บทที่ 2117+2118

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 2117 หล่อจัง! เหมือนศรีภรรยาตัวน้อยเลย!

เธอกระแอมเบาๆ คราหนึ่ง ชักมือกลับ เอ่ยเสียงเรียบ

“เอาล่ะ ข้าเข้าใจแล้ว จะพูดก็พูดไปสิ มือไม้อย่ารุ่มร่าม!”

ตี้ฝูอียิ้มแล้ว เอ่ยด้วยน้ำเสียงคล้ายจะจนปัญญา

“ควบคุมตัวเองไม่อยู่ชั่วขณะน่ะ…อย่างไรก็ตาม ข้าจะเชื่อฟังเจ้านะ”

กู้ซีจิ่วเหลือบตามองเขาแวบหนึ่ง เหตุใดคนผู้นี้ถึงพูดจากะล่อนถึงเพียงนี้อยู่ตลอดกันนะ? หรือว่าเขาจะพูดจาปะเหลาะเด็กสาวเช่นนี้ไปทั่ว?

จู่ๆ ในใจเธอก็รู้สึกอึดอัดขึ้นมารางๆ นึกสงสัยในถ้อยคำเหล่านั้นที่เขาพูดมา…

“พี่สือโทว พี่สือโทว!”

คนที่อยู่ด้านหน้าไม่รู้ว่าพบอะไรเข้า จึงตะโกนเรียกเธอ

“เกิดอะไรขึ้น?”

กู้ซีจิ่วเคลื่อนย้ายไปหาทันที ทิ้งตี้ฝูอีเอาไว้ที่เดิม เพียงแต่ก่อนที่เธอจะไปได้ทิ้งคำพูดไว้ให้เขาสองสามประโยค

 “ข้าจะสอบประวัติความเป็นมาของเจ้าให้ชัดเจน อย่าได้โทษว่าข้าไม่เตือนเจ้าเลย อย่าได้ใช้ลูกไม้อะไรที่นี่ มิเช่นนั้นข้าจะไม่ละเว้นเจ้า!”

ตี้ฝูอีหลุบตาลงเล็กน้อย เขาจะเล่นลูกไม้อันใดได้?

เป้าหมายเพียงหนึ่งเดียวของเขาก็คือพานางออกไปจากที่นี่ให้ได้ กลับไปยังโลกที่เคยอยู่

เขามองพินิจคนหนุ่มสาวแข็งแรงทรงพลังที่อยู่ด้านหน้าเหล่านั้น บนร่างพวกเขาไม่มีพลังวิญญาณอยู่เลย มีเพียงพลังกายอันเงอะงะงุ่มง่ามเท่านั้น

ประหลาด เสินจิ่วหลี่ผู้เป็นบิดาของเขาเคยบอกเล่าสภาพทั่วไปของแดนอสุราแห่งนี้แก่เขาแล้ว

ดูเหมือนผู้คนของที่นี่ก็สมควรจะฝึกฝนบำเพ็ญได้เช่นกัน ถึงขั้นที่บำเพ็ญจนสำเร็จเป็นเซียนได้ด้วยซ้ำ ถึงแม้ไอวิญญาณในโลกจะอุดมสมบูรณ์สู้ดินแดนเบื้องบนไม่ได้ แต่ก็ถือว่าไม่เลวเลย

แล้วทำไมเขาสัมผัสถึงไอวิญญาณจากที่นี่ไม่ได้เลยล่ะ?

ทั้งแดนอสุราล้วนเป็นเช่นนี้รึ? หรือว่ามีเพียงภูเขาแห่งนี้เท่านั้น?

….

หนทางศิลาขรุขระไม่เสมอกัน กระท่อมศิลาหลังเตี้ยที่ตั้งเรียงรายกัน หลังคากระท่อมมุงด้วยวัชพืชรกๆ กระท่อมศิลาทุกหลังล้วนมีคนอาศัยอยู่

ทันทีที่กลุ่มของกู้ซีจิ่วกลับมาถึง ถนนทั้งสายก็คึกคักจอแจขึ้นมา

ผู้คนพากันไปที่ถนน มองสัตว์ร้ายเหล่านั้นที่พวกเขาหามเข้ามา รับเอาไปอย่างยินดีปรีดา

บนใบหน้าเหล่าบุรุษที่นี่ล้วนวาดทาด้วยสีน้ำมัน อาภรณ์บนร่างทำจากหนังสัตว์ ซ้ำยังทำอย่างหยาบๆ ชำรุดทรุดโทรม ระคายสายตาของตี้ฝูอียิ่งนัก

ตี้ฝูอีไม่เข้าพวกกับที่นี่อย่างเห็นได้ชัด อาภรณ์ที่สวมใส่คล้ายไหมคล้ายแพร โบกพลิ้วตามจังหวะการเดินของเขา บนศีรษะสวมกวาน[1]หยกขาว เส้นผมสีดำพลิ้วไหวตามสายลม รูปโฉมหล่อเหลาพิสุทธิ์ เมื่อเขาอยู่รวมกับกลุ่มที่เพิ่งกลับมาจากการล่าสัตว์ ดูราวกับหงส์ทองที่บินหลงเข้ามาในฝูงไก่ก็มิปาน โดดเด่นนัก สะดุดตายิ่ง

เดิมทีมุมปากตี้ฝูอีแต้มรอยยิ้มไว้ แต่พอเขาได้ยินเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของคนรอบข้างกลับยิ้มไม่ค่อยออกแล้ว

“เอ๊ะ คนผู้นั้นเป็นใครกัน?”

“หล่อจัง! เหมือนศรีภรรยาตัวน้อยเลย!”

“แต่ว่ารูปร่างดูเปราะบางไปหน่อยนะ เจ้าดูผิวขาวๆ ของเขาสิ”

“ฮ่าๆ อย่าล้อเล่นน่า พี่สือโทวเก่งกาจปราดเปรื่องถึงเพียงนี้จะมีคู่หมั้นหนุ่มไปได้อย่างไรกัน? ข้าว่าเป็นคู่หมั้นสาวยังเข้าเค้ากว่า เกรงว่าเขาจะเป็นสตรีปลอมตัวมาเสียกระมัง? เจ้าดูร่างเล็กๆ นั่นสิ เด็กสาวๆ ยังไม่งามเท่าเขาเลย…”

ตี้ฝูอีท่องไปทั่วหล้าอยู่หลายปี เคยชินกับการถูกคนมุงดูแล้ว แต่การที่ถูกคนมองว่าเป็น ‘ไก่อ่อน’ และ ‘ศรีภรรยาตัวน้อย’ นั้นเพิ่งประสบเป็นครั้งแรก!

รอยยิ้มตรงมุมปากเขาเลือนหายไปแล้ว…

ที่นี่ก็มีเด็กสาวอยู่ด้วย ผิวเป็นสีทองแดงเช่นกัน รูปร่างแข็งแรงงดงาม ใบหน้าของพวกนางไม่ได้แต้มสีน้ำมันไว้ เกลี้ยงเกลาเปล่าเปลือย

สวมชุดกระโปรงผ้าหยาบเช่นกัน บนข้อมือและข้อเท้าล้วนสวมกำไลกระดูกสัตว์ไว้ ยามเคลื่อนไหวจะส่งเสียงดังกราวๆ เต็มไปด้วยความงดงามประการหนึ่งของชาวป่า

เด็กสาวเหล่านี้ร้อนแรงยิ่ง พวกกู้ซีจิ่วเพิ่งจะเข้ามา เด็กสาวเหล่านี้ก็พุ่งออกมาจากสองฟากถนนแล้ว

“พี่สือโทว ไม่น่าเชื่อเลยว่าหนนี้จะล่าสัตว์ร้ายมายากลับมาได้มากขนาดนี้ ท่านเก่งกล้าเหลือเกิน!”

แววตาของเด็กสาวหมายเลขหนึ่งเต็มไปด้วยความเลื่อมใส

“พี่สือโทว นี่เป็นกำไลกระดูกที่ข้าเพิ่งขัดเสร็จ มอบให้ท่านนะ”

ดวงตาของเด็กสาวหมายเลขสองเจือแววสิเน่หา

กลุ่มเด็กสาวผู้เร่าร้อนส่งเสียงจอแจอยู่รอบกายกู้ซีจิ่ว เบียดตี้ฝูอีที่อยู่ข้างกายนางให้ออกไปอยู่นอกวง

ตี้ฝูอีพูดไม่ออกเลย

จู่ๆ เขาก็ค้นพบว่า ศัตรูหัวใจของที่นี่มิใช่บุรุษอีกแล้ว แต่เป็นสตรี…

————————————————————————————-

บทที่ 2118 อธิบายเรื่องคู่หมั้น

กู้ซีจิ่วถูกห้อมล้อมด้วยเด็กสาวที่เร่าร้อนเหล่านั้น ตี้ฝูอีอยู่นอกวงแม้แต่เท้าสักข้างก็แทรกเข้าไปไม่ได้!

เขาเดียดฉันท์ที่จะแก่งแย่งชิงตำแหน่งกับเด็กสาวเหล่านั้น จึงกอดอกมองอยู่ด้านนอกเสียเลย

ชายหนุ่มที่มีนามว่าเถี่ยตั้นผู้นั้นเดินเข้ามา คิดจะกอดไหล่สนทนากับเขา นึกไม่ถึงว่าจะสัมผัสได้เพียงความว่างเปล่า ร่างกายของอีกฝ่ายไม่เคลื่อนไหวเลย ทว่าตัวคนกลับถอยออกไปหนึ่งจั้งปานสายน้ำที่ไหลริน เถี่ยตั้นเกือบจะคะมำลงบนพื้นแล้ว

เถี่ยตั้นรีบรั้งร่างให้มั่นคง มองไปที่ตี้ฝูอีอย่างประหลาดใจ

ความเร็วของคนผู้นี้ว่องไวยิ่งนัก! แถมยังไม่ชอบใกล้ชิดกับผู้อื่น หรือว่าจะเป็นสตรีจริงๆ?!

เฮอะ สตรีของที่นี่ร้อนแรงใจกว้างกล้าได้กล้าเสีย มักจะเล่นงัดข้อ แข่งมวยปล้ำกับพวกบุรุษอยู่เสมอ ห้าวหาญยิ่งกว่าบุรุษเสียอีก

หากว่าชมชอบผู้ใด ก็จะรุกเข้าไปสารภาพความในใจ ขอเพียงอีกฝ่ายก็มีใจเช่นกัน ทั้งสองก็จะร่วมหลับนอนในกระท่อมสักหลังกลายสามีภรรยากัน…

ความคิดเรื่องข้อห้ามระหว่างชายหญิงของที่นี่ไม่รุนแรงนัก ดังนั้นชายหญิงอยู่ร่วมกันก็จะพาดไหล่โอบหลังกันอยู่เสมอ แตะเนื้อต้องตัวกันก็ไม่มีผู้ใดถือสา มีเพียงสือโทวเท่านั้นที่ไม่เข้าพวก ไม่ว่าจะเป็นสือโทวผู้เก็บเนื้อเก็บตัว หรือว่าสือโทวที่เด็ดเดี่ยวเฉียบขาดในปัจจุบัน ล้วนไม่ชอบชิดเชื้อกับผู้อื่นทั้งสิ้น

ตอนนี้ก็มีไอ้หนุ่มหน้าขาวนี่มาอีกคนแล้ว อาการไม่ชอบสัมผัสชิดเชื้อกับผู้คนของเขาดูจะหนักหนากว่าสือโทวเสียอีก…

“เจ้ามาจากเมืองในตำนานใช่ไหม? รู้จักกับพี่สือโทวของพวกเราได้ยังไง?”

เถี่ยตั้นซักถาม

เมืองในตำนาน?

ตี้ฝูอีเลิกคิ้ว ถามกลับ

“เจ้าไม่เคยไปในเมืองหรือ?”

เถี่ยตั้นเศร้าสลด

“แน่นอนสิ ผู้คนที่นี่ถูกขังไว้ที่นี่ออกไปไม่ได้เลยตลอดมา ย่อมไม่เคยไปในเมืองเลย แม้แต่ท่านหัวหน้าเผ่าก็ไม่เคยไปเหมือนกัน”

“เช่นนั้นเจ้ารู้ได้อย่างไรว่ามีเมืองอยู่?”

“ตำนานไง! เป็นตำนานเล่าขานจากบรรพบุรุษ”

ตี้ฝูอีคล้ายจะสนใจขึ้นมาแล้ว

“เล่ารายละเอียดมาหน่อยได้ไหม?”

เถี่ยตั้นขมวดคิ้ว

“นี่ ดูเหมือนข้าจะเป็นฝ่ายถามเจ้าก่อนนะ…”

ตี้ฝูอีสะบัดมือโยนถุงหนังใบหนึ่งให้เขา

“เอ้า ดื่มก่อนสิ”

เถี่ยตั้นรับไว้ เปิดปากถุงดมเล็กน้อย ดวงตาเปล่งประกายแล้ว

“สุรารึ?! หอมเหลือเกิน!”

จากนั้นก็ชิมดูอึกหนึ่ง สีหน้าเคลิบเคลิ้ม

“รสดีเหลือเกิน! ดูท่าเจ้าจะเป็นคนจากในเมืองจริงๆ หัวหน้าเผ่าบอกว่ามีเพียงคนจากในเมืองเท่านั้นถึงจะมีสุราเลิศรสเช่นนี้ได้…แต่ว่า พี่สือโทวก็หมักสุราเป็นนะ เพียงแต่รสชาติไม่ดีเท่านี้…”

ตี้ฝูอีมองกู้ซีจิ่วแวบหนึ่ง นางยังคงถูกน้องสาวทั้งหลายห้อมล้อมไว้ตรงกลางออกมาไม่ได้…

เถี่ยตั้นได้ดื่มสุรา จึงคึกคักยินดีขึ้นมาชั่วขณะ ลืมคำถามของตนไปแล้ว ไม่ว่าตี้ฝูอีจะถามอะไรเขา เขาล้วนตอบไปจนหมดเปลือก

ดังนั้นตี้ฝูอีจึงเข้าใจถึงสภาพความเป็นอยู่ยามที่กู้ซีจิ่วอยู่ที่นี่ได้รวดเร็วยิ่ง และเข้าใจเรื่องราวส่วนใหญ่ในหมู่บ้านแห่งนี้

หมู่บ้านนี้ไม่ใช่หมู่บ้านชนเผ่าดึกดำบรรพ์ เมื่อหนึ่งร้อยปีก่อน นักล่ากลุ่มหนึ่งได้เข้ามาล่าสัตว์ แล้วหลงทางจนถูกกักขังเอาไว้ที่นี่

แรกเริ่มเดิมทีภูเขาที่อยู่ด้านนอกไม่ได้มีสภาพเช่นนี้ ถึงแม้จะอันตราย แต่ก็เขียวชอุ่มไม่น้อยเลย ในภูเขาก็มีป่าเล็กๆ ผืนหนึ่งอยู่ ในป่ามีสิ่งมีชีวิตมากมาย

และหลังจากนักล่ากลุ่มนี้เข้ามาที่นี่ ความเขียวชอุ่มทั้งหมดในภูเขาก็สูญสิ้นไปภายในคืนเดียว สิ่งมีชีวิตก็หายไปด้วย ถูกแทนที่ด้วยก้อนหินมากมายเต็มพื้น สัตว์ก็มีเพียงสัตว์ร้ายมายารูปร่างประหลาดพิลึกพิลั่นเพียงอย่างเดียว…

สัตว์ร้ายมายาเหล่านี้กำเนิดใหม่ได้ สังหารไม่หมดไม่สิ้นมีจำนวนมหาศาลจนน่าประหลาดใจ ซ้ำยังดุร้ายอย่างยิ่ง ที่ย่ำแย่ที่สุดคือนักล่าก็หาทางออกไปจากภูเขานี้ไม่ได้ ใครก็ตามที่กล้าหาญชาญชัยไปทดลองล้วนต้องสิ้นชีพในฝูงสัตว์ร้าย…

ดังนั้นในหนึ่งร้อยปีมานี้จึงไม่มีผู้ใดสามารถหนีออกไปจากหุบเขาแห่งนี้ได้เลย โชคดีที่มีคนค้นพบถ้ำภูเขาแห่งนี้ รวมถึง ‘ดินแดนอันสงบสุข’ ที่อยู่ด้านหลังถ้ำด้วย ถึงสามารถตั้งรกรากใช้ชีวิตที่นี่ได้

——————————————-