บทที่ 430 ทำผิดเกินบรรทัดฐานเธอ

ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง

ทว่าก็ไม่ได้เจ็บมากมาย อย่างน้อย ๆ เขาก็ไม่ได้ปกปิดเธอทั้งหมด ทั้งยังสารภาพความจริงออกมาจนหมดเปลือกภายหลังด้วย

และสิ่งเดียวที่ทำให้เธอพอจะรู้สึกดีบ้างคือ เขากับภรรยาของเขาแค่แต่งงานกันด้วยเงื่อนไขเท่านั้น จุดนี้ทำให้เธอไม่ตกอยู่ในสภาพเวทนามากเกินไป

เธอกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปไปพลาง ดูคอมพิวเตอร์ไปพลาง

ตอนใกล้เข้านอนก็มีข้อความอีกสองข้อความ

——นอนหรือยัง?

——ถ้าผมจัดการเรื่องพวกนั้นได้แล้ว คุณจะให้โอกาสผมได้เริ่มต้นใหม่กับคุณไหม?

คนส่งข้อความเป็นคนเดียวกัน ฉันทัช

เธอไม่ได้ตอบ แค่อ่านแล้วปิด และถ้วยม่าม่าก็ไม่อยากล้าง เอาไปเก็บในห้องครัวแล้วค่อยล้างพรุ่งนี้

ตอนที่เดินผ่านหน้าต่าง เธอบังเอิญห็นรถคันนั้นยังจอดอยู่เหมือนเดิม

เธอหยุดเดิน ทว่าไม่แยแส เธอไม่อยากคิดอะไรทั้งนั้น อยากนอนอย่างเดียว

เมื่อไฟในห้องดับ ยี่สิบนาทีให้หลังรถเบนซ์ก็จากไป

วันถัดไป ยู่ยี่ไปที่บริษัท ซึ่งสีหน้าของผู้จัดการไม่สู้ดีนัก ทว่าก็ไม่ได้โมโหใส่เธอ

เมื่อวานเธอโทรลางาน ซึ่งผู้จัดการบอกว่างานยุ่งมาก ไม่อนุมัติ แต่เธอไม่ฟังและไม่ได้มาทำงาน

ยู่ยี่รู้ว่าพฤติกรรมตัวเองเลยเถิด จึงชงกาแฟไปให้ผู้จัดการ“เมื่อวานเป็นความผิดฉันเองค่ะ วันนี้ฉันจะตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่ค่ะ”

ผู้จัดการรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย ทว่าก็บาดหมางกับอีกฝ่ายไม่ได้ จึงได้แต่โบกมืออย่างเหลืออด แล้วให้เธอออกไป

ยู่ยี่จดจ่อแต่เรื่องงาน ไม่ได้คิดอะไรทั้งนั้น และไม่ได้ดูอะไรด้วย มุ่งทำงานของตัวเองอย่างเดียว

ตอนใกล้เลิกงาน หัสดินมายืนอยู่ด้านหน้าเธอ พลางจ้องมองเธอ“ผมมีอะไรจะให้คุณดู”

“ฉันไม่มีเวลา ไม่มีอารมณ์ ฉันต้องทำงาน เชิญออกไปเถอะ”นิ้วของเธอยังเคาะแป้นพิมพ์อยู่

“ผมคิดว่าคุณน่าจะสนใจนะ”ถ้อยคำของหัสดินมีเลศนัย เขาเอามือถือออกมาแล้วปลดล็อค จากนั้นก็ยื่นให้เธอ

ตอนที่หางตายู่ยี่เหลือบเห็นรูปถ่าย เธอก็ชะงักแล้วรับมือถือมา จากนั้นก็จ้องรูปบนมือถือ

“ถ่ายได้โดยบังเอิญ ที่สนามบิน ผู้หญิงคนนี้เรียกฉันทัชว่าสามี เขาแต่งงานแล้ว คุณรู้หรือเปล่า?”

ยู่ยี่มองผู้หญิงในรูป เธอร่างเพรียวบาง ดูมีชาติตระกูล ข้อเสียอย่างเดียวคือหน้าซีดขาว

“รู้”สิ้นเสียง เธอคืนมือถือกลับไป

“แล้วคุณยังคบกับเขาอีก?”หัสดินเลิกคิ้วขึ้นสูง“คุณจะเป็นอย่างนี้ต่อไปถึงเมื่อไหร่?”

ยู่ยี่ยิ้มเย็น“ฉันกับเขาเลิกกันแล้ว อีกอย่าง ฉันเลิกหรือไม่เลิกกับเขา มันเกี่ยวอะไรกับคุณชายหัสดินไม่ทราบ?”

หัสดินไม่ได้อารมณ์เสีย เขาให้คำสำคัญอยู่กับประโยคแรก แค่ได้ยินประโยคนี้ เขาก็อารมณ์ดีแล้ว

คืนนี้ไปดื่มกาแฟ?หัสดินขอนัดเธอ

ยู่ยี่เริ่มทำงาน เห็นคำพูดของเขาเป็นหูทวนลม จากนั้นหัสดินกลับร่าเริงเป็นพิเศษ คนที่ไม่รู้จะคิดว่าเขาเจอเรื่องปิติยินดีครั้งใหญ่

เมื่อถึงเวลาเลิกงาน ยู่ยี่เดินอยู่ด้านหน้า หัสดินเดินตามหลังต้อยๆ ตอนยืนอยู่หน้าลิฟต์ก็เห็นฉันทัชกะทันหัน

ยู่ยี่ไม่ละสายตาไปที่อื่น เอาแต่ยืนรอลิฟต์ จากนั้นก็ก้าวเท้าเข้าไป

ผู้จัดการช่วยกดลิฟต์ส่วนตัว ทว่ามุมปากฉันทัชเอ่ยคำว่า“ไม่ต้อง”

สิ้นเสียง เขาก็หมุนกาย เท้ายาวอันมีเสน่ห์ก้าวไปด้านหน้าลิฟต์ จากนั้นก็กดหมายเลขชั้น

ผู้จัดการรู้สึกแปลกใจ เมื่อครู่คุณฉันทัชไม่ใช่บอกว่าจะขึ้นไปเอาเอกสารหรอกหรือ?ทำไมถึงเปลี่ยนใจกะทันหันล่ะ?

จากนั้นคล้ายกับคิดอะไรได้ รอยยิ้มพลันเบ่งบานทั่วใบหน้าเขา เมื่อกี้ยู่ยี่ไม่ใช่พึ่งออกไปหรือ?

เหมือนฉันทัชไม่ได้โกนหนวด เริ่มมีหนวดออกเล็กน้อย ทว่ากลับยิ่งทำให้เขาดูเซ็กซี่ น่าหลงใหล และเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น

เขาเดินไปถึงลานจอดรถ จากนั้นก็เปิดประตูตามรถเมล์ออกไป

บนรถเมล์มียู่ยี่และหัสดินที่ตามหลังเธอไม่ห่าง

หน้าคอนโดมีรปภ.เฝ้า และห้ามไม่ให้หัสดินเข้า แต่รปภ.จำรถของฉันทัชได้ คืนที่ฉันทัชโมโห เขาก็อยู่ในเหตุการณ์ด้วย จึงจำได้ดี

เขาไม่ได้ขวางฉันทัช รถจึงขับเข้าไปได้ดั่งใจปรารถนา

ยู่ยี่สังเกตเห็นรถ แต่ไม่ได้ตอบสนองอะไร ช่วงนี้เธอรู้สึกเหนื่อยมาก จริง เธอไม่อยากคิดอะไรทั้งนั้น

เธอยังคงใช้ชีวิตปกติ กินข้าวเย็น ทำงาน อาบน้ำ จากนั้นก็นั่งดูทีวีบนโซฟา แล้วเล่นโยคะ สุดท้ายก็เข้านอน

ครั้งนี้ก็เหมือนเดิม หลังจากที่ปิดไฟแล้วรถก็จากไป

อาคิระรู้เรื่องเลิกด้วย เขายิ้มน้อย ๆ คล้ายกับพอใจในสิ่งนี้

ฉันทัชวางกุญแจบนโต๊ะ อาคิระชี้ไปยังห้องนอน บอกใบ้ว่าเอวานอนแล้ว

“อีกสองวันผมจะพาเธอกลับเฮทเค”ฉันทัชพูดกับอาคิระ

อาคิระทายไม่ออกว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ พูดขึ้นมาทันทีว่า“ผมจะกลับด้วย”

ฉันทัชไม่ตอบ เขากลับไปด้วยหรือไม่ได้กลับไปพร้อมกัน มันก็สุดแล้วแต่ความปรารถนาของเขา ทว่าเรื่องบางอย่างจำเป็นต้องจัดการ

วันต่อมา ยู่ยี่ตื่นมา ผู้ช่วยโก๋ก็มาส่งซาลาเปา น้ำเต้าหู้และปาท่องโก๋ แต่เธอไม่ยอมรับ ให้โก๋ยืนอยู่ด้านนอก

เธอเดินออกคอนโด ผู้ช่วยโก๋ก็ตามหลังเธอไม่ห่าง แต่ไม่ได้ตามจนติด ยังคงรักษาระยะห่าง

ยู่ยี่รู้สึกรำคาญ ทว่าผู้ช่วยโก๋ไม่ยอมฟังในสิ่งที่เธอพูด ยังคงทำตามหน้าที่ของตนอย่างไม่หวาดหวั่น พูดตรง ๆ ก็คือ เขาฟังคำสั่งจากคุณฉันทัชคนเดียวเท่านั้น

คุณฉันทัชให้เขาทำอะไร เขาก็จะทำอย่างนั้น

ยู่ยี่หยิบมือถือขึ้นมาเลื่อนหาหมายเลขโทรศัพท์ ทว่าเธอก็แค่สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ หลับตา แล้ววางมือถือลง

วันแรกที่ถูกตามรู้สึกอึดอัด พอวันที่สองก็ชิน และวันที่สามก็เห็นเป็นเรื่องปกติ ปล่อยให้ผู้ช่วยโก๋ตามด้านหลังตามใจชอบ ส่วนเธอก็ทำตัวเป็นธรรมชาติ

และผู้ช่วยโก๋ก็ไม่ห่างไปไหนเลยจริง ๆ นอกจากติดตามตอนกินข้าวเช้าแล้ว ข้าวกลางวันและข้าวเย็นก็ยังจะตามอีก

ถึงเธอจะนั่งรถเมล์ รถเบนซ์สีเทาก็ขับตามรถเมล์ไม่ห่าง รถเมล์ขับช้า ๆ รถเบนซ์ก็ขับช้า ๆ รถเมล์ขับเร็ว รถเบนซ์ก็ขับเร็วตาม

คนในบริษัทก็ดูออกว่าเธอกับคุณฉันทัชทะเลาะกัน ต่างซุบซิบกันสนุกปากว่า คุณฉันทัชทำขนาดนี้แล้วงอนแป๊บหนึ่งก็น่าจะหายแล้ว

ยู่ยี่ไม่ได้โต้ตอบ คล้ายกับไม่ได้ยิน เอาแต่ก้มหน้าทำงานอย่างเดียว

ประเด็นสำคัญคือ เงื่อนไขของพวกเขาไม่มีค่าทางกฎหมาย ถึงแม้ในสายตาของเขากับภรรยาของเขาจะตั้งเงื่อนไขอย่างเป็นแบบแผน ล้วนเข้าใจกันทั้งสองฝ่าย

แต่สายตาคนอื่นล่ะ?

คนอื่นจะรู้ไหมว่าพวกเขาแต่งงานโดยมีเงื่อนไข คนอื่นจะรู้สึกเพียงเธอเข้าไปในฐานะมือที่สาม

วันนี้ผิดปกติเล็กน้อย ผู้ช่วยโก๋ไม่ได้ตามมา รถเบนซ์ก็ไม่มา วิถีชีวิตจึงสงบเงียบมาก

คล้ายกับชีวิตกลับไปเหมือนตอนพึ่งหย่า เธอกินข้าวคนเดียว ไปทำงานคนเดียว จากนั้นก็เล่นโยคะ ดูทีวี

ชีวิตดำเนินต่อไปอย่างเรียบง่าย และวันนี้ก็มีขโมยขึ้นคอนโดเธอ ถึงแม้ยู่ยี่จะเป็นคนใจกล้า แต่กลับรู้สึกไม่ปลอดภัย

ดังนั้นเธอจึงคิดจะย้ายไปเช่นที่อื่น ถึงจะแพงกว่าเธอก็เต็มใจ ตอนนี้หญิงโสดต้องคำนึกถึงความปลอดภัยเป็นหลัก

ยู่ยี่ถือโอกาสพักเที่ยงไปยังคอนโดหรูหราแห่งหนึ่ง ตรงนั้นมีดาราเข้าพักมากมาย ได้ยินว่าไม่เพียงแต่มีความปลอดภัยสูง ทั้งยังเป็นส่วนตัวสุดๆ สิ่งเดียวที่ไม่ดีคือ ค่าเช่าแพง

เธอดูโครงสร้างภายในและสิ่งแวดล้อมรอบกายเสร็จ เธอก็จ่ายค่าเช่าล่วงหน้าครึ่งปี รอให้หาห้องเช่าที่เหมาะสมกว่านี้ แล้วเธอก็ย้ายออกไป

หลังเลิกงานตอนเย็น ยู่ยี่ก็ไปที่ห้างสรรพสินค้า ซื้อผักผลไม้ แล้วโทรหาบริษัทรับขนของ เพราะคิดจะย้ายบ้านพรุ่งนี้

กลางคืนเธอรู้สึกเหงา จึงจัดนาโนมากินข้าวเย็นด้วยกัน

สำหรับเชอร์รีน ตอนนี้เธอเป็นหัวแก้วหัวแหวน ท้องเจ็ดเดือนกว่า ออกัสจึงไม่อยากให้ออกมาเดินเสี่ยงอันตราย

ตอนเตรียมเลิกงานก็ต้องทำโอทีเพิ่มกะทันหัน ดังนั้นตอนออกจากบริษัทจึงมืดค่ำแล้ว

เมื่อเดินไปถึงหน้าคอนโด รถที่คุ้นตาก็ปรากฏขึ้น ยู่ยี่หยุดเดิน ผู้ช่วยโก๋หรือ?

เธอมองสองปราด จากนั้นก็ละสายตาแล้วเดินต่อ ต่อมาเมื่อรถขับมาถึง ประตูรถก็เปิดกะทันหัน

คนที่ลงจากรถไม่ใช่ผู้ช่วยโก๋ แต่เป็นฉันทัช……

หัวใจยู่ยี่เต้นรัวแรง ทว่าไม่ได้เหลียวมองเลย เธอเดินตรงไปข้างหน้า คล้ายกับไม่เห็นอะไรทั้งนั้น

เดินไปได้ไม่กี่ก้าว ข้อมือของเธอก็ถูกจับ ดวงตาลุ่มลึกของฉันทัชดำขลับ เมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้ เขาผอมลงเล็กน้อย

ยู่ยี่ไม่ได้หันไปมอง เธอหันหลังให้เขาแล้วดิ้นรนด้วยกำลังทั้งหมดออกจากพันธนาการ

ฉันทัชจับแน่นมาก เมื่อเขาใช้แรงร่างกายเธอก็พลิก จากนั้นก็อยู่ในอ้อมแขนอันกำยำของเขา

เธอยังคงดิ้นรน ใช้มือทุบหน้าอกแกร่งของเขาแรง ๆ ฝ่ามือใหญ่ของฉันทัชกดไหล่เธอให้เข้าหาหน้าอกตน

แก้มเธอเย็นนิด ๆ ตอนนี้ใบหน้าเธอแนบติดกับไหล่กว้างและหน้าอกอันอบอุ่น ริมฝีปากอุ่นจูบบนหน้าผากเธออย่างระมัดระวังและให้เกียรติ

หลังจูบเสร็จ เขาก็กอดเธออยู่อย่างนั้น ไม่พูดไม่จา

“ไม่เจอกันหลายวัน ผมคิดถึงคุณมากเลย ผมไม่เคยคิดถึงใครแบบนี้มาก่อน แต่คุณเหมือนไม่คิดถึงผมเลย ผมทำผิดในสิ่งที่คุณไม่อยากเป็นที่สุด แต่คุณเชื่อคำพูดที่ผมเคยบอกก่อนหน้านี้หน่อยเถอะ ผมไม่ได้ตั้งใจปิดบังคุณ แต่ผมรู้นิสัยของคุณ ผมเลยไม่กล้าบอก ถ้าไม่รักอะไรก็ได้ แต่เมื่อรักแล้วผมก็จะระแวง ถ้าตอนแรกผมรู้ว่าจะทำร้ายจิตใจคุณมากขนาดนี้ ผมก็จะไม่ตามจีบคุณ คุณทำให้หัวใจผมพองโต คุณดึงดูดสายตาผมมาก ผมกลัวจะพลาดคุณไป ผมเลยเริ่มต้นผิด และคุณไม่ต้องสงสัยว่าผมพูดความจริงหรือเปล่าเลย ผู้ชายอายุสามสิบสี่ปี คนที่พบเจอคุณ เขาไม่มีเหตุผลอะไรต้องหลอกคุณ มีเพียงหัวใจมั่นคง ผมยังมีคำพูดอยากพูดกับคุณ แต่กลัวว่าคุณไม่อยากฟัง ช่างเถอะ ……”

เขาพูดคนเดียวตลอด ไม่รู้ว่ายู่ยี่ได้ฟังหรือไม่

ผู้ชายอายุสามสิบสี่ เป็นผู้ประสบความสำเร็จคนหนึ่ง การงานราบรื่นทุกอย่าง ไม่ค่อยมีความรู้สึกแย่ ๆ มากนัก

ทว่าครั้งนี้ฉันทัชกลับรู้สึกดังนั้น เขาทำผิดในสิ่งที่เธอเกลียดที่สุด จึงเข้าใจที่เธอเย็นชาใส่เขาตอนนี้

หากเป็นคนอื่น ย่อมมีจุดอ่อน โดยใช้เงินหรืออำนาจเข้าแก้ไขก็สิ้นเรื่อง