EG บทที่ 685 ไฟลุกโชนถึงต้นตอ 2
ประธานของพานาโซนิคมาถึงที่ทำงานและถามผู้ช่วยของเขาว่า “หนังสือพิมพ์ที่พวกเราควบคุมอยู่ได้รายงานข่าวเกี่ยวกับเหตุการณ์โกลาหลที่เกิดจากโซนี่ โตชิบ้า และบริษัทพวกนั้นในประเทศจีนแล้วหรือยัง?”
“รายงานแล้วครับ ไม่เพียงแต่หนังสือพิมพ์ของเราเท่านั้นนะครับ แต่หนังสือพิมพ์อื่นๆ อีกมากมายก็รายงานเรื่องนี้ด้วย นอกจากนี้ เรายังจัดให้ข่าวช่วงบ่ายออกอากาศตอนเมื่อวานของรายการข่าวยอดนิยมของสถานีโทรทัศน์ CCTV ด้วย ตอนนี้รายการนำเสนอข่าวเชิงลบทั้งหมดเกี่ยวกับโซนี่ โตชิบ้า และบริษัทอื่นๆ ที่เหลือ” ผู้ช่วยตอบอย่างตื่นเต้น
พานาโซนิคและโซนี่เป็นคู่แข่งกัน และครั้งนึงพานาโซนิคก็เคยล้ำหน้ามากกว่าบริษัททั้งสี่ที่เหลือนี้ แต่ตอนนี้ทั้ง 4 บริษัททำได้ดีกว่าพานาโซนิค ตอนนี้ บริษัทพวกนั้นกำลังเดือดร้อนและนี่เป็นโอกาสที่ดีเยี่ยมของพานาโซนิค
หากนักการเมืองที่อยู่เบื้องหลังบริษัททั้งสี่นี้ไม่ได้รับชัยชนะและให้การดูแลเป็นพิเศษแก่พวกเขา ทั้งสี่บริษัทนี้จะพัฒนารวดเร็วมากแบบนี้ได้อย่างไร?
เหตุการณ์นี้กลายเป็นเรื่องใหญ่แล้ว ราคาหุ้นของทั้ง 4 บริษัทไม่เพียงแต่จะดิ่งลงเท่านั้น แต่นักการเมืองที่สนับสนุนพวกเขาก็จะมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยเช่นกัน นี่เป็นโอกาสสำหรับพานาโซนิคที่จะก้าวขึ้นไปสู่จุดสูงสุดอีกครั้งและเอาชนะโซนี่ โตชิบ้าและ บริษัทอื่นๆ อีกมากมายได้
นี่คือเหตุผลที่เมื่อตอนที่เฮะทาโร นาคาจิมะ จากไอว่าเป็นตัวแทนของเฝิงหยู่มาติดต่อประธานของพานาโซนิค และต้องการให้เขาพุ่งเป้าไปที่โซนี่ โตชิบ้า และอีกสองบริษัทผ่านสื่อ เขาจึงเกิดความรู้สึกคล้อยตาม
นอกจากนี้ ไอว่ายังบอกเขาว่าพวกเขาจะอนุญาตให้ใช้สิทธิบัตรที่เกี่ยวข้องได้ และเขาก็รีบตอบตกลงทันที
แค่ทำให้โซนี่ โตชิบ้า และอีกสองบริษัทมีปัญหาก็เพียงพอแล้วที่พานาโซนิคจะยอมตอบตกลงด้วย อีกอย่างพานาโซนิคยังรู้สึกว่าบริษัทพวกนั้นทำเกินกว่าเหตุมากเกินไป
ยังคงเป็นที่ยอมรับได้หากบริษัทพวกนั้นจะใช้ทรัพยากรของจีน แต่การสร้างมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อมและการเพิกเฉยต่อคนงานที่ได้รับบาดเจ็บนั้น มันมากเกินไป พวกเขาดูถูกคนญี่ปุ่นทั้งหมด โรงงานพวกนั้นสามารถสร้างรายได้ด้วยการผลิตสินค้าโดยไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม แล้วทำไมพวกเขาต้องสร้างมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อมด้วย? แม้ว่าพวกเขาเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องทำลายสิ่งแวดล้อม แต่พวกเขาก็ต้องไม่ปล่อยให้คนอื่นรู้เรื่องนี้ แม้ว่าพวกเขาจะถูกจับได้ แต่พวกเขาก็ต้องหาข้อแก้ตัวที่ฟังดูดี เช่น เขาได้รับอนุญาตจากหน่วยงานในท้องที่หรือโรงงานของประเทศอื่นๆ ก็ทำเช่นเดียวกัน
โรงงานของประเทศอื่นในประเทศจีนไม่ได้สร้างมลภาวะหรอ? ใช่ พวกเขาก็ทำเหมือนกัน แต่ความเสียหายที่เกิดจากพวกนั้นไม่ได้ร้ายแรงเท่านี้
อันที่จริงแล้วโตชิบ้าและโรงงานอื่นๆ ได้ปกปิดเรื่องนี้อย่างมิดชิด พวกเขาดูแลหน่วยงานในท้องถิ่น แต่ตอนนี้พวกเขากำลังถูกเปิดโปง และก็ชี้เป้ามาที่พวกเขาโดยเฉพาะ
เฮะทาโร นาคาจิมะไม่เพียงแต่ติดต่อกับพานาโซนิคเท่านั้น แต่เขายังติดต่อบริษัทใหญ่หลายแห่งในญี่ปุ่นด้วย บริษัทพวกนั้นล้วนเป็นสมาชิกของกลุ่ม DVD พวกเขาจะได้รับผลประโยชน์บางอย่างตอบแทนในการทำให้สื่อมาอยู่ภายใต้การควบคุมของพวกเขาเพื่อเผยแพร่ข่าวเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้
บริษัทพวกนั้นได้รับผลประโยชน์บางอย่าง ในขณะเดียวกันพวกเขาจะสามารถเอาชนะคู่แข่งและขยายช่องว่างระหว่างพวกเขาได้ พันธมิตร DVD และกลุ่ม DVD ยังคงแข่งขันกันเพื่อให้ได้มาตรฐานอุตสาหกรรม หากชื่อเสียงของทั้ง 4 บริษัทได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์นี้ ความก้าวหน้าของพวกเขาจะต้องถดถอยลงแน่ๆ
ผลกำไร สิ่งที่บริษัทพวกนั้นต้องการก็คือผลกำไร ภาพลักษณ์ของแบรนด์หรือชื่อเสียงของบริษัทเป็นเพียงเหตุผลเล็กน้อยในการที่พวกเขาให้ความช่วยเหลือเฝิงหยู่ เป้าหมายหลักของพวกเขาคือผลกำไรที่เกิดขึ้นจากการทำให้โซนี่ โตชิบ้า และบริษัทอีกสองแห่งต้องประสบปัญหา
บริษัททั้งหมดอยากได้การอนุญาตให้ใช้เทคโนโลยี DVD ได้ ความเป็นไปได้และศักยภาพในอนาคตของ DVD นั้นดีมาก และพวกเขาทุกคนก็ต้องการผลกำไร
แม้ว่าพายจะมีขนาดใหญ่ แต่ถ้ามีคนมาร่วมแบ่งน้อยลงหนึ่งคน คนอื่นที่เหลือก็จะได้ชิ้นที่ใหญ่ขึ้น
นี่คือเหตุผลที่บริษัทพวกนั้นทั้งหมดยินดีที่จะเข้าร่วมและโจมตีโซนี่ โตชิบ้า และอีกสองบริษัท ในขณะเดียวกัน บริษัทก็สามารถเพิ่มภาพลักษณ์ของแบรนด์ได้ด้วย นี่เป็นสิ่งที่ดีสำหรับพวกเขาและพวกเขาจะพลาดโอกาสนี้ได้อย่างไร?
………
“พานาโซนิคได้ออกแถลงการณ์เกี่ยวกับมลพิษที่เกิดจากโตชิบ้าและบางบริษัทในประเทศจีนแล้ว ไม่ควรมีบริษัทไหนที่ทำเช่นนี้ในประเทศอื่นๆ การกระทำของโตชิบ้า โซนี่และอีกสองบริษัทในประเทศจีน นำความอับอายมาสู่ญี่ปุ่น พวกเขาควรขอโทษทันทีและเลิกพูดปัดและปฏิเสธการกระทำของพวกเขา”
“เฮะทาโร นาคาจิมะ ประธานของไอว่า กล่าวว่าวอล์คแมนของไอว่าสามารถเอาชนะโซนี่ได้ และเครื่องเล่นซีดีของไอว่าจะสามารถตามพวกเขาทันได้ นั่นเป็นเพราะว่าภาพลักษณ์ของแบรนด์ไอว่าดีกว่า แถมบริษัทยังปฏิบัติต่อพนักงานทุกคนประหนึ่งเป็นสมาชิกของครอบครัวใหญ่ด้วย”
“เราจะเห็นได้ว่าหลังจากข่าวของโตชิบ้าและบริษัทอื่นๆ ที่ก่อให้เกิดมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อมได้รับการตอบรับจากสื่อยุโรปและสหรัฐอเมริกา ผู้สื่อข่าวจำนวนมากถูกส่งไปติดต่อบริษัทที่เกี่ยวข้อง แต่ก็ไม่พบประธานของโตชิบ้าและบริษัทอื่นๆ”
“พวกเขาเก็บตัวเงียบเพื่อปกปิดความผิดของตัวเองหรือเปล่า? ไม่มีบริษัทที่เกี่ยวข้องรายใดออกมาชี้แจงข่าวที่รายงานในสื่อของจีนเลย จากรูปภาพและวิดีโอ เราสามารถเห็นโลโก้ของบริษัทพวกนั้นได้”
…………………
ภายในช่วงเที่ยง เหตุการณ์นี้ถูกรายงานไปทั่วสื่อของญี่ปุ่น ซึ่งกลายเป็นกระแสโด่งดังและกลบข่าวอื่นของนักการเมืองบางคน
สาเหตุที่อยู่ดีๆ เหตุการณ์นี้ก็เกิดขึ้นและกลายเป็นเรื่องใหญ่ในทันทีก็เป็นเพราะว่าพานาโซนิคและบริษัทอื่นๆ หลายแห่ง แถมฟู่หยงฉียังใช้เส้นสายของเขาเพื่อเพิ่มเชื้อเพลิงเข้าไปในกองไฟด้วย ในการกดราคาหุ้นของบริษัท วิธีที่ง่ายที่สุดคือการทำให้บริษัทนี้สูญเสียความน่าเชื่อถือและทำให้ผู้ถือหุ้นหมดความมั่นใจต่อ บริษัท ด้วยวิธีนี้ผู้ถือหุ้นจะทิ้งหุ้นทั้งหมดที่ตัวเองถืออยู่ และราคาหุ้นก็จะดิ่งตัวลง
ตระกูลฟู่มีช่องทางการจัดจำหน่ายมากมายในหลายภูมิภาค เนื่องจากพวกเขามักจะต้องโฆษณาสินค้าของพวกเขา ทำให้พวกเขามีความสัมพันธ์ที่ดีกับสื่อในภูมิภาคนั้น พวกเขาสามารถทำให้สื่อเหล่านั้นรายงานเหตุการณ์นี้ได้อย่างง่ายดายโดยใช้เงินจำนวนเล็กน้อยเท่านั้น
เมื่อผู้คนเริ่มสังเกตเห็นข่าวนี้ สื่อที่เหลือก็จะเริ่มรายงานเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ นั่นเป็นเพราะว่าข่าวนี้จะดึงดูดความสนใจในการรับชมและสามารถนำผลกำไรมาให้สื่อได้
นอกจากนี้ หลายประเทศเกลียดญี่ปุ่น สาเหตุหลักมาจากลักษณะนิสัยของคนญี่ปุ่นที่เป็นพวกเย่อหยิ่ง และ บริษัทญี่ปุ่นก็โลภมากเกินไป นี่เป็นโอกาสที่จะทำให้บริษัทญี่ปุ่นเสื่อมเสียชื่อเสียงและทำให้ภาพลักษณ์ของญี่ปุ่นเสื่อมเสียด้วย แล้วพวกเขาจะพลาดโอกาสนี้ได้อย่างไร?
ช่วงบ่ายแก่ๆ มีข่าวอีกหนึ่งที่ทำให้ญี่ปุ่นต้องตื่นตระหนก
ซุปเปอร์แมนหลี่ จ้าวแห่งท่าเรือทางทะเล ประกาศว่าท่าเรือของบริษัทเขาจะไม่ทำธุรกิจกับโตชิบ้า โซนี่ และ บริษัทอื่นๆ เหตุผลก็คือ……….ทุกคนก็น่าจะรู้เหตุผลเป็นอย่างดี
“ทุกคนก็น่าจะรู้เหตุผลเป็นอย่างดี” คือเหตุผลที่ซุปเปอร์แมนหลี่ให้ไว้ ความหมายที่แท้จริงของแถลงการณ์นี้คืออะไร? หลายคนต่างพากันคาดเดา แต่ทุกคนเชื่อว่าเหตุผลหลักก็คือฮ่องกงกำลังจะกลับคืนสู่จีนและซุปเปอร์แมนหลี่ต้องการที่จะใช้โอกาสนี้เพื่อเอาใจสู่รัฐบาลจีน
แต่ไม่ว่าซุปเปอร์แมนหลี่ต้องการจะสื่อความหมายว่าอะไรก็ตามในแถลงการณ์นี้ ราคาหุ้นของโซนี่ โตชิบ้า และอีกสองบริษัทก็ปรับตัวลดลงไปอีกหลังจากที่มีการปล่อยข่าวนี้ออกมา ผู้ถือหุ้นทั้งหมดรู้สึกว่าราคาค่าขนส่งของบริษัทพวกนี้จะเพิ่มขึ้นและพวกเขาจะสูญเสียตลาดจีนที่กว้างใหญ่ไป นอกจากนี้ โรงงานในจีนจะปิดตัวลงและความสามารถในการผลิตของบริษัทพวกนี้ก็จะได้รับผลกระทบ ต้นทุนการผลิตจะเพิ่มขึ้นไปอีก สิ่งนี้จะทำให้บริษัทต่างๆ มีกำไรลดลงและพวกเขาก็อาจจะเดือดร้อนตามไปด้วยเพราะทำให้ตัวเลขในบัญชีบริษัทติดลบ
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ใครกันที่อยากจะถือหุ้นของบริษัทพวกนี้ต่อไป?
………..
เป๊าะ!
โนริโอะ โอกะหักปากกาในมือของเขา ทำไมเรื่องมันกลับกลายเป็นแบบนี้ไปได้?!