ส่วนที่ 4 ตอนที่ 106 เปลี่ยนหินกลายเป็นทอง (1)

ความลับแห่งจินเหลียน

เดิมทีซีเหมินจินเหลียนก็คิดว่าเศษหินที่เหลือใช้คงจะไม่มีใครเหลียวมอง แต่เมื่อเดินเข้าไปดูถึงรู้ว่ามันไม่ใช่แบบนั้นเลย

 

 

และไม่รู้ว่าคุณนายซูผู้จัดงานโฆษณาประกาศออกไปอย่างไร หินวัสดุที่ดูไม่ได้พวกนี้กลับได้รับความสนใจอย่างมากมาย แถมหินหยกทั้งหมดยังไม่แยกร้ายดี แยกแค่เล็กใหญ่แบ่งเป็นสามช่วง เล็กที่สุดคือขนาดเท่ากำปั้น ราคาประมาณหนึ่งพันหยวนต่อหนึ่งชิ้น ขนาดกลางที่ใหญ่ประมาณอิฐก่อสร้าง ก็คิดไม่ถึงว่าราคาจะแพงกว่าอิฐก่อสร้างจริงๆ หลายเท่า โดยราคาก็สูงถึงห้าพันหยวนต่อหนึ่งชิ้น ส่วนขนาดใหญ่สุดน่าจะมีน้ำหนักประมาณสิบกว่ากิโลกรัม แม้จะใหญ่กว่านี้แต่ราคาก็หนีกันมาก ราคาชิ้นล่ะหนึ่งหมื่นหยวน

 

 

ข้างๆ กันนั้นมีเครื่องเจียระไนอยู่สามเครื่อง มีผู้เชี่ยวชาญในการเปิดหินอยู่ คนที่ซื้อหินหยกไม่ว่าจะซื้อขนาดเล็กหรือใหญ่ มากขนาดไหนก็ไม่เป็นไร สามารถเปิดเจียระไนหินได้ฟรีๆ แน่นอนถ้าหากเป็นมือชำนาญก็สามารถทำเองได้

 

 

คนที่สามารถเข้าร่วมในงานเดิมพันหินใหญ่ได้ ที่จริงก็ไม่ใช่คนธรรมดาแล้ว ถ้าไม่ใช่ตัวแทนจากบริษัทอัญมณีก็น่าจะเป็นผู้เล่นหยกเป็นงานอดิเรก คนส่วนมากที่สามารถเล่นหินหยกได้ เกรงว่าคงไม่ใช่คนจนธรรมดาๆ ทั่วไป คนธรรมดาถึงแม้ว่าอยากจะเล่น แต่เมื่อเจอราคาที่สูงหลิ่วของหินหยกแล้วก็คงต้องตกใจจนนิ่งอึ้งไป

 

 

เพราะอย่างนั้นตอนที่ซีเหมินจินเหลียนเดินไปถึง ไม่มีใครสนใจเธอทั้งนั้น ทุกคนถ้าไม่ล้อมรอบดูการเจียระไนหิน ก็สนใจในการเลือกหินหยก

 

 

ในนั้นมีผู้เชี่ยวชาญดีเลิศอยู่ข้างใน ความจริงหินหยกพวกนี้แม้ว่าส่วนมากจะเป็นสินค้าที่ขายมาจากบริษัทจิวเวอรี่หลายแห่ง แต่คนส่วนมากก็ยังไม่วางใจ คิดดูสิว่าเศษหยกที่คนอื่นไม่เอา แล้วมันจะกลายเป็นของล้ำค่าได้จริงๆ หรือ และเพราะด้วยเหตุผลนี้เอง การเดิมพันนี้จึงมีฉายาเล่นๆ ว่า ‘เปลี่ยนหินกลายเป็นทอง’ ที่ต่างคนต่างมองเป็นแค่เรื่องสนุกเท่านั้น

 

 

ซีเหมินจินเหลียนมองไปมา ไม่นานก็เข้าใจขึ้นมาได้ว่า ของพวกนี้ต่างก็เป็นเศษหินหยกเหลือใช้ที่บริษัทแต่ละแห่งนำมาฃาย ในเวลาเดียวกันก็มองไปที่หินเหลือใช้ของคนอื่น จากนั้นก็ขายไปส่วนหนึ่ง และซื้อกลับมาส่วนหนึ่งเช่นกัน ไม่มีใครเสียเปรียบใคร เท่ากับว่าเป็นการแลกเปลี่ยนชนิดหนึ่ง คนส่วนมากมักจะเปิดหินในงานเลย ทำให้ตื่นเต้นไม่น้อย

 

 

ซีเหมินจินเหลียนตัดสินใจว่าจะเริ่มดูจากก้อนใหญ่ก่อน ในการเดิมพันหินเธอสนใจในหินใหญ่มากเป็นพิเศษ เพราะว่าถ้าหากเดิมพันชนะ ไม่ว่าเธออยากจะทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นเครื่องประดับหรือว่าของตกแต่ง

 

 

เพียงแต่การดูหินหยกหลายก้อนในคราวเดียว เธอทำได้แต่ถอนหายใจ สิ่งที่เรียกว่า ‘เปลี่ยนหินให้เป็นทอง’ มันก็เป็นการขุดหลุมให้ตัวเองทั้งนั้น คิดไม่ถึงว่าจนถึงตอนนี้เธอก็ยังหาหินหยกที่ดูจะเป็นไปได้ไม่เจอ ถึงแค่เป็นชนิดสีเขียวอ่อนหรือสีใสไข่ขาวก็ไม่มี… สำหรับสี มีหินหยกก้อนหนึ่งในนั้นที่มีสีเขียวอ่อนเส้นหนึ่งคั่นกลางไว้ เพียงแต่สีนั้นก็อ่อนจนเกินไป นอกจากนี้ความอิ่มน้ำก็ไม่ดี ซีเหมินจินเหลียนจึงปล่อยไป ให้คนอื่นได้รับโชคกันบ้าง

 

 

สถานที่แบบนี้เธอก็ไม่อาจจะศึกษาได้ว่าลักษณะหินหยกดีหรือร้าย ต่างใช้มือสัมผัสไปโดยตรง เพื่ออิงอาศัยความสามารถในการทะลุผ่านไปยังแต่ละก้อน

 

 

ลักษณะของหินหยกที่อยู่ข้างหน้าดูเหมือนจะไม่เลว ผิวเปลือกเหลืองแกมน้ำตาล แต่รูปร่างของมันทำให้คนไม่กล้าเข้าหา เมื่อซีเหมินเห็นแล้วใบหน้าก็แดงขึ้นมา พระเจ้าช่วย! ทำไมถึงมีรูปร่างแบบนี้? หินหยกก้อนนี้มีรูปร่างทรงกระบอก ความกว้างบนล่างเท่าๆ กัน รูปร่างเช่นนี้มันเหมือนกับของเล่นของผู้ชาย…

 

 

นอกจากนี้ยังตั้งตระหง่านตรงเป็นแนวตั้ง ไม่รู้ว่าเป็นบริษัทไหนที่เจตนาทำเรื่องตลกเช่นนี้หรือเปล่า

 

 

ไม่ว่าจะมีรูปร่างเช่นไร ซีเหมินจินเหลียนก็ยังตัดสินใจที่จะเข้าไปทำความรู้จักให้มากขึ้น แต่ในระหว่างที่เธอกำลังจะเดินไปก็มีผู้ชายวัยกลางคนอายุราวๆ ห้าสิบหกสิบปีเดินตัดหน้าไปที่ข้างหน้าหินหยกก้อนนั้นก่อนหนึ่งก้าว

 

 

ซีเหมินจินเหลียนถอยหลังไปหนึ่งก้าว ก่อนจะสังเกตชายวัยกลางคนรายนั้น รูปร่างกลางๆ ท่าทางดูแล้วไม่คุ้นหน้าคุ้นตา ไม่รู้ว่ามาจากบริษัทอัญมณีแห่งไหน หรือจะเป็นแขกที่มาเยี่ยมชมก็ช่างเถอะ ในเมื่อคนแย่งไปดูก่อนแล้ว เธอก็ต้องถอยออกมาก่อนและหาเป้าหมายเป็นอย่างอื่นแทน เพราะอย่างไรสถานที่แห่งนี้ก็มีหินหยกอยู่มาก

 

 

ชายวัยกลางคนคนนั้นเมื่อเห็นว่าซีเหมินจินเหลียนไม่ได้จะแย่งดูแล้ว ตอนนั้นเขาก็ได้หยิบไฟฉายกับแว่นขยายขึ้นมา และศึกษาวิเคราะห์รายละเอียดต่างๆ จากผิวอย่างลงลึก ซีเหมินจินเหลียนเห็นท่าทางเข่นนั้นก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มขึ้นแล้วเดินถอยหลังออกมา นักเดิมพันหินส่วนมากต่างไม่อยากจะให้คนอื่นมาคอยจดจ้อง กฎข้อนี้เธอรู้ดีแก่ใจ

 

 

เพียงไม่นานขาของเธอก็สะดุดเข้ากับอะไรบางอย่าง เจ็บจนเธอรู้สึกอยากจะร้องไห้ออกมา เมื่อแอบก้มหน้าดูก็คิดไม่ถึงว่าจะเป็นหินหยกที่มีลักษณะแหลมคม ไม่ว่าจะมีมูลค่าแพงมหาศาลแค่ไหน มันก็เป็นแค่หิน แต่เลือดเนื้อในตัวของเธอจะมาแตะต้องไม่ได้ อีกทั้งเธอยังใส่ส้นสูง เมื่อครู่นี้ก็เกือบจะขาแพลงแล้ว

 

 

ตอนนั้นเธอก็นั่งลงไปที่หินหยกก้อนนั้น ค่อยๆ ถอดถุงเท้าออกมาดู เป็นอย่างที่คิดข้อเท้าถลอกเล็กน้อยและยังมีคราบเลือดจางๆ เสริมกับรอยฟกช้ำดำเขียว

 

 

สีหน้าของซีเหมินจินเหลียนออกจะเซ็งๆ เธอยุ่งมาตลอดทั้งวัน หินหยกลักษณะดีอะไรก็ยังหาไม่เจอ แล้วเท้าของเธอก็ยังจะมาเจ็บอีก ไม่สนใจแล้ว เธอตัดสินใจที่จะซื้อหินหยกก้อนนี้กลับไป ถึงจะเป็นหินแต่เธอก็อยากจะเปิดออกมาเพื่อแก้แค้น โอ้ย… เจ็บจัง!

 

 

เมื่อจัดการกับถุงเท้าเสร็จแล้ว ซีเหมินจินเหลียนก็ใช้มือขวาสัมผัสไปยังหินหยกก้อนนั้น แล้วลุกยืนขึ้นมา แต่ตอนนั้นเองสีเขียวก็กำลังทะลุเข้ามาในม่านตาของเธอ…

 

 

 สีเขียวแบบนี้? ซีเหมินจินเหลียนสูดหายใจ พระเจ้า! หินหยกที่มีสีเขียวทั้งหมดในบ้านของเธอ ถ้าเอามารวมกันแล้วก็ยังงดงามไม่เท่าสิ่งนี้เลย

 

 

“สีเขียวหยกจักรพรรดิ?” ในสมองของเธอคิดถึงคำนี้ขึ้นมา

 

 

เธอรีบหันตัวไปและไม่สนใจความเจ็บปวดที่ข้อเท้าอีก ก่อนจะนั่งย่อตัวลงที่พื้น เริ่มใช้สมาธิจดจ่อไปที่หินหยกก้อนนี้ หินก้อนนี้ขนาดไม่ใหญ่นัก อย่างมากสุดน่าจะสักยี่สิบสามสิบกิโลกรัม ลักษณะค่อนข้างแหลมคม ทำให้เมื่อไปโดนแล้วข้อเท้าของเธอเกิดบาดเจ็บขึ้น ส่วนอีกก้อนเป็นสี่เหลี่ยมน่าจะหนักสักยี่สิบห้ากิโลกรัม ความหนาแค่ห้าถึงหกเซนติเมตร

 

 

ผิวสีเทาแกมน้ำตาล ผิวเปลือกดูธรรมดาเป็นอย่างมาก มองไม่เห็นจุดหยกและเส้นลายหยก แน่นอนถ้าหากหินหยกในงานเปลี่ยนหินกลายเป็นทอง มีเส้นลายหยกและจุดหยกแบบนั้นโผล่ขึ้นมา ก็คงถูกคนแย่งเอาไปนานแล้ว เธอทายว่าหินหยกก้อนนี้น่าจะมาจากฮุยข่า ได้ยินมาว่าหยกจากแหล่งนั้นตัดสินชี้ขาดยากมาก

 

 

ซีเหมินจินเหลียนกำลังมุ่งความสนใจศึกษาไปที่เปลือกผิวของหินหยก คิดไม่ถึงว่าคนข้างๆ จะถามขึ้นมาว่า “คุณผู้หญิง คุณดูเสร็จแล้วหรือยัง ขอผมดูต่อได้ไหม”

 

 

ซีเหมินจินเหลียนมึนงง คนที่พูดประโยคนี้ก็ไม่มีมารยาทเลยสักนิด คนเดิมพันหินส่วนมากไม่ชอบที่เวลาดูสินค้าแล้วถูกคนรบกวน เพราะฉะนั้นในสถานการณ์ปกติ ถ้าหากมีคนดูสินค้าอยู่ แม้แต่เป็นเจ้าของ ก็ไม่อาจไปรบกวนอย่างบุ่มบ่าม แต่คนคนนี้ทำไมถึงได้ถามคำถามที่ไม่กลั่นกรองออกมาแบบนี้?

 

 

ซีเหมินจินเหลียนหันกลับไป ไม่เพียงแต่ตกตะลึง แต่เธอยังคิดไม่ถึงว่าจะเป็นชายวัยกลางคนที่ไปตัดหน้าแย่งดูหินหยกที่ดูพิเศษก้อนนั้น แล้วตอนนี้ยังจะมาถามคำถามไร้มารยาทกับเธออีก ทำให้คนรู้สึกเกลียดยิ่งนัก แต่เธอคิดดูแล้ว บางทีคนคนนี้อาจจะเป็นแขกที่มาร่วมงาน ไม่เข้าใจในกฎของการเดิมพันหิน แค่อยากจะมาสนุกด้วยเท่านั้น พอคิดแบบนี้แล้วก็ยังจะพอเข้าใจได้

 

 

เมื่อเห็นว่านานแล้วซีเหมินจินเหลียนก็ยังไม่ตอบ ชายวัยกลางคนก็ถามขึ้นอีกครั้งว่า “คุณผู้หญิง คุณดูเสร็จแล้วหรือยัง ถ้าเสร็จแล้วก็อย่ามาถ่วงเวลาคนอื่นดูสินค้าสิ”

 

 

 ซีเหมินจินเหลียนได้ยินเช่นนั้นความโกรธก็แทบจะระเบิดออกมา พูดอะไรของเขากัน ที่นี่มีหินหยกตั้งมากมาย เขาสนใจจะไปดูอันไหนก็ได้ทั้งนั้น ทำไมถึงบอกว่าเธอไปถ่วงเวลาเขาในการดูสินค้า

 

 

“ยังค่ะ!” ซีเหมินจินเหลียนเงยหน้ารีบพูดสองคำนี้ออกมาจากปาก

 

 

 มุมปากของชายวัยกลางคนเชิดขึ้นแล้วทำเสียงเหอะใส่ จู่ๆ ก็ยกระดับเสียงให้สูงและเรียกผู้ดูแลในงานเปลี่ยนหินกลายเป็นทองมา พร้อมพูดขึ้นว่า “ก้อนนี้ และก้อนนี้ และก้อนนี้…ผมเอาทั้งหมด”

 

 

เจ้าหน้าที่ดูแลในงานเปลี่ยนหินให้เป็นทองเป็นแค่เด็กวัยรุ่น เมื่อเห็นชายวัยกลางคนเลือกหินหยกไปถึงสามก้อน และในนั้นมีก้อนหนึ่งที่ซีเหมินจินเหลียนกำลังดูอยู่ ก็ถามขึ้นอย่างไม่เข้าใจ “คุณผู้ชาย คุณและคุณผู้หญิงคนนี้…”

 

 

“ไม่ต้องสนใจเธอ ผมซื้อก่อน” ชายวัยกลางคนเหลือบไปมองที่ซีเหมินจินเหลียนและโผงผางพูดออกไป

 

 

“ครับ?” เจ้าหน้าที่ดูแล ได้ยินเช่นนั้นก็รีบเรียกคนให้มาจัดการขนย้ายหินหยก

 

 

“ก้อนนี้ ฉันเอาแล้วค่ะ!” ซีเหมินจินเหลียนยืนขึ้น ขาข้างหนึ่งเหยียบไปที่หินหยกก้อนนั้นแล้วหันไปพูดกับชายวัยกลางคน

 

 

เจ้าหน้าที่ที่ดูแลรู้สึกทำตัวไม่ถูก ขมวดคิ้วพร้อมพูดว่า “คุณผู้หญิง หินหยกก้อนนี้ คุณผู้ชายท่านนั้นซื้อเป็นที่เรียบร้อยแล้วนะครับ”

 

 

“เขาจ่ายเงินแล้วเหรอคะ?” ซีเหมินจินเหลียนถาม

 

 

“เอ่อ…ยังครับ!” เจ้าหน้าที่ดูแลตอบตามความจริง

 

 

แม้แต่ประโยคไร้สาระเธอก็ไม่อยากจะสิ้นเปลืองพูดออกมา ซีเหมินจินเหลียนเปิดกระเป๋าคว้าเงินสดหนึ่งหมื่นหยวนและส่งไปให้ “ฉันซื้อ!” ยังดีที่วันนี้เธอมีเงินสดพกติดตัวมานิดหน่อย ไม่เช่นนั้นถ้าต้องไปโอนเงินรูดบัตรอีกก็คงยุ่งยากแล้ว

 

 

“นี่คุณ คุณเข้าใจกฎการเล่นเดิมพันหินหรือเปล่า” ชายวัยกลางคนมองไปที่เธอแล้วถาม “คุณน่าจะรู้ ผมซื้อก่อน”

 

 

“คุณก็เข้าใจกฎของการเล่นเดิมพันหินด้วยเหรอ?” ซีเหมินจินเหลียนพยายามอดกลั้นความโกรธนี้ “ตอนที่ฉันกำลังดูสินค้า คุณก็เรียกขึ้นมาซะเสียงดัง นี่จะดูถูกกันเกินไปแล้ว! ถ้าคุณจะพูดถึงกฎ ก็เชิญทุกคนที่อยู่ในที่นี้มาตัดสินให้เห็นกันไปเลยสิ?”

 

 

ชายวัยกลางคนไม่มีสีหน้าของการสำนึกผิดเลยสักนิด ตรงกันข้ามเขากลับแค่นหัวเราะออกมา “เอาเลยสิ ผมกลัวคุณที่ไหนกัน แต่ยังไงหินหยกก้อนนี้ วันนี้ผมซื้อแล้ว”

 

 

“คุณพูดให้ถูกนะ หินหยกก้อนนี้ฉันก็ซื้อแล้ว!” ซีเหมินจินเหลียนอดกลั้นอารมณ์โกรธที่เข้ามาปะทะและพยายามพูดอย่างใจเย็น วันนี้เธอแทบที่จะไม่เชื่อตัวเอง

 

 

เมื่อได้ยินเสียงทะเลาะกันดังขึ้นทางนี้ ผู้คนที่เดิมทีกำลังดูหินหยกอยู่ก็ค่อยๆ ทยอยเข้ามารวมตัวกันมุงดูสถานการณ์ เมื่อเห็นคนเยอะ ชายวัยกลางคนก็ใบหน้าเบิกบานพูดเสียงดังว่า “ทุกท่านได้โปรดช่วยตัดสินด้วย ผมก็ซื้อหินหยกก้อนนี้เรียบร้อยแล้ว แต่ผู้หญิงคนนี้กลับจะมาแย่งซื้อให้ได้!”

 

 

“นี่คุณ คุณเข้าใจกฎหรือเปล่า” ซีเหมินจินเหลียนขมวดคิ้ว “ฉันกำลังดูสินค้าอยู่ แต่จู่ๆ คุณก็มาบอกว่าจะซื้อ นี่คุณมีเหตุผลบ้างไหม?”

 

 

“หินหยกก้อนนี้ตอนแรกผมก็ดูอยู่ก่อนแล้ว!” ชายวัยกลางคนพูด “คุณอาศัยโอกาสที่ผมไปดูสินค้าชิ้นอื่นแล้วเดินเข้ามาดู พอเห็นผมเกิดสนใจขึ้นมาก็เลยอยากจะซื้อบ้าง เรื่องซื้อตามทิศทางลมโดยมีเจตนาร้ายเช่นนี้ ตั้งแต่ไหนแต่ไรก็เป็นกฎข้อห้ามของการเดิมพันหิน ถ้าหากคุณเข้าใจในการเดิมพันหิน ก็ไม่สมควรที่จะมาแย่งของๆ คนอื่นสิ”