเปียว เขาใช้สองมือออกแรงฉีกร่างหมาป่าแก่ตัวเป็นๆ ออกเป็นสองท่อนแบบสดๆ และโยนมันลงกับพื้นราวกับเศษขยะ
การลงมืออย่างโหดเหี้ยมเช่นนี้ แม้แต่ทาสสัตว์อย่างเลี่ยวเจี๋ยกและคนของเขายังต่างพากันตกใจกลัวกันไปด้วยเลย
เลี่ยวเจี๋ยกลืนน้ำลายลงคอเฮือกใหญ่ จากนั้นค่อยมีสติและพูดอย่างกระวนกระวายว่า “คุณชาย หาอิฐฉินสำคัญกว่า!”
“หากคุณชายอยากจะออกกำลังกาย รอให้พวกเราชนะฉินเทียนได้ก่อน แล้วครั้งหน้าพวกข้าน้อยจะมาเป็นเพื่อน!”
“เวลานี้ ไม่เหมาะที่จะอยู่นาน!”
เมื่อฉินเปียวได้สติกลับคืนมาบ้าง เขาจึงพยักหน้า และรีบเดินก้าวเท้าเข้าไปด้านใน
ตอนที่ท่านอาวุโสถงจิ่งมาถึง แม้ว่าจะเป็นช่วงเวลากลางวัน แต่ด้านล่างมีหมาป่ามากมายอาศัยอยู่อย่างนี้ เป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะลงไปด้วยตัวเอง
เขาต้องเลือกสถานที่แห่งหนึ่งเอาไว้แล้วอย่างแน่นอน และให้เครื่องบินลดระดับลงต่ำที่สุด จากนั้น ค่อยใช้เชือกรัดอิฐฉินก้อนนั้นและหย่อนมันลงมา
ถ้าเป็นแบบนี้ก็จะหาง่ายขึ้น เพราะว่าภูมิประเทศของหุบเขาแห่งนี้มีความสลับซับซ้อน เขตพื้นที่ที่เครื่องบินสามารถลดระดับลงต่ำที่สุดได้นั้น มีอยู่ไม่มากนัก
จากการวิเคราะห์ของฉินเปียว พวกเขาจึงพากันมา ณ สถานที่โล่งแจ้งแห่งหนึ่ง และก็เป็นไปตามคาด เขาเห็นอิฐฉินถูกมัดด้วยเชือกและแขวนไว้บนต้นไม้ต้นหนึ่ง
เขารู้สึกดีใจมาก จึงรีบกระโดดขึ้นไปบนต้นไม้นั้น และหยิบเอาอิฐฉินมาไว้ในมือ
อิฐฉิน มันไม่ใช่ก้อนอิฐธรรมดาทั่วๆ ไป แต่มันเป็นก้อนอิฐทองที่มีน้ำหนักมากถึงหนึ่งกิโล
ด้านบน มีตราสัญลักษณ์ตระกูลฉินเก่าเป็นตัวอักษรโบราณนามว่า ฉิน
ทองคำแท้บริสุทธิ์ ก้อนอิฐสี่เหลี่ยมของตระกูลฉิน นี่คือมรดกที่แท้จริงของตระกูลฉินเก่านี่เอง ไม่ว่าเวลาไหน มันก็จะเป็นสิ่งของที่มีมูลค่ามากที่สุดอยู่ดี
“ฉันได้มันมาแล้ว!”
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า ฉินเทียน นายแพ้แล้วหล่ะ!”
ฉินเปียวถืออิฐทองไว้ในมือ และหัวเราะอย่างภูมิใจ
“ยินดีด้วยครับคุณชาย!”
“ครั้งนี้ ไอ้คนไร้ประโยชน์พันธุ์นั้น มันจะไม่มีทางข่มขู่คุณชายได้อีกต่อไป!”
“คุณชาย เวลาไม่คอยท่า พวกเรารีบกลับกันเถอะ!” เลี่ยวเจี๋ยอยู่ใต้ต้นไม้ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
เขาคิดไม่ถึงเลยว่า ภารกิจจะสำเร็จลุล่วงไปอย่างราบรื่นเช่นนี้ หลังจากกลับไปแล้ว เขาจะต้องได้รับการตกรางวัลอย่างมากแน่นอน
“ตกลง!” แม้ว่าฉินเปียวจะรู้สึกว่า ยังไม่ได้พบกับฉินเทียนเลย ไม่งั้นคงจะเป็นการต่อสู้ที่ดีและน่าสนุกมากแน่ๆ
ที่นี่ มีสนามรบที่น่าสนใจอยู่หลายแห่ง เมื่อเขานึกถึงการเข่นฆ่ากันของเหล่าพี่น้อง เขายิ่งรู้สึกว่ามันสนุกกว่าการฆ่าหมาป่าเป็นไหนไหน
น่าเสียดายที่ฉินเทียนกับทีมของเขา คงจะไปหาผิดที่เสียแล้วหล่ะ
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นเขาก็เคลื่อนทัพกลับพร้อมกับชัยชนะได้แล้วสิ
เขาชนะแล้ว ตามข้อตกลง ฉินเทียนต้องมอบไขกระดูกให้แก่เขา
ในอดีต ด้วยเหตุผลเรื่องโรคภัยไข้เจ็บของเขา มันจำเป็นที่จะต้องเอาไขกระดูกของฉินเทียนมาใช้ในการรักษา ดังนั้นเขาจึงส่งคนไปข่มเหงประทุษร้ายฉินเทียนอย่างไม่หยุดหย่อน
แม้ว่า การรักษาจะเป็นเหตุผลอย่างหนึ่ง แต่สำหรับไขกระดูกของฉินเทียนแล้ว เขามีประโยชน์อย่างอื่นมากกว่านั้นจริงๆ!
เมื่อได้ไขกระดูกของฉินเทียนมาแล้ว เขาก็จะสามารถเริ่มทำแผนการที่ใหญ่กว่านี้ได้แล้ว
“ไปกัน!”
เขาคำรามเบาๆ หลังจากกระโดดลงมาจากต้นไม้ ทันใดนั้น ก็ได้ยินเสียงหมาป่าหอนอย่างดุร้ายดังมาจากด้านบนของหุบเขา
เสียงนั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง และท่วมท้นไปด้วยแรงอาฆาต มันเทียบไม่ได้เลยกับเสียงของหมาป่าชรา หมาป่าป่วย หรือหมาป่าพิการที่อยู่กลางหุบเขา
เกิดเรื่องอะไรขึ้น?
หรือว่าราชาหมาป่าหัวเสือจะกลับมาแล้ว?
ท่ามกลางความตกใจ ทุกคนต่างเงยหน้าขึ้นและมองไปทางด้านบนของหุบเขานั้นอย่างพร้อมเพรียงกันโดยมิได้นัดหมาย