SD:บทที่ 21 ฉันเป็นอิสระ

ในที่สุดผู้กำกับก็วางโทรศัพท์ลงจากนั้นไม่นานจิตใจของเขาก็ว่างเปล่าและจดจำเรื่องบางอย่างได้

ไม่นะ!ฉันตั้งใจที่จะให้นักโทษจัดการกับ ซู ฉิวไป่ ก่อนหน้านี้

เขาคงไม่….

ทันใดนั้นเขาก็จำคำพูดของหัวหน้าหลิวและรู้สึกราวกับว่าก้นของเขากำลังถูกไฟไหม้ เขารีบลงไปชั้นล่างทันทีโดยไม่ห่วงที่จะสวมเสื้อโค้ทหรือไม่

เขาจินตนาการว่าคนขับแท็กซี่ได้โดนซ้อมจนยับเยินจนถึงจุดที่เขาไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ แต่ความเป็นจริงแล้ว ซู ฉิวไป่ กำลังนอนหลับสนิทในห้องขัง

ผู้กำกับจ้าวเหงื่อแตกในขณะที่เขากำลังวิ่งลงมาที่ห้องขัง เมื่อเขาเข้ามาเขาเห็นตำรวจด้านหน้าเข้ามาทักทายอย่างลังเล

“เกิดอะไรขึ้น?คนขับรถแท็กซี่ถูกทุบตายแล้วงั้นหรอ?”

จากท่าทางของตำรวจทำให้ผู้กำกับจ้าวรู้สึกราวกับว่าหัวใจของเขากำลังกระเด็นออกจากร่าง

“ไม่ใช่ เขา..”

ตำรวจขัดจังหวะผู้กำกับจ้าว แต่ในขณะนั้นเขาไม่รู้ว่าจะอธิบายสถานการณ์ปัจจุบันในห้องขังอย่างไร

“ขาของเขาหักหรือเปล่า หรือว่าเป็นแขนของเขา?” ผู้กำกับจ้าวถามอย่างใจจดใจจ่อขณะที่เช็ดเหงื่อบนใบหน้าของเขา

“ไม่ใช่อย่างนั้น เขาค่อนข้างดี ความจริงแล้ว…ตอนนี้เขาหลับอยู่” แม้ว่าไม่ใช่คำพูดที่เหมาะสมจะพูดแต่ตำรวจก็พยายามที่จะพูดประโยคนี้ออกมา

“นอนหลับ?”

เมื่อได้ยินคำพูดของตำรวจผู้กำกับจ้าวได้จินตนาการถึงฉากอื่นไปเรียบร้อย

เขาถูกตีจนสลบ….มันจบแล้ว… ฉันตายแน่ ตายแน่นอนวันนี้!

ผู้กำกับจ้าวผลักตำรวจออกไปและวิ่งไปข้างหน้าอย่างหงุดหงิด อย่างไรก็ตามเขาต้องตกตะลึงเมื่อเขามาถึงทางเข้าห้องขัง

สถานการณ์ในห้องขังเหมือนสถานการณ์ที่เขาเตรียมเอาไว้ให้กับ ซู ฉิวไป่ ถูกขังรวมไว้กับนักโทษเหล่านี้

แต่ทำไมฉากถึงดูแปลกๆ

ทำไมนักโทษที่แข็งแกร่งและดุดันจึงจ้องมอง ซู ฉิวไป่ จากมุมที่ไกลที่สุดพร้อมกับหน้าซีดราวกับว่าเขามองเห็นผีอีกทั้งคนขับแท็กซี่นั้น…ยังนอนหลับอยู่จริงๆ! ความจริงแล้วตอนนี้เขานอนน้ำลายไหลอยู่ เสียงกรนของเขาดังสนั่นอย่างคลุมเครือ

ผู้กำกับจ้าวเข้าใจในทันทีว่าทำไมตำรวจถึงบอกว่าคนขับแท็กซี่ค่อนข้างดี

เขาถอนหายใจด้วยความโล่งอกแม้ว่าเขาจะงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น

ขอบคุณพระเจ้าคนขับรถแท็กซี่ไม่เป็นไร

“เปิดประตู”

ผู้กำกับจ้าวหันไปหาตำรวจและสั่งคำสั่งจากนั้นเดินเข้าไป

บางทีมันอาจจะเป็นเพราะเสียงดังเกินไปเมื่อเทียบกับความเงียบสงบในห้องขังดังนั้น ซู ฉิวไป่ จึงลืมตาขึ้นมาโดยบังเอิญ เขาพยายามดึงตัวเองขึ้นมาจากพื้นอย่างงุนงงทำให้ผู้ต้องขังคนอื่นๆรีบถอยออกไป

ผู้กำกับจ้าวไม่ได้สนใจที่จะใส่ใจคนเหล่านั้น เมื่อเขาเห็นว่า ซู ฉิวไป่ ตื่นแล้วเขารีบเข้าไปหาทันที

“ น้องชายนายโอเคไหม?”

ซู ฉิวไป่ ยังคงสับสนเล็กน้อยและจ้องมองชายวัยกลางคนที่มองเขาด้วยรอยยิ้มแปลกๆ

สักครู่ต่อมาเขาก็จำได้ว่าตอนนี้เขาอยู่ในสถานีตำรวจใช่ไหม

“ผมตื่นแล้ว…คุณคือใคร” ซู ฉิวไป่ ถามอย่างไม่เป็นทางการในขณะที่ยิ้ม

“ผมคือจ้าว จื่อจิ้งผู้กำกับของที่นี่ ผมขอโทษที่จับคุณผิด คุณสามารถออกจากที่นี่ได้แล้ว”

อย่างไรก็ตามตำรวจที่ยืนอยู่ข้างหลังรู้สึกแปลกใจที่สุด เขารู้ว่าผู้กำกับคนนี้หยิ่งยโสเพียงใดเขาไม่คาดคิดว่าผู้กำกับจะพูดคุยด้วยรอยยิ้มและด้วยทัศนคติแบบนี้

เป็นไปไม่ได้…หรือเขาจะรู้เกี่ยวกับพลังแห่งความซวย*?*

แต่ฉันยังไม่ได้รายงานเรื่องนี้เลย!

ตำรวจรู้สึกสับสนมากและ ซู ฉิวไป่ ก็รู้สึกสับสนเช่นกัน

…ทุกสิ่งทุกอย่างสามารถแก้ไขได้หลังจากการนอนหลับอย่างนั้นหรอ?

แต่ ซู ฉิวไป่ ไม่รู้ว่าชายวัยกลางคนคนนี้เกี่ยวข้องกับผู้อำนวยการหลี่ ดังนั้นเขาจึงค่อนข้างยินดีเมื่อเห็นคนปฏิบัติต่อเขาอย่างสุภาพ

ซู ฉิวไป่ ส่งยิ้ม

“ผมไปได้แล้วจริงๆหรอ?”

เขายังสงสัยในเรื่องนี้

“ใช่แล้ว คุณสามารถจากไปได้ในทันที….คุณไม่ได้ทำผิด”

ผู้กำกับจ้าวยังคงยิ้มกว้างและเพิ่มประโยคอื่นๆในตอนท้ายเขานึกถึงทัศนคติของหัวหน้าหลิว  ซู ฉิวไป่ ตกตะลึงสักครู่ก่อนพยักหน้า

“สุดยอด ทุกคนเป็นมิตรมาก ปัญหาเดียวของที่นี่ดูเหมือนอาหารจะไม่ค่อยสะอาดนักเพราะผู้ต้องขังท้องเสียกันหมด”

คำอธิบายของเขาเกือบทำให้  หมีใหญ่ และผู้ต้องขังคนอื่นๆร้องไห้แม้แต่ผู้กำกับจ้าวเองยังคงแข็งค้าง

เขาหมายถึงอะไร ทำไมฉันไม่เข้าใจเลย

อย่างไรก็ตามการแสดงออกทางสีหน้าของเขาไม่ได้เปิดเผยความรู้สึกข้างใน สิ่งสำคัญที่เขาต้องทำในตอนนี้คือส่งชายคนนี้ออกไปอย่างรวดเร็วที่สุด

“รถของคุณจอดอยู่ที่สนาม คุณไปได้แล้ว”

ผู้กำกับจ้าวกังวลว่า ซู ฉิวไป่ จะกลับใจเขาจึงรีบกลับไปที่เรื่องเดิมอย่างรวดเร็ว

ซู ฉิวไป่ พยักหน้าแล้วเดินไปที่ประตู เมื่อเห็นว่าเขากำลังจะจากไปจริงๆผู้ที่มีความสุขที่สุดไม่ใช่ผู้กำกับจ้าวแต่เป็นกลุ่มนักโทษที่อยู่ในมุมหนึ่งของห้องขัง

ขอบคุณพระเจ้าในที่สุด เหวินเชน ก็จากไป

 

(TL: เหวินเชนเป็นเทพที่รับผิดชอบต่อความเจ็บป่วยโรคระบาดและโรคในศาสนาพื้นบ้านจีน)

 

ผู้กำกับจ้าวเดินมาพร้อมกับ ซู ฉิวไป่ ตลอดทางจากสถานีตำรวจหลังจากที่ดูเขาขึ้นรถแท็กซี่ไปแล้ว รอยยิ้มของเขาก็ค่อยๆจางหายไป ในขณะเดียวกันเขาก็รู้สึกโล่งอกและโกรธด้วยเช่นกัน

อย่างไรก็ตามความโกรธของเขาไม่ได้มุ่งเน้นไปที่ ซู ฉิวไป่ แต่เป็นภรรยาของเขาและพี่ชายที่โง่เขาของเธอ

ถ้าไม่ใช่เพราะเขาโชคดีและไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับผู้ชายคนนี้ เพื่อที่จะให้เขาออกไปจากที่นี่อย่างปลอดภัยถ้าทุกอย่างไม่ราบรื่น เขาคงจะจบสิ้นอย่างแน่นอน

ผู้กำกับจ้าวไม่สามารถอดกลั้นความโกรธของเขาได้อีกต่อไปดังนั้นเขาจึงเข้าไปในรถและรีบลงไปที่โรงพยาบาล

ในทางกลับกัน ซู ฉิวไป่ โทรหา ดง เจียเหว่ย ทันทีหลังจากออกจากสถานีตำรวจ

ซู ฉิวไป่ เดาว่าเธอคงเป็นห่วงเขาอยู่อย่างแน่นอน เธอผ่อนคลายหลังจากได้ยินคำพูดที่มั่นคงของเขา

เดิมที ดงเจียเหว่ย ต้องการมารับเขาที่สถานีตำรวจ  แต่ ซู ฉิวไป่ หยุดเธอเอาไว้ตอนนี้เขากำลังขับรถกลับบ้านดังนั้นไม่จำเป็นที่จะต้องขับรถมารับเขา

แต่สุดท้าย ซู ฉิวไป่ ยังคงตกลงที่จะทานอาหารกลางวันกับเธอ

แล้วยังไงล่ะ ก็เขายังโสด เขาปฏิเสธที่จะทานอาหารกลางวันกับสาวสวยแล้วแล้วก็..เขาคงจะบ้าอย่างแน่นอน

ซู ฉิวไป่ กลับมาที่บ้านทันทีหลังจากวางโทรศัพท์ในขณะที่เขาสัญญากับเซี่ยหรงหรงจะดูแลสุนัขสีขาวของเธอ

สำหรับวังไค่นั้น..มันค่อนข้างใช้ได้

เป็นอย่างที่เขาคิดเขาสังเกตเห็นสุนัข 2 ตัวของเขาสนทนากันอย่างกลมกลืนเมื่อเขาเดินเข้าไปในบ้านของเขา เมื่อเห็นเขาก้าวเข้ามาในบ้านวังไค่ยังคงนิ่งอยู่ในขณะที่สุนัขสีขาววิ่งมาหาเขา มันทำให้ ซู ฉิวไป่ รู้สึกค่อนข้างดี สุนัขของคนอื่นชอบเขามากนี่อาจเป็นเพราะเสน่ห์ส่วนบุคคล

ไม่นานหลังจากนั้นสุนัขสีขาวตัวเล็กๆบอกว่าอยากไปโรงพยาบาล เพื่อเยี่ยม เซี่ยหรงหรง

“ ไม่มีปัญหา!ไปกันเถอะ!”

เขาพยักหน้าอย่างมีความสุขทำให้สุนัขสีขาวตัวเล็กรู้สึกแปลกๆ

ทำไมเขาดูเหมือนมีความสุขกว่าฉัน

โทรศัพท์มือถือของเขาดังขึ้น เขาหยิบมันขึ้นมาและเห็นว่ามันเป็นสายที่มาจากน้องสาวของเขา ซู เซี่ยวเซี่ยว

“พี่ทุบตีใครบางคนอีกแล้วใช่ไหม”

ทันทีที่โทรศัพท์กดรับเสียงของ ซู เซี่ยวเซี่ยว ดังขึ้นอีกปลายด้านหนึ่ง

“ไม่!”

ซู ฉิวไป่ ตอบปฏิเสธอย่างรวดเร็ว

“  ลองดูวีดีโอบนอินเตอร์เน็ต ถ้าไม่ใช่พี่แล้วจะเป็นใคร”

ซู เซี่ยวเซี่ยว เกาหัวก่อนที่จะพูดต่อ เธออยากจะหัวเราะการตอบสนองของพี่ชายของเธอ พี่ชายของเธอเป็นแบบนี้มาตั้งแต่เด็ก เขาจะไม่ยอมรับมันเมื่อใดก็ตามที่เขาต่อสู้กับคนอื่น

“โอ้…นั้น ฮ่าฮ่า ..พวกเราเป็นเพื่อนกัน!เราแค่แกล้งหยอกกัน!น้องกินอะไรมาหรือยัง?”

ซู ฉิวไป่ หัวเราะช้าๆ 2-3 ครั้งเขาอยากจะเปลี่ยนเรื่องอย่างใจจดใจจ่อ

“อย่าเพิ่งเปลี่ยนเรื่อง พี่สบายดีไหม?ตำรวจจับพี่ไปไม่ใช่หรอ?ฉันเห็นข้อความบางส่วนที่ระบุว่าผู้กำกับตำรวจมีความสัมพันธ์กับผู้อำนวยการที่พี่ทุบตี”

บอกได้เลยว่า ซู เซี่ยวเซี่ยว รู้สึกประหม่าเล็กน้อย  ซู ฉิวไป่ ตกตะลึงสักครู่ ผู้กำกับคนนั้นเกี่ยวข้องกับผู้อำนวยการหลี่อย่างนั้นหรอ?

“พี่ได้รับการปล่อยตัวแล้ว ผู้กำกับจ้าวปล่อยพี่ออกมา เขาเป็นคนดี!”

ซู ฉิวไป่ พูดอย่างจริงใจกับน้องสาวของเขาเกี่ยวกับความประทับใจในตัวผู้กำกับจ้าว ถ้าผู้กำกับจ้าวได้ยินความประทับใจของ ซู ฉิวไป่ เขาคงต้องประทับใจอย่างแน่นอน

เขาไม่มีทางเลือกอื่น ถ้าคนที่คุณไม่เคยติดต่อโทรมาหาคุณหลังจากนั้นไม่กี่นาทีเพื่อขอให้คุณปล่อยใครสักคน และในที่สุดแม้แต่หัวหน้าคุณเองยังขู่ที่จะไล่เขาออก…ดังนั้นเขาจึงกลายเป็นคนดี!

“จริงนั้นหรอ?” ซู เซี่ยวเซี่ยว รู้สึกสงสัยเล็กน้อย

“ไม่เป็นไรพี่สบายดี ดูแลตัวเองด้วย โทรหาพี่ถ้าเธอต้องการอะไรเพิ่ม”

หลังจากนั้น ซู ฉิวไป่ วางสายโทรศัพท์อย่างรวดเร็ว

ตั้งแต่ตอนเด็กๆน้องสาวของฉันชอบติดตามไปทุกที่ เมื่อใดก็ตามที่เธอพบว่าฉันต่อสู้กับคนอื่นๆเธอจะบอกพ่อแม่ของเราและฉันก็จะถูกลงโทษ จากนั้นเธอจะนำมานั่งมาทำการบ้านข้างๆฉัน….

ทันใดนั้น ซู ฉิวไป่ ก็อยากจะหัวเราะเมื่อระลึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา จริงๆแล้วช่วงเวลานั้นเป็นที่น่าพอใจมาก

ซู ฉิวไป่ อุ้มลูกสุนัขสีขาวในขณะที่เขาเดินลงไปข้างล่างรวดเร็วจากนั้นขับรถตรงไปที่โรงพยาบาล

อย่างไรก็ตามสิ่งที่เขาไม่รู้ก็คือที่โรงพยาบาล อยู่ในภาวะสับสนวุ่นวาย

ในห้องผู้ป่วยหนักผู้อำนวยการหลี่ถูกห่อไว้เหมือนเกี๊ยวบนเตียง มีเพียงดวงตาของเขาเท่านั้นที่ไม่ถูกผ้าปิดเอาไว้ ส่วนที่เหลือบนร่างกายถูกมัดด้วยผ้าก็อต ถัดจากเขาคือน้องสาวของเขา หลี่เซี่ย เห็นได้ชัดว่าทั้งสองคนเป็นพี่น้องกัน เขาดูเหมือนกันมาก หลี่เซี่ยเป็นคนขี้โกงมากกว่าผู้อำนวยการหลี่เล็กน้อย

หลี่เซี่ยรู้สึกเจ็บเมื่อเห็นพี่ชายของเธออยู่ในสภาพวิกฤต มันเป็นเพราะคนขับแท็กซี่ที่นำโชคร้ายมาให้จึงทำให้เขาอยู่ในสภาพเช่นนี้

ในทางกลับกันผู้อำนวยการหลี่พยายามใคร่ครวญดูว่าเขาควรมีชีวิตอยู่ต่อไปหรือไม่ เขาระลึกถึงอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับเขาเพียงไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา

มันน่ากลัวมาก…ฉันอยากจะยกย่องตัวเองที่มีชีวิตรอดจากเหตุการณ์ทั้งหมด

จากสถานที่จัดประชุมกันแลกเปลี่ยน ป้ายหล่นมาทับหัวเขา เมื่อเขาออกมาโทรศัพท์ ฟุตบอลก็พุ่งมาที่หัวของเขาทำให้เขาล้มลง ระหว่างทางที่มาโรงพยาบาลคนขับรถตกท่อระบายน้ำเพราะคนขับเมา

เขายังรู้สึกงงๆเมื่อพยาบาลดึงเขาขึ้นมาจากท่อระบายน้ำเหมือนกับเธอลากหมูที่ตายแล้ว อย่างไรก็ตามดูเหมือนพยาบาลผู้เคราะห์ร้ายคนนั้นบังเอิญลื่นไถลและทำให้เขาตกลงไปในท่อระบายน้ำอีกครั้ง

ดังนั้นเขาจึงถูกลากขึ้นมาจากท่อระบายน้ำเหมือนเดิม ในตอนแรกเขาคิดว่าทุกอย่างจะเรียบร้อยในไม่ช้า แต่เมื่อมาถึงโรงพยาบาลพยาบาลได้พักเปลของเขาขึ้นไปบนลิฟท์ อยู่ดีๆลิฟต์ก็หล่นลงมาโดยบังเอิญ

หลังจากนั้นพยาบาลหลายคนพยายามที่จะยกไปขึ้นทางบันได อย่างไรก็ตามเปลหามหลุดมือไม่ตั้งใจจึงทำให้เขาตกลงมาจากบันไดหลายขั้น

ดังนั้น…เมื่อเขาตื่นขึ้นมาเขาพบว่าเขาเองเป็นอัมพาตอย่างสมบูรณ์ร่างกายของเขาขยับไม่ได้อีกต่อไป

ถ้าหมอไม่บอกว่าเรื่องทั้งหมดเกิดอะไรขึ้นเขาคงคิดว่าเขาถูกคนลักพาตัวและทำร้ายอย่างบาดเจ็บสาหัส

อย่างไรก็ตามผู้อำนวยการหลี่ยังคงรู้สึกดีใจเพราะคิดว่าน้องเขยของเขาจะล้างแค้นให้ในขณะที่เขากำลังคิดถึงน้องเขยของเขา น้องเขยของเขาก็ปรากฏตัวในห้องพัก

แต่…เขากลับพยายามทำอะไรบางอย่าง

ปัง!

ผู้อำนวยการหลี่รู้สึกประหลาดใจเมื่อเขาเห็นจ้าว จื่อจิ้งเตะที่นอนอย่างแรง เขาร้องไห้ด้วยความเจ็บปวดกระดูกของเขาที่เพิ่งได้รับการรักษา…หักอีกครั้ง

——————————————