ภาค 5 ผู้ขี่มังกรสู่ฟากฟ้า บทที่ 455 ถ้าหากช่วยคนผิด แค่สังหารทิ้งก็พอ

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

เยี่ยนจ้าวเกอกอดอก มองการต่อสู้ที่กำลังดำเนินอยู่กลางอากาศอย่างออกรส

พลังฝึกปรือของเฟิงอวิ๋นเซิงกับอิงหลงถูในตอนนี้ มิอาจต้านทานกระแสบ้าคลั่งที่เกิดขึ้นจากการต่อสู้ระหว่างมหาปรมาจารย์กำเนิดญาณได้

พวกเยี่ยนจ้าวเกอจึงยืนอยู่เบื้องหน้า ช่วยพวกนางป้องกันคลื่นลูกหลงจากการต่อสู้ เพื่อไม่ให้พวกนางได้รับผลกระทบ

คนทั้งหกที่ต่อสู้กันล้วนมีพลังฝึกปรืออยู่ในระดับมหาปรมาจารย์ขั้นกำเนิดญาณระยะกลางทั้งสิ้น สวีเฟยกับอาหู่ที่อยู่ด้านข้างได้รับแรงกดดันหลายส่วน

“วรยุทธ์ที่อีกฝ่ายฝึกฝนค่อนข้างมีความพิเศษ และมีระดับสูงมาก หากอยู่ในโลกแปดพิภพน่าจะถูกนับเป็นวรยุทธ์สายตรงของแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหกเช่นกัน” สวีเฟยกล่าวขึ้นหลังจากสังเกตอยู่ครู่หนึ่ง “คนพวกนี้ฝึกฝนจนถึงระดับมหาปรมาจารย์ขั้นกำเนิดญาณได้ ล้วนมิใช่บุคคลธรรมดา”

บนใบหน้าของเยี่ยนจ้าวเกอมีความเพลิดเพลินอยู่เล็กน้อย “เจ็ดกลุ่มฝ่ายธรรมะ กับหกพรรคมาร ตามคำพูดนี้ ขุมกำลังของพวกเขาน่าจะมีทั้งหมดสิบสามแห่ง”

“ไม่รู้ว่ามีขุมกำลังที่เหนือกว่านี้หรือไม่?”

จอมยุทธ์ที่มาจากโลกผืนสมุทรเหล่านี้แตกต่างกับคนในโลกลอยน้ำ หลังจากที่ลงมือจริงๆ แล้ว พวกเยี่ยนจ้าวเกอแค่มองก็รู้ถึงความล้ำลึกของพลังฝึกปรือทันที

“ดูจากท่าทีของพวกเขา น่าจะเป็นบุคคลสำคัญในสำนักของตัวเอง แต่ยังมิใช่คนระดับสูงสุด” สวีเฟยกล่าว

“ด้วยเหตุนี้ อย่างน้อยพวกเขาน่าจะมีมหาปรมาจารย์ขั้นรูปญาณคอยปกป้อง แต่ไม่รู้ว่ามีจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์หรือไม่”

เฟิงอวิ๋นเซิงกล่าวบ้าง “ขุมกำลังสิบสามแห่งเช่นนี้นับว่าน่าดูชมทีเดียว ระดับวรยุทธ์ในโลกผืนสมุทรน่าจะเหนือกว่าโลกลอยน้ำ”

อาหู่ครุ่นคิดครู่หนึ่ง มองเยี่ยนจ้าวเกอ “คุณชาย ในสองกลุ่มนี้ดูเหมือนจะมีฝั่งหนึ่งชื่อเขาหงส์วิเศษด้วย พวกเราจะช่วยฝั่งนี้หรือไม่ขอรับ”

เยี่ยนจ้าวเกอส่ายหน้า อดยิ้มไม่ได้ “ถึงแม้ว่าก่อนมหาภัยพิบัติจะมีคำพูดว่าไว้ว่า ห้าบรรพตสำนักเต๋า ตะวันออกกว่างเฉิง ใต้หงส์วิเศษ แต่ว่าหลังจากมหาภัยพิบัติ ก็ได้ล่มสลายกลายเป็นเถ้าถ่านไปแล้ว”

“สำนักของเราสร้างขึ้นหลังจากมหาภัยพิบัติ สร้างสรรค์สิ่งใหม่ขึ้น อีกฝ่ายก็น่าจะเป็นเหมือนกัน”

“การได้พบกันในวันนี้บังเอิญยิ่ง แต่หากพูดถึงความใกล้ชิดในการกำเนิด ไม่มีเหตุผลใดเลย”

อาหู่ได้ยินดังนั้นก็แบมือ “เช่นนั้นหากทำตามคำพูดนี้ พวกเราแค่ดูก็พอ ถ้าหากเป็นคนรู้จักก็ช่วย แต่ความขัดแย้งตรงหน้านี้ไม่เกี่ยวอันใดกับเรา”

เจ้าตัวโตมีสีหน้าเสียดายเล็กน้อย

อยู่ใกล้หมึกติดสีดำ อาหู่ได้เลียนแบบทุกสิ่งทุกอย่างจากการอยู่กับเยี่ยนจ้าวเกอมาอย่างยาวนาน ตอนนี้กลายเป็นคนชอบให้เรื่องราวต่างๆ วุ่นวายไป้สียแล้ว

แต่ว่าภารกิจเร่งด่วนในตอนนี้ก็คือยืนยันสถานที่ ที่ทางเชื่อมเขตแดนซึ่งจะกลับไปยังโลกแปดพิภพเสียก่อน

ปกติอาหู่ชอบทำตัวสนุกสนาน แต่เวลาต้องจริงจังก็สามารถแยกแยะลำดับความสำคัญได้

สวีเฟยขมวดคิ้ว “ตอนนี้เป็นการใช้พวกมากรุม แต่พวกเราไม่เข้าใจต้นสายปลายเหตุ มิอาจแยกแยะว่าใครถูกใครผิด ใครเป็นคนชั่วร้าย”

เยี่ยนจ้าวเกอลูบคางของตัวเอง ยกมือขึ้นสังเกตกลุ่มการต่อสู้กลางอากาศ “ไม่จำเป็นต้องแยกแยะว่าใครถูกใครผิด ใครดีใครเลวก็ได้”

“หากพบว่าช่วยคนเลว เช่นนั้นก็สังหารทิ้งก็พอ”

ได้ยินเยี่ยนจ้าวเกอกล่าวเช่นนี้ อาหู่ก็หัวเราะเหอะๆ ส่วนสวีเฟยส่ายหน้าพลางถอนใจ พูดกับเฟิงอวิ๋นเซิงและอิงหลงถู “พวกเจ้าอย่าเลียนแบบเขาล่ะ”

เฟิงอวิ๋นเซิงอมยิ้มงามดุจบุปผา อิงหลงถูคล้ายเข้าใจคล้ายไม่เข้าใจ

เยี่ยนจ้าวเกอให้ความสนใจสามีภรรยาที่บังคับประกายกระบี่สีดำสีขาว เห็นบนร่างของพวกเขายังมีแสงวิญญาณของตัวเองสว่างขึ้นด้วย

นอกจากกระบี่ของตนที่เป็นอาวุธวิญญาณระดับกลางแล้ว สามีภรรยาคู่นี้ยังมีอาวุธวิญญาณระดับอื่นติดตัวอีก

ของผู้เป็นสามีเป็นเกราะอ่อนชิ้นหนึ่ง ของผู้เป็นภรรยาเป็นกำไลข้อมือชิ้นหนึ่ง

แน่นอนว่าคู่ต่อสู้ของพวกเขา มหาปรมาจารย์จากสำนักมังกรโลหิตทั้งสี่ก็มีอาวุธวิญญาณอยู่ในมือเช่นกัน

แต่ว่าเยี่ยนจ้าวเกอไม่ได้สนใจ

เกราะอ่อนที่ฝ่ายสามีสวมอยู่ เยี่ยนจ้าวเกอไม่สนใจแม้แต่น้อย

ความสนใจส่วนหนึ่งของเยี่ยนจ้าวเกออยู่บนกำไลข้อมือมากกว่า เพราะเขาเห็นกำไลข้อมือปล่อยแสงวิญญาณเจ็ดสีกลุ่มหนึ่งออกมาตลอดเวลา

แสงวิญญาณเจ็ดสีมีผลป้องกัน ช่วยให้สตรีนางนั้นป้องกันการโจมตีของมหาปรมาจารย์ขั้นกำเนิดญาณ จากสำนักมังกรโลหิตทั้งสี่คนได้

เยี่ยนจ้าวเกอสังเกตแสงวิญญาณเจ็ดสีนั้น พลางพึมพำกับตัวเอง “ในอาวุธวิญญาณชิ้นนั้น เหตุใดจึงได้ดูเหมือนผสมแกนหยกแสงรุ้งเข้าไปด้วย”

พวกเฟิงอวิ๋นเซิงรู้สึกฉงน “แกนหยกแสงรุ้ง?”

ชายหนุ่มมองสนามรบกลางท้องฟ้า สวีเฟยกล่าวว่า “แกนหยกแสงรุ้ง หลังจากมหาภัยพิบัติก็ไม่เคยปรากฏบนโลกแปดพิภพของพวกเรามาก่อน ”ล้ายกับสาบสูญไปแล้ว”

“แต่ว่าตามบันทึกโบราณ ก่อนมหาภัยพิบัติมีของวิเศษชื่อแกนหยกแสงรุ้ง ใจกลางเป็นแกนหยกที่มีแสงหมุนวนเหมือนกับแสงของรุ้งกินน้ำ”

“ของสิ่งนี้มีความสำคัญต่อการคืนชีพของพี่สะใภ้อวี่เจินมาก”

เยี่ยนจ้าวเกอระบายลมหายใจเบาๆ “มีประสิทธิภาพดีกว่าหมอกฝนชีวิตในบึงทะเลมายา เป้าหมายดั้งเดิมที่พวกเรามาในครั้งนี้มาก”

เมื่อได้ยินดังนั้น สีหน้าของเฟิงอวิ๋นเซิง อาหู่ สวีเฟย และอิงหลงถูก็เกิดการเปลี่ยนแปลง

แม้แต่หลงเอ๋อร์ที่นอกจากวรยุทธ์แล้ว ค่อนข้างเดียงสากับเรื่องอื่นอยู่บ้าง ดวงตาทั้งสองข้างก็เปล่งประกายเร่าร้อน

สวีเฟยมีสีหน้าเคร่งขรึม เพ่งตามองประตูทางเชื่อมเขตแดนเหนือท้องนภา สายตาคล้ายทะลุท้องฟ้าไปยังโลกที่อยู่ฝั่งตรงข้ามโดยตรง

เขาถามอย่างเชื่องช้า “โลกที่คนพวกนี้เกิดมาอาจจะมีการผลิตแกนหยกแสงรุ้งก็ได้”

เยี่ยนจ้าวเกอให้ความสนใจกำไลข้อมือที่หมุนวนอยู่กลางอากาศพร้อมกับสตรีนางนั้น “ข้าไม่น่าจะมองผิด แต่ถ้าจะให้ดีที่สุดต้องสัมผัสตรงๆ เพื่อทำความเข้าใจระดับปราณวิญญาณที่อยู่ด้านใน ถึงจะยืนยันได้”

“ถ้าหากในตอนที่นางสร้างกำไลข้อมือขึ้น แกนหยกแสงรุ้งเป็นหนึ่งในวัตถุดิบหลักจริงๆ เช่นนั้นในโลกผืนสมุทรที่พวกเขาเกิดมา ย่อมมีแกนหยกแสงรุ้งอยู่ด้วย”

ชายหนุ่มหยีตา “ต่อให้ไม่ได้ผลิตและสาปสูญไปแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องเป็นห่วง”

“ถึงแม้ว่าจะลำบากไปบ้าง แต่ข้ามีวิธีกลั่นกรองวัตถุดิบที่สร้างเป็นอาวุธแล้วให้คืนสภาพเดิม ขอแค่มีของนั้นอยู่ ก็มีวิธีทำได้”

อาหู่ถูมือ “เช่นนั้นพวกเราทำอย่างไรดีขอรับคุณชาย ช่วยสำนักมังกรโลหิตจับสามีภรรยาคู่นั้น คนเป็นของพวกเขา กำไลข้อมือเป็นของพวกเรา หรือว่าช่วยสามีภรรยาคู่นั้นดีขอรับ”

เยี่ยนจ้าวเกอยังไม่ทันจะเอ่ยปาก ชายชราเสื้อคลุมสีดำเหนือท้องฟ้าก็แค่นหัวเราะ

ถึงแม้จะจะมีอุปสรรคในการเข้าใจคำพูดของพวกเยี่ยนจ้าวเกอ แต่ชายชราเสื้อคลุมดำที่ระวังทางนี้มาโดยตลอดก็ค้นพบอย่างรวดเร็ว ว่าพวกเยี่ยนจ้าวเกอค่อยๆ มีความคิดจะลงมือแล้ว

ชายชราเสื้อคลุมดำกล่าวอย่างเย็นชา “เรื่องของสำนักมังกรโลหิต คนธรรมดาห้ามสอดมือ จะได้ไม่ทำร้ายตัวเอง”

เขาสั่นไหวจุดลมปราณทั่วร่าง แสงสีเลือดหลายสายไหลเวียน ก่อนจะค่อยๆ รวมตัวกันกลายเป็นร่างมังกร เกล็ดมังกร กรงเล็บมังกร และหางมังกร

ปราณจิตราและญาณจริงแท้อันยิ่งใหญ่ค่อยๆ กลายเป็นเมฆสีเลือดชั้นหนึ่ง

นี่ไม่ใช่เมฆสีเลือดที่กระตุ้นโดยใช้น้ำเต้าเมฆาโลหิตของโลกลอยน้ำ แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงจากญาณจริงแท้ของชายชราเสื้อคลุมดำ คล้ายกับเมฆที่เกิดจากอานุภาพของมังกร!

เมฆสีเลือดอันยิ่งใหญ่ลอยอยู่กลางท้องฟ้า ปกคลุมทั่วบริเวณ

ถึงแม้จะไม่กระจายตัว แต่ก็ขวางระหว่างพวกเยี่ยนจ้าวเกอและสามีภรรยาคู่นั้นโดยสิ้นเชิง