ตอนที่ 270 ทำให้ทุกคนฝันสลาย 

 

 

“เธอ? หรือจะเป็นแฟนของนายน้อยเฉวียนคะ” ผู้หญิงคนนี้มีท่าทีแปลกใจ เธอจ้องเฉวียนหมิงด้วยสายตาปรารถนา ดูไปแล้ว นี่เป็นใบหน้าที่ทำให้คนไม่อาจละสายตาได้เลย 

 

 

เสียดายที่ฐานะของเขาเทียบไม่ได้กับซีเหมินหลงเซี่ยว ไม่อย่างนั้นเธอก็อยากจะลองช่วงชิงดู 

 

 

แต่หารู้ไม่ว่าเธอเองยังไม่มีความสามารถแม้แต่จะเอาชนะใจมั่วเฉินเซวียนกับหนานหลิวเฟิงด้วยซ้ำ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเฉวียนหมิงกับซีเหมินหลงเซี่ยว หลงตัวเองเกินไปแล้ว 

 

 

รอยยิ้มบนใบหน้าเฉวียนหมิงชัดเจนยิ่งขึ้น แววตายิ่งอ่อนโยน ราวกับจะคั้นน้ำออกมาได้ “เธอเป็นภรรยาผมครับ” 

 

 

ได้ยินเขาพูดแบบนี้ ซีเหมินหลงเซี่ยวก็แปลกใจ “ได้ข่าวว่าคุณแต่งงานแล้ว ผมยังคิดว่าสื่อปล่อยข่าวลือ คิดไม่ถึงว่าจะเป็นเรื่องจริง ไม่รู้ว่าผู้หญิงคนไหนที่เข้าตาคุณ ผมอยากรู้จริงๆ” 

 

 

เฉวียนหมิง คนอื่นแต่งงานเพื่อหาพันธมิตร แต่คุณกลับหาจุดอ่อนให้ตัวเอง ผู้หญิงคนนั้นจะกลายเป็นจุดอ่อนของคุณ จุ๊ๆๆ เป็นผู้หญิงแบบไหนกันนะ ถึงทำให้เฉวียนหมิงหวั่นไหวได้ เขาประหลาดใจจริงๆ 

 

 

หนานหลิวเฟิงได้ยินก็กำหมัดแน่นโดยไม่รู้ตัว เจ็บใจนัก! เธอควรเป็นของฉันต่างหาก เพราะเฉวียนหมิง ไอ้หมอนี่ชิงลงมือก่อน เข้ามาขัดขาฉัน ไม่อย่างนั้นวันนี้คนที่จะได้ยืดอกต้องเป็นฉันถึงจะถูก 

 

 

“นายน้อยหนานก็แปลกใจใช่ไหมครับ ทำหน้าแปลกๆ” แววตาของซีเหมินหลงเซี่ยววูบไหว คล้ายมองไม่ออกว่าหนานหลิวเฟิงกำลังคิดอะไร 

 

 

“แค่กๆ เรารู้มานานแล้วครับ” น้ำเสียงหนานหลิวเฟิงราบเรียบ แต่ไม่ว่าใครก็ฟังออกว่ากำลังกัดฟันพูด เขาไม่อาจทำใจได้ ยังคงเคียดแค้นไม่ยอมแพ้ 

 

 

เฉวียนหมิงเหลือบมองหนานหลิวเฟิงแวบหนึ่ง ไม่มีการเอ่ยเตือน ไม่มีการยิ้มหยัน แต่ยิ่งเป็นแบบนี้ ก็ยิ่งทำให้หนานหลิวเฟิงรู้สึกว่าเฉวียนหมิงกำลังหัวเราะเยาะเขาอยู่ การยิ้มเยาะโดยไม่แสดงสีหน้าท่าทีออกมา ยิ่งทำให้เขาไม่สบอารมณ์ 

 

 

มั่วเฉินเซวียนกลอกตา “เอาละๆ คุณเป็นคนที่มีครอบครัวแล้ว ก็อย่าข่มคนโสดอย่างผมเลย การอวดภรรยาไม่ใช่วิสัยของคุณเลย นายน้อยเฉวียน” 

 

 

ผู้หญิงคนนั้นเก่งไม่เบาจริงๆ สามารถทำให้เฉวียนหมิงเป็นห่วงเป็นใย แถมยังภาคภูมิใจด้วย 

 

 

“ได้ภรรยาแบบนี้ ชีวิตนี้ผมก็พอใจแล้ว” พอใจ ไม่สิ นี่ยังไม่พอ ยังต้องหาทางทำให้ร่างกายตัวเองดีขึ้นด้วย เขาไม่อาจยอมรับได้ถ้าต้องจากไปโดยทิ้งให้อีลั่วเสวี่ยไว้คนเดียวไร้ที่พึ่งบนโลกนี้ 

 

 

น้ำเสียงเฉวียนหมิงไม่ดังไม่เบา แต่คนรอบข้างไม่น้อยได้ยินชัด พอคำพูดนี้แพร่ออกไป หญิงสาวหลายคนในงานก็พากันทอดถอนใจ 

 

 

“คุณพระช่วย ไม่คิดเลยว่าเฉวียนหมิงจะเป็นคนที่ลุ่มหลงในความรักแบบนี้ รู้อย่างนี้ฉันน่าจะหาวิธีให้ได้แต่งกับเขาตั้งแต่ทีแรก เขาจะต้องเอาอกเอาใจจนยกฉันขึ้นฟ้าแน่ๆ น่าอิจฉาจริงๆ ไม่รู้ว่าเป็นผู้หญิงคนไหนที่โชคดี” 

 

 

ที่จริงสำหรับผู้หญิงแล้ว ความคาดหวังก็ไม่ได้สูงเกินไปนัก แค่มีสามีที่รักเธอ ภูมิใจในตัวเธอ เท่านี้ก็เพียงพอ มีผู้หญิงคนไหนบ้างที่ไม่อยากให้สามีพูดถึงเธอด้วยสีหน้าท่าทีกระตือรือร้นแบบนี้เวลาอยู่ข้างนอก 

 

 

การได้แต่งงานเพราะความรักคงเป็นเรื่องที่มีความสุขที่สุดในชีวิตผู้หญิงคนหนึ่ง 

 

 

“จุ๊ๆ นายน้อยเฉวียน คุณไม่ต้องพูดแล้ว ดูสิสาวๆ ในงานถูกคุณทำให้หัวใจสลายกันหมด” ซีเหมินหลงเซี่ยวเลิกคิ้ว ภรรยาของเฉวียนหมิงดูเหมือนจะชื่ออีลั่วเสวี่ย ลูกสาวบุญธรรมที่ไม่มีใครรู้จักของบริษัทเล็กๆ ที่ปิดตัวไปแล้ว เธอมีดีอะไรกันนะ 

 

 

ยิ่งเฉวียนหมิงยกย่องเธอ เขาก็ยิ่งอยากรู้ โดยเฉพาะข้างตัวเขายังมีอีกสองคนที่พอเอ่ยถึงผู้หญิงคนนี้ สีหน้าท่าทีของพวกเขาก็เปลี่ยนไป 

 

 

ผู้หญิงคนหนึ่งถึงกับสามารถทำให้ผู้ทรงอิทธิพลในเมืองเอฟและเมืองเย่าเฉิงเฝ้าฝันถึง เขาอยากเจอผู้หญิงคนนี้จริงๆ  

 

 

“จริงครับ แต่ในงานเลี้ยงวันนี้ยังมีหนุ่มโสดสาวโสดดีๆ อีกเยอะแยะ ถ้าถูกใจใคร จะลองดูก็ได้นะครับ” มั่วเฉินเซวียนพูดยิ้มๆ 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 271 ธุรกิจใหญ่ 

 

 

ที่เขาพูดแบบนี้ก็ใช่ว่าจะไม่มีเหตุผล บรรดาสาวๆ ที่ใจไม่ยอมแพ้แต่ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่มองเฉวียนหมิงพลางทอดถอนใจด้วยความเสียดาย 

 

 

“จริงสิ คุณซีเหมิน ดูเหมือนคุณจะยังไม่ได้ประกาศประเด็นหลักของงานวันนี้เลยนะครับ” เห็นเวลาผ่านไปไม่น้อยแล้ว จึงมีคนเอ่ยเตือนซีเหมินหลงเซี่ยว 

 

 

พวกเขาได้ข่าวว่ามีบริษัทระดับสูงแห่งหนึ่งจะมาเปิดที่เมืองเอฟของพวกเขา ทั้งยังต้องการผู้ร่วมธุรกิจด้วย ด้วยมูลค่าและขนาดที่น่าพอใจ จึงมาร่วมงานนี้เพื่อสืบความจริง 

 

 

นี่เป็นสาเหตุที่ทำไมทั้งที่ในบัตรเชิญไม่ระบุชื่อผู้เชิญ แต่พวกเขาก็ยังมา เพียงแค่สามารถเช่าสถานที่จัดงานได้ ไม่มีทางทำให้คนเหล่านี้กระตือรือร้นมาร่วมงานมากขนาดนี้แน่ 

 

 

ซีเหมินหลงเซี่ยวดื่มไวน์ในแก้วจนหมด แล้ววางแก้วลงบนถาดของบริกรที่อยู่ข้างๆ ตอนนี้แสงไฟรอบๆ พลันสลัวลง ขณะที่แสงไฟหลักส่องมายังตัวเขา พร้อมกับมีคนยื่นไมโครโฟนมาให้ 

 

 

เฉวียนหมิงแววตาเคร่งขรึม ในที่สุดก็ได้เวลาเข้าเรื่องสำคัญซะที อยากรู้นักว่าซีเหมินหลงเซี่ยวมีจุดประสงค์อะไร 

 

 

“คืออย่างนี้ครับ เดิมผมจะเดินทางกลับประเทศ แต่เผอิญมีเพื่อนคนหนึ่งมาเมืองเอฟ ผมเลยถือโอกาสแวะมาเยี่ยมเพื่อน คิดไม่ถึงว่าตอนที่เดินเล่นอยู่ข้างนอกพบว่าหินหยกในเขตเมืองนี้เนื้อดีมาก แต่ด้านการซื้อขายกลับไปได้ไม่ค่อยสวยเท่าไหร่  

 

 

ดังนั้นผมก็เลยเกิดความคิดที่นับว่ากล้ามากอย่างหนึ่ง คือจะใช้หินหยกเป็นแนวทางออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่เดือนพฤศจิกาของไหลย่ากรุ๊ป ขณะเดียวกันหลังจากหารือกับทีมจัดการระดับสูงของเราแล้ว ก็พบว่าที่นี่เหมาะที่จะตั้งร้านใหม่ของเรา” 

 

 

“ตั้งร้านเพื่อเป็นหน้าร้านของไหลย่ากรุ๊ป?” หน้าร้านที่กล่าวถึงนี้ต่างจากร้านสัญลักษณ์ที่ใช้สื่อสารแบรนด์ ซึ่งเทียบเท่ากับจุดจำหน่ายสินค้า แต่หน้าร้านนี้จะเป็นเหมือนบริษัทสาขา ไหลย่ากรุ๊ปถึงกับมาเปิดสาขาที่นี่เชียว! 

 

 

คำตอบนี้ราวกับดอกไม้ไฟที่สว่างโรจน์ในความคิดของทุกคน แต่ละคนอดหายใจเร็วด้วยความตื่นเต้นไม่ได้ 

 

 

คนสมัยนี้ ไม่ว่าชายหญิงคนสูงอายุหรือเด็ก มากน้อยก็ต้องมีเรื่องการบำรุงดูแลผิวเข้ามาเกี่ยวข้อง โดยเฉพาะคนหนุ่มสาวที่รักสวยรักงาม ยิ่งหลงใหลเรื่องเครื่องสำอางที่ช่วยถนอมผิวพรรณ และยินดีที่จะจ่าย 

 

 

ทันทีที่ไหลย่ากรุ๊ปเปิดสาขาที่นี่ ถึงตอนนั้นไม่ต้องสงสัยเลยว่าจะมีผลิตภัณฑ์ทุกอย่างครบถ้วนที่สุด ทั้งยังหาซื้อได้ทันทีที่ออกวางตลาด แบบนี้จะต้องส่งผลต่อเศรษฐกิจเมืองเอฟแน่ๆ 

 

 

ถ้าพวกเขาสามารถถือหุ้นของไหลย่ากรุ๊ปละก็ เงินปันผลย่อมสูงแน่นอน 

 

 

มิน่าในบัตรเชิญจึงบอกว่าจะมีการหารือทางธุรกิจขนาดใหญ่ที่นี่ ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้เอง เป็นธุรกิจที่ใหญ่จริงๆ 

 

 

ดวงตาเฉวียนหมิงทอประกายวูบ เขาไม่พูดอะไร หินหยก? ทำไมถึงเป็นหยก ดูเหมือนหยกจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องแบรนด์ของไหลย่ากรุ๊ปเลย หรือจะเป็นการยกตัวอย่างเบิกทางของเขา ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่น หินหยกของเมืองเอฟก็นับว่ามีชื่อเสียงจริง  

 

 

“ถูกต้องครับ นี่คือสาขาของไหลย่ากรุ๊ป ก่อนหน้านี้สาขาที่เมืองตี้ตู ผมมองว่าทำกำไรได้ไม่เลวเลย ขณะที่เมืองเอฟอยู่ห่างจากเมืองตี้ตูไม่น้อย เป็นการตอบสนองความต้องการสินค้าภายใต้แบรนด์ไหลย่ากรุ๊ปของเมืองรอบๆ ได้พอดี เราจะทำกำไรเพิ่มขึ้นได้ 

 

 

ดังนั้นวันนี้ผมจึงตัดสินใจนำหุ้นหกสิบเปอร์เซ็นต์ออกประมูล ถือเป็นการตอบแทนความช่วยเหลือที่ทุกท่านจะมอบให้แก่ไหลย่ากรุ๊ปในอนาคต เสียดายที่การตัดสินใจไม่ได้ขึ้นอยู่กับผมคนเดียว สิทธิ์ในการถือหุ้นเหล่านี้ทุกท่านต้องจ่ายเพื่อให้ได้มา” 

 

 

หกสิบเปอร์เซ็นต์ เท่ากับไหลย่ากรุ๊ปถือครองไว้สี่สิบเปอร์เซ็นต์ หลังจากหุ้นหกสิบเปอร์เซ็นต์ถูกแบ่งขายออกไป พวกเขายังคงเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ที่สุดอยู่ดี เห็นชัดว่าคนอย่างซีเหมินหลงเซี่ยวไม่เคยทำอะไรที่ตัวเองเป็นฝ่ายเสียเปรียบ 

 

 

มั่วเฉินเซวียนหายใจเร็วขึ้น ต้องหาทางคว้าหุ้นเหล่านี้ให้ได้มากเข้าไว้ ไหลย่ากรุ๊ป ใครๆ ก็อยากเป็นหุ้นส่วนด้วย ที่ฉันไม่ยังรีบไปจากเมืองเอฟเป็นการตัดสินใจที่ฉลาดจริงๆ