ตอนที่ 160 โทษตัวเอง / ตอนที่ 161 ของขวัญจากแดนไกล

จอมใจจ้าวพิษ

ตอนที่ 160 โทษตัวเอง 

 

 

 

 

 

เมื่อฮว่าเหยียนได้ยินเช่นนั้น ก็กำสายประคำในมือแน่น หลังจากพิธีบวงสรวง ประคำสายนี้ไม่เคยห่างจากมือนางเลย ดูไม่ออกว่าทำจากวัสดุอะไร แต่ของล้ำค่าสำหรับนางน่าจะเป็นของดี เพราะนางออกแรงมาก ขยับลูกประคำจนส่งเสียงดังแกร่กๆ ถังเฉียนจึงรู้ว่านางโมโหแล้ว 

 

 

“ในใจเจ้า ข้าคงเป็นคนที่ชอบฆ่าผู้บริสุทธิ์มากใช่หรือไม่ ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าทำผิดพลาด ทิ้งพิรุธไว้ ข้าจะ…” 

 

 

ถังเฉียนเห็นนางชูมือขึ้น พูดแล้วทำท่าจะลงมือ แต่แล้วก็มองดูสายประคำสีดำนั่น แล้วลดมือลง ชำเลืองมองนางแล้วพูดว่า 

 

 

“ปกติก็ดูเจ้าฉลาดอยู่บ้าง แต่เมื่อเจอเรื่องที่มีความสำคัญต่อเจ้า ก็เผยธาตุแท้ออกมา เด็กบ้านนอกที่ไม่ประสีประสา เซ่อเซ่อซ่าซ่า!” 

 

 

ถังเฉียนกำหมัดแน่น นางระเบิดอารมณ์ออกมาง่ายเกินไป นางรู้ดีว่าการทำเช่นนี้ไม่เป็นผลดีต่อตัวเอง 

 

 

“ฮว่าเหยียน เจ้ารู้หรือไม่ว่าเจิ้งจยาเฉิงสอบถามได้เรื่องอะไรบ้าง เถิงเฟิงบอกเพียงว่าเวยเอ๋อร์จำอะไรไม่ได้ แต่ไม่ได้บอกว่าลืมทุกอย่างหมด เพียงแต่หายไปส่วนหนึ่ง นางจะพูดแค่ไหน พูดได้เท่าใด แล้วท่านอ๋องรู้มากเพียงไร สำหรับเราแล้วเป็นเรื่องที่อาจจะทำให้เดือดร้อน” 

 

 

ฮว่าเหยียนร้องหึ แล้วพูดว่า 

 

 

“แคว้นเซวียนกั๋วเจ้ามีคำพูดเก่าแก่ประโยคหนึ่งใช่หรือไม่ ถ้าโชคดีก็จะไม่ร้าย แต่ถ้าโชคร้ายก็หนีไม่พ้น ต่อให้เด็กคนนี้พูดอะไรออกไป เวลานี้ท่านอ๋องก็ไม่กล้าทำสิ่งใดต่อเจ้าหรอก” 

 

 

“เพราะเหตุใด” 

 

 

ถังเฉียนไม่เข้าใจ ถ้าหากฐานะของตนเองถูกเปิดเผยแล้ว จะเดือดร้อนใหญ่ไม่ใช่หรือ นางไม่เข้าใจจริงๆ แต่ฮว่าเหยียนหัวเราะแล้วบอกว่า 

 

 

“เจ้าเป็นคนของเถิงเฟิง ถ้าอ๋องอย่างเขาบาดหมางกับแปดเผ่า ยังคิดจะอยู่ที่นี่ได้อีกหรือ” 

 

 

ถังเฉียนกลับยิ่งหนักใจมากขึ้น ที่แท้ไม่ใช่เพราะตัวนางเอง แต่เป็นเพราะคนอื่น นางจึงอยู่อย่างสงบได้ 

 

 

หากเจ้าไม่มีเรี่องอะไรก็ไปหาน้องสาวเจ้าบ้าง จะอย่างไรก็เป็นพี่น้องกันแท้ๆ มีความแค้นอย่างใหญ่หลวงหรือไม่ คงพอจะสอบถามได้บ้าง” 

 

 

ถังเฉียนไม่พูดต่อ หากง่ายดายเช่นนั้น นางไม่ไปนานแล้วหรือ หากแต่เพราะนางกังวลว่าตนเพียงเพิ่งก้าวออกไป เจิ้งจยาเฉิงก็รีบปรี่ไปฟ้องฉู่จิ่งเหยาแล้ว ลำบากแทบแย่กว่าที่ถังเวยจะมีที่อยู่ นางควรจะไปพบน้องหรือไม่ 

 

 

“ข้าไม่ไปจะดีกว่า ถ้าเกิดถูกเปิดเผยขึ้นมา นางจะได้ไม่พลอยเดือดร้อนไปด้วย” 

 

 

พอฮว่าเหยียนได้ยินเช่นนี้ก็ตบศีรษะถังเฉียน 

 

 

“เด็กโง่ เจ้าไม่รู้จักใส่หน้ากากไปหรือ ท่านอ๋องยังปิดบังได้ แล้วจะมากลัวว่าจะถูกเด็กมองออกหรือ” 

 

 

คำพูดนี้ทำให้ถังเฉียนเข้าใจได้ทันที สมกับคำกล่าวที่ว่าขิงยิ่งแก่ก็ยิ่งเผ็ด 

 

 

นางได้วิธีแล้ว จึงเป็นฝ่ายไปหาซูซินเหลียน แต่เมื่อไปถึงที่นั่นจึงพบว่าเรื่องไม่ง่ายเช่นนั้น นางเพิ่งเดินเข้าประตูมาก็ได้ยินเสียงเด็กสาวสะอื้นไห้ดังมาจากในห้อง ขณะนั้นเป็นต้นสารทฤดู อากาศเย็นสบาย ยังดีที่ยังไม่มืดค่ำ ไม่เช่นนั้นเรือนเซียงหานจะมีชื่อร่ำลือว่ามีผีสิง 

 

 

“ในเรือนใครเป็นผู้อยู่เวร” 

 

 

ถังเฉียนร้องถาม จากนั้นก็เห็นเด็กหญิงคนนั้นในชุดสีชมพูวิ่งออกมา รีบเช็ดน้ำตาแล้วแสดงการคารวะ 

 

 

“ฮุ่ยฮุ่ยกราบคารวะเจ้าค่ะ” 

 

 

ถังเวยพูดพลางสูดจมูก หางตายังมีคราบน้ำตา ถังเฉียนล้วงผ้าเช็ดหน้าจะยื่นให้ แต่ดูนางท่าทางเหมือนหวาดกลัว จึงถามว่า 

 

 

“เจ้าร้องไห้เพราะเหตุใด” 

 

 

ถังเวยตอบ 

 

 

“เรียนท่าน…หมอ บ่าว…บ่าวคิดถึงบ้าน” 

 

 

คำพูดนางทำให้ขอบตาถังเฉียนแดงเรื่อ ใบหน้าที่ซ่อนอยู่หลังหน้ากากดูเศร้าหมองลงทันทีเมื่อเห็นถังเวยพยายามพูดอย่างเต็มที่ แล้วนึกถึงครั้งก่อนที่ถังเวยร้องด่าถังอวิ๋น พูดยืดยาวอย่างไม่หยุด เด็กสาวที่ทั้งเก่งและมีไหวพริบ เหตุใดกลายเป็นเช่นนี้ไปได้ 

 

 

“จะให้ข้าปล่อยเจ้ากลับบ้านดีหรือไม่” 

 

 

“ไม่ ไม่ต้อง ที่นี่…ดีแล้ว ข้าไม่…ไม่กลับบ้าน” 

 

 

นางได้ยินมาว่าถังเวยเห็นพ่อแม่และคนในหมู่บ้านถูกฆ่าก็ตกใจกลัวจนเสียสติ พูดจาตะกุกตะกัก พอนึกถึงถังเวยที่เคยร้ายกาจ ถังเฉียนก็ยิ่งปวดร้าวใจและโทษตัวเอง ทั้งหมดนี่เป็นเพราะตนไม่ได้ดูแลน้องๆ ให้ดี เป็นความผิดของนางเองทั้งหมด 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 161 ของขวัญจากแดนไกล 

 

 

 

 

 

ถังเฉียนลูบเส้นผมนาง พูดปลอบโยนเบาๆ นางดูเหมือนอยากกอดน้องไว้ในอ้อมกอดเดี๋ยวนี้เลย บอกนางว่าไม่เป็นไรแล้ว พี่ยังอยู่ที่นี่ อยู่ในสายตาเจ้า แต่เมื่อคุยกับนางครู่หนึ่งก็รู้ว่าในสมองนางไม่มีคำว่าพี่สาวหลงเหลืออยู่เลย นางเป็นเพียงลูกสาวคนเดียว พ่อแม่ตายหมดแล้ว นางเป็นแค่เด็กกำพร้า 

 

 

“พ่อกับแม่พวกท่านดีต่อข้ามาก พ่อแม่มีข้าเป็นลูกสาวคนเดียว พวกท่านรักข้ามาก แต่…คนพวกนั้นตัดศีรษะพวกท่าน โอ้ย…” 

 

 

เมื่อเอ่ยถึงวันนั้นถังเวยก็ตกใจจนหวีดร้องออกมา ถังเฉียนกอดน้องสาวแน่น อยากให้น้องรู้สึกถึงความอบอุ่น 

 

 

“อย่า อย่าฆ่าข้า อย่าฆ่าข้า” 

 

 

ชุดที่ถังเฉียนสวมอยู่ทำให้นางหวาดกลัว เพราะคนพวกนั้นก็สวมชุดดำ เพราะคนพวกนั้นล้วนเป็นหมอผี ถังเฉียนไม่ได้ไปเยี่ยมซูซินเหลียนแล้ว แต่นางตรงกลับมาที่ห้องของตน สถานที่นี้สำหรับนางแล้วเป็นเหมือนเปลือกของหอยทาก ลำบากแทบแย่กว่าจะลองโผล่หัวออกไปพยายามอยากคลานไปข้างหน้า แต่เพราะขี้ขลาดและกลัวจึงรีบหดหัวกลับทันที 

 

 

“ร้องไห้ นอกจากร้องไห้แล้ว เจ้าทำสิ่งใดเป็นบ้าง” 

 

 

ประตูถูกผลักเปิดออก นางจำได้แม่นว่าตนเองใส่กลอนประตูแล้ว แม้ว่าฮว่าเหยียนจะเป็นหมอผีสมุนไพร แต่ดูเหมือนนางยังสันทัดในการสะเดาะกลอนประตูลอบเข้าห้องมา 

 

 

“เจ้าหัดเคาะประตูไม่เป็นใช่หรือไม่ ข้าลงกลอนแล้ว เพราะไม่อยากให้เจ้าเข้ามา” 

 

 

ฮว่าเหยียนเคยชินกับน้ำเสียงเย็นชาเช่นนี้ของนางแล้ว จึงไม่ได้รู้สึกว่าตนเองทำอะไรน่าเกลียด นางวางกล่องหยกลงบนโต๊ะแล้วพูดว่า 

 

 

“นี่เป็นของที่อาจารย์เจ้ามอบให้เจ้า ข้าเอามาให้แล้ว เจ้าอยากร้องไห้ก็ร้องต่อไปเถอะ ร้องไห้ให้พอแล้วค่อยมาถามข้าว่าของสิ่งนี้ใช้ทำสิ่งใด” 

 

 

ถังเฉียนลุกขึ้น เดินมาที่กล่องใบนั้น มองดูแล้วถาม 

 

 

“ข้าไม่เป็นไร เจ้าบอกมาเถอะ นี่คือสิ่งใด” 

 

 

เถิงเสวี่ยใช้อินทรีเทพของเผ่าอินทรีเงินช่วยส่งกล่องหยกหิมะซึ่งใส่เครื่องหอมเสวี่ยหนิงเซียง มาจากเผ่าพีส่า ให้นางไว้ใช้เวลานั่งสมาธิ แต่คิดไม่ถึงว่าเสี่ยวจินจะชอบเครื่องหอมนั่น แล้วเข้าไปอยู่ในกล่อง กล่องหยกหิมะจึงกลายเป็นบ้านของมัน และทุกวันก็ยังชอบหันก้นใส่ถังเฉียน ความขุ่นเคืองที่ตอนนั้นนางไม่ยอมให้มันกิน จนเดี๋ยวนี้ก็ยังไม่ลืม 

 

 

เจ้าตัวน้อยหลับไปนานแล้ว ถ้าไม่ขอร้อง มันจะไม่พูดกับถังเฉียนแม้แต่คำเดียว หรือพอเรียกให้ออกมาพบนาง ก็ทำท่าเหมือนไม่ยอมไปมาหาสู่ด้วยเด็ดขาด 

 

 

กล่องหิมะหยกมีกลิ่นจางๆ ไม่มีสลักปิด เสี่ยวจินจึงไม่กลัวว่าจะถูกขังไว้ จึงเข้าไปอยู่อย่างร่าเริง 

 

 

ถังเฉียนมองฮว่าเหยียนเดินออกไปจากห้อง แล้วทอดสายตามายังเครื่องหอมเสวี่ยหนิงเซียง นางรู้สึกแปลกใจ ของอย่างนี้อาจารย์ย่อมมีติดตัวอยู่แล้ว เหตุใดต้องรอจนกลับไปดินแดนศักดิ์สิทธิ์แล้วจึงค่อยส่งมาให้นาง เรื่องนี้น่าแปลกมาก 

 

 

แต่นางไม่มีเวลามาคิดมาก สองสามวันนี้นางรู้แล้วว่าบิดาไม่ตาย จึงทำให้สภาพจิตใจของนางดีขึ้นมาก ในใจไม่ได้ทุกข์ร้อนหวาดวิตกอย่างเคยแล้ว 

 

 

ทั้งนางยังได้พบกับน้องสาว บนใบหน้าจึงมีรอยยิ้มเพิ่มขึ้น แต่นางยังคงเป็นห่วงฉู่จิ่งเหยา นางรู้สึกว่าถงถงเอ๋อร์กับพวกประเมินฉู่จิ่งเหยาต่ำเกินไป เขาไม่ง่ายอย่างที่คนเหล่านี้คิด 

 

 

อย่างเช่นถังเวย ฉู่จิ่งเหยาไม่ได้เอ่ยถึงความสงสัยของเขา บางทีอาจเพราะเขาไม่อยากที่จะทดสอบแล้ว 

 

 

เนื่องจากนางไม่อาจลืมแววตาที่ฉู่จิ่งเหยามองนางในคืนพิธีอัญเชิญเทพ ราวกับมองทะลุปรุโปร่งนานแล้ว เพียงแต่ยังไม่ถึงเวลาที่จะพูดออกมาเท่านั้นเอง 

 

 

ถังเฉียนจ้องมองเสวี่ยหนิงเซียง ยังไม่ทันที่นางจะมองออกว่าเป็นอย่างไร เจิ้งจยาเฉิงที่ไม่ได้พบกันนานแล้ว ก็เข้ามาในเรือนหานต้าน ระยะนี้ถังเฉียนต้องพักฟื้นอยู่ที่นี่ ฉู่จิ่งเหยาจึงห้ามไม่ให้ใครมารบกวน แต่ขณะนี้นางหายป่วยแล้ว เขาจึงกล้าที่จะเข้ามา 

 

 

แต่ครั้งนี้แปลกมาก เขาไม่ได้มาเพราะฉู่จิ่งเหยา แต่กลับมาเพราะซูซินเหลียน