บทที่ 591 สัตว์อสูรที่ถูกปล่อยออกมาก่อนกำหนด

Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา

บทที่ 591 สัตว์อสูรที่ถูกปล่อยออกมาก่อนกำหนด
สปรินต์ค่อนข้างไม่เห็นด้วยความทฤษฎีของแอนนิค “อาจารย์เราคงจะอุทิศตนให้กับการพัฒนาระดับเวทมนตร์และพยายามจะเลื่อนขั้นขึ้นสู่ระดับเก้าอยู่อย่างแน่นอน หลังจากที่ท่านเลื่อนเป็นระดับเก้า ทางสภาก็จะมีพิธีกรรมประหลาดๆ มากมายที่จะช่วยให้ท่านกลายเป็นนักเวทชั้นตำนาน”

การเลื่อนขั้นติดต่อกันทีเดียวสองระดับใหญ่ผ่านทางพิธีกรรมมีอัตราความล้มเหลวสูงกว่าแปดสิบเปอร์เซ็นต์ ดังนั้น สปรินต์จึงเชื่อว่าวิธีการที่ดีที่สุดสำหรับอาจารย์ของตนในการกลายเป็นบุคคลชั้นตำนานคือการเลื่อนขั้นขึ้นสู่ระดับเก้าด้วยตนเองเสียก่อน ส่วนการเลื่อนขึ้นชั้นถัดไปจากระดับเก้าจะสำเร็จหรือไม่นั้น สปรินต์ไม่นึกสงสัยเลย ด้วยชั้นตำนานที่เหมาะเจาะกับโลกแห่งปัญญาของลูเซียน โครงสร้างเวทมนตร์ระดับตำนานที่สลักฝังลึกภายในโลกแห่งปัญญา และประสบการณ์กับความช่วยเหลือจากนักเวทชั้นตำนานมากมาย มันไม่มีทางเลยที่อาจารย์ของเขาจะล้มเหลวได้

“ก็จริง เจ้าอาจพูดถูก” แอนนิคไม่ดื้อรั้นยืนกรานความเห็นของตน “อาจารย์ไม่ได้เข้ามาสถาบันอะตอมบ่อยๆ เหมือนแต่ก่อน ท่านคงจะต้องจดจ่อมุ่งมั่นอยู่กับการพัฒนาตนเองอยู่เป็นแน่”

นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมตลอดหลายเดือนที่ผ่านมาพวกเขาจึงมีภาระน้อยลง นอกเหนือจากการศึกษาวิจัยเรื่องทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไป พวกเขาก็มีภารกิจในการวิเคราะห์กลไกลำดับการคำนวณเสริมเพียงเท่านั้น นานมากแล้วที่พวกเขาไม่ได้รับบททดสอบหรือข้อสอบมาทำ พวกเขาแทบจะรู้สึกคิดถึงมัน

ส่วนเรื่องการพิจารณารายงานการวิจัย ตั้งแต่ที่ลูเซียนกลายเป็นสมาชิกสภาสูงสุด งานในส่วนของคณะกรรมการตรวจสอบอาร์คานาก็ถูกยกเลิกไปโดยอัตโนมัติ และพวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องอ่านรายงานอะไรอีก

สปรินต์ฉวยวารสารที่แอนนิคนำมาแล้วกวาดตาอ่านสารบัญ ทันใดนั้น เขาก็เห็นบทความหนึ่งที่มีหัวข้อยาวเหยียดว่า ‘การแยกตัวอันซับซ้อนของเส้นสเปกตรัมในสนามแม่เหล็กอย่างอ่อน และความขัดแย้งต่อการเล่นแร่แปรธาตุร่วมสมัย’ โดยบรูค

ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา พวกเขาได้พยายามปรับปรุงแก้ไขการเล่นแร่แปรธาตุร่วมสมัย แม้ว่าแนวคิดส่วนใหญ่ของพวกเขาจะถูกพิสูจน์ยืนยันว่าไม่จริงโดยแฮททาเวย์ ราเวนติ วาคีน และมหาจอมเวทท่านอื่นเสมอ แต่ข้อโต้เถียงก็ยังทำให้พวกเขาได้อะไรกลับมามากมาย

ด้วยวิธีการนี้ ทั้งสองได้ผสมผสานองค์ความรู้ที่ลูเซียนสอน แบบฝึกหัดที่ได้รับ การทดลองที่ลูเซียนให้พวกเขาทำ และแนวคิดสุดบรรเจิดของลูเซียนเข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์แบบ สปรินต์กับแอนนิคจึงกลายเป็นคนหนุ่มที่มีศักยภาพในการเป็นจอมเวทระดับสูงอย่างแท้จริง มิใช่เพียงแจกันประดับที่มีอาจารย์ของพวกเขาคอยหนุนหลัง

ดังนั้น สปรินต์จึงมีท่าทีเคร่งขรึมทันทีที่ได้อ่านหัวข้อนั้น เขาพลิกวารสารเวทมนตร์ไปที่หน้านั้นและอ่านอย่างตั้งอกตั้งใจ

“จะ… จะ… จะเกิดการแยกตัวพรรค์นี้ได้อย่างไรกัน แบบจำลองการแบ่งหน่วยพลังงานของการเล่นแร่แปรธาตุร่วมสมัยเหมือนจะปรับใช้กับมันไม่ได้…” หลังจากอ่านอยู่นาน สปรินต์ก็พึมพำกับตนเองด้วยท่าทางหดหู่

เคราะห์ดีที่ทุกคนต่างรู้ว่าการเล่นแร่แปรธาตุร่วมสมัยยังไม่สมบูรณ์มากพอ เหล่านักเวทที่สร้างโลกแห่งปัญญาโดยยึดจากมันจึงให้ความสนใจกับโครงสร้างง่ายๆ ของโปรตอน นิวตรอน และอิเล็กตรอนเสียส่วนใหญ่ และไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับระดับพลังงานชนิดจำเพาะเจาะจง ด้วยเหตุนี้ โลกแห่งปัญญาของสปรินต์จึงไม่สั่นคลอน

หลังจากที่แอนนิคได้ยินคำพูดพึมพำของสหาย เขาก็ฉวยวารเวทมนตร์มาอ่านด้วยสีหน้าจริงจัง ในระหว่างนั้น สปรินต์ก็สูดหายใจเข้าแรงๆ แล้วตรงไปยังห้องทดลองเพื่อพิสูจน์ยืนยันตามเนื้อหาในบทความ อาจารย์เขาเคยบอกไว้ว่า แม้จะเป็นเหล่ามหาจอมเวทก็ไม่อาจเชื่อใจได้ทั้งหมดเมื่อเป็นเรื่องของอาร์คานา!

แอนนิคหลั่งเหงื่อเย็นจนกายเปียกชุ่มขณะอ่านไปเรื่อยๆ ใบหน้าเรียวของเขายิ่งดูซีดเซียวกว่าเดิม เมื่อตระหนักว่าองค์ความรู้ที่เขามีในตอนนี้มิอาจอธิบายปรากฏการณ์นี้ได้เลย

เกิดบางอย่างขึ้นกับการเล่นแร่แปรธาตุร่วมสมัยจริงๆ หรือ

แอนนิคกำวารสารในมือแน่น ก่อนจะตรงไปที่ห้องทดลองอีกคน

ในตอนที่พระอาทิตย์กำลังจะขึ้น ทั้งสองก็เดินออกมาจากห้องทดลองของตนอย่างเหนื่อยอ่อนและต่างมองเห็นความขื่นขมที่แผ่ออกจากตัวอีกฝ่าย

“กรอบโครงสร้างของการเล่นแร่แปรธาตุร่วมสมัยถูกต้องอย่างแน่นอน” สปรินต์เน้นย้ำ โปรตอน นิวตรอน อิเล็กตรอน และแรงพื้นฐานที่อาจารย์ของพวกเขาเรียกว่าแรงนิวเคลียร์อย่างแข็งนั้นได้รับการพิสูจน์ยืนยันแล้ว!

แอนนิคพยักหน้าหงึกหงัก “แต่ว่า ระดับพลังงานกับวิถีโคจรของอิเล็กตรอนที่แบ่งแยกอนุภาคแล้วดูเหมือนจะเป็นปัญหาใหญ่ บางที เราควรจะทิ้งกรอบความคิดที่มีข้อบกพร่องไปแล้วคิดด้วยมุมมองอื่นดูนะ”

หลังจากโต้แย้งและทำการวิจัยซ้ำๆ มากว่าครึ่งปี ทั้งสองจึงได้เรียนรู้ว่าพวกตนต้องปล่อยบางสิ่งบางอย่างไปเมื่อจำเป็น

นี่อาจเป็นข้อได้เปรียบของคนรุ่นเยาว์ มันเป็นไปไม่ได้เลยสำหรับจอมเวทที่อุทิศตนให้กับทฤษฎีมาหลายสิบปีที่จู่ๆ จะให้ทิ้งความเพียรพยายามและความเชี่ยวชาญของพวกเขาไป

“มาลองแก้โจทย์นี้ผ่านทางระดับพลังงานกับวิถีโคจรโดยไม่เพิ่มข้อสันนิษฐานอะไรดูกันเถิด หากเราทำไม่ได้ เราก็จะลองด้วยวิธีการอื่นๆ” สปรินต์กล่าวเสียงจริงจัง “เราจะไปถามอาจารย์หลังวันหยุด ท่านจะต้องมีแนวคิดแปลกๆ แน่”

ทั้งสองรู้สึกได้ว่าพวกเขาเติบโตขึ้นมากในทุกๆ เดือนขณะทำการสำรวจและโต้แย้งเรื่องการเล่นแร่แปรธาตุร่วมสมัย แต่พวกเขาก็ยังค้นพบอีกด้วยว่าช่องว่างระหว่างพวกเขากับอาจารย์นั้นเริ่มใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ อาจารย์สามารถตอบได้ทุกคำถามของพวกเขาด้วยมุมมองที่สมเหตุสมผลยิ่ง

“ก็ได้” แอนนิคลืมเรื่องนอนไปแล้ว และตรงไปที่ห้องสมุดโดยมีวารสาร ‘เวทมนตร์’ ติดมือไปด้วย

เหตุการณ์เดียวกันนี้เกิดขึ้นที่บ้านของคาทรินาและไฮดี้ เช่นเดียวกับในหอคอยเวทมนตร์ของแฮททาเวย์ มอร์ริส ราเวนติ แกสตัน และจอมเวทระดับสูงท่านอื่นๆ

ทว่า ภายในนรกสายฟ้า เฟอร์นันโดดูจะร้อนใจอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งทำให้ทอมป์สัน โคล และลูกศิษย์คนอื่นๆ ที่มาอวยพรปีใหม่ต้องระแวดระวังตัว

“อาจารย์ สวัสดีปีใหม่ขอรับ” ทอมป์สันกลายเป็นจอมเวทระดับเจ็ดแล้วและหวังใจว่าจะได้เป็นนักเวทระดับเก้าในเร็ววัน

เฟอร์นันโดถลึงตามองเหล่าลูกศิษย์ ก่อนจะคำรามลั่น “ไม่สวัสดงสวัสดีอะไรทั้งนั้น! ข้าไม่เข้าใจปรากฏการณ์แบ่งแยกที่ผิดปกติของบรูค!”

บรูคได้มาปรึกษาหารือกับเขาหลังจากค้นพบปรากฏการณ์นี้และเขียนบทความขึ้นในภายหลัง

โคล ผู้มีบรรยากาศของนักกวี เอ่ยถามด้วยความระมัดระวัง “มันเกี่ยวกับอะไรหรือขอรับ อาจารย์”

ในฐานะผู้ทรงอิทธิพลทางด้านอุณหพลศาสตร์ แม้ว่าเขาจะไม่ได้เก่งกาจเท่าบุรุษผู้ไร้เหตุผลอย่างลูเซียน แต่เขาก็เป็นจอมเวทระดับแปดและนักเวทระดับแปดแล้ว ทว่า เขายังมิได้อ่านบทความของบรูคบนวารสาร ‘เวทมนตร์’ ฉบับใหม่

“เจ้าอย่าได้พูดถึงบทความเวรตะไลนั่น! ข้ายอมคิดว่าตัวเองเป็นนักกวี นักเขียนบทละคร หรือคนเจ้าชู้เสียยังดีกว่า ข้าจะได้ไม่จำเป็นต้องพิจารณาบทความเวรตะไลนั่น!” เฟอร์นันโดบันดาลโทสะออกมา ทำให้ลูกศิษย์ทุกคนของเขาหรี่ตาลงและหันศีรษะไปมองรอบๆ ราวกับเรือลำน้อยที่ติดอยู่ท่ามกลางพายุร้ายกลางท้องทะเล

ทอมป์สันรีบเปลี่ยนเรื่อง “อาจารย์ขอรับ เหตุใดลูเซียนจึงไม่อยู่ที่นี่หรือขอรับ”

“เขามาพร้อมกับอัลเฟอร์ริสก่อนหน้านี้ และก็กลับไปแล้ว” บัดนี้เฟอร์นันโดมีท่าทางสงบลงไม่มากก็น้อย

โคลถามด้วยความสงสัยใคร่รู้ “เขาคิดเห็นอย่างไรกับบทความนั้นขอรับ”

ยังไม่ทันที่เขาจะถามคำถามจบ เขาก็สัมผัสได้ถึงสายตาแผดเผาของทอมป์สัน เขาพลันตระหนักว่าตนเพิ่งถามในสิ่งที่ไม่ควรถามมากที่สุด

ใบหน้าเฟอร์นันโดกลับมาบิดเบี้ยวอีกครา “เขาเองก็ยอมรับว่าการเล่นแร่แปรธาตุมีบางอย่างผิดปกติอย่างใหญ่หลวง เขาเชื่อว่าจะต้องมีการเสนอเลขควอนตัมแบบใหม่เพื่ออธิบายมัน แต่ระบบดั้งเดิมของเขาไม่อาจทำอะไรแบบนั้นได้ หากเขาไม่เสนอการเล่นแร่แปรธาตุร่วมสมัยยังดีเสียกว่า!”

เสียงคำรามเข้าโจมตีเขาเหมือนกับพายุลูกใหญ่ โคลไม่เคยนึกเสียใจเท่านี้มาก่อนเลย

ภายในหอคอยเวทมนตร์ของราเวนติ…

หลังจากที่เดียปออกมาจากห้องสมุดของอาจารย์ เขาก็จำอะไรไม่ได้เลยนอกจากรอยแยกผิดแผกของเส้นสเปกตรัมทั้งหลาย และภาพยามอาจารย์ของเขาคิดคำนวณหาผลลัพธ์ด้วยคิ้วที่ขมวดมุ่น

‘อาจารย์ข้าใกล้จะพร้อมสำหรับการเลื่อนขั้นเป็นชั้นตำนานแล้ว ท่านไม่ควรจะเสียสมาธิเพราะสิ่งอื่นใดในตอนนี้’ เดียปครุ่นคิดอย่างเป็นกังวล ในฐานะลูกศิษย์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดของราเวนติ เขาจึงเป็นจอมเวทระดับหกและนักเวทระดับเจ็ดแล้ว แม้ว่าเขาจะหาได้หนุ่มแน่นอย่างลูเซียน ฟิลิเป หรือแลร์รี่ แต่เขาก็ยังนับว่าอยู่ในช่วงอายุที่ดีที่สุดอย่างชัดเจน เมื่อเทียบกับนักเวทคนอื่นๆ แล้ว

ในท้ายที่สุด ราเวนติก็เลือก ‘เจ้าแห่งธาตุ’ ชั้นตำนานของแฮททาเวย์ ซึ่งได้รับการปรับเปลี่ยนไปแล้วส่วนหนึ่งโดยยึดหลักจากความสำเร็จทั้งหลายในเรื่องโปรตอน นิวตรอน อิเล็กตรอน และแรงนิวเคลียร์อย่างแข็ง อย่างได้เสีย การเล่นแร่แปรธาตุร่วมสมัย ซึ่ง ‘ผู้บัญชาอะตอม’ ใช้เป็นหลักในการสร้าง ก็ยังห่างไกลจากความสมบูรณ์ ไม่มีผู้ใดยินดีเสี่ยง เว้นก็แต่ลูเซียนผู้ไร้เหตุผลใดๆ ทั้งมวล

เดียปส่ายหน้าเมื่อคิดมาถึงเรื่องนี้ การถกเถียงกันเรื่องการเล่นแร่แปรธาตุร่วมสมัยคือสิ่งล่อใจที่ไม่มีนักเวทคนใดซึ่งอุทิศตนให้กับธาตุ การเล่นแร่แปรธาตุ และสสาร จะมองข้ามมันไปได้ หากเป็นตัวเขาเอง เขาก็อาจไม่สามารถต้านทานมันได้เช่นกัน

เมื่อเขากลับมาถึงห้องของตนเอง เดียปก็ยังคงครุ่นคิดถึงปรากฏการณ์ประหลาดเกี่ยวกับระดับพลังงานและวิถีโคจรของอิเล็กตรอน และเหตุใดมันจึงประเมินค่าเป็นอะตอมที่มีความซับซ้อนกว่านี้ไม่ได้ เขาไม่อาจข่มตาหลับได้เลย

ด้วยความหัวเสีย เขาจึงยืนขึ้นและเดินไปเดินมา พลางนึกย้อนกลับไปถึงข้อถกเถียงตลอดครึ่งปีที่ผ่านมา

‘…กำหนดการแบ่งหน่วยพลังงานแล้ว… กำหนดวิถีโคจรของอิเล็กตรอนแล้ว… กำหนดระดับพลังงานทั้งหลายแล้ว… วิถีโคจรและระดับพลังงานที่จับตาสังเกตการณ์ไม่ได้… มีปัญหาที่ยังแก้ไม่ตกอยู่มากมาย เราต้องหาทางออกใหม่!’

ข้อสงสัยที่สำคัญที่สุดของแฮททาเวย์เกี่ยวกับการเล่นแร่แปรธาตุร่วมสมัยดังสะท้อนอยู่ในใจเดียป เขาบังคับตัวเองให้สงบจิตใจลงและขอร้องตัวเองให้ทิ้งความคิดแสนซับซ้อนไปเสีย แล้วเริ่มจากคำถามที่ง่ายที่สุดว่า ‘หากว่าเราไม่กำหนดอะไรเลย เราควรจะเริ่มจากคุณสมบัติที่อิเล็กตรอนมีอยู่ตามธรรมชาติ คุณสมบัติใดของอิเล็กตรอนที่ได้รับการยืนยันบ้าง มวล… ปริมาณประจุ…’

“มวล…” เดียปพลันนึกถึงทฤษฎีสัมพัทธภาพ ซึ่งค่อนข้างเป็นประเด็นร้อนแรงในช่วงนี้เช่นกัน ว่ากันว่าท่านประธานเกือบจะเข้าใจทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไปแล้วและกำลังจะแสดงความเห็น ทว่า สิ่งที่ ‘มวล’ เตือนให้เขานึกถึงจริงๆ ก็คือสมการมวลสาร-พลังงานที่ดูเหมือนจะบรรจุความลี้ลับที่ลึกล้ำที่สุดของโลกใบนี้!

“หากมีมวล ย่อมต้องมีพลังงานบริสุทธิ์ หากมีพลังงาน… และการเปลี่ยนสภาวะของอิเล็กตรอนแผ่หรือดูดซับโฟตอน… ข้าคิดว่าพวกมันเชื่อมโยงกันได้… การแบ่งหน่วยพลังงานของโมเมนตัมเชิงมุม[1]…”

หลังจากกำจัดความคิดผิดๆ มากมายออกไป เดียปก็ค่อยๆ สงบลง และดวงตาของเขาก็ค่อยๆ เบิกโต เขานั่งลงหลังโต๊ะทำงานแล้วจรดปากกาขนนกเขียนบนกระดาษธรรมดาๆ แผ่นหนึ่ง ท้องฟ้ายามราตรีภายนอกนั้นมืดมิดและเหน็บหนาว

ตัวหนังสือปรากฏขึ้นทีละบรรทัดๆ ขณะที่ความคิดของเขาหลั่งไหลออกมา ใบหน้าของเดียปแข็งทื่อยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ราวกับว่าการอนุมานของตนเองนั้นยากจะเชื่อถือได้ มันคือการอนุมานที่มีตรรกะสมเหตุสมผลอย่างสมบูรณ์แบบ แต่เขาจะสามารถบรรลุผลลัพธ์ที่ผิดปกติและน่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ได้อย่างไรกัน

นับเป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขาเกิดแรงกระตุ้นที่อยากจะฉีกทึ้งรายงานของตัวเองทิ้ง ราตรีอันมืดมิดด้านนอกนั้นดูราวกับสัตว์อสูรที่กำลังจะกลืนกินเขา ทำให้เขารู้สึกเย็นสันหลังวาบ

“สมมติฐานไม่ได้ผิด และการอนุมานก็ไม่ผิดเช่นกัน ข้าควรจะทำต่อไป…” แรงกระตุ้นในใจทำให้เดียปกัดฟันเขียนต่อ เขาหยุดชะงักเป็นพักๆ เพื่อพิจารณาและแก้ไขข้อผิดพลาดของตน

เมื่อใกล้จะถึงยามเที่ยงคืน ความคิดของเขาก็ชัดเจนอย่างยิ่ง และเขาก็เขียนให้เสร็จได้โดยไม่หยุดชะงักใดๆ อีก

แต่หลังจากทุกอย่างเสร็จสิ้น เขากลับไม่รู้สึกโล่งอกเลยแม้สักนิด ใบหน้าเขามีเพียงความตกตะลึงและหยาดน้ำตา

‘อิเล็กตรอนจะเป็นคลื่นไปได้อย่างไรกัน’

‘อิเล็กตรอน ซึ่งมีคุณลักษณะของอนุภาคมากมายที่ไม่อาจปฏิเสธได้อย่างมวล โมเมนตัม และร่องรอยอนุภาค จะเป็นคลื่นไปได้อย่างไรกัน’

หิมะก้อนใหญ่เริ่มตกลงมานอกหน้าต่างห้อง ห่อหุ้มเดียปไว้ในความเหน็บหนาวอย่างที่ไม่เคยพบเจอมาก่อน จะมีใครอีกไหมหนอ ที่จะเห็นด้วยกับข้อสรุปที่แม้แต่ตัวเขาเองยังคิดว่าเชื่อถือได้ยากนี้

………………………………………

[1] ในทางฟิสิกส์ โมเมนตัมเชิงมุมของวัตถุรอบจุดกำเนิด คือปริมาณเวกเตอร์ที่แสดงถึงการหมุนของวัตถุ มีค่าเท่ากับมวลของวัตถุคูณกับผลคูณเชิงเวกเตอร์ของเวกเตอร์ตำแหน่งและเวกเตอร์ความเร็ว (หรือผลคูณระหว่างโมเมนต์ความเฉื่อยกับความเร็วเชิงมุม)