พระชายาฉีกระดากปากที่จะพูดออกมาตรงๆ พูดอย่างคลุมเครือขึ้นว่า “เซวียนเอ๋อร์กับแม่นางเมิ่งมักจะอยู่ด้วยกันบ่อยๆ พวกเป็นหนุ่มเป็นสาว อาจจะทำเรื่องที่คิดไม่ถึงก็ได้เพคะ”
อ๋องฉีเป็นคนที่ผ่านโลกมานักต่อนักแล้ว จึงเข้าใจความหมายจากคำพูดนางทันที แล้วก็ขมวดคิ้วก่อน ต่อมาก็รู้สึกยินดี ถามตรงๆ ว่า “ความหมายของเข้าก็คือ พวกเราอาจจะได้เป็นท่านปู่กับท่านย่าแล้ว”
พระชายาฉีพยักหน้า “หม่อมฉันกังวลว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ จึงคิดที่จะยกเลิกการแต่งงานกับจวนราชเลขาโดยเร็ว จะได้เตรียมจัดงานแต่งงานให้พวกเขา”
“ดี” น้ำเสียงของอ๋องฉีตื่นเต้นดีใจมากขึ้น “รอวันพรุ่งนี้ให้เหวินเจี๋ยพวกเขากลับมาแล้ว ถ้าราชเลขาหลินรับปากยกเลิกการแต่งงาน พวกเราก็รีบเขาวังไปขอพระราชทานการแต่งงานทันที กำหนดวันแต่งงานของพวกเขา เช่นนี้แล้ว ต่อให้มีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น คนข้างนอกก็จะติฉินนินทาไม่ได้”
หวงฝู่อี้เซวียนยังไม่ทราบว่าอ๋องฉีกับพระชายาฉีเริ่มที่ปรึกษากันเรื่องงานแต่งงานของเขาแล้ว กลับเรือนตัวเองไปอย่างครึ้มอกครึ้มใจ นอนแผ่หลาอยู่บนเตียง นึกถึงว่าคืนพรุ่งนี้ก็จะได้แอบไปที่บ้านของเมิ่งเชี่ยนโยวแล้ว รู้สึกเบิกบานใจหลายเท่านัก
เมิ่งเชี่ยนโยวกลับบ้านบ้านไป เมิ่งฉีก็ได้กลับมาแล้ว แม่ครัวกับสาวใช้ทั้งหลายทำอาหารเย็นเสร็จแล้ว
คนงานในโรงหัตถกรรมมีเพิ่มขึ้นมามาก เมิ่งฉีกลับเหนื่อยกว่าแต่ก่อนอีกไม่น้อย ทุกวันหลังจากที่กลับมา ก็เหน็ดเหนื่อยจนแทบจะไม่ไหว แต่ว่า ถึงจะเหนื่อยเพียงใดก็ไม่ลืมที่จะใส่ใจเรื่องของเมิ่งเชี่ยนโยว วันนี้พอเข้าบ้านมาแล้วไม่เห็นเมิ่งเชี่ยนโยว หลังจากที่ทราบข่าวว่านางไปที่จวนอ๋องฉี สีหน้าทะมึนขึ้นทันที สั่งคนรับใช้เอาไว้ ว่าถ้าหากเมิ่งเชี่ยนโยวกลับมาแล้วให้นางไปพบเขาทันที
เมิ่งเชี่ยนโยวเพิ่งจะเดินเข้าประตูมา คนรับใช้ก็บอกมาว่าเมิ่งฉีต้องการให้นางไปหา คิดว่าโรงหัตถกรรมอาจจะมีเรื่องอะไร จึงรีบไปหาเมิ่งฉีที่เรือนทันที เปิดม่านประตูเข้าไป ถามขึ้นว่า “พี่รอง โรงหัตถกรรมมีเรื่องอะไรหรือเจ้าคะ”
เมิ่งฉีนั่งอยู่ในห้องด้วยใบหน้าเคร่งขรึม ถามเสียงต่ำขึ้นว่า “วันนี้เจ้าไปที่ไหนมา”
เมิ่งเชี่ยนโยวรู้สึกได้ว่าเขากำลังโมโห มองหน้าเขาอย่างแปลกใจ ตอบไปตามตรงว่า “ตอนแรกไปที่จวนอ๋องฉี จากนั้นก็ตามพระชายาฉีกับอี้เซวียนไปที่จวนแม่ทัพฉู่ พอออกมาจากที่นั่นก็ตรงกลับบ้านเลยเจ้าค่ะ”
สีหน้าของเมิ่งฉีก็ดีขึ้นเล็กน้อย กล่าวว่า “ต่อไปถ้าไม่มีเรื่องจำเป็นก็อย่าไปที่จวนอ๋องฉีบ่อยนัก อย่าให้คนนินทาเอาได้”
เมิ่งเชี่ยนโยวจึงเข้าใจทันทีว่าเมิ่งฉีโกรธด้วยเรื่องอะไร ลอบรำพึงกับตัวเองว่าโชคดีที่วันนี้มีญาณทราบเหตุการณ์ล่วงหน้า รีบกลับบ้านเร็ว เห็นท่าทางของพี่รองแล้ว ถ้าวันนี้มาช้าหน่อย คิดว่าเขาอาจจะไปหาคนถึงที่จวนอ๋องฉีเลยกระมัง กลับยิ้มบนใบหน้าแล้วกล่าวว่า “พี่รองเจ้าคะ ท่านคิดไปถึงไหนกัน ข้ากับอี้เซวียนรู้จะแยกแยะถึงความเหมาะสมอยู่”
“รู้จักแยกแยะแล้วอย่างไรเล่า ถึงอย่างไรเจ้าก็เป็นสตรีที่ยังไม่ได้ออกเรือน ข่าวลือที่แพร่ออกมาไม่มีผลดีต่อเจ้าเลย! อีกอย่างเรื่องการแต่งงานของเขาก็เป็นอุปสรรคอันใหญ่ รอให้เขายกเลิกการแต่งงานได้ก่อน พี่รองถึงจะอนุญาตให้พวกเจ้าได้อยู่ใกล้ชิดกัน”
“ข้ากำลังจะเล่าเรื่องนี้ให้พี่รองฟังพอดี” เมิ่งเชี่ยนโยวกล่าวยิ้มๆ
เมิ่งฉีมองหน้านาง
เมิ่งเชี่ยนโยวจึงเล่าเรื่องที่ไปจวนแม่ทัพวันนี้ให้เขาฟัง
เมิ่งฉีได้ยินแล้วก็ไม่ได้แสดงอาการตื่นเต้นยินดีเท่าใดนัก “นี่เป็นเพียงความคิดของพวกเจ้า ส่วนเรื่องที่จะไปจวนราชเลขา แล้วคุยกันได้ผลอย่าวไรนั้น ทุกอย่างยังไม่ได้แน่เลย เจ้าอย่าดีใจเกินไป ข้ายังยืนยันคำเดิม ก่อนวันสิ้นปี ถ้าการแต่งงานของเขายังยกเลิกไม่ได้ พี่รองก็จะพอเจ้ากลับบ้านเดิม ต่อไปเรื่องของเขาก็จะไม่เกี่ยวกับเจ้าอีก”
เมิ่งเชี่ยนโยวเห็นว่าเขายังโกรธอยู่ จึงไม่กล้าเอ่ยคัดค้าน
รู้ว่าเมิ่งเชี่ยนโยวไม่ได้อยู่ที่จวนอ๋องฉีวันหนึ่ง เมิ่งฉีก็สบายใจขึ้น จึงเปลี่ยนเรื่องคุย บอกเล่าถึงสถานการณ์ในโรงหัตถกรรมให้นางทราบ
เมิ่งเชี่ยนโยวเห็นเขาหน้าตอบลงทุกวัน รู้สึกว่าเขาในเวลานี้ลำบากเกินไปแล้ว คิดว่าจะหาคนมาช่วยดูแลดีหรือไม่ คิดนิดหนึ่งแล้วกล่าวว่า “พี่รอง ให้องครักษ์ที่ร้านบะหมี่มันฝรั่งมาช่วยดีไหมเจ้าคะ”
องครักษ์ที่อยู่ในร้านบะหมี่มันฝรั่งนั้นตอนที่อยู่บ้านเดิมก็เคยทำงานที่โรงหัตถกรรม จึงมีประสบการณ์ ไปก็ช่วยเหลืองานได้ไม่น้อย หลายวันมานี้เมิ่งฉีก็เหนื่อยสายตัวแทบขาด จึงพยักหน้าเห็นด้วย “ก็ดีเหมือนกัน ให้พวกเขามาเป็นผู้ดูแล ข้าจะสบายขึ้นมาก”
หลังจากที่รับประทานมื้อเย็นเสร็จ เมิ่งฉีก็กลับไปพักผ่อนที่ห้อง
เมิ่งเชี่ยนโยวก็กลับห้องของตัวเอง ไม่ได้ให้ชิงหลวนจุดตะเกียง นั่งอยู่ในห้องทั้งที่มืดๆ คิดว่าถ้าหากย้ายองครักษ์ที่ร้านบะหมีมันฝรั่งไปที่โรงหัตถกรรมแล้ว จะไปหาคนมาแทนจากที่ไหนได้ทันที
วันต่อมา หลังจากที่กินอาหารเช้าเสร็จรียบร้อย เมิ่งฉีไปที่โรงหัตถกรรม เมิ่งเชี่ยนโยวสั่งให้ชิงหลวนรอเฝิงจิ้งเหวินสองคนพี่น้องอยู่ที่จวน รอบอกพวกนางว่าตัวเองมีธุระที่ต้องออกไปทำสักพัก ให้พวกนางสองพี่น้องรอสักครู่ แล้วก็พาจู๋หลีไปที่เหลาจวี้เสียน
พนักงานที่เหลาจวี้เสียนเพิ่งเดินหาวลงมาเปิดประตู พอเปิดประตูก็เห็นเมิ่งเชี่ยนโยวมารออยู่ที่ข้างนอก อึ้งไปชั่วขณะ จากนั้นก็พูดอย่างกระตือรือร้นว่า “แม่นางขอรับ ท่านมาเช้าเกินไปแล้ว พวกเรายังไม่ได้เปิดร้านเลย”
“ข้ามาหาเถ้าแก่ของพวกเจ้า รบกวนเจ้าไปบอกเขาด้วย ว่าเจ้าของร้านบะหมี่มันฝรั่งที่อยู่ร้านตรงข้ามมีธุระต้องการจะปรึกษาหารือกับเขา” เห็นท่าทางเพิ่งตื่นนอนของพนักงานแล้ว ก็พอจะเดาได้ว่าเถ้าแก่ร้านคงจะยังไม่ตื่นนอน เมิ่งเชี่ยนโยวจึงเปลี่ยนความคิด ให้เถ้าแก่จัดการอะไรให้เรียบร้อยแล้วค่อยไปหาตัวเองที่ร้านแทน
พนักงานรับคำ “ได้ขอรับ ข้าจะรีบไปรายงานเถ้าแก่เดี๋ยวนี้”
เมิ่งเชี่ยนโยวกล่าวขอบคุณ จากนั้นก็ไปที่ประตูร้านของตัวเอง
เมิ่งอี้ถือกุญแจร้านเข้ามา เขาตื่นมาแต่เข้าทุกวัน วันนี้ก็เช่นเดียวกัน เห็นเมิ่งเชี่ยนโยวยืนรออยู่ที่หน้าประตู รีบถามขึ้นอย่างร้อนใจว่า “น้องโยวเอ๋อร์ เจ้ามารอที่นี่ตั้งแต่เช้าตรู่ มีเรื่องเร่งด่วนอะไรหรือ”
เมิ่งเชี่ยนโยวโบกมือ “พี่เมิ่งอี้อย่าร้อนใจไป ไม่มีเรื่องใหญ่อะไรหรอก ข้าเพียงแต่นัดเถ้าแก่เหลาจวี้เสวียนมาปรึกษาเท่านั้น”
เมิ่งอี้จึงวางใจ รีบหยิบกุญแจมาเปิดประตูร้านทันที แล้วทุกคนก็เดินเข้าไปในร้าน
“พี่สะใภ้กับหงเอ๋อร์สบายดีไหมเจ้าคะ ช่วงนี้ข้ายุ่งมาก จึงไม่มีเวลาไปเยี่ยมพวกเขา” เมิ่งเชี่ยนโยวถาม
“สบายดีมาก หงเอ๋อร์สดชื่นแจ่มใสดี หงเอ๋อร์เริ่มที่จะเรียนอักษรกับท่านตาแล้ว แม่ลูกสองคนสุขสบายยิ่งนัก”
“ท่านล่ะ ปรับตัวได้ไหมเจ้าคะ ข้าไม่ค่อยเห็นท่านกลับมาพักที่บ้าน”
เมิ่งอี้ผลิยิ้มน้อยๆ “แต่ก่อนข้ามักจะคิดว่าตัวเองเรียนน้อย ไม่เหมาะกับท่านพ่อตาที่เป็นตระกูลปราชญ์เช่นนี้ ดังนั้นจึงไม่อยากไปที่บ้านของท่านพ่อตา ตอนนี้เพิ่งจะรู้ว่าข้าคิดผิดไป ท่านพ่อตา ท่านแม่ยายกับท่านปู่ ลุงรอง ป้ารอง พวกเขาต่างก็ดีต่อข้า ไม่เคยคิดดูถูกที่ข้าเรียนน้อยเลย กลับกัน ยังมอบความสนิทสนมให้ข้าเป็นอย่างดี มีเรื่องอะไรก็ถามความคิดเห็นจากข้าก่อนเสมอ”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “ครอบครัวของท่านราชครูเป็นครอบครัวสูงศักดิ์ แต่ก็ไม่วางอำนาจเหมือนกับขุนนางระดับสูงคนอื่น ไม่อย่างนั้นก็คงจะไม่ไปสั่งสอนอี้เซวียนถึงชนบท ยิ่งจะไม่ยอมให้พี่สะใภ้อิ๋งเอ๋อร์แต่งงานกับท่าน”
เถ้าแก่เหลาจวี้เสียนได้ยินพนักงานมารายงาน จึงรีบสวมเสื้อผ้าแล้วลุกขึ้นจากเตียงทันที หวีผมหวีเผ้าเรียบร้อยแล้วก็มาที่ร้านบะหมี่มันฝรั่ง ถามอย่างสุภาพว่า “ไม่ทราบว่าแม่นางเมิ่งมาหาข้าแต่เช้าด้วยธุระอันใดหรือ”
—————————-