เล่มที่ 19 เล่มที่ 19 ตอนที่ 554 ซูจิ่นซี กล้าสงสัยในตัวข้าหรือ?

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

“แม่นางพิษน้อย นี่มันไม่ใช่ความจริง เป็นภาพมายา เป็นเรื่องโกหก! ” อู๋จุนเดินมาอยู่ข้างกายซูจิ่นซีอย่างยากลำบาก

ซูจิ่นซีเงยหน้ามองอู๋จุนด้วยแววตาซับซ้อน ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มโล่งใจ

“ใช่แล้ว เป็นภาพมายา ข้าเป็นอันใดไปแล้ว? ”

ทันทีที่สิ้นเสียงพูดของซูจิ่นซี เสียงของแม่นมฮวาก็ดังขึ้นข้างใบหู “พระชายา พระองค์พูดอันใด? สิ่งใดคือภาพมายา สิ่งใดไม่ใช่ภาพมายา? ”

ซูจิ่นซีเงยหน้าขึ้นทันที และมองไปที่แม่นมฮวา

ใบหน้าของแม่นมฮวายังคงปรากฏรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ นางยื่นมือมาทางซูจิ่นซี “พระชายา มา… มานี่… เพคะ”

ลวี่หลีที่ยืนอยู่อีกด้านก็ยื่นมือมาหาซูจิ่นซีเช่นกัน “คุณหนู ท่านมาทางนี้… มาทางนี้สิเจ้าคะ… ”

สิ่งใดคือความจริง สิ่งใดคือภาพลวงตากันแน่?

ชั่วขณะหนึ่ง ความคิดของซูจิ่นซีเริ่มพร่ามัว ดวงอาทิตย์เหนือศีรษะเจิดจ้าเป็นพิเศษ แสงนั้นส่องกระทบกระเบื้องและหักเหกับพื้นจนเกิดเป็นรุ้งเจ็ดสี ท่ามกลางรุ้งเจ็ดสีมีรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของแม่นมฮวาและท่าทางไร้เดียงสาของลวี่หลีปรากฏอยู่ตลอดเวลา ทันใดนั้น บริเวณโดยรอบก็ราวกับมีรอยยิ้มของแม่นมฮวาและลวี่หลีวนเวียนอยู่

‘เอี๊ยดอ๊าด… ’ เสียงหนักอึ้งของประตูไม้ซือหนานซึ่งแกะสลักเป็นรูปดอกไม้สีทองค่อยๆ เปิดออก ความคิดทั้งหมดของซูจิ่นซีมุ่งไปที่เสียงนั้น นางหันศีรษะกลับไปมองทิศทางของเสียง

นั่นเป็นทิศทางของตำหนักฝูอวิ๋น

เมื่อประตูไม้อันหนักอึ้งทั้งสองบานค่อยๆ เปิดออก ชายเสื้อสีดำขลับก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้านาง

ซูจิ่นซีเลื่อนสายตาจากชายเสื้อขึ้นไปด้านบนอย่างเชื่องช้า

ร่างในชุดสีดำขลับ แก้มอันเคร่งขรึมเย็นชา แววตาทอดยาวลึกล้ำ ใบหน้าคมคาย ผมยาวดกดำ…

เขาค่อยๆ หันหน้ามามองซูจิ่นซี ในดวงตาเย็นชาที่ไม่เคยหวั่นไหวราวกับน้ำแข็งหมื่นปี ยามนี้กลับปรากฎความอ่อนโยนอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน

เยี่ยโยวเหยา!!!

เขาค่อยๆ ยื่นมือมาหาซูจิ่นซี “ซูจิ่นซี ยังไม่มาหาข้าอีก! ”

ซูจิ่นซีตกตะลึงอยู่ในใจ!

แสงสีรุ้งที่อยู่เบื้องหน้าสั่นไหวเล็กน้อย ความคิดของนางยิ่งสับสนมากขึ้น ทั้งยังอดก้าวไปหาเยี่ยโยวเหยาไม่ได้

อย่างไรก็ตาม ซูจิ่นซีเพิ่งเดินไปได้หนึ่งก้าว ทันใดนั้นนางก็หยุดฝีเท้า

“ไม่! ทั้งหมดนี้ไม่ใช่ความจริง! ”

“ซูจิ่นซี ยังไม่เข้ามาอีก! ”

เยี่ยโยวเหยาพูดอีกครั้ง

ความอ่อนโยนในแววตาลดลงเล็กน้อย ปรากฏเป็นความขุ่นเคือง

แม้ในใจของซูจิ่นซีจะบอกตนเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าสิ่งที่เห็นทั้งหมดไม่ใช่ความจริง มันเป็นเพียงภาพมายา ทว่าเท้าของนางกลับขยับเข้าหาเยี่ยโยวเหยาอย่างควบคุมไม่ได้ ราวกับมีบางสิ่งดึงดูดนางไปยังทิศทางนั้น

“ไม่! ”

“ไม่ใช่ความจริง ทั้งหมดนี้ไม่ใช่ความจริง! ”

“ซูจิ่นซี เจ้าต้องควบคุมจิตใจตนเอง มันเป็นภาพลวงตา เป็นภาพมายาทั้งสิ้น”

“นี่เป็นกับดัก หากเดินเข้าไป เจ้าต้องแย่แน่ๆ ! ”

ซูจิ่นซีบอกตนเองในใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า นางพยายามควบคุมตนเอง และต่อต้านภาพมายาที่ล่อลวงจิตใจของนาง

ความจริงแล้ว ซูจิ่นซีทำได้สำเร็จ แม้นางจะควบคุมเท้าทั้งคู่ไม่ได้ ทว่านางยึดเท้าไว้ไม่ให้ขยับราวกับถูกแช่แข็ง นางยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ไม่ขยับเขยื้อน

อย่างไรก็ตาม แม้ซูจิ่นซีจะสงบนิ่ง มุ่งมั่น และควบคุมตนเองได้เพียงใด ทว่าทุกอย่างกลับพังทลายลงตรงหน้า เมื่อนางเห็นแสงสีแดงที่อยู่ท่ามกลางแสงสีรุ้งนั้น

ใช่ สีแดง!

เป็นสีแดงชวนฝันที่เบ่งบานท่ามกลางแสงแดดอันเงียบสงบ ราวกับเวลาถูกหยุดชะงักไว้

มันคือดอกเหอฮวาน!

เยี่ยโยวเหยา วันใดที่ดอกเหอฮวานบานสะพรั่ง จะเป็นวันที่จิ่นซีกลับไปหาท่าน

นี่คือข้อความที่ซูจิ่นซีทิ้งไว้เป็นของขวัญให้เยี่ยโยวเหยาตอนอยู่ที่คฤหาสน์นอกเมืองเย่หลิน ยามที่ซูจิ่นซีและเยี่ยโยวเหยาต้องแยกจากกัน

วันนั้น ของขวัญที่ซูจิ่นซีมอบให้เยี่ยโยวเหยาคือดอกเหอฮวานหนึ่งกระถาง ทว่าตอนนี้ ดอกเหอฮวานนั้นกลับวางอยู่บนโต๊ะหนังสือข้างหน้าต่างในตำหนักฝูอวิ๋น

แม้จะมีบานหน้าต่างคั่นกลาง ทว่านางยังมองเห็นดอกเหอฮวานเบ่งบานอย่างชัดเจน ทั้งยังเบ่งบานอย่างงดงามยิ่งนัก

ดอกเหอฮวานเบ่งบาน เราจะพบกันอีกครั้ง

ดอกเหอฮวานเบ่งบานอย่างรวดเร็วถึงเพียงนี้เชียวหรือ?

“ซูจิ่นซี เจ้ายังไม่เข้ามาอีก! ”

เสียงของเยี่ยโยวเหยาดังขึ้นที่ข้างหูนางอีกครั้ง

เสียงนั้นไม่มีความอ่อนโยนและความเสน่หาเหมือนก่อนหน้านี้ ทว่าถูกแทนที่ด้วยความโกรธและความเย็นชา

“ซูจิ่นซี เราตกลงกันแล้ว เมื่อดอกเหอฮวานเบ่งบาน เจ้าจะกลับมาหาข้า เราตกลงกันแล้วว่ามีกำหนดระยะเวลาหนึ่งเดือน เหตุใดเจ้าจึงผิดสัญญากับข้า? ”

ผิดสัญญา? นางผิดสัญญาที่ใดกัน?

นางไม่เคยผิดสัญญา

ซูจิ่นซีตกตะลึงไปชั่วขณะ นางซวนเซถอยหลังไปสองก้าว

“ซูจิ่นซี เจ้าช่างบังอาจยิ่งนัก! ยังไม่เข้ามาอีก? เจ้ากล้าไม่เชื่อฟังคำพูดของข้าหรือ? ”

เยี่ยโยวเหยายังคงยื่นมือมาทางซูจิ่นซี ความโกรธและความเย็นชาในดวงตานั้น ราวกับย้อนกลับไปตอนที่นางเพิ่งเข้าจวนโยวอ๋องครั้งแรก ชั่วพริบตา ดวงอาทิตย์ร้อนแรงเหนือศีรษะก็กลายเป็นเครื่องประดับที่ลอยอยู่เฉยๆ บรรยากาศรอบตัวเขาพลันเย็นยะเยือก

ซูจิ่นซีเคลื่อนสายตาจากดอกเหอฮวานที่มีสีสันสดใส ไปยังใบหน้าเย็นชาของเยี่ยโยวเหยา ดวงตาที่เคร่งขรึมลึกซึ้งนั้น ราวกับมีความพิเศษบางอย่างที่ดึงดูดสายตาของซูจิ่นซีให้ค่อยๆ เข้าใกล้ เข้าใกล้ เข้าใกล้อีกนิด… โดยที่นางไม่สามารถควบคุมตนเองได้

ตอนนี้ ซูจิ่นซีได้สูญเสียความสามารถในการต่อต้านไปแล้ว เท้าทั้งสองที่นางพยายามยับยั้งไม่ให้ก้าวไปข้างหน้า ยามนี้กลับก้าวไปข้างหน้าอย่างเชื่องช้า ทีละก้าว… ทีละก้าว… ทีละก้าว

อู๋จุนยืนอยู่ด้านหลังของซูจิ่นซีด้วยท่าทางเป็นกังวลอย่างมาก เขายื่นมือออกไปคว้าแขนของซูจิ่นซี ทว่าขณะที่มือของเขาสัมผัสร่างของนาง มันกลับตรงผ่านร่างของนางไป ฝ่ามือคว้าได้เพียงความว่างเปล่า

นี่มัน… เกิดอันใดขึ้นกันแน่?

“แม่นางพิษน้อย เจ้ามีสติหน่อย! ”

“แม่นางพิษน้อย เจ้าหยุดเดี๋ยวนี้! ”

“แม่นางพิษน้อย เจ้าได้ยินพี่จุนหรือไม่? ”

“แม่นางพิษน้อย ตื่นเถิด… ”

ใบหน้าอู๋จุนทวีความกังวลมากขึ้น ดวงตาของเขากลายเป็นสีแดงก่ำด้วยความห่วงใย

เขาตะโกนเรียกซูจิ่นซีอย่างต่อเนื่อง พลางยื่นมือไปหานาง ทว่ามือของเขากลับผ่านร่างของนางไป และคว้าได้เพียงความว่างเปล่า

อย่างไรก็ตาม อู๋จุนกลับไม่ยอมแพ้ แม้เสียงของเขาจะแหบแห้งเล็กน้อย

ตอนนี้ ซูจิ่นซีเดินไปถึงบันไดหน้าตำหนักฝูอวิ๋นแล้ว เพียงนางก้าวขึ้นบันไดไป นางก็จะเดินไปถึงเยี่ยโยวเหยา เท้าที่กำลังก้าวขึ้นบันไดลอยอยู่กลางอากาศ ทว่าซูจิ่นซีกลับหยุดชะงัก ดวงตาที่พร่ามัวพลันปรากฏความชัดเจนแจ่มใส นางเงยหน้ามองร่างที่คุ้นเคยเหนือบันไดหิน

“ไม่ เจ้าไม่ใช่เยี่ยโยวเหยา เจ้าไม่ใช่! ”

“ซูจิ่นซี เจ้าช่างบังอาจยิ่งนัก ผู้ใดให้เจ้ากล้าสงสัยในตัวข้า?”

แววตาของเยี่ยโยวเหยาเผยให้เห็นไอสังหารที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน

ซูจิ่นซียังคงส่ายศีรษะ และก้าวถอยหลังอย่างเชื่องช้า

“ไม่ ไม่ใช่! หมุดกร่อนรักในร่างของเยี่ยโยวเหยาถูกกำจัดไปแล้ว ทั้งพิษดูดเลือดก็สลายหายไปเช่นกัน ทว่าร่างของเจ้ายังมีพิษดูดเลือด และมีอาการบาดเจ็บจากการกำเริบของหมุดกร่อนรัก เจ้าไม่ใช่เยี่ยโยวเหยา ไม่ใช่! ”

น้ำเสียงของซูจิ่นซีหนักแน่นอย่างมาก

‘พรวด’

ทันทีที่สิ้นเสียงพูด เลือดสีแดงสดก็พุ่งออกมาจากปากของซูจิ่นซี สีแดงนั้นยิ่งชัดเจนมากขึ้นภายใต้แสงสีรุ้ง เลือดหลั่งรินลงบนขั้นบันไดหินอ่อนสีขาว เป็นที่สะดุดตาอย่างมาก