ตอนที่ 1739

War sovereign Soaring The Heavens

ตอนที่ 1,739 : พ่ออย่างไร ลูกอย่างนั้น?

 

ก่อนลงมือหวางเฟยเซวียนก็รู้ดีแต่แรก ว่านางไม่ใช่คู่มือของต้วนหลิงเทียน…

 

ทว่าสิ่งที่นางต้องการรู้ก็คือ ยามนี้นางยังห่างกับเขาอีกไกลแค่ไหน

 

หากนางยังไม่ทะลวงเซียนขัดเกลาขั้นกลาง กระทั่งความกล้าจะประมือกับต้วนหลิงเทียนยังไม่มี เพราะพลังฝีมือของต้วนหลิงเทียนนั้นอยู่ในขอบเขตเซียนขัดเกลาขั้นเชี่ยวชาญ กระทั่งไม่ใช่เซียนขัดเกลาขั้นเชี่ยวชาญธรรมดาๆ…

 

นอกจากนี้ต้วนหลิงเทียนก็ได้เข้าไปใช้สระวิญญาณ เช่นนั้นแล้วถึงอาจจะยังไม่บรรลุถึงเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุดแต่พลังฝึกปรือสมควรก้าวหน้าไม่น้อย…

 

ทว่าเป็นเพราะนางทะลวงถึงเซียนขัดเกลาขั้นกลางได้สำเร็จ นางจึงบังเกิดความมั่นใจในตัวเองขึ้นมา ด้วยเหตุนี้จึงทำให้นางอยากวัดพลังกับต้วนหลิงเทียนสักครา

 

“นิ…นี่มัน เรื่องแบบนี้…มันเป็นไปได้ยังไง!”

 

อย่างไรก็ตามเมื่อนางว่าพลังสุดตัวที่นางซัดออกกลับไม่อาจสร้างได้แม้แต่รอยขีดข่วนให้กับม่านพลังที่ต้วนหลิงเทียนใช้ออกมาส่งๆ อย่างที่ไม่รีบไม่ร้อนอะไร… เรื่องนี้นับว่าสร้างความตกตะลึงพรึงเพริดให้นางนัก! ความมั่นใจที่เพิ่มพูนขึ้นหลังทะลวงเซียนขัดเกลาขั้นกลางยามนี้ เรียกว่าแหลกละเอียดเป็นผุยผง!

 

“เจ้า…เจ้าทะลวงถึงเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุดแล้ว?”

 

ความคิดอันน่ากลัวดังกล่าวผุดขึ้นในหัวหวางเฟยเซวียนทันที

 

เพราะฉากเรื่องราวเบื้องหน้าสมควรมีคำอธิบายได้อย่างเดียวเท่านั้น…อีกฝ่ายบรรลุถึงเซียนขัดเกลาขั้นสูงุสดแล้ว!

 

เพราะตัวตนในขอบเขตเซียนขัดเกลาขั้นเชี่ยวชาญ ให้เป็นสุดยอดฝีมือในด่านพลังนี้ ก็ไม่มีทางรับการโจมตีสุดตัวของนางได้โดยที่ไม่เป็นอะไรเลย!

 

ตอนแรกหวางเฟยเซวียนก็มีเดาไว้บ้างแล้ว ว่าชายหนุ่มเบื้องหน้าอาจทะลวงถึงเซียนขัดเกลาขั้นสูงุสดหลังออกจากสระวิญญาณ! การประมือกันครั้งนี้นับว่าเป็นอะไรที่ไขข้อสงสัยของนางทันที..อีกฝ่ายทะลวงด่านแล้วแน่นอน ไม่งั้นคงไม่แข็งแกร่งขนาดนี้!

 

เผชิญหน้ากับคำถามนี้ของหวางเฟยเซวียน ต้วนหลิงเทียนเพียงยักไหล่ทั้งยิ้มบางๆ แต่ไม่ตอบอะไร

 

อย่างไรก็ตามในสายตาของหวางเฟยเซวียน ท่าทางนี้ก็ไม่ต่างอะไรจากยอมรับ

 

หากต้วนหลิงเทียนรู้ว่าในหัวหวางเฟยเซวียนคิดอะไรอยู่เขาคงพูดอะไรไม่ออก ที่เขาเลือกจะไม่ตอบหวางเฟยเซวียนนั้นเพราะเขากลัวจะทำให้หวางเฟยเซวียนตกใจตายหากพูดความจริง ยิ่งไปกว่านั้นนางคงไม่มีทางเชื่อเขา

 

เพราะอันที่จริงแล้วพลังฝึกปรือเขายังพึ่งอยู่ในขอบเขตเซียนขัดเกลาขั้นต้นเท่านั้น ยังเทียบกับหวางเฟยเซวียนตอนนี้ไม่ได้ด้วยซ้ำ

 

หากแต่พลังฝีมือของเขากลับไม่ได้ถูกจำกัดด้วยด่านพลังฝึกปรืออีกต่อไป!

 

ตอนนี้ต่อให้เขาไม่ต้องใช้พลังดิบเถื่อนจากร่างกายอันแข็งแกร่ง อาศัยเพียงปราณสุริยันแรกกำเนิดอย่างเดียว พลังของเขาก็ทัดเทียมกับอริยะเซียนขั้นต้นแล้ว…

 

“อีก 3 วัน วังนภาจะจัดการแข่งขันเพื่อชิงสิทธิ์เข้าแดนลับเซียน…และอีก 13 วันแดนลับเซียนนั่นก็จะเปิดให้เข้า”

 

หลังจากที่โจมตีต้วนหลิงเทียนและอีกฝ่ายไม่แม้แต่จะสะทกสะท้านอะไร ความมั่นใจของหวางเฟยเซวียนก็ไม่มีเหลืออีก และนางไม่อยากอยู่ที่นี่ต่ออีกแม้แต่วินาทีเดียว กล่าวจบคำนางก็รีบร้อนจากไปทันที

 

‘อีก 3 วันแข่งชิงสิทธิ์ ส่วนอีก 13 วันหลังจากนี้แดนลับเซียนจะเปิดงั้นเหรอ..มรดกเวทย์พลังในแดนลับเซียน! น่าสนใจนัก’

 

ต้วนหลิงเทียนคิดขณะมองแผ่นหลังหวางเฟยเซวียนที่เหินจากไป

 

ต้วนหลิงเทียนย่อมไม่ทราบว่าในขณะที่เขารอการคัดเลือกชิงสิทธิ์เข้าแดนลับเซียน ข่าวเรื่องตัวตนหลิงเทียนของเขา ก็เริ่มแพร่กระจายไปถึงขุมพลังกึ่งชั้น 3 อื่นๆ…

 

หลิงเทียน อัจฉริยะเซียนรุ่นเยาว์ อายุไม่ถึง 40 ปี!

 

เข้าร่วมวังนภาได้ไม่ทันไรก็สู้เสมอยอดฝีมือขอบเขตเซียนขัดเกลาขั้นเชี่ยวชาญที่ติด 3 อันดับแรกของตำหนักฟ้าลี้ลับ

 

หลังจากนั้นตอนเข้าใช้สระวิญญาณ ก็ใช้เวลาดูดซับพลังวิญญาณฟ้าดินเหลวเพียงแค่ 20 วันเท่านั้น!

 

อัจฉริยะเช่นนี้ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่หาได้ยากในตำหนักฟ้าลี้ลับ กระทั่งขุมพลังกึ่งชั้น 3 อื่นๆ ก็ยากจะปรากฏตัวขึ้นสักคน!

 

ยกตัวอย่างเช่น ผู้นำของขุมพลังกึ่งชั้น 3 อย่างตลาดมืดหยินชาน กับจ้าวตำหนักเมฆาคราม! ทั้งคู่เหมือนกันอย่างหนึ่งคือเป็นชนชั้นอัจฉริยะในแดนดินที่ยากจะปรากฏตัว…ทว่าหลิงเทียนของตำหนักฟ้าลี้ลับแลจะร้ายกาจยิ่งกว่านั้นเสียอีก!

 

ด้วยเหตุนี้เรื่องราวของหลิงเทียน จึงแพร่กระจายไปยังตลาดมืดหยินชาน และตำหนักเมฆาครามในเวลาอันสั้น สร้างความตื่นตัวให้ผู้คนไม่น้อย

 

ที่สาขาหลักของตลาดมืดหยินชาน ผู้นำอย่าง ตู้กู เองก็ได้ทราบเรื่องนี้เช่นกัน

 

“เจ้าแน่ใจหรือ?”

 

ตู้กู มองไปยังชายชราที่แลดูสุภาพด้วยสีหน้าสงบกล่าวถามด้วยน้ำเสียงเฉยเมย

 

“แน่ใจยิ่ง ท่านผู้นำ”

 

ชายชราในชุดดำกล่าวตอบด้วยความสุภาพ “ข่าวนี้พวกเราได้รับจากสายที่แฝงตัวอยู่ในตำหนักฟ้าลี้ลับยืนยันมาด้วยตัวเอง…หลิงเทียนผู้นั้นนับเป็นสุดยอดอัจฉริยะอย่างแท้จริง ในภูมิภาคเบื้องล่างยากนักที่จะหาผู้ใดเทียบมันได้ หากมันเข้าร่วมตลาดมืดหยินชานของพวกเรา มันต้องทำให้พวกเรายิ่งใหญ่เหนือใครไปนับร้อยๆปี!”

 

“เจ้าประเมินมันสูงนัก…เจ้าคิดว่าพลังฝีมือของมันยังเหนือกว่าเฮยอิงอีกงั้นหรือ?”

 

ตู้กูกล่าวถามออกมาอีกครั้ง

 

“ท่านผู้นำ หลิงเทียนผู้นั้นสมควรบรรลุด่านพลังเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุดแล้ว! แม้เฮยอิงจะเป็นอัจฉริยะที่หาได้ยากในตลาดมืดหยินชานของพวกเรา แต่ตอนนี้มันก็อายุ 39 กว่า…เกรงวากว่าจะทะลวงถึงเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุด ก็ต้องหลังอายุ 40 …”

 

ชายชราชุดดำกล่าวตอบ

 

ในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าคำรุ่นเยาว์นั้น ถูกใช้กับคนที่ยังอายุไม่ถึง 40 ปีเท่านั้น

 

หากอายุเกิน 40 ปี ก็ไม่อาจเรียกว่ารุ่นเยาว์ได้อีก

 

“แล้วหลิงเทียนนั่นตอนนี้มันอายุเท่าไหร่?”

 

ตู้กูถามออกมาอีกรอบ

 

“เห็นว่ายังไม่ถึง 38 ปี”

 

ชายชราในชุดดำตอบ

 

“หืม? ไม่ถึง 38?”

 

ทันใดนั้นสองตาตู้กูก็เผยประกายเรืองวูบขึ้นมา “เช่นนั้นหลิงเทียนผู้นี้ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าลี่เฟิงที่เคยปรากฏตัวในคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องเลยน่ะสิ”

 

“บางทีอาจจะด้อยกว่าลี่เฟิง หากแต่คงมิได้ด้อยไปกว่ากันมากนัก”

 

ชายชราในชุดดำก็กล่าวตอบด้วยประกายตาสว่างจ้า “อย่างไรก็ตามลี่เฟิงผู้นั้นปรากฏตัวได้ไม่นานก็หายตัวไป หลายคนคิดว่ามันล้วนกลับไปยังภูมิภาคเบื้องบนแล้ว ทว่าหลิงเทียนนั้นแตกต่างกันหากมันเป็นคนของภูมิภาคเบื้องบน ไหนเลยยังมิอาจเข้าร่วมขุมพลังแข็งแกร่งเหล่านั้นได้? ใยต้องระหกระเหินลดตัวลงมาเข้าร่วมขุมพลังในภูมิภาคเบื้องล่างเช่นนี้”

 

“ประเสริฐ! ประเสริฐนัก!!”

 

ตู้กูพยักหน้า “เจ้าไปที่นั่นด้วยตัวเอง และทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้เพื่อชิงตัวหลิงเทียนผู้นี้มาเสีย หากมันไม่ยินดีมาเช่นนั้นก็ฆ่ามันให้ตาย! ถ้าตำหนักฟ้าลี้ลับมีมัน พวกมันต้องเหยียบหัวพวกเราตลาดมืดหยินชานได้ในเวลาไม่ถึง 100 ปีแน่! ข้าไม่ต้องการให้มีคนอย่างจ้าวตำหนักเมฆาครามโผล่ขึ้นมาเป็นคนที่สอง!”

 

“ทราบแล้วท่านผู้นำ”

 

ชายชราในชุดดำพอได้ยินก็พยักหน้าอย่างจริงจัง ก่อนที่จะเร่งจากไปทันที

 

“หลิงเทียนหรือ…นามนี้คุ้นหูข้ายิ่ง”

 

หลังจากที่ชายชราจากไป ตู้กูคล้ายเอะใจบางอย่าง “จริงสิ! ลูกชายต้วนหรูเฟิงมันชื่อต้วนหลิงเทียนนี่นา!”

 

แม้ตู้กู จะนึกขึ้นได้ถึงความคล้ายคลึงนี้ แต่มันก็ไม่คิดว่าหลิงเทียนจะเป็นคนเดียวกันกับต้วนหลิงเทียนบุตรชายของต้วนหรูเฟิง

 

นั่นเพราะมันคิดว่าบุตรชายของต้วนหรูเฟิง ไม่ควรร้ายกาจขนาดนี้ อีกข้อเลยก็คือหากหลิงเทียนเป็นบุตรชายของต้วนหรูเฟิงอย่างต้วนหลิงเทียนจริง ไฉนต้องไปเข้าร่วมตำหนักฟ้าลี้ลับ? ในเมื่อตำหนักเมฆาครามก็มี

 

และหากเทียบกับตำหนักเมฆาครามในปัจจุบัน ตำหนักฟ้าลี้ลับนับว่าห่างไกลเกินกว่าจะเทียบได้

 

ตลาดมืดหยินชานได้รับทราบข่าวเรื่องหลิงเทียนในตำหนักฟ้าลี้ลับ เช่นนั้นตำหนักเมฆาครามที่ไม่ได้ด้อยกว่าไหนเลยจะไม่รู้เรื่อง

 

ลอยล่องตระหง่านกลางหาว เกาะมหึมาอันมีตำหนักวิจิตรก่อสร้างไว้ดั่งวังสวรรค์ ณ ตำหนักใหญ่ปรากฏร่างชายวัยกลางคนในชุดสีครามนั่งเท้าคางอยู่ในห้องโถงใหญ่ ลูกปัดหยกที่คลึ่งเล่นในมือส่งเสียงดังก๊อกแก๊กๆ ก้องไปทั่วโถงสงบ

 

“อาวุโสหยวน ท่านบอกว่าสุดยอดอัจฉริยะของตำหนักฟ้าลี้ลับผู้นั้นเรียกว่า หลิงเทียน งั้นหรือ?”

 

ในที่สุดชายวัยกลางคนในชุดสีครามที่เท้าคางครุ่นคิดไป ก็มองชายชราค่อยกล่าวถามทำลายความเงียบของห้องโถง มันไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นต้วนหรูเฟิง!

 

“ใช่แล้วท่านจ้าว”

 

ชายชราที่ต้วนหรูเฟิงมองถามก็คือ หรงหยวน มันผู้นี้เป็นดั่งมือขวาของต้วนหรูเฟิง และเป็นคนที่มีชื่อเสียงเลื่องลือไม่ต่างอะไรจาก กู่มี่ มันเร่งพยักหน้ากล่าวตอบด้วยความจริงจังทันที

 

ตอนนี้เองกู่มี่ที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็กล่าวออกมา “ท่านจ้าวตำหนัก อัจฉริยะนามหลิงเทียนผู้นี้ คล้ายอยู่ๆก็ปรากฏตัวออกมาจากความว่างเปล่า…ข้ามิอาจสืบพื้นเพความเป็นมาได้เลย นอกจากนี้ยังมีนามละม้ายคล้ายท่านจ้าวตำหนักน้อย! หรือที่แท้แล้วเขาจักเป็นนายน้อยปลอมตัวมา?”

 

“เทียนเอ๋อน่ะหรือ?”

 

สองตาต้วนหรูเฟิงส่องสว่างจ้าขึ้นมาทันทีที่ได้ยินคำกู่มี่ อันที่จริงมันก็มีคิดไว้บ้าง

 

อย่างไรก็ตามหากบอกว่าบุตรชายของมันอย่างต้วนหลิงเทียบรรลุเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุดแล้ว เรื่องนี้ยากที่จะเชื่อได้นัก เพราะสุดท้ายแล้วบุตรชายมันพึ่งมายังดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าได้นานเท่าไหร่เชียว?

 

“หากเป็นเทียนเอ๋อจริงๆ ก็อาจมีโอกาสสู้กับตี้จิ่วมังกรเทพยาดาสีทอง 5 กรงเล็บของเผ่ามังกร และชิงสิทธิ์เข้าสระชำระมังกรมาได้…แต่จะใช่เทียนเอ๋อจริงหรือ?”

 

ต้วนหรูเฟิงคิดว่ายากนักที่จะเป็นไปได้

 

“สมควรเป็นไปมิได้”

 

หรงหยวนส่ายหัวกล่าว “เมื่อสองปีที่แล้วนายน้อยได้ออกจากประเทศฝูเฟิงและหายตัวไปพร้อมตราผนึกมาร เรื่องนี้ทุกคนรู้กันดี อีกทั้งตอนนั้นพลังฝึกปรือของนายน้อยยังแค่สู่เซียนขั้นสูงสุด…จะเป็นไปได้อย่างไรที่นายน้อยจะทะลวงถึงเซียนขัดเกลาขั้นยิ่งใหญ่ได้ในเวลาแค่ 2 ปี…”

 

“หึ! คนธรรมดาทั่วไปย่อมมิอาจกระทำได้ แต่นายน้อยคือบุตรชายคนเดียวของท่านจ้าวตำหนัก!!”

 

วาจาที่กู่มี่กล่าวออกนั้นเปี่ยมล้นไปด้วยความมั่นใจนัก เห็นได้ชัดเจนว่ามันเชื่อมั่นในตัวนายน้อยที่ยังไม่เคยพบหน้ากันมาก่อนขนาดไหน

 

แน่นอนว่าเพราะมีต้วนหรูเฟิงที่ร้ายกาจราวปีศาจให้เห็นอยู่ตรงหน้า ทำให้มันคิดว่าเช่นนั้นบุตรชายก็คงร้ายกาจไม่ต่างกัน! บิดาเช่นไรบุตรก็สมควรเป็นเช่นนั้น!!

 

หรงหยวนที่ได้ยินวาจานี้ของกู่มี่ก็อึ้งไปทันใด

 

การผงาดขึ้นมาของจ้าวตำหนักเมฆาครามนับว่าเป็นตำนานอย่างแท้จริง หากบุตรชายได้รับมรดกอะไรจากผู้ฝึกมารอันร้ายกาจในอดีตเช่นกัน ก็ไม่ใช่เรื่องเป็นไปไม่ได้ที่จะก้าวหน้าอย่างอัศจรรย์ในเวลาแค่ 2 ปี…แต่เรื่องที่จะทะลวงจากสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่ ไปเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุด มันยังรู้สึกเหลวไหลอยู่บ้าง!

 

เมื่อเห็นแววตาหรงหยวนที่เผยความไม่เชื่อต่างกับแววตามั่นใจเต็มเปี่ยมของกู่มี่ ต้วนหรูเฟิงได้แต่ยิ้มส่ายหัวเบาๆ

 

เรื่องนี้มันเองที่รู้ดีกว่าใคร เพราะมันมีประสบมากับตัว

 

การที่มันสามารถผงาดขึ้นมาได้ในเวลาอันสั้นนั้น ล้วนเป็นเพราะดวงจิตของผู้ฝึกมารที่แสนร้ายกาจ เฮยหมิง คนนั้น

 

ในตอนนั้นเฮยหมิง ได้ใช้ทางลัดมากมายทำให้พลังฝึกปรือของมันก้าวหน้าด้วยความเร็วอัศจรรย์ และนั่นนับว่าไม่ใช่เส้นทางที่ผู้ฝึกตนทั่วไปจะก้าวเดินตามได้

 

มันจึงเข้าใจชัดเจน ว่านอกจากบุตรชายของมันจะประสบชะตาปาฏิหาริย์พบพานกับวาสนาโดยบังเอิญที่คล้ายคลึงกับมัน หาไม่แล้วคงยากที่จะทะลวงจากสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่ไปเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุดได้ในเวลาแค่ 2 ปี

 

“อาวุโสกู่ เขาจะใช่เทียนเอ๋อหรือไม่ ท่านก็ช่วยไปดูที่ตำหนักฟ้าลี้ลับให้ข้าสักครั้งเถอะ”

 

หลังจากนั้นไม่นานต้วนหรูเฟิงก็หันมองกู่มี่พร้อมกล่าว