SD:บทที่ 19 : รายงานสถานการณ์
ตำรวจมาถึงโรงเรียนหลังจากนั้นไม่นาน ผู้อำนวยการหลี่กังวลว่า ซู ฉิวไป่ จะคิดหลบหนี จึงสั่งให้เหล่ายามรักษาความปลอดภัยล้อมเขาไว้
ดง เจี่ยเว่ย รู้สึกกระวนกระวายเป็นอย่างมาก จึงออกไปตามหาครูใหญ่ แต่เธอกลับต้องกังวลยิ่งกว่าเดิมเพราะเธอหาเขาไม่เจอ เธออยากจะขอร้องให้ผู้อำนวยการหลี่เมตตาปล่อย ซู ฉิวไป่ ไป แต่กลับถูก ซู ฉิวไป่ รั้งไว้เอง
“ไม่ต้องกังวลไปหรอก เทพเจ้าแห่งโชคน่ะเข้าข้างผมอยู่แล้ว เรายังไม่รู้หรอกว่าใครกันแน่คือผู้ที่โชคร้าย”
เขายิ้มแล้วปลอบประโลม ดง เจี่ยเว่ย เหล่าจีนมุงที่ดูพวกเขาอยู่ต่างรู้สึกเศร้าแทนเขา
คนขับรถน่ะแท้จริงเป็นชายหนุ่มที่มีความสามารถมากทีเดียว น่าเสียดายที่โชคชะตาทำให้เขามาเจอกับคนเช่นผู้อำนวยการหลี่ เขายังคงยิ้มได้แม้แต่เมื่อตำรวจกำลังมาจับเขา
มีข่าวลือว่า ผู้อำนวยการหลี่และ ‘ผู้กำกับจ้าว’ ที่เป็นตำรวจในเขตนี้นั้น แท้จริงแล้วเป็นญาติกัน อีกอย่าง ถึงอย่างไรทุกคนก็เป็นพยานเห็นว่า ซู ฉิวไป่ เป็นคนเริ่มการต่อสู้ก่อน
หากเขาถูกจับจริง ๆ คงเป็นเรื่องที่น่าใจหายทีเดียว
แล้วในที่สุด เจ้าหน้าที่ตำรวจก็เข้ามาในหอประชุม ผู้อำนวยการหลี่เดินเป๋เข้าไปหาตำรวจทันทีที่เขาเห็นว่าพวกเขากำลังเข้ามา
‘ร้อยเอกจาง’ เป็นเจ้าหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบคดีนี้ เขารู้สึกเหนื่อยใจทันทีที่เขารู้ว่าผู้กำกับจ้าวสั่งเขาให้ไปที่โรงเรียนมัธยมต้นหยูเฉิง และยิ่งเหนื่อยใจมากขึ้นไปอีกที่รู้ว่ามันเกี่ยวข้องกับผู้อำนวยการหลี่
แค่ชายคนนั้นอ้างว่าเขามีเส้นสายโดยตรงกับผู้กำกับจ้าว เขาก็เรียกหาตำรวจตอนไหนก็ได้ ง่ายราวกับว่าโทรหาครอบครัวอย่างไรอย่างนั้นเลย
แต่ก็อีกนั่นแหละ ใช่ว่า จาง เหว่ย จะมีทางเลือกที่ไหนกัน ในเมื่อผู้กำกับแต่งตั้งเขาให้รับผิดชอบคดีนี้โดยตรงแล้ว เขาก็จำใจต้องทำไปตามหน้าที่
สุดท้าย จาง เหว่ย ก็มองไปในทิศทางที่ผู้อำนวยการหลี่ชี้ไป หลังจากที่ฟังคำพูดของเขา
อย่างไรก็ตาม แค่เพียงเหลือบตามอง คิ้วเขาก็ย่นขึ้นมาฉับพลัน “นั่นเขานี่…”
คำพูดของเจ้าหน้าที่ตำรวจทำให้ผู้อำนวยการหลี่ใจหายไม่ใช่ว่าร้อยเอกจางจะรู้จักกับคนขับแท็กซี่นี่หรอกนะ ถ้าอย่างนั้น เรื่องนี้ก็คงจัดการได้ยากแล้วสิ
ทว่าเมื่อเขานึกถึงน้องเขยของตัวเองขึ้นมา ผู้อำนวยการหลี่ก็คลายกังวลทันที
จะอย่างไรก็เถอะ จาง เหว่ย ก็เป็นแค่ตำรวจชั้นผู้น้อยเท่านั้น ถึงยังไง เขาก็มีอิทธิพลสู้น้องเขยฉันไม่ได้อยู่แล้ว ไม่สำคัญหรอกว่าพวกนี้มันจะรู้จักมักจี่กันหรือไม่ ถึง จาง เหว่ย คิดอยากช่วย สุดท้ายก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี!
เมื่อมองกลับไปที่ผู้อำนวยการหลี่ที่ยังคงมีแต่ความเกลียดชังประทับบนใบหน้า จาง เหว่ยได้แต่ส่ายหัวเบา ๆ
นี่สุดท้ายก็ถึงคราวดวงตกของไอ้นี่เสียที มันคิดจริง ๆ เหรอว่าชายคนนี้เป็นเพียงแค่คนขับรถแท็กซี่ธรรมดา ๆ
คนขับรถคนนี้มีชื่อเสียงในอินเทอร์เน็ตเรื่องการกระทืบคนด้วยซ้ำ อันที่จริง ล่าสุดนี้เขาก็พึ่งจะกระทืบลูกชายคนเล็กของหลี่กรุ๊ปไปเสียยับเยิน และทุบรถสปอร์ตเมอร์เซเดส-เบนซ์ของเด็กนั่นไปด้วย
แล้วเกิดอะไรขึ้นกับเขาที่หลังไหมล่ะ สุดท้ายชายคนนี้ก็ยังอยู่ดี อวัยวะยังครบสามสิบสอง ผู้อำนวยการหลี่คงเป็นไอ้โง่คนเดียวที่ไม่เข้าใจสถานการณ์ตอนนี้ สงสัยมันคงคิดว่าหลี่กรุ๊ปเกิดเมตตาพอที่จะให้อภัย ซู ฉิวไป่ ซึ่งนั้นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย
เอาจริง ๆ ใช่ว่าไอ้อ้วนนี่จะน่าสงสารเสียตั้งแต่เมื่อไหร่ ยังไงเราก็ไม่เคยชอบไอ้หมอนี่อยู่แล้ว ถือเสียว่ากรรมเก่าคงตามมันทัน
“นี่คุณทำร้ายเขาจริงเหรอ”
เหล่าจีนมุงนึกว่านายตำรวจจะโมโหโกรธามากกว่านี้ เพราะถึงอย่างไร ผู้อำนวยการหลี่ก็เป็นคนรายงานเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ความจริง น้ำเสียงของเขานั้นสุภาพมากกว่าที่คาดไว้เสียอีก
ไม่ใช่แค่ผู้อำนวยการหลี่และเหล่าจีนมุงที่งุนงง ซู ฉิวไป่เองก็สับสนไปไม่น้อยกว่ากัน “ใช่ ผมทำร้ายมันเอง”
“มีอะไรที่คุณอยากจะแก้ต่างมั้ย คุณทำร้ายเขาทำไม” จาง เหว่ย ยังสอบสวนคนขับรถต่อ
“ไม่มีอะไรที่ผมจำเป็นต้องพูดแล้ว ชายอ้วนคนนี้สมควรโดนแล้ว” ซู ฉิวไป่ ตอบพร้อมยิ้มกว้าง
เมื่อเขาตอบไปเช่นนั้น เขาเห็นแววตาขบขันในนัยน์ตาของเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ต่อมา นายตำรวจกลับเอ่ยทันทีว่าเขาจะถูกพาตัวไปที่สถานีตำรวจ
ก่อนที่จะถูกพาตัวออกไป ซู ฉิวไป่ ยังยืนยันกับ ดง เจี่ยเว่ย ว่าไม่ต้องกังวลอีกครั้งหนึ่ง ถึงอย่างไรเดี๋ยวเขาก็คงปล่อยตัวนั่นแหละ
ถึงความจริงเขาเองจะไม่แน่ใจเท่าไหร่นักว่าเขาจะรอดตัวไปง่าย ๆ เช่นนั้น
แต่ด้วยเครื่องรางนำโชคดีที่เขาผูกเสกไว้กับตัวเอง เขาเชื่อมั่นสุดหัวใจในคำกล่าวที่ว่า อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด หากเขาควรจะได้รับการปล่อยตัวแล้ว เขาก็คงถูกปล่อยตัวนั่นแหละ ไม่มีอะไรซับซ้อนเลย
“ไอ้เวรนี่ คอยดูเถอะ เดี๋ยวแกได้โดนจำคุกตลอดชีวิตแน่”
เมื่อเห็น ซู ฉิวไป่ โดนพาตัวออกไป ผู้อำนวยการหลี่ก็ไม่เก็บอาการอีกต่อไป เขาพึมพำสาปแช่งคนขับรถเบา ๆ
ซู ฉิวไป่ ยังคงนิ่งเงียบ แม้ใบหน้าเขาจะถูกประดับไว้ด้วยรอยยิ้มกว้าง ส่วนอีกด้านหนึ่ง จาง เหว่ย กลับคิ้วขมวดในทันที ไอ้หมูตอนนี่ทำตัวเหมือนว่าบ้านเป็นเจ้าของสถานีตำรวจจริง ๆ นะเนี่ย*!*
อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครเอ่ยคำพูดใด ๆ ในขณะที่พวกเขาเดินหน้าต่อไปในความเงียบ
แต่เมื่อก้าวไปได้ไม่กี่ก้าว พวกเขากลับได้ยินเสียงดังมาจากข้างหลังพวกเขา!
เมื่อหันกลับไป ทุกคนต่างตกตะลึงที่เห็นว่าป้ายประกาศที่เคยถูกแขวนไว้อย่างคงทนทานในห้องประชุม จู่ ๆ กลับร่วงลงมาใส่หัวของผู้อำนวยการหลี่
หลายคนกล่าวว่านั้นคงเป็นกรรมตามทันเป็นแน่แท้ เมื่อได้เป็นพยานเห็นเหตุการณ์แปลกประหลาดตรงหน้า เพราะความจริงแล้ว ในตอนแรกชายอ้วนเองก็ไม่ได้ยืนใกล้ป้ายประกาศเลยด้วยซ้ำ เหตุใดกันเขาถึงขยับจากเดิมไปไกลเช่นนั้น
เมื่อพิจารณาดูอีกทีแล้ว เหตุการณ์ดังกล่าวกลับยิ่งประหลาดขึ้นไปอีก แม้แถวนั้นจะมีคนจำนวนมาก และป้ายประกาศเองก็มีขนาดใหญ่มิใช่น้อยเลย แต่สุดท้ายมันกลับร่วงมาทับเพียงผู้อำนวยการหลี่
“ช่วยฉันที…”
ทุกคนต่างตกในภาวะงงงวย จนกระทั่งเสียงร้องของผู้อำนวยการหลี่ทำลายความเงียบที่เกิดขึ้น
เมื่อได้ยินเสียงของเขาแล้ว จาง เหว่ย แอบโล่งอกที่ไม่มีอะไรร้ายแรงเกิดขึ้น
ซู ฉิวไป่ หัวเราะเบา ๆ นี่แค่เริ่มต้นเท่านั้น เครื่องรางนำโชคร้ายที่ถูกผูกเอาไว้กับแกถึงสองอันยังออกฤทธิ์ได้มากกว่านี้แน่ ขอให้โชคดีล่ะกัน!
กลุ่มคนทั้งหมดต่างรวมกำลังกันช่วยผู้กำกับหลี่ออกมาจากใต้ป้าย ผู้อำนวยการหลี่ ณ ตอนนี้ดูตลกสิ้นดี เขามีฝุ่นและหยากไย่เต็มทั่วตัวเขาไปหมด นักเรียนทุกคนที่ยังคงอยู่ที่นั่นถือโอกาสนี้ถ่ายภาพของเขา
จาง เหว่ย ไม่มีเหตุผลที่รั้งเขาไว้ที่นั่นต่อ เขาคว้าตัว ซู ฉิวไป่ ไว้ แล้วออกจากห้องประชุมเสียที รถแท็กซี่ของ ซู ฉิวไป่ เองก็จะถูกลากไปที่สถานีตำรวจเช่นกัน
ในขณะที่พวกเขากำลังออกไป ผู้อำนวยการหลี่เองก็ออกมาจากหอประชุมเช่นกัน เขาเดินเป๋ไปยังห้องทำงานแล้วโทรหาน้องเขยของเขาทันที
ทันทีที่สายถูกรับ เขาเริ่มบ่นเกี่ยวกับการที่ ซู ฉิวไป่ หยิ่งผยองและทำตามอำเภอใจมากแค่ไหน และว่าเขาเข้ามาแทรกแซงในการประชุมแลกเปลี่ยนของโรงเรียน อีกทั้งต่อมาก็เริ่มต่อสู้ทำร้ายตัวผู้อำนวยการหลี่ด้วย
ในอีกด้านหนึ่งของสาย ผู้กำกับจ้าวต้องทนทุกข์ทรมานจากอาการปวดหัวมากมายหลายขนานเพราะจากพี่เขยของเขา แต่เขาไม่มีทางเลือกอื่น หากเขาไม่ช่วยพี่เขยเขาแล้ว ภรรยาของเขาก็จะบ่นเขาอย่างไม่หยุดยั้งเลยทีเดียว
สุดท้าย เขาจึงยืนยันกับผู้อำนวยการหลี่ว่าเขาจะจัดการเรื่องดังกล่าวอย่างจริงจังที่สุด
อย่างไรก็ตาม ทันใดนั้นเองเขาก็ได้ยินเสียงกรีดร้องดังจากคู่สาย จากนั้นกลับตามมาด้วยความเงียบที่ยาวนาน
ผู้กำกับจ้าววิตกกังวลเสียจนเขาเริ่มตะโกน
แต่กลับไม่มีใครตอบ สาเหตุของเรื่องดังกล่าวนั้นเรียบง่าย เมื่อตอนที่ผู้อำนวยการหลี่เดินเหยาะ ๆ ผ่านสนามของโรงเรียน ลูกฟุตบอลก็ถูกเตะกระเด็นมา และบังเอิญกระแทกหัวของเขาพอดิบพอดี จึงทำให้เขาสลบ ณ ตรงนั้นเอง…
กลับกัน ขณะนี้ ซู ฉิวไป่ ตาม จาง เหว่ย เข้าไปในสถานีตำรวจและถูกขังทันที
จาง เหว่ย จึงเริ่มถามผู้กำกับจ้าวถีงวิธีการรับมือกับ ซู ฉิวไป่ ผู้กำกับจ้าวยังกังวลเกี่ยวกับผู้อำนวยการหลี่ในขณะนั้น เมื่อเขาได้ยินว่า ซู ฉิวไป่ มาถึงแล้ว ความโกรธของเขาก็ปะทุขึ้นมา
“ขังเขาไว้กับนักโทษที่มีประวัติยาวพวกนั้น แล้วจัดการให้พวกเขาสอนบทเรียนให้กับนายคนนี้ด้วย”
ผู้กำกับจ้าวมอบคำสั่งให้โดยไม่ลังเล
จาง เหว่ย เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะถามกลับว่า “ผู้กำกับครับ นั่นไม่รุนแรงไปหน่อยเหรอครับ”
เมื่อได้ยินคำพูดของเขา สีหน้าของผู้อำนวยกจ่าวก็เปลี่ยนไปในทันที “มันไม่ได้ผิดกฎหมาย ถึงยังไง เขาก็เป็นแค่อาชญากรที่ทำร้ายคนอื่น เราแค่จัดการคดีนี้ตามปกติ”
เมื่อสังเกตเห็นสีหน้าของผู้กำกับแล้ว นายตำรวจก็รู้ตัวว่าคงทำอะไรไม่ได้อีกอยู่ดี เขาจึงยุติการสนทนาไว้แค่นั้น แล้วก็เป็นอย่างที่เขาคิดไว้ ซู ฉิวไป่ ถูกย้ายห้องขังจริง ๆ
ในตอนแรก ซู ฉิวไป่ ยังไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงต้องเปลี่ยนห้องขังกัน แต่เมื่อเขาก้าวเท้าเข้าไปในห้องขัง เขาพลันเข้าใจได้ว่าเกิดอะไรขึ้น เขายังเห็นแววตาชั่วร้ายจากนักโทษคนอื่น
นี่พวกเขากำลังใช้ให้คนอื่นทำงานสกปรกให้*!*
ซู ฉิวไป่ ทำได้แค่คร่ำครวญ ใบหน้าของเขายังคงนิ่งดังเดิม
เขาเดินเข้าไปที่มุมหนึ่งของห้อง ในขณะที่เขากำลังจะนั่งนั่นเอง ชายรูปร่างใหญ่ท่าทางป่าเถื่อนคนหนึ่งลุกขึ้น
“นี่แกเข้ามาในนี้เพราะอะไร คุกเข่าแล้วเล่ามา”
เมื่อชายคนนั้นเอ่ยเช่นนั้น ผู้ต้องขังคนอื่นต่างเริ่มหัวเราะ พวกเขาทั้งหมดดูเป็นพวกหัวรุนแรงเหมือนกันทั้งสิ้น
เขาไม่เสียเวลากับการลังเล ซู ฉิวไป่ เริ่มผูกเวทย์เครื่องรางนำโชคร้ายทันทีที่เขาได้ยินคำพูดของนักโทษท่าทางโหดเหี้ยมคนนั้น เขาร่ายเวทย์นำโชคร้ายใส่ทุกคนในห้องขังนี้น แล้วผูกเสกเครื่องรางนำโชคดีอีกสองอันไว้กับตัวเขาเอง
นอกจากนี้ ชายหนุ่มยังเพิ่มอีกยี่สิบแต้มสะสมการเติบโตในหมวดพละกำลัง ณ ตอนนี้เขาเริ่มรู้สึกโล่งอกเป็นอย่างมาก
ตอนนี้ฉันน่าจะไม่เป็นไรล่ะ*!*
ซู ฉิวไป่ ยิ้มกว้างในขณะที่เขายีนพิงกำแพง ในมุมหนึ่งของห้องขังเล็ก ๆ นั่น
หากจะกล่าวตามความจริงแล้ว เขายังคงวิตกกังวลอยู่บ้าง คนขับรถยังไม่เคยลองใช้เครื่องรางนำโชคดีเลย เขาจึงยังไม่แน่ใจในประสิทธิภาพของมันมากนัก
กลับกัน ดูท่าว่าเหล่านักโทษพวกนี้จะไม่พอใจเขามากทีเดียว พวกนั้นลุกขึ้นยืนทันทีเมื่อเขาไม่ยอมตอบคำถามของชายที่ดูท่าทางจะเป็นหัวหน้าใหญ่
“ไอ้เวรนี่ ดูเหมือนว่าแกยังจะไม่ได้บทเรียนนะ ถ้าฉันไม่กระทืบแกล่ะก็ เดี๋ยวแกคงคิดว่าพวกเรามาเป็นอันธพาลเด็กเล่นกันหมดน่ะสิ!”
คนที่ดูท่าทางจะเป็นผู้นำของกลุ่มผู้ต้องขังมีฉายาว่า ‘ไอ้หมีใหญ่’ เขาดูอารมณ์เสียเป็นอย่างมาก ในขณะที่เขายังคงพูดเอื่อย ๆ อยู่นั้น เขากลับดูจะใกล้ ซู ฉิวไป่ เข้ามาเรื่อย ๆ
ทว่าทันใดนั้นเอง…โอ้ย*!*
เสียงประหลาดดังขึ้นมาไปทั่วห้องขัง ไอ้หมีใหญ่ชงักงันก่อนที่จะกุมท้องตัวเองด้วยความเจ็บปวด หน้าของเขาแดงด้วยความอับอาย และเหล่าเพื่อนร่วมห้องขังต่างพากันหัวเราะเยาะเขา
“มีเรื่องอะไรตลกนักเหรอวะ”
ไอ้หมีใหญ่หันกลับไปก่นด่าเหล่าผู้ต้องขังคนอื่น ซึ่งนั่นดูจะทำให้พวกนั้นกลับขำหนักมากยิ่งขึ้นไปอีก
ตอนนี้เขาโกรธเป็นอย่างมากแล้ว เขาถลึงตาไปทาง ซู ฉิวไป่ เห็นได้ชัดเลยว่าเขากำลังโทษคนขับรถสำหรับเรื่องทั้งหมด แต่ก่อนที่เขาจะมีโอกาสขยับใกล้เข้าไปอีกก้าว ท้องเขาร้องขึ้นมาอีกครั้ง และความเจ็บปวดเริ่มกระจายไปทั่วร่างกายของเขาแล้ว
แน่นอนว่าเขาไม่เคยคลอดเด็กมาก่อน แต่ ณ บัดนั้นเอง เขาคิดว่าความเจ็บปวดที่เขารู้สึกในตอนนี้ก็คงไม่แตกต่างกัน ร่างกายของเขามีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะถ่ายอะไรซักอย่างออกมา ถ้าเขายังอยู่ในห้องขังต่อล่ะก็…เขาคงร่าดออกมา ณ ตรงนั้นเลย!
“เจ้าหน้าที่…ฉันจะเข้าห้องน้ำ!”
หน้าของไอ้หมีใหญ่แดงแปร๊ดในขณะที่เขาวิ่งตรงดิ่งไปที่ประตู มือเขากำลูกกรงเสียแน่น และตอนนี้เขายืนในท่าที่เขาหนีบขาทั้งสองข้างติดกัน
เจ้าหน้าที่ตำรวจเพียงจ้องเขาด้วยสายตาประหลาดใน ผู้กำกับจ้าวพึ่งสั่งให้พวกนักโทษกระทีบสั่งสอนไอ้คนใหม่ไม่ใช่เหรอ นี่ยังไม่ได้ยินเสียงของการเคลื่อนไหวอะไรเลย แต่นี่มีคนขอเข้าห้องน้ำแล้ว
ถึงอย่างนั้นก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจยังเดินไปตรวจสอบให้แน่ใจว่าไอ้หมีใหญ่ไม่ได้กำลังโกหก
“ไปได้ มีเวลาเข้าเพียงห้านาที”
เจ้าหน้าที่เปิดประตูให้ไอ้หมีใหญ่แล้วชี้ไปทางทิศของห้องน้ำ เมื่อเขาพูดจบประโยคแล้ว ไอ้หมีใหญ่ก็รีบพุ่งออกไปในทันที
ผู้ต้องขังคนอื่นยังยืนนิ่งแล้วหัวเราะเยาะไอ้หมีใหญ่ พร้อมกับแอบเหลือบมองไปที่ ซู ฉิวไป่
พวกเขาได้ยินมาแล้วว่าผู้กำกับจ้าวต้องการให้พวกเขาทำอะไรตั้งแต่ก่อนหน้านี้ ตราบใดก็ตามที่พวกเขากระทึบไอ้คนใหม่ที่เข้ามา พวกเขาจะได้รับผลประโยชน์อย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม พวกเขารู้สึกลังเลเล็กน้อยเนื่องจากไอ้หมีใหญ่ยังไม่กลับมา ท้ายที่สุดแล้ว ไอ้หมีใหญ่ก็เป็นผู้ที่ได้รับคำสั่งโดยตรงมาจากผู้กำกับจ้าว
ต่อมาไม่นาน ไอ้หมีใหญ่ก็ออกมาจากห้องน้ำ
เขาดูตัวซีดมาก ทุกย่างก้าวที่เขาเดินไป เขารู้สึกได้ว่าก้นของเขาจะระเบิดมาเสียตรงนั้น เขาเข้าไปในห้องขังและสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วจ้องไปที่ซู ฉิวไป่ ขณะที่เขากำลังแสดงท่าทางข่มขู่ ท้องของเขาก็เริ่มร้องขึ้นมาอีกครั้ง
“ช่างแม่ง พวกแกจัดการมันเองเลยล่ะกัน วันนี้รู้สึกจะไม่ไหวแล้ว…เจ้าหน้าที่ ขอไปเข้าห้องน้ำ!”
ไอ้หมีใหญ่ส่ายหัวในสภาพน่าสมเพช แล้วก็วิ่งไปที่ประตูอีกครั้งแล้วตะโกนขึ้นมา
ตำรวจที่เพิ่งจะได้นั่งลงรู้สึกรำคาญเล็กน้อยเมื่อเขาได้ยินเสียงของนักโทษ เพิ่งจะเข้าห้องน้ำไปไม่ใช่เหรอ แล้วตอนนี้ดันต้องการที่จะไปอีกรอบ เสียเวลาจริง ๆ
ในขณะที่เขากำลังจะเดินไปเปิดประตูห้องขัง เรื่องที่ไม่น่าเกิดขึ้นอีก กลับเกิดขึ้นมาจนได้
“เจ้าหน้าที่ ต้องไปเข้าห้องน้ำ!”
ดูเหมือนว่าผู้ต้องขังแทบทุกคนจะร้องลั่นออกมาเป็นเสียงเดียวกัน พวกเขายืนเอามือกุมท้องและขาของพวกเขาหนีบเข้าด้วยกัน หน้าของพวกเขาแดงและแสดงสีหน้าของความทรมานอย่างคนหมดหนทางผ่านลูกกรงห้องขังออกมา