TQF:บทที่ 552 สมบัติถึงมือ (2)

 

“หืม มันคืออะไรล่ะ เจ้ารู้จักมันเหรอ ถึงให้ความสำคัญขนาดนี้ พวกเจ้า 2 คนไม่ได้มีอะไรปิดบังข้าใช่มั้ย” ฟางซูหยุนแปลกใจเป็นอย่างมาก อย่างไรซะก็คิดไม่ถึงว่ากล่องไม้ดำทะมึนแบบนี้จะสำคัญต่อหยูเฮงขนาดนั้น

 

เฉิงเสี่ยวเสี่ยวที่อยู่ข้างๆเป็นคนตอบ “ท่านย่า ไม้ดำชิ้นนี้มีประโยชน์กับหยูเฮง มีแต่นางเท่านั้นที่รู้ว่ามันคืออะไร”

 

“เฮ่ะๆ ฮูหยินฟาง คุณหนูก็ยังไม่รู้ ไม้ดำนี่เป็นของมีที่มา เห็นมันไม่สะดุดตาแบบนี้แต่ชื่อเสียงมันเลื่องลืออยู่นะ เรียกว่าไม้เทพสายฟ้า เป็นของบำรุงชั้นดีสำหรับข้า มันสามารถทำให้ข้าวิวัฒนาการได้”

 

ตาของหยูเฮงเป็นประกายระยิบระยับ ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความดีใจ

 

“ไม้เทพสายฟ้า?” ได้ยินชื่อนี้เป็นครั้งแรก ฟางซูหยุนแปลกใจนิดหน่อย แต่ก็พอเดาได้ว่ามันเป็นของไม่ธรรมดา ถามขึ้น “ไม้เทพสายฟ้านี่เป็นไม้ชนิดหนึ่งหรือ”

 

“แน่นอนว่าไม่ใช่” หยูเฮงเริ่มเล่าเกี่ยวกับไม้เทพสายฟ้า “มันถือเป็นของที่กำเนิดมาเอง ปกติแล้วมันเป็นของเลอค่าที่พันปีหรือหมื่นปีถึงจะกำเนิดขึ้นมา นอกจากจะเป็นของบำรุงชั้นดีสำหรับข้าแล้ว สำหรับเหล่าปรมาจารย์ด้านการสร้างของวิเศษก็เป็นวัสดุเลอค่าที่หายากเช่นกัน น่าเสียดายที่คนรู้จักมันมีน้อยมาก ไม่อย่างนั้นก็ไม่เหลือมาจนถึงพวกเราหรอก”

 

“หยูเฮง เจ้ายังไม่ได้บอกเลยว่าไม้เทพสายฟ้ากำเนิดมาจากอะไร” เฉิงเสี่ยวเสี่ยวแปลกใจกับเรื่องนี้เหมือนกัน

 

“ง่ายมาก ตามชื่อของมันเลย มันเกี่ยวพันกับเทพสายฟ้า ถ้าให้พูดก็คือต้นของมันขึ้นในบริเวณพิเศษ หรือก็คือบริเวณที่มันขึ้นสัมผัสกับสายฟ้าบ่อยครั้ง และอยู่ใต้สายฟ้าตลอด เนื้อไม้ของมันจึงแฝงไว้ด้วยสายฟ้าซึ่งเปลี่ยนความเป็นไม้ของมันไป กลายเป็นสมบัติล้ำค่าที่หาได้ยาก ไม่คิดว่าจะเจอของแบบนี้ที่นี่”

 

หลังจากที่หยูเฮงอธิบาย ฟางซูหยุนและเฉิงเสี่ยวเสี่ยวก็เข้าใจแล้วว่าไม้ดำๆนี่มีที่มาขนาดนี้ เรียกได้ว่าของที่ผ่านกระบวนการสร้างจากฟ้าดินย่อมไม่ใช่ของธรรมดาแน่นอน

 

ขณะเดียวกันก็อดถอนหายใจไม่ได้ หยูเฮงนี่โชคดีจริงๆ เพิ่งมาถึงผืนดินฉางไห่ก็เจอของดีขนาดนี้ ถ้าหากคนอื่นล่วงรู้ความล้ำค่านี่เข้าคงแย่งกันจนหัวแตกแน่นอน

 

ทั้ง 3 เดินไปคุยไป โชคดีที่คนอื่นๆไม่รู้ว่าพวกนางคุยอะไรกัน ถ้าเรื่องนี้แพร่งพรายออกไปได้เกิดจลาจลแน่

 

เนื่องจากการรวมตัวของพวกนางค่อนข้างสะดุดตา บวกกับข่าวจากตึกว่านซาง ไม่นานนักพวกนางก็ถูกคนหลายกลุ่มสะกดรอยตามมาราวกับอยากจะรู้ให้แน่ชัดว่าพวกนางเป็นใครกันแน่

 

กับพวกลับๆล่อๆพวกนี้แล้ว คนที่เดินอยู่ข้างหน้ารู้ตัวดี เพียงแต่ไม่ได้สนใจ เดินต่อไปเรื่อยๆ

 

“คุณหนู ให้ข้าสั่งสอนพวกเขาหน่อยมั้ย” เสียงของหยูเฮงดังขึ้นข้างหูเฉิงเสี่ยวเสี่ยว

 

เฉิงเสี่ยวเสี่ยวขมวดคิ้ว คิดไปคิดมา “ไม่ต้องหรอก พวกเราเพิ่งจะมาถึงที่นี่ ถ้าพวกเขายังไม่หาเรื่องเราตอนนี้ก็ยังไม่ต้องลงมือจะดีกว่า ถ้าหากเป็นที่สังเกตุมากเกินไป ด้วยระดับวิทยายุทธของพวกเราคงจะไม่ใช่เรื่องดีนัก”

 

“แต่พวกเราจะให้พวกเขาตามมาแบบนี้ไม่ได้ ต้องหาโอกาสสลัดพวกเขาทิ้ง”

 

“สลัดพวกเขาง่ายนิดเดียว เดี๋ยวเราหาที่ร้างๆบดบังสายตาของพวกเขาไว้ แล้วเข้าไปในมิติ ใช้มิติกลับไปที่โรงเตี๊ยม ทำแบบนี้ก็จะไม่ทำให้ใครล่วงรู้ถึงที่พักของพวกเรา”

 

“ก็ได้ เชื่อคุณหนู”

 

แม้ว่าหยูเฮงอยากจะเล่นสนุกกับเจ้าพวกไร้สาระพวกนี้ แต่กับความเห็นของเฉิงเสี่ยวเสี่ยวนางฟังทุกเรื่องอยู่แล้ว จึงได้แต่เสียใจนิดหน่อย

 

เฉิงเสี่ยวเสี่ยวไม่อยากจะสร้างปัญหาจริงๆ อย่างไรซะก็เพิ่งมาถึงที่นี่ อะไรๆก็ยังไม่คุ้นเคย เรื่องสำคัญที่สุดคือการตามหาคน เรื่องอื่นๆเลี่ยงได้ก็เลี่ยง

 

นางรีบบอกแผนนี้กับท่านย่า ฟางซูหยุนก็เห็นด้วยกับวิธีของเฉิงเสี่ยวเสี่ยว ยังไม่มีพลัง ขอแค่ปลอดภัยไว้ก่อน

 

ในใจของฟางซูหยุนไม่อยากให้ใครสืบถึงเบื้องลึกเบื้องหลังตัวเองได้ ไม่อย่างนั้นก็จะถูกหน่วงเหนี่ยวไว้สลัดอย่างไรก็ไม่หลุด

 

หลังจากที่พวกนางปรากฏตัว เหมือนกับว่าจะมีคนได้ข่าวมากขึ้นเรื่อยๆ คนที่ตามพวกนางอยู่เยอะขึ้นเรื่อยๆ แม้จะไม่กล้าใช้จิตล็อกพวกนางไว้ แต่สายตาพวกเขาก็สอดส่องมาเรื่อยๆก็เปิดเผยความคิดของพวกเขาออกมา

 

ทั้ง 3 ทำเป็นไม่รู้เรื่องๆ เดินดูของไปเรื่อยๆ ไม่ได้มีอารมณ์ในการซื้อของมากนัก เพียงแค่ซื้อของข้างทาง 2 ชิ้นที่ไม่เด่นไม่ดังมาอย่างไม่ใส่ใจ แล้วจึงเดินไปทางที่ร้างผู้คนของเฉาซาง

 

พวกคนที่ตามหลังอยู่แอบดีใจ พวกเขารีบตามไปติดๆหวังว่าจะสืบเบื้องลึกเบื้องหลังของพวกนางได้

 

แต่เมื่อพวกเขาเลี้ยงเข้าไปในซอยก็อึ้งไป เห็นอยู่เต็มตาว่าทั้ง 3 คนเดินเข้าไป แต่กลับหายไปอย่างไร้ร่องรอยในพริบตาราวกับไม่เคยมีใครเข้าไป

 

นี่มันเรื่องอะไรกัน

 

เหล่าผู้ติดตามมองหน้ากัน ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ด้วยความรู้สึกของพวกเขา ทั้ง 3 คนได้มาที่นี่แน่ๆ

 

เพียงแต่พวกนางหายไปได้อย่างไร ใช้วิธีอะไรตบตาทุกคน ไม่มีใครรู้

 

แต่ไม่นานพวกเขาก็เข้าใจว่าหญิงสาวทั้ง 3 ไม่ใช่คนธรรมดาแน่ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่พวกนางใช้จ่ายหินพลังวิญญาณไปกว่า 200 เม็ดที่ตึกว่านซาง แค่การที่พวกนางหายไปกับอากาศต่อหน้าทุกคนก็ถือเป็นฝีมือที่สุดยอด ผู้ฝึกฝนวิทยายุทธทั่วไปทำแบบนี้ไม่ได้แน่

 

พวกเขามองหน้ากันและกันก่อนจะรีบแยกย้ายกันไป บางคนจากไปด้วยความผิดหวัง บางคนรีบกลับไปแจ้งเจ้านาย ผู้คนนับสิบที่ล้อมซอยนี้ไว้สลายตัวไปในพริบตา

 

เฉิงเสี่ยวเสี่ยวมองการจากไปของคนพวกนี้ในมิติ อดดีใจขึ้นมาไม่ได้ โชคดีที่ตัวเองมีมิติอยู่ ไม่อย่างนั้นก็ไม่รู้จะทำอย่างไรกับคนพวกนี้ดีเหมือนกัน

 

“เฮอะ คนพวกนี้ไม่ใช่คนดีหรอก”

——————————————