บทที่ 343 ชายหนุ่มผู้หัวรั้น

พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)

บทที่ 343 ชายหนุ่มผู้หัวรั้น

ในขณะที่คนอื่น ๆ ยังคงสงสัยว่าใครเป็นคนซื้อเจ้าหญิงภูติ ผู้ดูแลการประมูลก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงก้องกังวาล “เอาล่ะ ท่านแขกผู้มีเกียรติทุกท่าน ขณะนี้ก็ได้มาถึงเวลาที่ทุกท่านรอคอย นั่นก็คือ เวลาสำหรับการประมูลรายการสุดท้ายของงานประมูลครั้งนี้!”

แต่เดิมที่ฝูงชนยังคงส่งเสียงอื้ออึงเมื่อได้ยินคำประกาศนี้ทุกคนต่างก็เงียบลงทันที

“ข้ารู้ว่าพวกท่านแทบทุกคนตั้งใจมาที่นี่เพื่อร่วมประมูลรายการสุดท้ายนี้” ผู้ดูแลการประมูลพูดช้า ๆ “และก็ตามที่ทุกท่านได้ทราบ รายการประมูลสุดท้ายนี้คือสิทธิ์ในการเข้าเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับ 2 ที่!”

“ข้าคิดว่าข้าคงไม่จำเป็นต้องอธิบายรายละเอียดถึงมูลค่าของมันให้มากมายและทุกคนคงจะทราบกฎการประมูลของพิเศษเช่นนี้ของหอการค้าเชื่อมสวรรค์ของเราดีอยู่แล้วฉะนั้นหากใครก็ตามที่ต้องการเข้าร่วมการประมูลสิทธิ์ในการเข้าเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับ โปรดระบุทรัพย์สินที่มีค่าที่สุดที่ท่านมีอยู่ในมือ!”

หลังจากผู้ดูแลการประมูลพูดจบเขาก็ยืนอยู่ที่นั่นอย่างเงียบ ๆ

เขาเชื่อว่าทุกคนต้องการมัน

สิ่งที่เขาต้องทำตอนนี้ก็คือรอให้ทุกคนเสนอราคา

ในห้องของหลิงตู้ฉิง หลังจากที่ทุกคนได้ยินว่าการประมูลรายการสุดท้ายได้เริ่มขึ้นแล้ว หานซ่งหยวนและหยูจิ้งเฉิงก็มองหน้ากันทันที

ในใจของพวกเขาทั้งคู่พูดในสิ่งเดียวกัน เจ้าพร้อมที่จะจ่ายราคาเท่าไหร่เพื่อรับสิทธิ์นี้?

พวกเขาทั้งคู่ต่างได้รับสัญญาจากเย่ชิงเฉิงโดยที่ทั้งคู่ก็ไม่มีใครรู้ว่าอีกฝั่งก็ได้รับสิทธิ์ด้วยเช่นกัน พวกเขาจึงเข้าใจกันไปเองว่าอีกฝั่งคงจะต้องการสิทธิ์นี้อย่างแน่นอน

กู่ตงฉิงเองในตอนนี้ก็อยากจะรู้เช่นกันว่าระหว่างหานซ่งหยวนและหยูจิ้งเฉิงใครจะเป็นผู้ซื้อสิทธิ์นี้?

เย่ชิงเฉิงที่เห็นท่าทีของทั้งสอง นางก็แอบสะใจ พลางเฝ้าดูการประมูลกับหลิงตู้ฉิงด้วยอารมณ์เบิกบาน

การประมูลเป็นไปอย่างรวดเร็ว

“อาวุธวิเศษระดับจักรพรรดิ 1 ชิ้น เหรียญคริสตัลระดับจักรพรรดิ 300 เหรียญ โอสถระดับจักรพรรดิ 1 เม็ดและสมบัติต้องห้ามระดับจักรพรรดิอีก 1 ชิ้น สำหรับ 1 สิทธิ์!” เสียงที่หนักแน่นดังขึ้นจากคนที่อยู่ในห้องพิเศษหมายเลข 2

ทุกคนต่างรู้กันอยู่แล้วว่าคนในห้องนั้นคือคนจากเมืองเทวราช

บรรดาผู้คนที่ได้ยินราคานี้ที่คนจากเมืองเทวราชเสนอขึ้นมาพวกเขาต่างสูดหายใจลึก เนื่องจากราคาที่เขาเสนอนั้นมันมหาศาลเป็นอย่างมาก ไม่ใช่แค่เขาเสนอแต่อาวุธวิเศษระดับจักรพรรดิเท่านั้นแต่เขายังเสนอสมบัติต้องห้ามระดับจักรพรรดิเพิ่มเข้าไปอีก

ต้องรู้ว่าในมหาพิภพไร้จุดจบ ผู้ที่สามารถกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิได้นั้นมีจำนวนเพียงน้อยนิด และยิ่งผู้ที่สามารถสร้างอาวุธระดับจักรพรรดิได้นั้นหายากยิ่งกว่า

เนื่องจากในอดีตที่ตำหนักศาสตราศักดิ์สิทธิ์ถูกทำลายล้างเมื่อหลายหมื่นปีก่อน มันจึงทำให้ไม่มีสถานที่สำหรับเผยแพร่ความรู้ในการสร้างอาวุธหรือสมบัติวิเศษระดับสูง ด้วยเหตุนี้มันจึงส่งผลให้เหล่าผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิส่วนใหญ่ในยุคหลังต่างก็ไม่รู้วิธีการสร้างอาวุธระดับจักรพรรดิ

จากเก้าในสิบส่วนของจำนวนอาวุธหรือสมบัติระดับจักรพรรดิ พวกมันคือของที่ตกทอดกันมาจากบรรพบุรุษจากรุ่นสู่รุ่น ซึ่งโดยปกติแล้วอาวุธวิเศษระดับจักรพรรดิสำหรับบางสำนักมันนับได้ว่าเป็นรากฐานของสำนักทั้งหมด

ตอนนี้เมื่อสันเขาทรราชเปิดราคามามหาศาลขนาดนี้มันก็แปลว่าพวกเขา มุ่งมั่นที่จะคว้าสิทธิ์ในการเข้าเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับมาให้ได้

แต่แล้วห้องพิเศษหมายเลข 3 ที่เงียบงันก็มีเสียงพูดขึ้น “หยกวิญญาณแสงศักดิ์สิทธิ์ 1 ชิ้น สมบัติต้องห้ามระดับจักรพรรดิ 1 ชิ้น เหรียญคริสตัลระดับจักรพรรดิ 500 เหรียญ โอสถระดับจักรพรรดิ 1 เม็ด และสมบัติปริศนาแห่งเต๋าสวรรค์ 1 ชิ้น ข้าต้องการ 1 สิทธิ์!”

จากนั้นห้องพิเศษหมายเลข 5 ก็ไม่รีรอตะโกนขึ้นเช่นกัน “แก่นแท้วิญญาณหยินบริสุทธิ์ 1 ดวง เหรียญคริสตัลระดับจักรพรรดิ 700 เหรียญ สมบัติสร้างค่ายกลระดับจักรพรรดิขั้นสูงสุด 1 ชิ้น สมบัติวิเศษระดับราชัน 1 ชิ้น และโอสถระดับเลิศล้ำอีก 2 เม็ด ข้าต้องการ 1 สิทธิ์”

ห้องที่ 6 ตะโกนตามขึ้นมาติด ๆ “หยกแก่นแท้วารี 2 ชิ้น เหรียญคริสตัลระดับจักรพรรดิ 700 เหรียญ สมบัติปริศนาแห่งเต๋าสวรรค์ 1 ชิ้น สมบัติวิเศษระดับราชัน 1 ชิ้น และโอสถระดับจักรพรรดิคุณภาพสูงสุดอีก 1 เม็ด ข้าหวังว่าจะได้ 1 สิทธิ์”

เมื่อได้ยินราคาที่เพิ่มสูงขึ้นและสมบัติแต่ละชิ้นก็มีค่ามากกว่าเดิมขึ้นเรื่อย ๆ บรรดาคนอื่น ๆ ที่ไม่ได้มาจากสำนักใหญ่ต่างก็พากันส่ายหัวอย่างจนใจ

พวกเขาส่ายหัวไม่ใช่เพราะรู้สึกว่าราคามันสูงเกินไป แต่เพราะพวกเขารู้ชัดเจนว่าพวกเขาคงไม่มีโอกาสได้รับสิทธิ์การเข้านี้แน่นอน

เนื่องจากหลายคนที่มางานประมูลในวันนี้มีเหรียญคริสตัลระดับจักรพรรดิยังไม่ถึง 300 เหรียญซะด้วยซ้ำ ดังนั้นนับประสาอะไรกับราคาที่เหล่าสำนักใหญ่ประมูลสู้กันที่มีแม้กระทั่งสมบัติระดับจักรพรรดิ

อย่างไรก็ตามมีหลายคนสังเกตว่ามันแปลกมาก ที่ห้องพิเศษหมายเลข 1 และห้องหมายเลข 4 กลับนิ่งเงียบไม่เสนอราคาสู้อะไรเลย?

เมื่อไม่มีใครเสนอราคาต่อ ผู้ดูแลการประมูลก็มองไปรอบ ๆ และตะโกนถามขึ้น “มีใครจะเสนอราคาอีกไหม?”

ผู้คนที่อยู่ในโถงประมูลที่นั่งชั้นธรรมดาต่างเงียบกันหมด

ต่อหน้าราคาอันมหาศาลที่ก่อนหน้านี้ที่เหล่าสำนักใหญ่ต่างเสนอแข่งกัน หากพวกเขาอุตริตะโกนเสนอราคาที่พวกเขาพอจะจ่ายได้ออกไป มันก็จะกลายเป็นการถามหาความอัปยศอดสูมาแก่ตัวพวกเขาเองเปล่า ๆ

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าจะเผชิญกับการสู้ราคากันอย่างมหาโหดแต่ก็ยังมีบางคนที่ยังคงไม่ยอมแพ้

“ข้ามีของ 2 สิ่งที่แปลกมาก ๆ ข้าต้องการใช้ของทั้งสองนี้แลกเปลี่ยนกับสิทธิ์ในการเข้าเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับ” ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตรวมแสงดาราผู้หนึ่งที่อยู่ในห้องโถงยืนขึ้นและกล่าวด้วยใบหน้าที่ไร้ความรู้สึก

เมื่อได้ยินการเสนอราคาเช่นนี้ ทุกคนต่างก็มองไปที่เขา

“ตวนเสี่ยวอี่! เจ้าอย่าได้สร้างความวุ่นวายที่นี่ เจ้าไม่ได้ครอบครองอะไรที่แปลก ๆ ทั้งนั้น หยุดก่อกวนและนั่งลงซะ!” ชายวัยกลางคนที่อยู่ข้าง ๆ ตวนเสี่ยวอี่กล่าวพลางดึงแขนเขาให้นั่งลง

แต่เมื่อดึงไปสักพักและตวนเสี่ยวอี่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะนั่งลงง่าย ๆ ด้วยภายใต้การจ้องมองของทุกคน ชายวัยกลางคนก็เริ่มรู้สึกว่าตัวเองชักไม่ปลอดภัย เขาจึงปล่อยมือของตวนเสี่ยวอี่อย่างเงียบ ๆ และรีบถอยห่างออกไปเพื่อหลีกเลี่ยงการเสียหน้า

สิ่งนี้ทำให้ทุกคนสงสัย

เขาเด็ดเดี่ยวขนาดนี้ได้ยังไง? ของแปลกแบบไหนที่จะมีค่าเท่ากับสิทธิ์ในการเข้าเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับ?

แม้จะถูกจ้องมองโดยผู้คนจำนวนมาก แต่ท่าที่ของตวนเสี่ยวอี่ก็ไม่เปลี่ยนแปลง ราวกับว่าเขามั่นใจมากว่าเขาจะสามารถแลกเปลี่ยนสิทธิ์กับสิ่งที่เขามีได้

ผู้ดูแลการประมูลไม่ได้ล้อเลียนตวนเสี่ยวอี่ที่มีท่าทีมั่นใจว่าจะสามารถประมูลชนะสำนักใหญ่ได้ เขายิ้มและพูดว่า “ถ้างั้นโปรดนำของของท่านออกมาให้ข้าตรวจสอบมันก่อนว่ามันคืออะไร และข้าจะได้ประเมินมูลค่าของมันให้”

ตวนเสี่ยวอี่ส่ายหัวและพูดว่า “ข้าเอามันออกมาไม่ได้!”

ผู้ดูแลการประมูลขมวดคิ้ว “ถ้าท่านไม่นำออกมา ข้าก็ไม่สามารถยืนยันได้ว่าของของท่านเป็นของจริงหรือไม่? หรือถ้าหากท่านกำลังกังวลอยู่ ข้าสามารถบอกได้เลยว่าท่านสามารถวางใจในหอการค้าเชื่อมสวรรค์ของเราได้ มันจะไม่มีใครกล้าทำอันตรายท่านได้อย่างแน่นอน”

ตวนเสี่ยวอี่ยังคงส่ายหัว “ต่อให้พวกท่านคือหอการค้าเชื่อมสวรรค์ก็ตาม ถ้าหากพวกท่านต้องการตรวจสอบมัน ข้าจะไม่ยอมให้ท่านตรวจสอบมันในที่สาธารณะเช่นนี้แน่ นอกจากนี้ผู้ตรวจสอบยังต้องเอ่ยคำสาบานต่อสวรรค์ว่าถ้าข้าไม่สามารถนำมันมาแลกกับสิทธิ์ได้ ทุกอย่างต้องเก็บไว้เป็นความลับ”

ในตอนนี้ไม่ต้องพูดถึงผู้ดูแลการประมูล หลายคนที่อยู่ในห้องโถงต่างก็ขมวดคิ้ว สิ่งอัศจรรย์ชนิดใดที่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตรวมแสงดาราสามารถครอบครองได้?

“ไอ้หนู ของแปลกอะไรของเจ้าที่จะล้ำค่าไปกว่าอาวุธระดับจักรพรรดิได้งั้นเหรอ? จงอย่าพยายามเรียกร้องความสนใจเลย นั่งลงซะและอย่ารบกวนการประมูลของพวกข้า” เสียงดังออกมาจากห้องพิเศษหมายเลข 2

“ตอนนี้ข้ากำลังต่อรองกับหอการค้าเชื่อมสวรรค์ คนของสันเขาทรราชไม่มีสิทธิ์เข้ามายุ่ง!” ตวนเสี่ยวอี่ตอบกลับด้วยน้ำเสียงแน่วแน่พลางมองไปที่ห้องพิเศษหมายเลข 2 จากนั้นเขาเบนสายตาของเขากลับไปที่ผู้ดูแลการประมูลเพื่อรอคำตอบ

เมื่อได้ยินการตอบกลับที่แน่วแน่เช่นนี้ ทุกคนต่างก็รุ้สึกตกตะลึงว่าชายหนุ่มผู้นี้ไม่เกรงกลัวต่ออำนาจของสันเขาทรราชเลยงั้นเหรอ? หรือว่าชายหนุ่มผู้นี้มีภูมิหลังที่ไม่ธรรมดาเช่นกัน?

หลิงตู้ฉิงที่เห็นเหตุการณ์เช่นนี้ เขาก็ยังรู้สึกว่ามันแปลกเช่นกัน

เขายืนขึ้นและมองไปที่ตวนเสี่ยวอี่ เขาขมวดคิ้วอย่างช่วยไม่ได้ หลังจากมองดูครั้งแล้วครั้งเล่า หลิงตู้ฉิงก็อดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้วและพูดกับอู่จิ๋วว่า “สั่งให้คนของเจ้าพาเขามาพบกับข้า ข้าต้องคุยกับเขาเป็นการส่วนตัว บางทีสิทธิ์ในการเข้าเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับอาจเป็นของคนผู้นี้”