ตอนที่ 467 นั่นคือสิ่งที่ผู้บ่มเพาะควรจะเป็น

Legend of the mythological genes

ตอนที่ 467 นั่นคือสิ่งที่ผู้บ่มเพาะควรจะเป็น

 

เจดีย์แตะสวรรค์นั้นยิ่งใหญ่ตระหง่าน แต่ละชั้นเป็นเหมือนโลกอิสระที่มีลักษณะพิเศษของตัวเอง

 

ชั้นล่างสุดกว้างที่สุดเพราะเป็นทางเข้า

 

บนลานจอดสามารถมองเห็นยานบินจํานวนนับไม่ถ้วนได้ทุกที่

 

ประตูพลังงานสามารถมองเห็นได้ถัดจากยานบิน พื้นที่จอดกีดขวางไม่ให้ผู้คนเข้าไปได้อย่างอิสระ

 

ผู้คนต่อแถวยาวเหยียดรออยู่ด้านนอกประตูเมือง พวกเขาสวมเครื่องแต่งกายทุกประเภทมาจากที่ต่างๆของจักรวาล บางคนสวมชุดเกราะรัดรูป บางคนมีผิวหนังคล้ายสัตว์เดรัจฉานในยุคดึกดําบรรพ์ บางคนสวมเสื้อคลุมยาวมีผิวสีเหลืองและมีผมสีดําเหมือนคนในฮัวเซียโบราณ

 

มนุษยชาติแพร่กระจายไปทั่วกาแล็กซี่ทางช้างเผือก และมีประวัติศาสตร์หลายพันปี ตามการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อม วิถีชีวิตและประเพณีของพวกเขาล้วนเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากตามธรรมชาติ

 

ยิ่งไปกว่านั้นดาวเคราะห์และบริเวณดาวแต่ละดวงได้พัฒนาโครงสร้างทางสังคมที่เต็มไปด้วยลักษณะพิเศษของตนเอง

 

ดังนั้นคนเหล่านี้ล้วนมีต้นกําเนิดที่แตกต่างกันจากดาวเคราะห์ต่างๆของกาแล็กซีทางช้างเผือกแต่ตอนนี้พวกเขาทั้งหมดมารวมตัวกันที่เจดีย์สวรรค์ ฉากนี้ยิ่งใหญ่ตระการตา

 

ที่ตั้งแบบไหนกันแน่ที่สามารถดึงดูดผู้คนจํานวนมากได้?

 

ด้อย่างแผ่วเบาว่าเจดีย์แตะสวรรค์ไม่ได้เรียบง่ายเหมือนสนามกีฬา

 

เฟิงหลินปะปนอยู่กับผู้คนที่ต่อแถวยาวเข้าคิว ขณะที่เขารําพึงอย่างเงียบ ๆ

 

เขาไม่คุ้นเคยกับสิ่งต่างๆที่นี่ แม้ว่าเขาจะรู้ข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่นี้มาพอสมควร แต่เขาไม่รู้รายละเอียดเล็กน้อย

 

“ พ่อ แม่ ผมหิวมาก!”

 

เสียงสะอื้นของเด็กน้อยดังออกมาจากภายในฝูงชน

 

เฟิงหลินหันไปมองและเห็นคู่หนุ่มสาวกําลังปลอบลูกของพวกเขา ชายหนุ่มมีร่างกายที่แข็งแรงค่าสถานะพลังชีวิตของเขาถือว่าสูงเกิน 300 เขาเป็นผู้บ่มเพาะระดับสูง

 

หญิงสาวอ่อนแอกว่ามาก เธอเพิ่งปลุกยืนพื้นฐานขึ้นมา

 

“ผมหิว…”

 

หลังจากรอมานานเด็กก็เริ่มร้องไห้เพราะความหิว ทั้งคู่อาจเป็นผู้บ่มเพาะและได้ปลุกยืนในตํานานแต่พวกเขาก็ทําอะไรไม่ถูกในขณะนี้

 

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นคู่นักบ่มเพาะที่ตกอยู่ในความอัปจน.

 

เมื่อเขาเห็นสถานการณ์แบบนี้ หัวใจของเฟิงหลินก็อดไม่ได้ที่จะปั่นป่วน เขาผลักฝามือออกขณะที่เม็ดน้ําตาลสามเม็ดปรากฏอยู่ในมือ สิ่งเหล่านี้เป็นยาที่เขาปรุง

 

ด้วยสถานะปัจจุบันของเฟิงหลิน มันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะนําสิ่งของธรรมดา ๆ ออกมา

 

ยาเม็ดน้ําตาลปรุงจากสมุนไพรทางจิตวิญญาณหลายชนิดและส่งกลิ่นหอม

 

ความสนใจของเด็กถูกดึงดูดทันที สายตาของเขาจ้องเขม็ง ละอองน้ําลายสามารถมองเห็นได้จากมุมปากของเขา

 

(กลิ่นหอมนี้?)

 

สีหน้าของชายหนุ่มเปลี่ยนไปเมื่อได้กลิ่นนี้

 

อย่างไรก็ตาม ลูกของเขานั้นบริสุทธิ์และไร้เดียงสา เขารับเม็ดน้ําตาลจากฝ่ามือของเฟิงหลินและกินเข้าไป

 

ผู้เป็นพ่อต้องการที่จะหยุดลูกของเขา แต่ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกได้ถึงบางอย่างและตัดสินใจที่จะดีงมือของเขาออก

 

น้ําตาลละลายทันทีที่เข้าไปในกระเพาะอาหารของเด็ก เปลี่ยนเป็นกระแสแห่งความอบอุ่น

 

รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเด็ก ในขณะที่เขาร้องเสียงดังว่า “ พ่อครับแม่ครับ หวานอร่อยมากผมรู้สึกอบอุ่นในท้อง สบายมากเลย!”

 

คลื่นความร้อนที่ปล่อยออกมาจากร่างกายของเด็กชาย และค่าพลังของเขาเริ่มเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

 

เนื่องจากยังเด็ก เขาจึงไม่มีทางเข้าใจการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย

 

สําหรับผู้บ่มเพาะระดับสูงที่เป็นพ่อของเด็ก เขาจะไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นได้ยังไง? ลูกของเขาต้องกินยาพันธุกรรมแน่ ๆ เพียงแค่กินยาเม็ดสีน้ําตาลนี้ สถานะพลังของลูกเขากลับเพิ่มขึ้นมา 10 จุดความเป็นไปได้ที่ลูกของเขาจะกลายเป็นผู้บ่มเพาะในอนาคตเพิ่มขึ้นอย่างมาก

 

และทั้งหมดนี้เกิดจากเม็ดน้ําตาลเล็ก ๆ จากฝามือของชายนิรนามคนนี้

 

เมื่อจ้องมองไปที่เฟิงหลินผู้เป็นพ่อก็ตกใจเล็กน้อย การจ้องมองของเขาเปลี่ยนไปเผยให้เห็นความเคารพ

 

ชายหนุ่มคนนี้ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน ค่าพลังชีวิตของเขานั้นทรงพลังมหาศาล สัมผัสได้ถึงแรงกดดันที่มองไม่เห็น หนักราวกับภูเขาและกว้างใหญ่ราวกับเหว

 

เขาแข็งแกร่งแค่ไหน?

 

(ทําไมฉันไม่เคยได้ยินชื่อเขามาก่อน อาจจะเป็นพวกชราที่หวนคืนสู่วัยหนุ่มหลังจากบ่มเพาะอย่างสันโดษมานาน?)

 

คนเป็นพ่อมีความคาดเดามากมายในใจ แต่เขาไม่รู้ว่าคลื่นพลังงานที่เขาเปล่งออกมาโดยไม่รู้ตัวนั้นโดนเฟิงหลินรับรู้ทั้งหมด

 

อย่างไรก็ตาม เฟิงหลินไม่ได้แก้ตัว แม้ว่าจะอ่านความคิดของเขาแล้วก็ตาม เขาเพียงถามว่าผมขอถามอะไรหน่อยได้ไหม? ทําไมพวกคุณถึงมาต่อคิวที่นี่?”

 

ชายคนนั้นสะดุ้งครู่หนึ่งก่อนจะมีสติ เขาตอบอย่างระมัดระวังว่า“ ท่านครับ เรากําลังรอที่จะเข้าไปในเจดีย์แตะสวรรค์เพื่อค้นหาเบาะแสเกี่ยวกับเส้นทางการบ่มเพาะในอนาคตของเรา”

 

“ กําลังค้นหาเบาะแสเกี่ยวกับเส้นทางการบ่มเพาะในอนาคตของคุณ? คุณหมายถึงอะไร?”เฟิงหลินถามอย่างสงสัย

 

การตัดสินของผู้บ่มเพาะระดับสูงคนนี้ไม่ธรรมดา เขาบอกได้ว่านี่เป็นครั้งแรกที่เฟิงหลินมาที่นี่จากนั้นเขาก็แบ่งปันสิ่งที่เขารู้อย่างตรงไปตรงมาโดยไม่มีเจตนาที่จะปิดบังอะไร

 

“ ตํานานในอดีตนั้นแบ่งเป็นส่วนๆ ยิ่งไปกว่านั้นเราเป็นเพียงผู้บ่มเพาะที่ไม่ได้อยู่ในเครือดังนั้นจึงยากเกินไปสําหรับเราที่จะบ่มเพาะและเราต้องบ่มเพาะต่อไปแบบสุ่มสี่สุ่มห้า เรารู้ว่าความเสียงมีมาก กระนั้นความรู้ในตํานานเป็นสมบัติที่มีค่าที่สุดในโลก เราสามารถค้นหาเส้นทางการบ่มเพาะในอนาคตของเราได้โดยการเข้าไปที่เจดีย์แตะสวรรค์ มีบันทึกในสมัยโบราณกล่าวว่ามีหอคอยศักดิ์สิทธิ์ชื่อหอคอยบ่มเพาะนครดวงดาวซึ่งเชื่อมต่อโลกมนุษย์กับอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์แม้แต่มนุษย์ตราบเท่าที่พวกเขาสามารถปีนขึ้นไปบนหอคอยได้ พวกเขาก็จะได้รับคุณสมบัติที่จะก้าวข้ามไปสู่อาณาจักรนักบุญ ได้รับโอกาสที่จะพัฒนาไปสู่สิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่า และสําหรับเจดีย์แตะสวรรค์แห่งนี้รวบรวมผู้บ่มเพาะทั้งหมดจากจักรวาลเพื่อที่พวกเขาจะได้พบเส้นทางที่นําไปสู่เต๋อันยิ่งใหญ่สําหรับผู้บ่มเพาะที่เข้ามาพวกเขาจะได้รับคะแนนในเจดีย์แตะสวรรค์และเหรียญดาราสําหรับทุกชั้นที่พวกเขาผ่าน จากนั้นสามารถใช้เหรียญดาราเพื่อแลกเปลี่ยนทรัพยากรการบ่มเพาะสําหรับพวกเราผู้บ่มเพาะที่ไม่มีครูคอยชี้แนะเราและไม่มีภูมิหลังที่จะพึ่งพา หากเราต้องกา รก้าวหน้าต่อไปในเส้นทางการบ่มเพาะนี่เป็นหนทางเดียวที่เหลืออยู่สําหรับเรา!”

 

ในขณะที่ผู้บ่มเพาะระดับสูงพูด สีหน้าของเขาก็ค่อยๆแสดงความเคารพ

เป็นเช่นนั้นเอง!

 

เฟิงหลินไม่คาดคิดว่าเจดีย์แตะสวรรค์จะมีพลังเช่นนี้

 

ประเด็นนี้ศิษย์พี่จ้าวไม่ได้ส่งมาให้เขา บางทีเธออาจไม่สนใจรายละเอียดเล็กๆ น้อย ๆ นี้

 

เพราะมีเกือบทุกอย่างในมหาวิทยาลัยสุดยอดกําแพง นอกจากนี้ยังมีแหล่งการบ่มเพาะที่ดี ที่สุดในจักรวาล ตราบใดที่มีคะแนนสะสมเพียงพอพวกเขาสามารถแลกเปลี่ยนกับสิ่งที่ต้องการในโลกมนุษย์ได้

 

เขาชื่นชมอย่างเงียบ ๆ กับโชคของเขาที่สามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยชั้นนําหนึ่งในสิบแห่งได้ถ้าไม่เช่นนั้นเขาอาจจะเป็นเหมือนคนเหล่านี้ เดินทางข้ามอวกาศเพื่อค้นหาแหล่งบ่มเพาะอย่างขมขื่น

 

อย่างไรก็ตาม เขาอดไม่ได้ที่จะยอมรับว่าคนที่สร้างเจดีย์แตะสวรรค์นั้นเป็นคนที่มีความสามารถสูงและมีความทะเยอทะยานอย่างแท้จริง

 

รวบรวมผู้บ่มเพาะจากทั้งจักรวาลไว้ในที่เดียว และปล่อยให้พวกเขาฆ่ากันเองเพื่อตัดสินผู้ชนะครั้งสุดท้าย

 

ผู้ได้รับชัยชนะกลายเป็นราชา และจะได้รับทรัพยากรการบ่มเพาะจํานวนมากและเติบโตอย่างแข็งแกร่งกว่าที่เคย

 

ผู้แข็งแกร่งเติบโตแข็งแกร่งขึ้น ในขณะที่ผู้อ่อนแอจะอ่อนแอลง

 

นักบ่มเพาะแต่ละคนเหมือนแมลงภู่: พวกเขาจะฆ่ากันเองในขณะที่ผู้ชนะได้รับทุกอย่าง ไต่บันไดพันธุกรรมต่อไปและเดินไปจนสุดเส้นทาง

 

นี่คือความหมายที่แท้จริงที่อยู่เบื้องหลังเจดีย์สวรรค์

 

เจดีย์แตะสวรรค์ที่เต็มไปด้วยดวงดาวก่อตัวขึ้น แต่สิ่งที่ต้องการค้นหาคือเส้นทางที่มองไม่เห็นและไร้รูปแบบที่อนุญาตให้ใครไปถึงสวรรค์ ซึ่งเป็นเส้นทางของยีนในตํานาน

 

“ คนเหล่านี้ทั้งหมดมาที่นี่เพื่อเข้าสู่เจดีย์สวรรค์จริงๆหรอ? ทําไมพวกเขาจึงถูกกั้นไม่ให้เข้า”เฟิงหลินชี้ไปรอบๆและถาม

 

ผู้บ่มเพาะคนนั้นยิ้มอย่างขมขื่น “ คนอย่างเราไม่มีสถานะและภูมิหลัง ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะได้รับช่องทางเพื่อเข้าสู่เจดีย์สวรรค์ เราเข้าได้แค่ชั้นต่ําสุดและต้องเข้าคิวซ้ํา ๆ วันแล้ววันเล่าเฉพาะผู้ที่มีภูมิหลังที่ร่ํารวยหรือมีฐานะดีเท่านั้นจึงจะมีสิทธิพิเศษและเข้าหรือออกจากเจดีย์ได้อย่างอิสระ!”

 

จากคําพูดของเขาในที่สุดเฟิงหลินก็รู้รายละเอียดมากมายเกี่ยวกับเจดีย์แตะสวรรค์นี้

 

เจดีย์ที่เต็มไปด้วยดวงดาวสูงกว่าหมื่นชั้นไม่ได้สร้างขึ้นเพื่อความสูงเพียงอย่างเดียว นอกจากนี้ยังถือว่าเป็นชั้นของการแบ่งชนชั้น

 

ยิ่งสถานะของคนๆหนึ่งสูงขึ้นและการบ่มเพาะของเขาแข็งแกร่งก็ยิ่งสูงขึ้นเท่านั้น คนที่นี่จะแยกเป็นระดับต่างๆ

 

จักรวาลนั้นกว้างใหญ่เกินไปโดยมีมนุษย์มากเกินไป เป็นไปไม่ได้ที่จะมีความเท่าเทียมกันอย่างแท้จริง

 

สําหรับผู้บ่มเพาะทางพันธุกรรม ความแข็งแกร่งของพวกเขามาจากสถานะพลังของพวกเขา

 

ค่าความเหลื่อมล้ําในพลังชีวิต ทําให้ขอบเขตระหว่างมนุษย์ในชั้นบนและชั้นล่างมีมากกว่าสองเผ่าพันธุ์ที่แตกต่างกัน

 

นกอินทรีบนท้องฟ้าและมดคลานอยู่บนพื้น จะมีความเท่าเทียมกันได้ยังไง?

 

มันเป็นไปไม่ได้

 

สิ่งที่เรียกว่าการปฏิบัติที่เท่าเทียมกันนั้นสัมพันธ์กัน มีเพียงการปฏิบัติที่เท่าเทียมกันสําหรับผู้ที่อยู่ในระดับเดียวกัน!

 

หลังจากที่เฟิงหลินเดินออกจากระบบสุริยะ เขาก็เข้าไปในมหาวิทยาลัยสุดยอดกําแพงทันทีและไม่เคยท่องไปที่อื่นในจักรวาลมาก่อน

 

อย่างไรก็ตาม เขาเคยสัมผัสกับความโหดร้ายของจักรวาลและการปกปิดความแข็งแกร่งของเขาก่อนหน้านี้ดูเหมือนจะไร้เดียงสาในตอนนี้

 

ในเมื่อเขาเป็นเสือ ทําไมต้องหยอกแมว

 

รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของเฟิงหลิน เขาควบคุมไมโครชิปรหัสของเขาและส่งข้อมูลของเขา

 

ทันใดนั้นประตูพลังงานของเจดีย์สวรรค์ก็สั่น มันเริ่มเปิดออก

 

ผู้ฝึกที่คล้ายกับทหารสวมชุดเกราะเมชาเดินนํากลุ่มคนและหุ่นยนต์ ผู้คนที่เข้าคิวต่างตกใจมากและรีบหลีกทางให้

 

“ เป็นไปได้ไหม…” เมื่อเห็นทหารของเจดีย์สวรรค์เดินผ่านมา พ่อของเด็กหนุ่มไม่โง่พอที่จะคิดว่าทหารยามมาที่นี่เพื่อตามหาเขา เขาจ้องมองเฟิงหลินด้วยความงุนงง

 

แม้ว่าเขาจะคิดว่าเขาประเมินเฟิงหลินสูงมากแล้ว โดยคิดว่าเขาเป็นสุดยอดผู้บ่มเพาะ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าแม้จะประเมินค่าต่ําเกินไป

 

“ขออนุญาติสอบถาม คุณคือพันตรีเฟิงหลินจากมหาวิทยาลัยสุดยอดกําแพงใช่ไหมครับ?” ยามที่เดินตรงถามอย่างเคร่งขรึม

 

“ใช่ ผมเอง”

 

“ เช่นนั้น ท่านจึงเป็นแขกผู้มีเกียรติจากแดนไกล โปรดอย่าลังเลที่จะเข้ามาข้างใน “ สีหน้าของยามคนนั้นดูจริงจังมากขึ้นหลังจากที่เขาได้ยินแบบนั้น ฝูงชนแยกตัวทันที เปิดทางให้เฟิงหดินเดินผ่าน

 

เฟิงหลินยิ้มและเดินไปข้างหน้า

 

ชายคนนั้นยืนงงอยู่ที่เดิม เมื่อเขามองดูผู้บ่มเพาะลึกลับที่เข้ามาในเจดีย์แตะสวรรค์ภายใต้การคุ้มกันขององครักษ์ เขาก็กําหมัดแน่น

 

“ พันตรีเฟิงหลินจากมหาวิทยาลัยสุดยอดกําแพง?”

 

“ นั่นคือสิ่งที่ผู้บ่มเพาะควรจะเป็น!”