ความวุ่นวายในป่าเบิร์นนิ่ง

ในขณะที่พวกเขาเฝ้าดูหน่วยลาดตระเวนปีศาจกลายเป็นอะไรที่ไม่ได้มากไปกว่า EXP สำหรับทีมของซือเฟิง ผู้เล่นปีศาจหลายคนก็อ้าปากค้างความตกตะลึง

“พวกเขาเป็นใครกัน ?”

ผู้เล่นปีศาจที่เฝ้าดูอยู่ในระยะไกลต่างก็ทั้งตกใจและสงสัย ในขณะที่พวกเขามองไปยังทีมของซือเฟิง

หน่วยลาดตระเวนของปีศาจนั้นเป็นดั่งบาเรียที่มั่นคงซึ่งป้องกันไม่ผู้บุกรุกสามารถเข้าประชิดเมืองปีศาจได้ พวกนี้นั้นคล้ายกับทหารลาดตระเวนของเมือง NPC พวกนี้ไม่เพียงแต่จะมีสกิลหรือเวทย์จำนวนมากที่ทรงพลัง แต่พวกนี้ยังสามารถต่อสู้เป็นทีมได้ดีอีกด้วย พวกนี้ไม่มีอะไรเหมือนกับผู้เล่นปีศาจโดยทั่วไปเลย

อย่างไรก็ตามปีศาจเหล่านี้กับไม่ต่างจากมอนสเตอร์ธรรมดาเลยต่อหน้าทีมของซือเฟิง …..

“เราจะยังรอพวกทีมนักผจญภัยไหม หัวหน้า ?”แรนเจอร์เลเวลหนึ่งร้อยห้า ขั้นสอง ถามพลางหันไปมองแอสซาซินขั้นสามที่เป็นผู้นำทีม

“แม้แต่ทีมนักผจญภัยขนาดใหญ่ของเมืองปีศาจก็จะไม่ได้มีช่วงเวลาที่ง่ายเลยในการจัดการกับทีมที่สามารถฆ่าหน่วยลาดตระเวนปีศาจได้ง่ายๆ ทำให้ตอนนี้นั้นพวกเขากับจำเป็นจะต้องตัดสินใจแล้วว่าจะจับตาดูทีมของซือเฟิงต่อไปไหมจนกว่าทีมนักผจญภัยขนาดใหญ่จะมาถึง

พวกเขานั้นเป็นผู้เล่นปีศาจ และมีประสาทสัมผัสทั้งห้าที่เฉียบคมกว่าผู้เล่นมนุษย์ แต่มันก็ไม่มีอะไรสามารถรับประกันได้ว่าพวกเขาจะไม่ถูกค้นพบ และในกรณีทีทีมของซือเฟิงสังเกตเห็นพวกเขา ผลที่ตามมามันจะเลวร้ายมากแน่นอน และความเสี่ยงนั้นก็แทบจะไม่คุ้มค่ากับรางวัลเลย

“แน่นอนสิ !! หัวใจปีศาจนั้นเสนอรางวัลสุดพิเศษมา แม้ว่าเราจะช่วยฆ่าผู้เล่นได้แค่คนเดียว และได้รับเพียงสิบเปอเซ็นต์ของรางวัล แต่เราก็จะยังคงได้รับคริสตัลปีศาจ ซึ่งเมื่อเรามีคริสตัลปีศาจยี่สิบชิ้น เราก็จะสามารถท้าทายเพื่อรับตำแหน่งขุนนางในเมืองได้ ซึ่งมันจะต้องใช้เวลานานมากเลยนะ หากเราพยายามล่าและเก็บรวบรวมมันด้วยตัวเอง” แอสซาซินขั้นสามกล่าว “อย่างไรก็ตาม เราจะต้องระวังให้มากและรักษาระยะห่างจากผู้เล่นเหล่านั้นไว้ เราไม่จำเป็นจะต้องติดตามพวกเขาไปอย่างใกล้ชิดมากนะ มันจึงจะปลอดภัยสำหรับเรา …”

ขณะเดียวกันคนที่เหลือก็พยักหน้าเห็นด้วย ทุกคนต่างคิดว่าแผนของหัวหน้าทีมของพวกเขานั้นเป็นไปได้

ด้วยประสาทสัมผัสทั้งห้าที่เหนือกว่าของพวกเขา พวกเขาน่าจะสามารถหลีกเลี่ยงการตรวจจับจากทีมของซือเฟิงได้ แม้ว่าทีมของซือเฟิงจะทรงพลังก็ตาม หากพวกเขาเว้นระยะห่างไว้มากเพียงพอ

ทันทีที่แอสซาซินขั้นสามพูดจบ กริชเย็นยะเยือกก็พุ่งเข้ามาทะลุอกเขา และความเสียหายมากกว่าเก้าแสนก็ปปรากฎขึ้นเหนือหัวของเขา

ก่อนที่แอสซาซินขั้นสามจะทันได้พูดจบ ดาบที่มีสีขาวราวกับหิมะก็กรีดผ่านคอเขา และกลืนกิน HP สุดท้ายของเขาไปทั้งหมดแล้ว

“หัวหน้า ?!”

สมาชิกขั้นสองที่เหลืออีกห้าคนของทีมก็ล้มเหลวในการจะตอบสนองใดๆ

มันเกิดอะไรขึ้นกัน ?

สองวินาทีที่แล้ว หัวหน้าทีมของพวกเขายังมีชีวิตอยู่เลย แต่อย่างไรก็ตามในสองวินาทีต่อมา พวกเขากับตายลง

หัวหน้าทีมของพวกเขานั้นเป็นแอสซาซินขั้นสาม และแม้แต่ในเมืองปีศาจเขาก็จัดว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญที่มีชื่อเสียง แต่ตอนนี้เขากับพึ่งตายลงไปอย่างกระทันหัน ….

“แอสซาซิน ?”

“อึก !! เราถูกค้นพบแล้ว ?!”

“หนี !!”

เมื่อถึงเวลาที่ผู้เล่นปีศาจทั้งห้าเริ่มจะตอบสนองได้ ผู้หญิงที่ดูมีเสน่ห์ก็หายตัวไปราวกับภูติผี

ก่อนที่เธอจะมาปรากฎตัวขึ้นอีกครั้งต่อหน้าผู้เล่นปีศาจทั้งห้า และลำแสงสีขาวราวกับหิมะก็กวาดผ่านพวกเขาทันที และชุดของความเสียหายที่มากกว่าหนึ่งล้านก็ปรากฎขึ้นเหนือหัวของผู้เล่นปีศาจแต่ละคน ก่อนจะกลืนกิน HP ของพวกเขาไปทั้งหมดทันที ….

“ช่างโง่เขลา !!! พวกคุณแผ่มานาออกมามากซะจนราวกับเป็นโคมไฟท่ามกลางความมืด !!! แต่คุณกล้าคิดจะติดตามเรางั้นหรอ ?!!” “ไฟเออร์แดนซ์ส่ายหัวอย่างดูถูกและเหยียดหยามกับท่าทางสับสนของผู้เล่นปีศาจ เธอนั้นคิดว่าพวกเขาประเมินเธอต่ำเกินไปมาก

สิ่งที่ไฟเออร์แดนซ์ไม่รู้นั่นก็คือ ในยุคนี้นั้นผู้เล่นขั้นสามยังคงจัดว่าหายาก และเมื่อผู้เล่นมาถึงขั้นสามกัน พวกเขาต่างก็เร่งรีบเก็บรวบรวมสกิลกับเวทย์ขั้นสามให้มากที่สุด ไม่ได้มีใครว่างมาสนใจปรับปรุงการควบคุมมานาของตนเท่าไหร่นัก

“หัวหน้ากิล ฉันได้จัดการกับผู้เล่นปีศาจที่อยู่ใกล้ๆไปแล้ว …” ไฟเออร์แดนซ์
รายงานซือเฟิง หลังจากเธอตรวจสอบแล้วไม่พบมานาของผู้เล่นศัตรูที่บริเวณใกล้เคียง

“ดี ตรวจตราและเคลียร์พื้นที่ต่อไป หากเธอเจอกับผู้เล่นปีศาจมากเกินไปก็ให้ติดต่อทีมแอสซาซินของกองกำลังนรกเพื่อขอความช่วยเหลือ” ซือเฟิงกล่าวพลางพยักหน้า จากนั้นเขาก็หันกลับมาจ้องมองไอเทมที่หน่วยลาดตระเวนปีศาจดรอปไว้

เขาไม่ได้คาดหวังเลยว่าหน่วยลาดตระเวนปีศาจพวกนี้จะดรอปอะไรดีๆออกมา เพราะท้ายที่สุดแล้วพวกมันอยู่ในระดับเดียวกับทหาร NPC และทหาร NPC ก็แทบไม่
ดรอปอะไรเลย หลังจากผู้เล่นฆ่าพวกเขา

อย่างไรก็ตามตรงกันข้ามกับความคาดหวังของซือเฟิง ปีศาจเหล่านี้ได้ดรอปไอเทมมีค่าไว้มากมาย แม้ว่าอาวุธและอุปกรณ์ที่ดรอป เลเวลหนึ่งร้อยสิบที่ดรอปออกมาจะมีมาตราฐานค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับอาวุธและอุปกรณ์ในระดับเดียวกัน แต่ปีศาจพวกนี้ก็ยังดรอปแม้กระทั่งทองดำเวทย์มนต์

ทองดำเวทย์มนต์นั้นเป็นวัสดุหายากระดับอีปิคที่หายากมากๆ เพราะไม่เพียงแต่ผู้เล่นจะสามารถใช้มันเพื่อเพิ่มอัตราความสำเร็จในการผลิตอาวุธและอุปกรณ์ได้ แต่มันยังมีโอกาสที่จะทำให้ไอเทมเป็นไอเทมที่ได้รับพลังแห่งความมืดด้วย มันเป็นวัสดุที่ปรมาจารย์ช่างตีเหล็กทุกคนนั้นล้วนแสวงหา

เขาได้รับทองดำเวทย์มนต์มาสิบสี่แท่ง หลังจากทำการฆ่าหน่วยลาดตระเวนปีศาจไปได้หนึ่งหน่วย หากปรมาจารย์ช่างตีเหล็กในชาติก่อนของเขารู้เรื่องนี้ พวกเขาน่าจะมาตามล่าหน่วยลาดตระเวนปีศาจในป่าเบิร์นนิ่งจนสูญพันธ์แน่นอน

อย่างไรก็ตามสมาชิกกองกำลังนรกนั้นมีความสุขมากกว่าซือเฟิง ….

ปีศาจที่พวกเขาฆ่าไปนั้นมันให้ EXP แก่พวกเขามากมาย และในระหว่างการต่อสู้ พวกเขานั้นก็ได้รับความเข้าใจอย่างมากเกี่ยวกับการควบคุมมานา

แม้ว่าการควบคุมมานาของปีศาจเหล่านี้จะไม่สามารถเทียบกับ NPC ที่แท้จริงได้ แต่มันก็ยังจัดว่าดีกว่าพวกมอนสเตอร์ทั่วไป

โดยทั่วไปแล้วพวกเขาก็จะมีโอกาสต่อสู้แค่กับมอนสเตอร์ทั่วไปเท่านั้น พวกเขาแทบจะไม่มีโอกาสต่อสู้กับ NPC เลย ดังนั้นทำไมพวกเขาจึงจะไม่ตื่นเต้น เมื่อพวกเขามีโอกาสจะต่อสู้กับปีศาจที่ฉลาดเท่ากับ NPC ที่แท้จริง ?

ในตอนแรกนั้นกองกำลังนรกไม่ได้กระตือรือร้นจะโจมตีเมืองปีศาจเท่าไหร่เลย แต่การค้นพบนี้ได้จุดไฟแห่งความกระตือรือร้นมในใจของพวกเขาแล้ว

ในขณะเดียวกันตอนนี้ เมื่อทำการสำรวจป่าเบิร์นนิ่ง กองกำลังนรกนั้นไม่ได้พยายามจะหลีกเลี่ยงหน่วยลาดตระเวนปีศาจเลย ตรงกันข้ามพวกเขากับเริ่มค้นหาพวกหน่วยลาดตระเวนอย่างกระตือรือร้นมากขึ้นด้วยซ้ำ

ในขณะเดียวกันที่บริเวณหนึ่งของป่าเบิร์นนิ่ง ทีมหนึ่งพันคนได้ทำการโจมตีรังของมอนสเตอร์ที่อยู่ภายใต้การป้องกันของมอนสเตอร์ระดับเทพนิยาย เลเวลหนึ่งร้อยสิบ

และแม้ว่าพวกเขาจะมีทีมผู้เล่นแค่หนึ่งพันคน แต่มากกว่าแปดสิบคนในหมู่พวกเขานั้นก็ได้มาถึงขั้นสามแล้ว ซึ่งแม้แต่กิลชั้นสูงก็ยังไม่สามารถจะจัดทีมแบบนี้ขึ้มาได้เลยในระยะนี้ของเกม ผู้เล่นหลายคนที่เป็นผู้นำทีมนั้นยังสามารถจะปราบปรามมอนสเตอร์ระดับเทพนิยายได้อย่างง่ายดาย ซึ่งนี่ทำให้คนอื่นๆนั้นสามารถจะจัดการกับลอร์ดบอสผู้ยิ่งใหญ่และแกรนลอร์ดที่เหลือได้สบายมาก

“ยอดเยี่ยม !!! มอนสเตอร์ทุกตัวอยู่ในการควบคุมของเราแล้ว !!! ผู้เล่นขั้นสามเริ่มโจมตีบอสได้ทันที !!!” ชายผู้ที่ดูกล้าหาญที่มีเลเวลหนึ่งร้อยแปด ซึ่งอยู่ในชุดคลุมสีดำ และถือคทาสีทอง ตะโกนขึ้น ขณะที่เขาต่อสู้กับมอนสเตอร์ระดับเทพนิยายอยู่

ทันใดนั้นผู้เชี่ยวชาญขั้นสามมากกว่าแปดสิบคนก็หันหน้าจากเป้าหมายเดิมของพวกเขา และเปลี่ยนความสนใจมายังบอสผู้ปกป้องรังทันที และภายในเวลาไม่ถึงหกนาที มอนสเตอร์ระดับเทพนิยายที่คนส่วนใหญ่ในปัจจุบันนั้นล้วนหวาดกลัวมากๆก็ตายลง และดรอปปไอเทมจำนวนมากเอาไว้รอบศพ

แม้ว่าทีมผู้เล่นอิสระที่เฝ้าดูจากระยะไกลจะถูกล่อลวงด้วยไอเทมจำนวนมากที่มอนสเตอร์ระดับเทพนิยายดรอปออกมา แต่มันก็ไม่มีใครกล้าจะเข้าไปขโมยเลย ทีมนักผจญภัยที่บุกโจมตีรังมอนสเตอร์แห่งนี้นั้นก็เป็นหนึ่งในทีมนักผจญภัยขนาดใหญ่แห่งเมือปีศาจ และทีมนักผจญภัยแบบนี้นั้นก็ด้อยกว่าแค่สองกิลในเมืองเท่านั้น ใครก็ตามที่กล้าจะขโมยของจากทีมนักผจญภัยแบบนี้ก็ไม่ควรจะฝันว่าตัวเองจะมีชีวิตอยู่ได้นาน

“ผู้บัญชาการ แบล๊คไบรน์แมนด์เพิ่งส่งข้อความมาระบุว่าทีมของเขาได้ค้นพบเป้าหมายของหัวใจปีศาจ” แอสซาซินขั้นสาม เลเวลหนึ่งร้อยเจ็ด มารายงานต่อหน้าหัวหน้าทีมของเขา

“พวกเขามาแล้วงั้นหรอ ?” ชายผู้ที่ดูกล้าหาญยิ้ม “แจ้งให้ทุกคนทราบทันทีว่าเราจะไปยังทิศทางนั้น !!! แบล๊คไบรน์แมนด์จะไม่เหลืออะไรไว้ให้เราแน่นอน หากเราไปช้า ฉะนั้นเราต้องรีบหน่อย !!!”

“แบล๊คเฟรมไบรน์แมนด์ได้เตือนว่าผู้เล่นเหล่านี้นั้นแข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อมากๆ และพวกเขาก็สามารถจะจัดการกับหน่วยลาดตระเวนปีศาจได้อย่างง่ายดาย” แอสซาซินขั้นสามล่าว

“พวกเขาทำได้ขนาดนั้นเลยงั้นหรอ ? ฉันไม่คิดเลยว่าพวกเขาจะทรงพลังมากขนาดนั้น ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมหัวใจปีศาจถึงเสนอรางวัลที่ยอดเยี่ยมแบบนั้น” ชายผู้ที่ดูกล้าหาญกล่าวพลางพยักหน้า “แล้วเป้าหมายอยู่ตรงไหนแล้ว ?”

เขาคุ้นเคยกับความแข็งแกร่งของหน่วยลาดตระเวนปีศาจเป็นอย่างดี มันไม่มีทีมผู้เล่นขั้นสาม หนึ่งร้อยคนทั่วไปที่สามารถจะรับมือกับพวกมันได้

“ฉันไม่รู้ …” แอสซาซินขั้นสามตอบพลางส่ายหัว

“ไม่ใช่ว่าแบล๊คไบรน์แมนด์ตามพวกเขาอยู่งั้นหรอ ?” ชายผู้ที่ดูกล้าหาญถามอย่างสงสัย

เขานั้นค่อนข้างคุ้นเคยกับผู้เล่นที่ชื่อไบรน์แมนด์ดี ชายคนนี้นั้นไม่เพียงแต่จะมีพลังส่วนตัวที่ทรงพลังมากๆ แต่เขายังเป็นหนึ่งในแอสซาซินระดับต้นๆของเมืองปีศาจด้วย ไม่มีทางที่ไบรน์แมนด์จะละทิ้งโอกาสแบบนี้แน่นอน

“เขา …. ตายแล้ว …”