บทที่ 469 หาคู่ควง

รักหวานอมเปรี้ยว

เปปเปอร์ชูโทรศัพท์ขึ้นสูง ๆ ไปเลย

เขานั่งอยู่บนเตียงผู้ป่วย ตอนแรกก็สูงกว่ามายมิ้นท์อยู่หน่อยหนึ่งแล้ว และยิ่งยกมือขึ้นสูงอีก ก็เลยยิ่งสูงขึ้นไปอีก

มายมิ้นท์ไม่มีทางที่จะเอื้อมไปถึงมือเขาด้วยซ้ำ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงโทรศัพท์เลย

พอไม่มีวิธีแล้ว เธอจึงได้แต่ต้องกระโดดขึ้นไปแย่ง

คิดไม่ถึงว่าเปปเปอร์จะคิดได้แต่แรกแล้วว่าเธอจะทำแบบนี้ ในตอนที่เธอกระโดดขึ้นมานั้น ร่างกายของเขาก็เขย่งตัวให้สูงขึ้นไปอีก แล้วก็ชูโทรศัพท์ให้สูงยิ่งขึ้นไปอีก

คราวนี้มายมิ้นท์แตะโดนโทรศัพท์แล้วจริง ๆ แต่ก็แค่ปลายนิ้วพยายามไปแตะโดนเท่านั้น

วินาทีต่อมา ร่างกายของมายมิ้นท์ก็สูญเสียความสมดุลไปอีกครั้ง แล้วก็ล้มลงไปในอ้อมกอดของเปปเปอร์

เปปเปอร์ก้มหน้าลงมามองหญิงสาวที่นอนคว่ำอยู่ในอกตัวเอง ดวงตาหม่นหมองขึ้นมา แล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ดูแหบแห้งว่า “มายมิ้นท์ นี่คุณยังมาให้กอดถึงที่ด้วยเหรอ?”

พอได้ยินคำพูดนี้ มายมิ้นท์ก็เหมือนกับว่าได้รับความกระทบกระเทือน แล้วก็รีบเงยหน้าขึ้นมา “ใครให้กอดถึงที่กัน?”

เปปเปอร์ไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่แค่หรี่ตาลลง แล้วใช้สายตาส่งสัญญาณให้เธอ

มายมิ้นท์ก้มหน้าลงไปมองตามสายตาของเขาทีหนึ่ง แล้วถึงพบว่าตัวเองคว่ำอยู่ในอกของเขา ที่สำคัญมือยังยันอยู่บนหน้าอกเขาด้วย

เพราะว่าการกระทำของเธอ ทำให้ชุดผู้ป่วยบนตัวเขา โดนเธอถูจนหลุดออกไปส่วนหนึ่ง ทำให้มีกล้ามเนื้อที่แข็งแกร่งโผล่ออกมาส่วนหนึ่ง ค่อนข้างที่จะดึงดูดคน

ตอนแรกสีแดงบนใบหน้ามายมิ้นท์ได้สลายไปส่วนหนึ่งแล้ว มาคราวนี้กลับเป็นสีแดงระเรื่อขึ้นมาใหม่

เธอรีบเอามือออกจากหน้าอกของเปปเปอร์ จากนั้นก็ยืดตัวลุกยืนขึ้นมา แล้วก็ถอยออกมาจากอกเขา

และเป็นเพราะว่าลุกออกมาเร็วเกินไป เท้าของมายมิ้นท์จึงเกิดสะดุดขึ้นมาทีหนึ่ง

พอเปปเปอร์เห็นเข้า ก็รีบตักเตือนขึ้นมา “ระวัง”

พอมายมิ้นท์ได้ยินสองคำนี้ ก็รีบหันหน้าไปดูด้านหลังเล็กน้อย จากนั้นก็จับเก้าอี้ของตัวเองไว้ แล้วถึงจะหยุดนิ่งร่างกายของตัวเองไว้

อันตรายจริง ๆ เกือบจะล้มอีกแล้ว

พอเปปเปอร์เห็นมายมิ้นท์ยืนนิ่งได้แล้ว หัวใจที่ตื่นเต้นขึ้นมาก็ได้สงบนิ่งกลับไปอยู่ที่เดิมแล้ว แล้วเม้มปากพูดขึ้นอย่างไม่พึงพอใจว่า“จะประมาทขนาดนี้ทำไม?”

มายมิ้นท์เบือนสายตาไปอย่างหวาดระแวง

เธอเป็นคนประมาทเหรอ ทั้ง ๆ ที่เขาเป็นคนทำให้เกิดขึ้นต่างหาก

ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเขาไม่ยอมเอาโทรศัพท์ให้เธอ เธอก็คงจะไม่ต้องมาล้มลงไปบนอกของเขาเพราะว่าแย่งไม่ได้ แถมยังมาโดนเขาหัวเราะเยาะว่าเธอมาให้กอดถึงที่อีก

พอนึกถึงภาพเมื่อกี้แล้ว ใบหน้าของมายมิ้นท์ก็ร้อนผ่าวขึ้นมาจนทนไม่ไหว

เธอยกมือขึ้นมา ใช้หลังมือที่เย็นเฉียบมาทาบอยู่บนหน้าตัวเอง เพื่ออยากจะลดอุณหภูมิลงให้ใบหน้าตัวเองสักหน่อย

เธอคิดไม่ถึงเลยจริง ๆ ว่าแค่ระยะเวลาสั้น ๆ ตัวเองจะไปมีท่าทางที่คลุมเครือแบบนั้นฟุบอยู่บนตัวเปปเปอร์ไปได้

แถมครั้งแรกยังโดนคนมาเห็นแล้วเข้าใจผิดไปอีก

ถึงแม้ครั้งนี้จะไม่มี แต่ว่าความอับอายในใจนั้น ถ้าเทียบกับครั้งแรกแล้ว ก็ไม่ได้ต่างกันมากเท่าไหร่

ที่สำคัญครั้งแรกมันเป็นเพราะอุบัติเหตุล้วน ๆ ถึงจะเขินอาย แต่ก็ปรับอารมณ์กลับมาได้อย่างรวดเร็ว

แต่ครั้งนี้มันไม่เหมือนกัน ที่จริงครั้งนี้ถ้าพูดจากหลักการบางอย่างแล้ว เธอก็เป็นคนไปให้เขากอดถึงที่จริง ๆ

เพราะว่าเธอเป็นฝ่ายที่จะไปแย่งโทรศัพท์ก่อนเอง

เพราะฉะนั้นมายมิ้นท์รู้สึกว่า ตัวเองควรจะหาที่สักแห่งสงบสติอารมณ์สักหน่อย

“คือว่า……ฉัน……ฉันไปเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ” มายมิ้นท์พูดแล้ว ก็หันหลังเดินไปทางห้องน้ำอย่างรวดเร็ว แล้วก็ปิดประตูลง

ประตูห้องปิดกั้นทุกอย่างไป แผ่นหลังของเธอพิงกับประตูไว้ แล้วค่อย ๆ ย่อตัวนี่ลง แล้วก็เอาใบหน้าซุกเข้าไปในหัวเข่าของตัวเอง

นี่มันน่าขายหน้าจะตายอยู่แล้ว

และที่สำคัญสิ่งที่ทำให้เธอแปลกใจที่สุดก็คือ ตัวเองกลับทำการกระทำที่ผิดปกติมากขนาดนี้ออกมาได้

เธอไม่ใช่คนที่คนอื่นไม่ให้โทรศัพท์ แล้วก็จะไปแย่งเอาง่าย ๆ แบบนั้น

แต่ว่าครั้งนี้ เธอกลับทำการกระทำแบบนี้ออกมา จนทำให้เกิดเรื่องที่ไปให้เขากอดถึงที่ออกมา

เพราะฉะนั้นเธอจึงไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าทำไมตัวเองถึงได้ไม่สงบนิ่งขนาดนี้?

มายมิ้นท์กัดริมฝีปากล่างไว้ ในดวงตาแฝงไปด้วยความมึนงงอยู่เล็กน้อย

แต่ที่ด้านนอก พอเปปเปอร์เห็นประตูห้องน้ำปิดดังปังทีหนึ่งไป เรียวปากบางก็ค่อย ๆ คลี่ออกมา

แน่นอนว่าเขารู้อยู่แล้วว่าเรื่องที่มายมิ้นท์ไปเข้าห้องน้ำนั้นเป็นเรื่องโกหก เรื่องที่หาข้ออ้างหลบหนีต่างหากที่เป็นเรื่องจริง

เพราะว่าเธอ กำลังเขินอายอยู่

เปปเปอร์หัวเราะจาง ๆ ทีหนึ่ง แล้วก็รวบรวมสายตากลับมา

เธอไม่ได้อยากจะเปิดปากเรียกเธอออกมา

เขาเข้าใจดี ถ้าเกิดเขาเอ่ยปากเรียกเธอตอนนี้ เธอก็จะยิ่งทำตัวไม่ถูก

ให้เธออยู่คนเดียว ให้อยู่ในห้องน้ำไปสักพัก จะได้สงบสติอารมณ์สักหน่อย

รอให้เธอปรับสภาพจิตใจของตัวเองได้แล้ว ก็จะออกมาเองแหละ

คิดแล้ว เปปเปอร์ก็ก้มหน้าลง แล้วก็ดูแท็บเล็ตต่อไป

ผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง ประตูห้องน้ำก็เปิดออก แล้วมายมิ้นท์ก็ออกมาจากข้างใน

พอเปปเปอร์ได้ยินความเคลื่อนไหว ก็วางแท็บเล็ตลงแล้วหันไปมอง

ใบหน้าของเธอไม่แดงแล้ว นอกจากสายตายังสั่นไหวอยู่บ้าง แสดงให้เห็นว่าภายในจิตใจเธอยังไม่สงบเต็มที่แล้ว เรื่องอย่างอื่น ก็ฟื้นฟูกลับมาได้พอสมควรแล้ว

“ประธานเปปเปอร์” สูดหายใจเข้าลึก ๆ ทีหนึ่ง มายมิ้นท์ก็หรี่ตาลงแล้วเปิดปากพูดขึ้น “คือว่า……เรื่องที่คุณพูดก่อนหน้านี้ เรื่องที่จะให้ฉันช่วย……”

“อ๋อ ใช่แล้ว มีอยู่เรื่องหนึ่งต้องให้คุณมาช่วย” เปปเปอร์พยักหน้าขึ้น

ทั้งสองคนไม่เอ่ยถึงเรื่องเมื่อกี้อีก ราวกับว่าเรื่องเมื่อกี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนยังไงอย่างงั้น

เมื่อเป็นแบบนี้แล้ว ทั้งตัวของมายมิ้นท์ ถึงได้ผ่อนคลายลงมาได้ และก็กล้าที่จะจ้องมองเขาแล้ว “คุณพูดมาได้เลย ให้ช่วยเรื่องอะไรคะ?”

“อีกสองวัน มีชาวต่างชาติที่เป็นบุคคลสำคัญหลายคนจะมาที่เมืองเดอะซี ดังนั้นพอถึงตอนนั้น ผมอยากให้คุณมาเป็นคู่ควงของผม ไปร่วมงานนี้เป็นเพื่อนผม จะได้หรือเปล่า?” เปปเปอร์จ้องมองไปที่เธอ

มายมิ้นท์ตกตะลึง “คู่ควงเหรอคะ?”

“อืม” เปปเปอร์พยักหน้าขึ้น

มายมิ้นท์เม้มเรียวปากแดงเล็กน้อย “งานเลี้ยงงานนี้ จำเป็นต้องพาคู่ควงได้ด้วยเหรอคะ?”

“งานเลี้ยงทางด้านธุรกิจ บางครั้งมันขาดคู่ควงไปไม่ได้จริง ๆ” เปปเปอร์ขยับเรียวปากพูดไป

มายมิ้นท์ไม่ได้พูดอะไรอีก แล้วก็หรี่ตาลงเหมือนกับว่ากำลังคิดวิเคราะห์อยู่

แน่นอนว่า งานเลี้ยงบางประเภท จำเป็นที่จะต้องพาคู่ควงไปด้วยถึงจะได้

เพียงแต่ว่าถ้าเธอไปละก็ มันก็ดูเหมือนจะไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่ ในเมื่อคู่ควงที่จะพาไปด้วยได้ ถ้าไม่ใช่ภรรยาก็จะต้องเป็นแฟน หรือไม่ก็เป็นคนรักที่เลี้ยงดูอยู่

แต่ว่าเธอกับเปปเปอร์ไม่ได้ทีความสัมพันธ์อะไรต่อกันเลย ถ้าเกิดว่าไปแบบหุนหันพลันแล่น คนอื่นเขาจะต้องคิดว่า เธอเป็นอะไรกับเปปเปอร์เหรอ

พอเห็นมายมิ้นท์กัดริมฝีปากล่างไป แล้วก็ไม่ยอมตอบตกลง เปปเปอร์ก็หรี่ตาลง “ถ้าเกิดคุณไม่อยากไป งั้นก็ช่างเถอะ เดี๋ยวผมไปหาคนอื่นก็ได้”

“หาใครคะ?” มายมิ้นท์เงยหน้าขึ้นมา แล้วก็ถามกลับไปอย่างอัตโนมัติ

เปปเปอร์จ้องมองเธออย่างรู้สึกแปลกใจ

ดูเธอจะสนใจเรื่องที่เขาจะไปหาคู่ควงคนอื่นมากเลยใช่หรือเปล่า?

ไม่งั้นทำไมเธอถึงได้มีปฏิกิริยาที่รุนแรงแบบนี้ล่ะ?

พอรู้สึกถึงจุดนี้ ในใจของเปปเปอร์ก็ดีใจอย่างบ้าคลั่งขึ้นมาทันที มือที่ถือแท็บเล็ตอยู่ก็กำเข้าหากันแน่นขึ้น ลูกกระเดือกขยับเล็กน้อย และเปิดปากพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง “มายมิ้นท์คุณ……”

มายมิ้นท์เองก็ตั้งสติขึ้นมาได้แล้ว ว่าการกระทำของตัวเองเมื่อกี้ ดูจะไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่ และจะทำให้คนอื่นคิดไปเรื่อยได้ง่าย

ที่สำคัญพอเห็นเปปเปอร์มีท่าทางที่ดูตื่นเต้นซะขนาดนี้ เห็นได้ชัดว่าต้องคิดมากไปแล้วแน่ๆ จึงรีบหรี่ลงอธิบายขึ้นว่า “ขอโทษค่ะประธานเปปเปอร์ ความหมายของฉันคือ คุณจะไปหาใครก็ได้ แต่ถ้าเกิดหาคนที่เหมาะสมไม่ได้แล้วจริง ๆ ฉันก็สามารถช่วยแนะนำให้คุณได้นะคะ”

พอได้ยินคำพูดของเธอ ความดีใจที่อยู่ในใจเปปเปอร์ รวมทั้งความตื่นเต้นบนใบหน้า ก็หายวับไปในชั่วพริบตา และกลายเป็นเคร่งขรึมขึ้นมา แล้วพูดอย่างกำมือไว้แน่นขึ้นว่า “ช่วยแนะนำให้ผมเหรอ? มายมิ้นท์ คุณนี่ช่างใจดีจริง ๆ นะ!”

ถึงกลับจะผลักเธอไปให้ผู้หญิงอื่นเลยเหรอ!

เขานึกว่าเธอคงจะมีความรู้สึกต่อเขาขึ้นมาบ้างแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่า จะเป็นแค่การคิดไปเองของเขาเท่านั้น

มายมิ้นท์จ้องมองใบหน้าที่เย็นชาแข็งทื่อของเปปเปอร์ และเรียวปากที่เม้มเป็นเส้นตรง ก็รู้ว่าตัวเองทำให้เขาโมโหแล้ว ในใจก็รู้สึกเสียใจกับคำพูดที่เพิ่งพูดไปเมื่อกี้ แล้วก็ทัดผมที่ข้างหูเล็กน้อย แล้วพูดอย่างรู้สึกผิดขึ้นว่า “คือว่า……ถ้าคุณไม่อยากได้ ฉันไม่ช่วยแนะนำให้คุณแล้วก็ได้ หรือไม่ ฉันรับปากคุณก็ได้”

เปปเปอร์จ้องมองเธออย่างตกใจ “คุณตอบตกลงเหรอ?”

“อืม” มายมิ้นท์พยักหน้า “แล้วก็เมื่อกี้…… ขอโทษด้วยค่ะ……”

เปปเปอร์ยิ้มขึ้นมาเลย “ไม่เป็นไร แต่ผมหวังว่าจะไม่มีครั้งต่อไปอีก คุณเองก็รู้ว่าในใจผมมีแต่คุณคนเดียวเท่านั้น ดังนั้น คำพูดเมื่อกี้ของคุณ มันทำให้ผมเสียใจเป็นอย่างมากเลย”

มายมิ้นท์ก้มหน้าลง จากนั้นก็เบี่ยงตัวไป “ไม่มีอีกแล้วค่ะ ฉันก็ขี้เกียจที่จะช่วยแนะนำให้คุณด้วยเหมือนกัน”

“งั้นก็ดีแล้ว” เปปเปอร์จ้องมองแผ่นหลังของเธอ “อีกสักสองวัน เดี๋ยวผมจะส่งที่อยู่ให้คุณ ตอนนี้ยังกำหนดไม่เรียบร้อยเลย”

“ได้ค่ะ” มายมิ้นท์ตอบรับไปคำหนึ่ง