ด้วยกิริยามารยาทแบบสุภาพบุรุษ ฉู่หลิงย่อตัวลงนั่งที่พื้น ช่วยสวมรองเท้าผ้าใบให้เฮ่อหว่านอีซึ่งนั่งอยู่บนโซฟา เฮ่อหว่านอีมองเขาอย่างแปลกใจ เขายิ้มให้ “สิ่งสำคัญคือต้องให้คุณรู้สึกสบาย ใส่รองเท้าผ้าใบแบบนี้จะสบายกว่านะ”
เฮ่อหว่านอีนิ่งเงียบไป ครั้งสุดท้ายที่เธอสวมรองเท้าผ้าใบนี่เมื่อไรกันนะ เธอจำไม่ได้เลย เธอมักสวมรองเท้าผ้าใบเวลาไปเล่นกอล์ฟกับบิดาและพวกพี่ชาย ทว่านับตั้งแต่เธอกลายเป็นดารามีชื่อเสียง ทุกครั้งที่ออกไปนอกบ้าน ก็จะถูกช่างภาพปาปารัสซี่คอยไล่ตามให้รำคาญใจ นอกจากนั้นเธอยังมีงานยุ่งเกินกว่าจะมีเวลาไปเล่นกีฬา ดังนั้นเมื่อพอมีเวลาว่างเธอจึงมักเลือกจะอยู่บ้าน เธอเกือบลืมความรู้สึกของการสวมรองเท้ากีฬาไปแล้ว
มาปารีสคราวนี้ เธอก็มีงานต้องทำหลายอย่าง แม้ว่าจุดหมายหลักคือมาเพื่อชมแฟชั่นโชว์ของเดอะควีนก็ตาม…
รองเท้าที่ฉู่หลิงเลือกให้เฮ่อหว่านอีพอเหมาะพอดีกับเธอมาก เฮ่อหว่านอีกล่าวขอบคุณเขาด้วยท่าทางเก้อเขิน ฉู่หลิงยิ้ม จ่ายเงิน แล้วพาเธอออกจากห้างสรรพสินค้า
ทั้งสองเดินออกจากห้างสรรพสินค้าในเครื่องแต่งกายชุดกีฬา ดูราวกับเป็นคู่รักวัยรุ่น ฉู่หลิงเป็นชายหนุ่มรูปหล่อ และเฮ่อหว่านอีก็เป็นสาวสวย จึงเป็นที่ดึงดูดสายตาของผู้คนเมื่อเดินเคียงคู่กันไปตามท้องถนน เฮ่อหว่านอีรู้สึกผ่อนคลายมากกว่าที่เคย ฉู่หลิงเปิดประตูรถให้เธออย่างสุภาพ และเมื่อเธอก้าวขึ้นนั่งบนรถ ฉู่หลิงก็ส่งถุงใบหนึ่งให้
เฮ่อหว่านอีมองเขา แล้วมองถุง ก่อนจะเปิดถุงออกดู เมื่อเห็นของในถุงเธอก็เหลือบตามองฉู่หลิงอย่างประหลาดใจ ฉู่หลิงยิ้มให้ “คุณเฮ่อ คุณก็รู้ว่าคุณเองมีชื่อเสียงแค่ไหน ในปารีสนี่มีนักท่องเที่ยวชาวจีนมากันเยอะมาก คุณคงไม่อยากให้บรรดาแฟนคลับของคุณจำคุณได้แถวนี้หรอก จริงไหม”
เฮ่อหว่านอีมองหน้ากากตัวตลกที่ถืออยู่ในมืออย่างยอมจำนน หน้านิ่วถามเขาว่า “แล้วคุณล่ะ”
เธอรู้สึกเหมือนกำลังโดนหลอก เขาตั้งใจจะบอกว่าเธอเป็นตัวตลกย่างนั้นหรือ
ฉู่หลิงยิ้ม “ผมไม่ใช่คนดัง…” แต่เมื่อเห็นสีหน้าเฮ่อหว่านอีเครียดขึ้นเรื่อยๆ เขาจึงเลิกล้อเลียนเธอ ชี้ไปที่ถุงในมือเฮ่อหว่านอี “ในถุงนั่นมีหน้ากากสองอัน ผมจะใส่ด้วย”
เฮ่อหว่านอีเลิกคิ้ว ถ้าเป็นแบบนี้ก็ค่อยยังชั่วหน่อย
เฮ่อหว่านอีคาดไม่ถึงว่าฉู่หลิงจะพาเธอไปออกเดตที่ดิสนีย์แลนด์ เป็นดังที่พวกเขาคาดไว้ มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากที่ดิสนีย์แลนด์ และครึ่งหนึ่งนั้นเป็นชาวจีน ถ้าพวกเขาไม่ได้สวมหน้ากาก ชื่อของทั้งสองคงได้ขึ้นเป็นอันดับหนึ่งของประเด็นที่มีคนค้นหามากที่สุด ภายในเวลาไม่เกินหนึ่งชั่วโมงแน่นอน
ถึงแม้ดิสนีย์แลนด์ที่นี่จะมีคนมาเที่ยวแน่นขนัด แต่อย่างไรก็ดีกว่าดิสนีย์แลนด์ที่ประเทศจีนมาก ขณะเฝ้ามองผู้คนที่เข้าคิวกันยาวเหยียด เฮ่อหว่านอีก็ทำริมฝีปากยื่นน้อยๆ แต่ฉู่หลิงกลับจูงเธอให้เดินเลยไปข้างหน้า “เครื่องเล่นพวกนี้ไม่สนุกหรอก ไปตรงโน้นกันดีกว่า ตอนนี้ยังเช้าอยู่ เราไปเริ่มกันที่เครื่องเล่นที่ยากหน่อยดีกว่า”
เฮ่อหว่านอีเคยไปเที่ยวดิสนีย์แลนด์ที่สหรัฐอเมริกามาครั้งหนึ่ง เธอชอบมาก เมื่อได้เฝ้ามองตัวละครต่างๆ จากโลกแห่งเทพนิยาย เธอรู้สึกเหมือนได้หวนคืนสู่วัยเด็กอีกครั้งหนึ่ง
ฉู่หลิงซึ่งเดินตามติดเธอ ทำหน้าที่แนะนำตัวละครต่างๆ และจุดชมวิวสองข้างทางที่เดินไป ราวกับเป็นไกด์นำทางชั้นดี…
เธอไม่เคยได้ยินเรื่องราวที่น่าสนใจเหล่านี้มาก่อนเลย!
เฮ่อหว่านอีให้ความสนใจกับเรื่องเล่าเหล่านี้มาก และอดยิ้มแย้มอย่างมีความสุขไม่ได้
เธอรู้สึกผ่อนคลายมากกว่าที่เคยเป็นมา และอดสงสัยไม่ได้ว่าระหว่างเธอกับฉู่หลิงใครกันแน่ที่แพ้พนัน ทำไมเขาจึงดูแลเอาใจใส่เธอดีถึงเพียงนี้
อย่างไรก็ตาม ความสุขของเธอมีอายุยืนยาวอยู่เพียงสองชั่วโมงเท่านั้น เมื่อมองไปที่ชายวัยกลางคนสองคนที่นั่งอยู่ตรงกันข้ามเธอ เธอก็รู้สึกอยากบีบคอฉู่หลิงให้ตายคามือ!
แน่นอนอยู่แล้ว ที่ฉู่หลิงก็ยังคงเป็นไอ้กะล่อนคนเดิมที่เธอรู้จัก!
ฉู่หลิงมองหน้าบิดาและลุงสองของเขา พร้อมด้วยรอยยิ้ม “ผมบอกแล้วไงว่าผมต้องมาคอยดูแลคนรักของผม แต่พ่อก็ยังยืนยันจะให้กลับบ้านให้ได้ อยากจะให้ผมทำอะไร ไม่อยากให้ผมได้แต่งงานหรือไง”
เมื่อได้ยินคำพูดของฉู่หลิง ชายวัยกลางคนทั้งสองก็ขมวดคิ้ว และหนึ่งในสองคนนั้นซึ่งมีหน้าตาคล้ายกับฉู่หลิง ก็มองดูฉู่หลิงด้วยสายตาหวาดระแวง “แกมีแฟนแล้วอย่างนั้นหรือ แกจ้างเธอมาหรือเปล่า”
เฮ่อหว่านอีซึ่งนั่งอยู่ข้างฉู่หลิง ยังคงรักษารอยยิ้มสวยสง่าไว้บนใบหน้า แต่ในใจกำลังก่นด่าฉู่หลิง เธอควรรู้ดีว่าผู้ชายคนนี้เจ้าเล่ห์เพทุบายเป็นที่สุด!
“ไม่ใช่อย่างนั้นแน่นอน! พ่อก็รู้ว่าผมไม่กล้าหลอกพ่อ!” ฉู่หลิงตอบ หันไปหลิ่วตาให้ผู้ชายอีกคน แล้วก็จับมือเฮ่อหว่านอีมากุมไว้ “ถ้าผมพูดไม่จริง ป่านนี้ก็คงวิ่งหนีไปแล้ว พ่อก็รู้ดีว่าผมทำแบบนั้นได้แน่ หรือไม่จริง”
พ่อเขาช่างน่ากลัว แต่นั่นเป็นเพราะเขาปฏิเสธที่จะมีคนรักเป็นหลักเป็นฐาน แต่ถ้าหากเขาเกิดมีคนรักจริงจังขึ้นมา พ่อเขาก็คงไม่วิตกกังวลจนเกินเหตุ และ… เฉียวเหลียงก็จะไม่สามารถข่มขู่เขาได้อีกต่อไป
“เธอเป็นคนรักของฉู่หลิงจริงๆ หรือ” บิดาฉู่หลิงจ้องหน้าเฮ่อหว่านอี ถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง
ฉู่หลิงเอาคางวางบนฝ่ามือ ยิ้มกว้างให้เฮ่อหว่านอีด้วยรอยยิ้มแสนมีเสน่ห์ เฮ่อหว่านอีมองดูเขา แล้วยิ้มตอบอย่างเย็นชา เธอยกถ้วยกาแฟขึ้นจิบก่อนจะตอบยิ้มๆ ว่า “ฉันเกรงว่าคุณคงต้องถามลูกชายคุณเอาเองแล้วละค่ะ เขามาขอฉันออกเดต ซื้อชุดกีฬาให้ใส่ แล้วพามาเที่ยวดิสนีย์แลนด์ นั่นคือเหตุผลที่ฉันมานั่งอยู่ตรงนี้ ฉันเองก็ยังสงสัยว่าทำไมจู่ๆ ฉันถึงกลายเป็นคนรักของลูกชายคุณไปได้”
รอยยิ้มกว้างบนใบหน้าฉู่หลิงชะงักค้างทันที… เขาเหลือบมองหน้าเฮ่อหว่านอีแว่บหนึ่ง แล้วลุกขึ้นวิ่งหนีไปทันที เมื่อเห็นอาการลูกชาย ฉู่เวยก็ทำเสียงหัวเราะขึ้นจมูก และแล้วก็มีชายในชุดดำจำนวนหนึ่งซึ่งมาจากไหนกันก็ไม่รู้ จู่ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้นในร้านอาหาร ฉู่หลิงสบถออกมา แล้วกระโดดหนีออกทางหน้าต่าง ตะโกนบอกบิดาว่า “พ่ออย่าลืมจ่ายค่าอาหารให้ด้วย! แล้วช่วยพาคุณสุภาพสตรีไปส่งที่โรงแรมของเธอด้วยนะ! ผมต้องไปแล้ว ลาก่อน!”
เฮ่อหว่านอีตกตะลึง เธอผุดลุกขึ้นยืน สบถว่า “บ้าที่สุด!”
ฉู่เวยหันมามองเฮ่อหว่านอี ถามเธอว่า “คุณผู้หญิง ขอถามหน่อยว่าเธอมีความสัมพันธ์ยังไงกับลูกชายฉัน”
“ฉันไม่รู้จักเขาค่ะ!” ถ้าฉู่หลิงยังยืนอยู่ตรงหน้า เธอคงได้ตบหน้าเขาสักฉาดใหญ่ กล้าดียังไงมาหลอกใช้เธอ!
เฮ่อหว่านอีคว้ากระเป๋าถือ เธอเหลียวมามองฉู่เวยด้วยสีหน้าเรียบเฉย พูดขึ้นเสียงเย็นว่า “ฉันหวังว่าคุณจะจับตัวเขาได้ และลงโทษเขาให้สาสมกับความผิด!”
โดนลูกชายหลอกเช่นนี้ ฉู่เวยก็โกรธจัดจนพูดอะไรไม่ออก “…”
เฮ่อหว่านอีเดินลงไปชั้นล่างด้วยอารมณ์เดือดดาล ในใจก่นด่าฉู่หลิงไปตลอดทาง แม้ว่าภายนอกจะยังคงรักษาสีหน้าได้เรียบเฉยปราศจากความรู้สึก แล้วขณะนั้นนั่นเอง ฉู่หลิงซึ่งเพิ่งวิ่งหนีไปก็มาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าเธอ