ตอนที่ 1620 มิใช่ราคานี้

Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ

ตอนที่ 1620 มิใช่ราคานี้ Ink Stone_Fantasy

เมื่อคำพูดแบบนั้นดังขึ้นทุกเสียงที่กำลังล้อมเย่หยวนอยู่ก็พลันเงียบลง

แต่ไม่นานนักมันก็ดังขึ้นมาใหม่

“ใช่! เรามาในวันนี้ต่างมาเพื่อช่วยเมืองจักรพรรดิธารนิรันดร์ทั้งสิ้น แล้วเขามีสิทธิ์อะไรมาปฏิเสธไม่พอเราลงไปด้วยกัน?”

“เรามาเพื่อต่อสู้ให้แก่มวลมนุษย์ หากเขาไม่พาเราลงไปด้วย มันย่อมหมายความว่าเขาคิดหักหลังเผ่าพันธุ์!”

“ตอนนี้เผ่าปีศาจจ้องจะกัดกินพวกเราตาเป็นมัน ยิ่งเรามีคนลงไปด้วยมาก มันก็ยิ่งจะเป็นพลังที่ช่วยเหลือกันได้! หากวันนี้เขาไม่พาพวกเราทั้งหลายลงไปด้วยเหตุผลอันเห็นแก่ตัว เรื่องแบบนั้นคนในโลกหล้าคงไม่มีใครยอมรับแน่!”

คนเหล่านี้ได้พบว่าจู่ๆ เกาหยุนก็ได้ให้เห็นเหตุผลอันดีงามแก่พวกเขา

เพราะฉะนั้นพวกเขาทั้งหลายจึงไม่ลังเลที่จะแสดงความเห็นด้วยออกมา

ตอนนี้พวกเขาทั้งหลายต่างแสดงเหตุผลอันสวยหรูดีงามออกมา ราวกับว่าตัวเองนั้นเป็นตัวแทนแห่งความยุติธรรม เป็นผู้กล้าจากเรื่องเล่าในตำนานก็ไม่ปาน

พวกเขาต่างเชื่อในใจว่าด้วยการกดดันขนาดนี้ ต่อให้เย่หยวนไม่ยอม ทางเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ก็คงช่วยพูดอะไรสักอย่างกับเย่หยวนจนเขาต้องยอมเข้าแน่ๆ

ไม่มีเมืองจักรพรรดิที่ไหนกล้าจะรับความผิดเช่นนั้น

แน่นอนว่าทางเจิ่งชีก็มีสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีนัก เขาพยายามที่จะเปิดปากพูดออกมา แต่กลับไม่รู้ว่าต้องพูดอะไร

จนในที่สุดผู้อาวุโสที่มาด้วยกันคนหนึ่งก็ทนไม่ไหวจนต้องพูดขึ้นแทน “ผู้อาวุโสเย่ ทำไมเรา… ไม่พาพวกเขาทั้งหมดลงไปด้วยล่ะ! เรื่องแบบนี้… เรื่องแบบนี้มันไม่ตลกเลย”

“ใช่แล้วผู้อาวุโสเย่ ความผิดแบบนั้น เมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์เราไม่มีทางรับมันไว้ได้แน่!”

เกาหยุนที่มองดูภาพนั้นอยู่จึงยิ้มขึ้นมาอย่างสะใจ

ให้เขาเข้าไปขอร้องเย่หยวน?

ไม่มีทาง!

ตอนนี้เกาหยุนรู้สึกสะใจอย่างบอกไม่ถูก เขาเพียงแค่ใช้คำพูดเล็กๆ น้อยๆ แต่เมื่อได้มีข้ออ้างแบบนั้นแล้วใครจะยังอยากก้มหัวอีก?

เย่หยวนนั้นเงียบไปนานโดยที่ไม่คิดจะตอบโต้อะไร เขาเอาแต่มองดูหน้าของคนที่พูดเสริมเกาหยุน

พวกเขาทั้งหลายเหล่านี้ดูภายนอกอาจจะเหมือนมาเพื่อช่วยเมืองจักรพรรดิธารนิรันดร์ต่อต้านเผ่าปีศาจ แต่จริงๆ แล้วพวกเขาต่างก็มาเพื่อหวังจะเสี่ยงโชคกันทั้งนั้น

เรื่องนี้เย่หยวนเข้าใจดีตั้งแต่ก่อนจะมาแล้ว

คนเหล่านี้นั้นแตกแยกกันเป็นก๊กเป็นฝ่าย ไม่มีความสามัคคีเหมือนที่เผ่าปีศาจมี

หากไปเจอเผ่าปีศาจเข้าจริงๆ ไม่รู้ว่าพวกเขาจะทำอะไรได้บ้าง

ไม่นานนักเสียงเหล่านั้นก็ค่อยๆ เงียบกันลง จนสุดท้ายเมื่อสิ้นเสียงคนลง เย่หยวนก็เป็นฝ่ายที่พูดขึ้น “วางท่ากันเสร็จรึยัง?”

เมื่อผู้คนได้ยินแบบนั้นใบหน้าของเขาทั้งหลายก็กระตุกขึ้นทันที ก่อนที่เย่หยวนจะค่อยๆ เปิดปากพูดต่อ “อืม… ดูเหมือนว่าจะวางท่ากันจบแล้ว งั้นขอข้าพูดอะไรหน่อย อย่างแรก อย่าคิดจะใช้เรื่องความถูกต้องของเผ่ามนุษย์มากดดันข้าคนนี้ไปหน่อยเลย สิ่งที่ข้าคนนี้ทำให้เผ่าพันธุ์มนุษย์นั้นมันมากมายเกินกว่าที่พวกเจ้าจะเอาตัวเองมาเปรียบเทียบได้ อย่างที่สอง อย่าคิดจะใช้เมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์มากดดันข้าไปหน่อยเลย ข้านั้นมิใช่คนที่อารมณ์เย็นนัก หากพวกเขากดดันข้ามากจริงๆ ข้าก็พร้อมที่จะออกจากเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ไปตอนนี้เลยเสียด้วยซ้ำ จากนั้นก็ไม่ต้องมีใครคิดจะลงไปกันแล้วล่ะ!”

เกาหยุนได้ยินแบบนั้นจึงยิ้มกว้างออกมา “หากไร้ซึ่งการปกป้องของเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ เจ้ายังคิดว่าจะออกไปจากที่นี่ได้รึ?”

เย่หยวนหันไปมองและตอบสวนกลับไป “เจ้าเฒ่า หากข้าคนนี้ไม่พาพวกเจ้าลงไป เจ้าอยากมากัดคอข้าก็เข้ามาถ้าคิดว่ามีปัญญา!”

เกาหยุนหน้าเสียและกล่าวขึ้น “เด็กน้อย เจ้าคิดว่าชายแก่คนนี้จะไม่กล้าแตะต้องเจ้าอย่างนั้นรึ?”

เย่หยวนนั้นไม่มีท่าทีกลัวเลยแม้แต่น้อยและตอบกลับไป “งั้นก็เข้ามาลองสิ!”

หลิงจี้คุนที่เห็นว่าดูท่าไม่ดีแล้วจึงเข้ามาเพื่อห้ามทั้งสองฝ่ายทันที

เพราะหากเรื่องราวมันแตกหักขึ้นจริงๆ คนที่ต้องเสียจริงๆ จะกลายเป็นฝ่ายเมืองจักรพรรดิธารนิรันดร์ของเขาแทน

“ให้ตายเถอะ วันนี้เรามารวมตัวกันที่เหวอัญเชิญปีศาจนี้ก็เพราะว่าเห็นแก่หน้าเมืองจักรพรรดิธารนิรันดร์มิใช่รึ พี่เกาหยุน น้องเล็กเย่ มาทำใจร่มๆ กันไว้ก่อนเถอะ ดีไหม?” หลิงจี้คุนกล่าวห้าม

เย่หยวนนั้นไม่สนใจและพูดขึ้นต่อ “สาม ข้าคนนี้สามารถถูกชักนำได้ด้วยเหตุผล แต่จะไม่มีวันหลงคล้อยไปกับกฎหมู่! เมื่อสักครู่นี้ใครที่อ้างเรื่องเผ่ามนุษย์เพื่อมากดดันข้านั้นข้าจำหน้าพวกเจ้าไว้ได้หมดแล้ว! หากพวกเจ้ายังคิดอยากจะลงไปแต่ละคนก็จงจ่ายออกมาหนึ่งพันล้านผลึกปราณเทวะ! ห้ามขาดไปแม้แต่ผลึกเดียว! และอย่าได้อ้างว่าไม่มี และไม่ต้องคิดจะต่อรอง ข้าคนนี้ไม่ใช่เด็กสามขวบ คนที่เหลือข้าสามารถพาลงไปได้ฟรีๆ”

นั้นทำให้คนที่พูดเสริมเกาหยุนเมื่อสักครู่นี้ต้องหน้าเสียไปในทันทีราวกับว่าได้กลืนแมลงตัวยักษ์เข้า

เพราะราคาที่ว่าคือหนึ่งพันล้านผลึกปราณเทวะ!

แต่ทว่าเกาหยุน หลิงจี้คุน เจิ่งชีกลับแสดงอาการตื่นตระหนกขึ้นในใจ

พวกเขานั้นล้วนเป็นยอดคนที่มีพลังอำนาจมากล้น พวกเขาย่อมล้วนเคยผ่านเรื่องราวแบบนี้มามาก

แต่พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าเย่หยวนจะแก้สถานการณ์อันหนักหน่วงนั้นได้ด้วยพลังแห่งเงินตรา

เขาละทิ้งอารมณ์ส่วนตัว พาคนลงไปเสริมกำลังได้ แถมยังสร้างเงินได้เป็นกอบเป็นกำ

นี่มัน… ช่างเป็นวิธีการที่แยบยลนัก!

อยากไปเหรอ?

ได้ แต่จ่ายมา!

และผู้คนที่กล่าวเสริมเกาหยุนเมื่อสักครู่นั้นทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นนักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าชั้นกลางทั้งสิ้น

ด้วยความที่พวกเขาไม่มีปัญญาพอที่จะลงไปเอง แต่ก็ไม่อยากเสียหน้า พร้อมทั้งยังอยากสร้างสายสัมพันธ์อันดีกับยอดฝีมืออย่างเกาหยุนที่มีพลังบ่มเพาะอาณาจักรนภาสวรรค์ครึ่งก้าว พวกเขาทั้งหลายจึงกล้าที่จะกล่าวอะไรแบบนั้นออกมา

ส่วนพวกที่อ่อนแอกว่านั้น เหล่านักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าชั้นต้นต่างไม่คิดที่จะพูดอะไรใดๆ ออกมา

เพราะแม้เย่หยวนนั้นจะยังมีพลังบ่มเพาะที่ต่ำ แต่เขาก็เป็นผู้อาวุโสแห่งเมืองจักรพรรดิตัวจริงเสียงจริง

ด้วยตำแหน่งแบบนั้น พวกเขาจึงไม่มีทางคิดจะไปลบหลู่เขาอย่างเด็ดขาด จึงไม่มีใครคิดจะพูดอะไรออกมา

ตอนนี้เหล่าคนที่ไม่กล้าจะพูดออกมานั้นต่างแอบดีใจกันยกใหญ่ โชคดีจริงๆ ที่พวกเขาไม่ได้โยนหินตามลงในบ่อน้ำเมื่อสักครู่

เจ้าเหยียบย่ำข้าแล้วยังคิดจะให้ข้าพาลงไป?

คิดหรือว่าเย่หยวนจะปล่อยให้อีกฝ่ายทำตามใจชอบถึงขนาดนั้น?

หากไม่ถึงตาย ข้าก็ขอลอกหนังพวกเจ้าออกมาสักสองสามชั้นล่ะ!

เย่หยวนนั้นกำหนดราคาหนึ่งพันล้านออกมา แน่นอนว่าเขาย่อมมีเป้าหมายในใจ

เหล่านักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าชั้นกลางเหล่านี้ต่างมาจากตระกูลใหญ่ในเมืองจักรพรรดิ มีอำนาจที่ล้นเหลือ จึงร่ำรวยกว่านักยุทธภายนอกทั่วๆ ไปมากมายหลายเท่านัก

หนึ่งพันล้านนั้นสำหรับพวกเขามันเป็นจำนวนที่เอาออกมาได้ไม่ยาก เพียงแต่การทำแบบนั้นมันคงจะเสียหน้าไม่น้อย

“ทำไมล่ะ? ไม่อยากลงไปกันสินะ? ผู้อาวุโสใหญ่หลิง นี่ไม่ใช่ว่าข้าไม่ไว้หน้าพวกเขานะ นี่เป็นตัวพวกเขาเองที่ไม่อยากลงไป! ส่วนคนที่ไม่ได้วางท่าไปด้วยเมื่อสักครู่นี้จงมายืนอยู่ฝั่งนี้เถอะ ข้าจะพาพวกเจ้าทั้งหมดลงไปเอง” เย่หยวนกล่าวอย่างเย็นชา

เมื่อสิ้นเสียง คนจำนวนมากมายก็วิ่งมาอยู่ข้างกายเย่หยวนในทันทีด้วยความกลัวที่ว่าจะถูกทิ้งไว้

ไม่นานนักคนนับร้อยก็ได้มายืนอยู่ด้านหลังเย่หยวนแล้ว

เพราะสุดท้ายคนที่พูดเสริมเกาหยุนมันก็เป็นแค่คนส่วนน้อย

ตอนนี้พวกเขายืนอยู่อย่างเดียวดายราวกับดอกไม้ที่ไม่มีใครชื่นชม

พูดเสร็จเย่หยวนก็ปล่อยพลังแนวคิดแห่งห้วงมิติออกมา เย่หยวนทำท่าจะพาคนพวกนี้ลงไปแล้วจริงๆ

แล้วคนพวกนั้นจะยังรออยู่ได้อย่างไร? พวกเขาหน้าเสียกันในทันที

“ผู้อาวุโสเย่ หนึ่งพันล้าน ข้าจะจ่าย! เมื่อสักครู่… เมื่อสักครู่ข้าได้กล่าวหาท่านไปต้องขออภัยอย่างสุดซึ้ง”

นักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าหกดาวคนหนึ่งวิ่งเข้ามาหาพร้อมหยิบแหวนเก็บของยัดใส่มือเย่หยวนไป

เย่หยวนจับแหวนนั้นดูและพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม “อืม เงินมันแก้ปัญหาได้เสมอแหละ ไปอยู่ทางนั้นกับคนอื่นๆ สิ หนึ่งพันล้านผลึกปราณเทวะใช้ซื้อโอกาสดีๆ แบบนี้ เจ้าไม่มีอะไรต้องเสียเลยสักนิด! หึหึ”

คนๆ นั้นรู้สึกราวกับว่าตัวเองได้รับการอภัยโทษแล้วจึงรีบเข้าไปยืนอยู่หลังเย่หยวนทันที

เมื่อมีคนนำ ใครจะยังทนอยู่กับที่ได้? พวกเขาทั้งหลายต่างรีบจ่ายผลึกปราณเทวะออกมาให้แก่เย่หยวนเพราะกลัวว่าเย่หยวนจะกลับคำพูด

เจิ่งชีนั้นได้แต่มองดูภาพตรงหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา

แค่ไม่กี่อึดใจ เย่หยวนกลับสามารถหาผลึกปราณเทวะมาได้นับหมื่นล้าน!

นี่มัน… นี่มันยิ่งกว่าไปเปิดเหมืองผลึกปราณเทวะเสียอีก!

หาเงินมันทำได้ง่ายขนาดนี้เลยรึ?

ส่วนเกาหยุนนั้นมีสีหน้าคนละขั้วกับเจิ่งชีอย่างสิ้นเชิง

“ผ-ผู้อาวุโสใหญ่ เราจะทำอย่างไรดี?” ลูกน้องของเกาหยุนถามขึ้น

แน่นอนว่าตอนนี้เขาคงกังวลจนถึงขีดสุดแล้ว

เกาหยุนชักสีหน้าขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ ตอนนี้เย่หยวนได้ไล่ต้อนเขาและทำให้เขาเสียหน้าอย่างกู่ไม่กลับแล้ว

ตอนนี้มีแค่เมืองจักรพรรดิยอดสันติเท่านั้นที่ถูกกีดกันออกจากวง

เกาหยุนจึงกัดฟันแน่นและกล่าว “ไป!”

ยอดฝีมือของเมืองจักรพรรดิยอดสันตินั้นยิ้มร่าออกมาราวกับได้รับการอภัยโทษ พวกเขารีบมุ่งหน้าเข้าไปหาเย่หยวนและพยายามที่จะจ่ายผลึกปราณเทวะออกมา

แต่ทว่าเย่หยวนกลับไม่คิดจะรับมันและหันไปมองหน้าเกาหยุนอย่างเยือกเย็น “เฒ่าเกา หากคนของเจ้าอยากจะลงไป ก็ย่อมลงไปได้ แต่… มิใช่กับราคานี้!”

……………………………………………..