”ฮือฮา!”
เพราะสิ่งที่ได้ยินมันเกินกว่าความคาดหมายไปไกลทุกคนตกใจหันคอแทบหัก!
หมายความว่ายังไง?
คนคนนี้เป็นเจ้าหน้าที่ของค่ายเขี้ยวหมาป่าและก็เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของหัวหน้าชูฮันด้วย?
ทำไมพวกเขาถึงไม่รู้เลย!
เหอเฟิงไม่สนใจปฏิกิริยาของทุกคนเขามองแต่ซางจิ่วตี้ “ทำไมต้องตั้งตัวเป็นศัตรูกับฉัน? ตอนที่แนะนำฉันให้กับทุกคน เธอควรจะพูดให้ชัดเจน”
”หึ!”ซางจิ่วตี้แสยะยิ้ม และเปลี่ยนหัวข้อไปคนละเรื่องทันที “สถานการณ์ที่ซางจิงเป็นยังไง?”
”น้ำมันลึกเกินไป”เหอเฟิงตอบคลุมเครือ
แววตาของซางจิ่วตี้สั่นไหวเล็กน้อยและเอ่ยขึ้นด้วยนำ้เสียงที่แฝงไปด้วยกังวล “แล้วพวกนั้นล่ะ?”
”ตาแก่สองคนนั้นพร้อมที่จะลงมือได้ทุกเมื่อ”เสียงของเหอเฟิงเรียบนิ่ง “เธอเมินเฉยฉัน วิธีการแบบนี้มันเปล่าประโยชน์ ครั้งนี้ฉันเดินทางมาเองและฉันก็ไม่คิดจะกลับไปซางจิง”
”เฮือก!”
ซางจิ่วตี้ชะงักทันทีเหอเฟิงเป็นคนที่น่ารำคาญจริงๆ!
ประโยคสนทนาตอบโต้ระหว่างทั้งคู่จบลงอย่างไม่มีใจความสำคัญให้ผู้ฟังจับได้เลยทุกคนได้ยืนตะลึงนิ่งค้างอยู่ที่เดิม นี้เหอเฟิงผู้ยิ่งใหญ่คนนี้ก็เป็นทหารของค่ายเขี้ยวหมาป่าและเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของหัวหน้าชูฮันเหมือนกันเหรอ?
ซางจิ่วตี้เต็มไปด้วยความรู้สึกไม่ชอบใจแต่ทัศนคติของเหอเฟิงมันแสดงออกทุกอย่าง เหอเฟิงช่างเป็นตัวของตัวเองซะเหลือเกิน! ผลกระทบมันยิ่งใหญ่เกินไป!
ทันทีที่ปรากฏตัวขึ้นก็ประกาศตัวว่าเป็นลูกน้องของชูฮันเป็นเจ้าหน้าที่ของค่ายเขี้ยวหมาป่า แล้วตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ชูฮันมอบอำนาจในการควบคุมกองทัพเขี้ยวหมาป่าให้เหอเฟิง?
น่าทึ่งอะไรขนาดนี้!
สำหรับบทสนทนาที่เหลือระหว่างซางจิ่วตี้และเหอเฟิงคนที่สามารถเข้าใจได้นั้นก็ทำได้แค่ระงับอารมณ์อยู่ในอกเงียบๆ ส่วนคนที่ไม่เข้าใจก็ได้แต่มึนงงอย่างตามสถานการณ์ไม่ทัน
แววตาของซูเฟิงเป็นประกายวาบมองจ้องมาที่เหอเฟิงตรงๆเขาหัวเราะเบาๆในลำคออย่างเย่อหยิ่งก่อนจะพูดขึ้น “ไม่มีอะไรยืนยันสิ่งที่คุณพูดได้เลย ดังนั้นในฐานะหัวหน้าทีมที่สามของกองทัพเขี้ยวหมาป่า ฉันจะไม่ฟังคำสั่งใดๆจากคุณทั้งนั้น”
เหอเฟิงเองก็ไม่กลัวที่จะจ้องตากลับน้ำเสียงนิ่งๆเต็มไปด้วยความมั่นใจหาใครเทียบได้ติด “เป็นปกติ”
ทุกคนในห้องที่รวมตัวกันแน่นเมื่อพวกเขาได้ยินว่าชายแปลกหน้าจะมายึดควบคุมทั้งกองทัพเขี้ยวหมาป่าของพวกเขา มันก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าจะไม่มีใครเลยที่รู้สึกต่อต้านอยู่ในใจกับความจริงที่ได้รับรู้ แถมเหอเฟิงคนนี้ยังทำให้พวกเขารู้สึกกดดันทางจิตใจ ออร่าความกดดันและอำนาจที่แผ่ออกมาจากผู้ชายคนนี้แทบไม่แตกต่างจากหัวหน้าชูฮันเลย
ทั้งคู่มีลักษณะเหมือนกัน!
ท่ามกลางความเงียบเหอเฟิงก็เดินเข้ามาถึงโต๊ะประชุม “ในเมื่อพวกเราก็รู้จักกันแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาพูดเรื่องไร้สาระอีก มาเริ่มกันที่เรื่องสำคัญเลยดีกว่า” novel-lucky
เมื่อเหอเฟิงพูดจบทุกคนในห้องก็มีสีหน้าแปลกประหลาดอีกครั้ง วิธีการพูด การคิดช่างคล้ายกับหัวหน้าชูฮันเหลือเกิน?
”สถานการณ์ที่ทุกคนน่ารู้กันดีอยู่แล้วตอนนี้ก็คือพวกลูกผสมที่ปล่อยข่าวลวงว่าชูฮันตายแล้ว” เหอเฟิงพูดเข้าตรงประเด็นทันทีอย่างไม่รอช้า “จากตรงนี้เราสามารถสรุปได้ว่าอีกฝ่ายต้องการทำให้ค่ายเขี้ยวหมาป่าแตกแยกและเกิดจุดอ่อนขึ้นยามที่ชูฮันไม่อยู่”
ไม่มีใครพูดขึ้นเลยทุกคนได้จ้องไปที่เหอเฟิงเงียบๆ พวกเขาต้องยอมรับว่าเหอเฟิงเป็นคนที่มีฝีมือจริงๆ พวกเขาปรึกษาหารือหาข้อสรุปกันอยู่นานแต่หาเหอเฟิงกลับพูดออกมาง่ายๆราวกับทองทุกอย่างออกชัดเจน
กูเหลียงเฉินเงียบไปพักหนึ่งก่อนจะเอ่ยขึ้น”เรารู้ว่าพวกมันต้องการจะโจมตีค่ายเขี้ยวหมาป่าของเรา แต่เราไม่มีข้อมูลอื่นที่จะใช้เป็นประโยชน์ได้เลย”
เหอเฟิงเหลือบมองกูเหลียงเฉินและเบนไปที่หลูเหวินเฉิงต่อ”หัวหน้าหน่วยข่าวกรอง ตอนนี้เรามีสายข่าวในค่ายเขี้ยวหมาป่ามากเท่าไหร่?”
หลูเหวินช็อคค้างสีหน้าเหลือเชื่อ สมองโล่งคิดอะไรไม่ออก เขาโพล่งถามออกมาด้วยความตกใจ “คุณรู้ได้ยังไงว่าเราวางเครือข่ายไว้?” เหอเฟิงไม่ตอบคำถามของหลูเหวินเฉิงตรงๆแต่กลับพูดประโยคนึงออกมาเงียบๆ “ฉันบอกแล้วไงว่าทำงานให้ชูฮัน”
หลิวยู่ติงเหงื่อซึมตอนนี้เขาได้แต่คิดว่าการวางการของชูฮันน่าทึ่งจนเหลือเชื่อ มีอะไรอีกที่พวกเขายังไม่รู้? มีแผนการลับที่ชูฮันวางไว้โดยยังไม่เปิดเผยอีกเท่าไหร่?
หลูเหวินเฉิงพยายามระงับความกลัวในใจของตัวเอาไว้เขากลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอก่อนจะพูดขึ้น “เนื่องจากแผนกหน่วยข่าวกรองพึ่งก่อตั้งขึ้นมา ตอนนี้สายข่าวของเราจึงกระจายอยู่ในพื้นที่เพียงแค่ในเมืองอันลูทั้งหมด มันยากที่จะได้ข้อมูลที่แม่นยำในพื้นที่นอกเหนือ”
เหอเฟิงประหลาดใจกับคำตอบที่ได้ยิน”เอาแผนที่มาชี้บอกตำแหน่งให้ฉันดู แล้วรายงานไปทุกค่ายทั่วเมืองอันลูซะ”
”อ่อ—–?”หลูเหวินเฉิงตกใจกับคำพูดของเหอเฟิง เขารีบคว้าแผนที่ออกมารายงานไล่ไปทีละจุด คนที่เหลือในห้องประชุมก็ได้ยืนมึนงงทำตัวไม่ถูก ไม่ใช่เพราะพวกเขาคิดมากไป แต่เหอเฟิงเหมือนชูฮันมากจริงๆ เหมือนกับว่าพวกเขาเห็นคนหัวหน้าชูฮันสิงอยู่ในร่างเหอเฟิง!
หลูเหวินเฉิงอธิบายข้อมูลให้เหอเฟิงไปขณะที่แววตาของเหอเฟิงก็เริ่มเปลี่ยนเป็นคมกริบขึ้นเรื่อยๆ “มีค่ายที่กระจายตัวอยู่ในพื้นที่เมืองอันลูและได้รับการขึ้นทะเบียนอย่างเป็นทางการกับซางจิงทั้งหมดสิบค่าย ประชากรอยู่ที่ประมาณ 30,000 คน มีบางค่ายเป็นค่ายขนาดกลาง ส่วนใหญ่จะเป็นค่ายขนาดเล็ก และพวกชนเผ่ากลุ่มเล็กๆจำนวนนับไม่ถ้วน เรื่องที่ตำแหน่งที่ตั้งนั้นยังไม่แน่ชัด แต่แน่นอนว่ามันจะกลายเป็นปัญหา”
หลายคนพยักหน้าตามนี้เป็นปัญหาที่พวกเขากำลังพูดคุยกันอยู่แต่ยังไม่ทันที่พวกเขาจะคิดหาทางออกได้ เหอเฟิงก็ปรากฏตัวขึ้นขัดการประชุมของพวกเขาซะก่อน
เหอเฟิงเหลือบมองกูเหลียงเฉินด้วยสายตาล้ำลึกน้ำเสียงมีนัยนะบางอย่างแฝงอยู่ “กองทัพเขี้ยวหมาป่าได้ทำการกวาดล้างซอมบี้ในเมืองอันลู แล้วตอนนี้มันเหลือซอมบี้อยู่อีกเท่าไหร่?”
เมื่อได้ยินคำถามนี้ซางจิ่วตี้ก็อดที่จะตอบขึ้นมาอย่างภาคภูมิใจไม่ได้ “ไม่ถึง 500,000 ตัว จากจำนวนมากกว่าล้านตัว กองทัพเขี้ยวหมาป่าสามารถกำจัดซอมบี้ไปได้อย่างรวดเร็วภายในเวลาเพียงสามเดือน พวกเราได้เจอกับซุปเปอร์ซอมบี้ไปแล้วด้วย และก็เป็นทีมนักฆ่าขนนกที่จัดการมันได้อย่างสวยงาม ตอนนี้เมืองอันลูไม่ได้มีภัยมากพอที่เราต้องหวาดกลัว แม้ว่าลูกผสมจะระดมพวกมันออกมาเพื่อโจมตีค่ายเรา เราก็ไม่ต้องกังวล ถึงแม้เราจะเจอวิกฤต แต่ชาวบ้านค่ายเขี้ยวหมาป่าได้เริ่มอพยพย้ายไปอยู่ในเมืองอันลูแล้ว”
หลายคนในห้องประชุมพยักหน้าตามอย่างเห็นด้วยเมื่อดูแล้ว การบุกโจมตีของพวกลูกผสมก็ไม่ใช่เรื่องวิกฤตร้ายแรงอย่างที่คิด ภูมิศาสตร์ของเมืองอันลูนั้นมีความพิเศษเป็นอย่างมาก ล้อมไปด้วยภูเขาและแม้น้ำซึ่งเป็นอุปสรรค ไหนจะการวางแผนจัดแจงทุกอย่างไว้ล่วงหน้าอย่างสมบูรณ์แบบของชูฮัน ดังนั้นลูกผสมจะสามารถเรียกระดมซอมบี้มาโจมตีพวกเขาได้ในจำนวนที่จำกัด
”หึ!”เหอเฟิงยิ้มอย่างมีเลศนัย เขายืนหลังตรงอย่างสง่าผ่าเผย น้ำเสียงนิ่งเรียบและเอ่ยคำถามที่ทำให้ทั้งห้องตกใจค้าง “แล้วถ้ากลุ่มลูกผสมมันจัดการค่ายรอบๆทั้งหมด แล้วเปลี่ยนชาวเมืองทุกคนในพื้นที่ของอันลูให้กลายเป็นซอมบี้ล่ะ? มันจะกลายเปนสงครามที่เราต้องกังวลและเตรียมแผนการรับมือได้รึยัง?”