ตอนที่ 274 บ้านเฟยเฟย
แล้วพวกเราไปเห็นคนที่เหมือนภรรยาของเฉวียนหมิงที่ไหนกันแน่
ซีเหมินหลงเซี่ยวปิดมือถือ รอยยิ้มผุดที่มุมปาก “ลืมแล้วเหรอ ตอนที่อยู่ในร้านเครื่องหยก เราเจอผู้หญิงสามคน”
“ผู้หญิงสามคน?” เขานึกออกทันที เป็นหนึ่งในหญิงสาวสามคนนั้น บังเอิญจริงๆ
จากข้อมูลคร่าวๆ ที่เขารู้เกี่ยวกับสามคนนั้นสอดคล้องกับข้อมูลของอีลั่วเสวี่ยภรรยาของเฉวียนหมิง ภาพถ่ายสองภาพทับซ้อนกัน ในที่สุดเขาก็นึกออกว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร
“เจ้านายความจำดีจริงๆ! แต่ผู้หญิงแบบนั้น คู่ควรที่เจ้านายจะต้องสงสัยด้วยเหรอครับ” หรือเจ้านายคิดจะเล่นงานเฉวียนหมิงผ่านผู้หญิงคนนี้
ซีเหมินหลงเซี่ยวหยิบบุหรี่มวนหนึ่งออกมาจากกล่องบนโต๊ะ จุดสูบช้าๆ จากนั้นก็พ่นควันบุหรี่ออกมาเป็นวง บุหรี่ที่คีบไว้ระหว่างนิ้วติดไฟวูบ
“บางทีเธออาจไม่ธรรมดาอย่างที่คุณเห็น” สัญชาตญาณบอกเขาว่าผู้หญิงคนนี้ต้องมีอะไรที่เหนือกว่าคนทั่วไป เพียงแต่เขายังหาไม่พบเท่านั้น
“งั้นเจ้านายก็คงสงสัยว่าหมอปีศาจอาจเกี่ยวข้องกับเฉวียนหมิงใช่ไหมครับ” นั่นก็ไม่ถูกอีก ถ้าเกี่ยวข้องกับเขา คงไม่ทำแหวนหยกที่ร้านเครื่องหยกเล็กๆ นั่น
ข้อมูลพวกเขายังบอกว่าเจ้าของร้านชื่อหลิ่วเฟยอวิ๋น เป็นร้านที่บริหารโดยลูกชายของนายกเทศมนตรีเมืองเอฟเพิ่งกลับจากเรียนต่อต่างประเทศ
“ผมไม่ได้พูดอย่างนั้น หมอปีศาจเป็นคู่ปรับที่รับมือยากคนหนึ่ง ไม่มีทางยอมให้เราคาดเดาฐานะได้ง่ายๆ หรอก อีกอย่างในเมื่อเธอเป็นคนมีความสามารถ เป็นไปไม่ได้ที่ผมจะดูไม่ออก แต่เท่าที่เห็น ผู้หญิงสามคนนั้นเป็นคนธรรมดา”
ซีเหมินหลงเซี่ยวย่อมไม่รู้ว่า ไม่ว่าจะมีแหวนหยกหรือลูกบอลเงินอยู่ด้วยหรือไม่ การที่อีลั่วเสวี่ยจะซ่อนเร้นพลังทิพย์ในตัวเธอนั้นเป็นเรื่องง่ายมาก อีกทั้งเมื่ออยู่ข้างนอกเธอมักเก็บซ่อนพลังเอาไว้
ตอนนี้เมื่อรู้ว่าซีเหมินหลงเซี่ยวเริ่มสืบหาแหวนหยก เธอยิ่งต้องระวังตัวมากขึ้น
“งั้นก็น่าจะเป็นคนที่ชื่อเหอเย่ว์ ภูมิหลังครอบครัวเธอไม่ธรรมดา มีศักยภาพที่จะฝึกเธอได้ตั้งแต่เด็ก อีกอย่างหลังจากจบม.ปลายแล้ว เราก็ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับตัวเธอเลย” ประเด็นสำคัญที่สุดก็คือ เธอปรากฏตัวขึ้นในช่วงที่หมอปีศาจประมูลแหวนหยกได้พอดี
ผู้หญิงคนนั้นน่าสงสัยที่สุด ถ้าต้องการสืบค้นข้อมูลที่มีประโยชน์ คงต้องใช้ความพยายามไม่น้อย
แววตาซีเหมินหลงเซี่ยวหม่นลงเมื่อได้ยินเช่นนั้น “งั้นเน้นสืบที่คนชื่อเหอเย่ว์ก่อนค่อยว่าอีกที” ที่จริงเขาเองก็ไม่ได้คาดหวังมากนัก ในเมื่อหมอปีศาจสามารถสังหารลูกน้องเขามากมายอย่างนั้น เรื่องง่ายๆ อย่างการปิดบังอำพรางความเคลื่อนไหวยิ่งไม่ต้องพูดถึง
“ครับ นาย”
“เอาละ เราออกไปกันเถอะ พวกข้างนอกนั่นยังต้องอีกพักใหญ่กว่าจะกลับกัน” น้ำเสียงซีเหมินหลงเซี่ยวเจือแววรำคาญเล็กน้อย แต่ก็ยังลุกออกไป
อีกด้านหนึ่ง อีลั่วเสวี่ยกับเพื่อนมาถึงบ้านหลิ่วเฟยซวงแล้ว
หลิ่วเฟยซวงขับรถมาจอดในลานบ้านซึ่งมีลักษณะแบบเรือนสี่ประสาน[1]
“ถึงแล้ว” หลิ่วเฟยซวงลงจากรถ ยืนเท้าสะเอว แววตาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
หน้าประตูรวมทั้งสองข้างกำแพงมีต้นไม้ร่มครึ้ม ประตูใหญ่สีชาดขนาบด้วยสิงโตสัมฤทธิ์สีทองอร่ามสองตัว ข้างประตูด้านหนึ่งมีเลขที่บ้าน จัดเป็นสถานที่ขึ้นชื่อที่ผสานรวมระหว่างความทันสมัยกับความโบราณ
“ดูเหมือนพี่ฉันจะยังไม่กลับ เสวียเสวี่ย เราช่วยกันขนของเข้าบ้านกันเถอะ ไม่งั้นเดี๋ยวแม่ฉันต้องวิ่งออกมาช่วยแน่ๆ” หลิ่วเฟยซวงว่าพลางเปิดท้ายรถ ถือถุงใบใหญ่สองใบเดินเข้าไป ท่าทางเหมือนหญิงแกร่งไม่มีผิด
[1] เรือนสี่ประสาน หรือ “ซื่อเหอย่วน” เป็นลักษณะสถาปัตยกรรมโบราณของจีน เป็นหมู่เรือนสี่ด้านที่สร้างล้อมลานสี่เหลี่ยมตรงกลาง
ตอนที่ 275 เท่ากับเอากุญแจบ้านให้พวกเรา
“หึ เรื่องแบบต้องให้สาวจอมพลังอย่างฉันทำ” เหอเย่ว์แย่งของหนักไปจากมือหลิ่วเฟยซวง ทั้งยังหิ้วของที่เอาไปได้อย่างอื่นอีก เธอเป็นคนที่ดูแข็งแรงที่สุดในสามสาวนี้ ย่อมต้องเป็นเธอที่ทำ
ปกติอยู่ในกองทหาร เวลาฝึกภาคสนามทั้งแบกเป้ ทั้งวิ่งโดยผูกถุงทรายติดกับเท้า ยังทำได้สบายมาก เรื่องแค่นี้ขี้ปะติ๋ว
หลิ่วเฟยซวงชะงัก แล้วยิ้มทันที “ฉันก็ลืมไปว่าเสี่ยวเย่ว์ร้ายกาจแค่ไหน ได้ งานที่ต้องออกแรง ก็รบกวนเธอแล้วกัน ฉันช่วยเสวียเสวี่ยเอง” พูดจบก็หิ้วถุงที่เบาหน่อย
มุมปากเหอเย่ว์กระตุกเล็กน้อย ในนี้คนที่เก็บความลับมากที่สุดคือเธอ แต่เรื่องนี้ถ้าอีลั่วเสวี่ยไม่พูด เสี่ยวเย่ว์ย่อมไม่ปากมาก
“ไปเถอะๆ ฉันเปิดประตูให้” หลิ่วเฟยซวงว่าพลางวิ่งนำไปข้างหน้า เปิดช่องเล็กๆ บนประตูเหล็ก แล้วก็เห็นว่ามีเครื่องสแกนใบหน้าเธอ
มีเสียงดังครืด ประตูเหล็กทรงโบราณเปิดออกอัตโนมัติ ดูแล้วบ้านหลิ่วเฟยซวงคงติดตั้งอุปกรณ์อัจฉริยะที่จำแนกลักษณะคนได้ คนแปลกหน้า ถ้าไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของบ้าน ก็จะเข้าไปไม่ได้
คิดดูแล้วก็จริง พ่อของหลิ่วเฟยซวงเป็นใคร เป็นถึงข้าราชการ อีกอย่างโลกที่ดูเหมือนสงบนี้ ความจริงกลับเต็มไปด้วยคลื่นลม จะไม่ให้มีอะไรที่รับรองความปลอดภัยของชีวิตได้อย่างไร
“ถึงกับมีเครื่องสแกนใบหน้า เฟยเฟย ถ้าเครื่องนี้ตรวจจับว่าเป็นคนแปลกหน้า จะเป็นยังไงเหรอ” เหอเย่ว์สีหน้าอยากรู้อยากเห็น ในกองทหารยังใช้เครื่องสแกนลายนิ้วมืออยู่เลย ดูเหมือนข้างนอกจะใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยกว่ามาก
หลิ่วเฟยซวงยันประตูไว้ ให้สองสาวเดินเข้าไปก่อน ได้ยินเหอเย่ว์ถามจึงอธิบาย “ครั้งแรกจะเตือนดีๆ ก่อน ให้ขออนุญาตจากเจ้าบ้าน พอครั้งที่สองถ้าเตือนแล้วไม่ฟัง ก็จะแจ้งตำรวจข้อหาบุกรุกเคหสถานของผู้อื่น และถ้าพยายามทำลายระบบสแกน จะเป็นยังไง ฉันเองก็ไม่รู้ พวกเธออยากลองดูไหมล่ะ”
มุมปากอีลั่วเสวี่ยกระตุกเล็กน้อย ไม่ต้องลองเธอก็รู้ว่าผลที่เกิดขึ้นย่อมไม่ดีแน่
เหอเย่ว์ได้ยินดวงตาก็ทอประกาย “ว้า เฟยเฟย ต่อไปถ้าจะมาบ้านเธอคงต้องบอกล่วงหน้าสินะ ไม่งั้นก่อนเข้าไปก็ต้องโทร.บอกก่อน”
“ไม่เป็นไร เรื่องนี้ง่ายมาก รอเดี๋ยวนะ ฉันจะจัดการให้ระบบจดจำใบหน้าพวกเธอ ถึงตอนนั้นก็มาได้เลย” หลิ่วเฟยซวงพูดโดยไม่ลังเล
อีลั่วเสวี่ยเลิกคิ้ว “ฟังเธอพูดอย่างงี้ ก็เท่ากับเอากุญแจบ้านเธอให้พวกเรานะสิ เธอไว้ใจเราสองคนขนาดนั้นเชียว?”
“แหงสิ ก็พวกเธอเป็นเพื่อนซี้ฉันนี่นา” คำพูดนี้ของหลิ่วเฟยซวงทำให้เหอเย่ว์กับอีลั่วเสวี่ยจดจำไว้ในใจ ขณะเดียวกันยังส่งผลกระทบต่อตัวเธออย่างใหญ่หลวงในวันหน้าด้วย
ระหว่างที่คุยกันก็เดินเข้ามาในบริเวณลานบ้านแล้ว ลานบ้านกว้างใหญ่เปิดโล่ง เต็มไปด้วยดอกไม้กำลังบาน ยังมีต้นไผ่แซม จัดแต่งอย่างสวยงาม ตามทางเดินมีเสาโคมไฟทำจากหินทรงสี่เหลี่ยมสีเหลืองซีดดูเรียบง่าย ทำให้เผลอคิดไปว่าหลงเข้ามาฉากถ่ายทำละคร
ในลานบ้านมีต้นกุ้ยกำลังออกดอกบานสะพรั่ง ลมพัดกลิ่นหอมเย็นเข้มข้นโชยเข้าจมูกอีลั่วเสวี่ยและเหอเย่ว์
สองสาวสูดหายใจเข้าลึกๆ โดยไม่รู้ตัว อยู่ในบ้านสวยเงียบสงบแบบนี้ ช่วยในการบำเพ็ญเพียรและเสริมสุขภาพได้
“บ้านแบบนี้สมัยนี้หายากมาก” เหอเย่ว์อดทอดถอนใจไม่ได้
“ใช่เลย ตอนนั้นพ่อฉันมาที่นี่ บังเอิญมีคนจะขายที่นี่เพื่อสร้างบ้านใหม่ พ่อแม่ฉันเลยซื้อไว้ ไม่งั้นพวกเธอคงไม่ได้เห็นบ้านโบราณแบบนี้แล้ว”
เดินราวสิบกว่านาทีก็มาถึงหน้าตึกทันสมัย แสงไฟสว่างทำให้ตึกเล็กที่อยู่ท่ามกลางสนามหญ้าเขียวดูโดดเด่นเป็นพิเศษ
สนามหญ้ารอบตึกวางโต๊ะกลมเรซินสีขาวสองสามตัวอย่างเป็นระเบียบ ดูสบายตา ทำให้รู้สึกตื่นตาตื่นใจกับความร่ำรวยและรู้จักตกแต่งบ้านของเจ้าของ