บทที่ 1204 ล้อมโจมตี

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

บทที่ 1204 ล้อมโจมตี โดย Ink Stone_Fantasy

เสียแรงที่เมื่อครู่เขารู้สึกว่าเมื่ออีกฝ่ายกระจายกำลังแล้วเขาจะโจมตีฝ่าได้สะดวก นึกไม่ถึงว่าชั่วพริบตาเดียวจะตกอยู่ในสภาพที่อับจนแล้ว และยิ่งนึกไม่ถึงว่าเจ้าสี่คนนั้นจะจัดกำลังที่กระจัดกระจายมาสู้รบได้รวดเร็วขนาดนี้ รู้สึกได้ว่าสี่คนที่อยู่ข้างกายจาเหรินจวิ้นไม่ธรรมดา ทั้งหมดมีวรยุทธ์บงกชทองขั้นเก้า แต่ไม่นาเชื่อว่าจะไม่ปะทะกับตนตรงๆ แต่ใช้วิธีการที่มั่นใจและเชื่อถือได้ยิ่งกว่ามาสู้กับตน ไม่ยอมมาเสี่ยงอันตรายง่ายๆ

พอเห็นลักษณะท่าทางของทั้งสี่ ก็ชัดเจนมากว่ามีพื้นเพมาจากทหารประจำการของตำหนักสวรรค์ มีประสบการณ์เรื่องระดมกำลังที่สุด เหมียวอี้ที่อยู่ตำหนักสวรรค์มานานเพิ่งเคยสู้รบกับทหารประจำการของตำหนักสวรรค์เป็นครั้งแรก ไม่ใช่ทหารสวรรค์ที่เฝ้าประตูเฝ้าสวนอย่างตนจะเทียบติด

กำลังพลห้าหมื่นกว่าที่กระจายตัวรีบโอบล้อมเข้ามารวมตัวกันอย่างรวดเร็ว ล้อมเหมียวอี้ไว้อย่างแน่นหนาจนแม้แต่น้ำหยดเดียวก็ผ่านเข้าออกไม่ได้ และโบกแขนสองข้างโยนเชือกมัดเซียนออกมาพร้อมกัน ภาพเหตุการณ์นี้หาพบได้ยาก เป็นฉากที่ยิ่งใหญ่อลังการ

คนที่อยู่ด้านนอกมองไม่เห็นว่าเหมียวอี้ที่อยู่ข้างในมีสภาพเป็นอย่างไร มีคนไม่น้อยที่ถืออาวุธในมือเริ่มหละหลวมแล้ว ต่างก็คิดว่าเหมียวอี้จบเห่แล้ว เชือกมัดเซียนมากมายขนาดนี้ล้อมโจมตีพร้อมกัน ต่อให้เป็นนักพรตบงกรุ้งก็ยากที่จะรอดตัวไปได้

สาเหตุก็ไม่ซับซ้อน เชือกมัดเซียนมีทั้งความแข็งแกร่งและอ่อมนุ่มประสานส่งเสริมกัน ต่อให้วรยุทธ์ของเจ้าจะสูงแต่ก็ทำลายให้พังไม่ได้

สาเหตุที่เชือกมัดเซียนถูกเรียกว่าเชือกมัดเซียน ก็เพราะมีคุณสมบัติต้านทานในระดับหนึ่ง สามารถเลื้อยอยู่ท่ามกลางพลังอิทธิฤทธิ์ที่โหมซัดสาดราวกับเป็งูเทพ ตราบใดที่มีคนร่ายอิทธิฤทธิ์ควบคุม เมื่อพันตัวเป้าหมายที่ถูกมัด เป้าหมายก็จะดิ้นหลุดได้ยากมาก ไม่อย่างนั้นคงไม่ถูกใช้งานเพื่อมัดนักพรตที่ทำผิดกฎหรอก

แน่นอนว่า ต่อให้นักพรตบงกรุ้งจะถูกมัดแล้ว แต่เชือกมัดเซียนระดับนี้ก็คงจะมัดไม่ไหว ถ้าอีกฝ่ายอาศัยวรยุทธ์ก็คงจะทำให้พังขาดได้ แต่การรับมือคนคนที่วรยุทธ์สูงกว่านั้น ก็ย่อมต้องมีนักพรตที่ระดับสูงกว่านั้นลงมือ และมีเชือกมัดเซียนที่ระดับสูงกว่านั้นเช่นกัน

เพียงแต่การใช้กระบวนทัพในตอนนี้รับมือกับเหมียวอี้ ก็เรียกได้ว่ามากเกินพอแล้ว

เหมียวอี้ที่พุ่งไปข้างหน้าต่อชกเชือกมัดเซียนที่กรูเบียดมาตรงหน้าจนปลิวออกไป อยากจะโจมตีให้เกิดช่องโหว่เพื่อให้ตัวเองหลุดพ้น แต่ว่าไม่ได้ผล เชือกมัดเซียนที่ปลิวออกไปอยู่ภายใต้การร่ายอิทธิฤทธิ์ควบคุม มันสั่นไหวอยู่พักหนึ่งแล้วปลิวกลับมาอีกครั้ง

และเวลาก็ไม่สะดวกจะให้เขาพัวพันอยู่แบบนี้ เชือกมัดเซียนที่โจมตีเข้ามาหนาแน่นเกินไปแล้ว เกราะอิทธิฤทธิ์ล่องหนก็ปกป้องตัวเองไมได้ ของสิ่งนี้มีคุณสมบัติต้านทานในระดับหนึ่ง สามารถเลื้อยต่อไปได้ท่ามกลางเกราะล่องหน

เหมียวอี้ปาดทวนที่อยู่ในมือด้วยความเร็ว ชั่วพริบตาเดียวก็ฟันเชือกมัดเซียนได้ต่อเนื่องสิบกว่าเส้น ฟันของวิเศษที่เปลี่ยนแปลงได้ชนิดนี้จนระเบิดเป็นผงทองกลุ่มแล้วกลุ่มเล่า

เชือกมัดเซียนสู้กับความแหลมคมของอาวุธผลึกแดงได้ยาก มิหนำซ้ำยังเป็นทวนเกล็ดย้อนที่ทำมาจากผลึกแดงที่มีความบริสุทธิ์สูงด้วย

แต่ก็ยังคงไร้ประโยชน์ ถ้ามีแค่ร้อยเส้นพันเส้นเขาก็ยังพอรับมือไหว แต่เพราะเชือกมัดเซียนที่โยนเข้ามาหนาแน่นเกินไปจริงๆ ปลิวเข้ามาห้าหมื่นกว่าเส้นในรวดเดียว สามารถฝังกลบเขาได้ด้วยซ้ำ ไม่มีใครสามารถลงมือได้เร็วถึงขั้นปาดทวนหลายหมื่นครั้งในชั่วพริตาเดียวได้หรอก

ขอเพียงให้เขาโดนเชือกมัดเซียนสักเส้นเกาะติดขึ้นมา ก็จะสามารถมัดไขว้เขาทั้งตัวได้เลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงจำนวนที่มากขนาดนั้น

เขาถึงขั้นคิดว่าจะใช้ลูกกลมตีไม่พังมาปกป้องตัวเองด้วยซ้ำ แต่ก็ไม่มีประโยชน์ นอกเสียจากเจ้าจะอยากหลบอยู่ในลูกกลมตีไม่พังตลอดชีวิตโดยไม่ออกไปไหน มิหนำซ้ำเชือกมัดเซียนยังสามารถเปลี่ยนเป็นยาวได้ สามารถมัดลูกกลมตีไม่พังไว้ด้วยกันได้เลย

ขณะกำลังฉุกละหุก ในหัวเหมียวอี้ก็พลันมีแสงสว่างวาบ ทวนเกล็ดย้อนที่โบกอยู่ในมือพลันหายไป ถูกเขาเก็บเอาไว้แล้ว

โอกาสรอดชีวิตเป็นช่วงเวลาที่เกิดขึ้นสั้นมาก ภายใต้ความวิตกกังวลแบบนี้ เขาดูแลเฮยทั่นไม่ไหวด้วยซ้ำ แผ่นเกล็ดบนเกราะรบพลันตั้งขึ้นมา หนามบนแผ่นเกล็ดทุกแผ่นก็ตั้งขึ้นมาเช่นกัน บนเกราะรบราวกับมีหนามงอกใอย่างฉับพลัน นี่ก็คือเกราะรบที่เยารั่วเซียนหลอมสร้างให้เขาในตอนแรก

วูบ! ชั่วพริบตาเดียวเหมียวอี้ก็หมุนวนอย่างรวดเร็วราวกับพายุหมุน

ฉึกๆๆๆ…

เชือกมัดเซียนระเบิดกลายเป็นหมอกสีทองเส้นแล้วเส้นเล่า

เกราะรบที่กำลังหมุนวนอย่างรวดเร็วนั้นแหลมคมราวกับมีคมดาบนับไม่ถ้วนกำลังกรอตัด เชือกมัดเซียนที่เข้ามาใกล้จะถูกฟันแหลกในทันที ไม่มีทางเข้าใกล้ตัวของเหมียวอี้ได้เลย ร้ายกาจยิ่งกว่าตัวเม่นเสียอีก เรียกได้ว่าเชือกมาเท่าไรก็ตัดขาดเท่านั้น ชั่วพริบตาเดียวรอบกายเหมียวอี้ก็ปกคลุมไปด้วยหมอกสีทองที่ระเบิดออกมาอย่างหนาแน่น

“อ๋า!” มีเสียงร้องตกใจท่ามกลางทหารสวรรค์ที่ร่ายอิทธิฤทธิ์ควบคุมเชือกมัดเซียน

“เป็นอะไรไป?” เนี่ยกงที่บัญชาการรบอยู่ข้างๆ หันกลับมาตะคอกถาม ตอนนี้เชือกมัดเซียนที่กรูเข้าไปมีเยอะมากจริงๆ มองเห็นสภาพของเหมียวอี้ที่โดนขังอยู่ในนั้นได้ไม่ชัดเลย

คนที่อุทานตกใจตอบว่า “เชือกมัดเซียนของข้าน้อยถูกทำพังแล้วขอรับ”

“จะร้องโวยวายตกใจทำไม เขาก็แค่ดิ้นรนตอนใกล้ตายเท่านั้น ความเสียหายของเจ้า เดี๋ยวกลับไปจะชดเชยให้สองเท่า!”

เนี่ยกงที่ไม่เข้าใจสถานการณ์ในนั้นชัดเจนตะคอกตำหนิ

แต่ไม่นานเขาก็พบความไม่ชอบมาพากลแล้ว เสียงร้องตกใจท่ามกลางกำลังพลหลายหมื่นดังขึ้นต่อเนื่องเป็นระลอก บวกกับเสียงระเบิดของเชือกมัดเซียนก็ถี่เกินไป

คนที่ดูการต่อสู้อยู่ภายนอกก็สังเกตเห็นสีหน้าสะเทือนใจของกำลังพลหลายหมื่นที่ล้อมเป็นรูปวงกลมเช่นกัน ทำให้แต่ละคนเบิกตากว้างมองดูทันที ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นในนั้น อย่าบอกนะว่าขนาดใช้เชือกมัดเซียนหลายหมื่นก็ยังจับหนิวโหย่วเต๋อนั่นไม่ได้?

เกาก้วนที่เดิมทีเหลือบตาลงเล็กน้อย ตอนนี้พลันลืมตาจ้องมองไปทางนั้นแล้วเช่นกัน ส่วนเถิงเฟยที่ลูบหนวดอยู่ข้างกันก็หยุดชะงัก สายตาจ้องตรงจุดที่กำลังพลล้อมไว้

ไม่ว่าจะเป็นคนที่รู้จักหรือไม่รู้จักเหมียวอี้ ไม่รู้ว่ามีคนตั้งเท่าไรที่ทำสีหน้าตกตะลึงประหลาดใจ

ในขบวนทัพที่กำลังพลหลายหมื่นรวมตัวกัน พวกเนี่ยกงสบตากันอยู่ไกลๆ ในดวงตาเต็มไปด้วยความตื่นตะลึง แอบคิดในใจว่าเป็นไปได้อย่างไร

ไม่นานการคาดเดาของพวกเขาก็ได้รับการพิสูจน์แล้ว เชือกมัดเซียนหลายหมื่นที่โผเข้าไป สิ่งที่ได้คืนมากลับเป็นหมอกสีทองผืนใหญ่ หมอกสีทองที่ระเบิดออกมาครอบเชือกมัดเซียนที่ตามมาทีหลังเอาไว้ ทำให้มองเห็นไม่ชัดว่าข้างในเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่เห็นได้ชัดว่าหมอกสีทองเกิดขึ้นหลังจากเชือกมัดเซียนระเบิดออก

ทันใดนั้น หมอกสีทองที่อบอวลก็กระเพื่อมไปยังทิศทางเดียวภายใต้การพัดม้วนของพลังอิทธิฤทธิ์ ปรากฏเงาคนคนหนึ่งรางๆ อยู่ในหมอกสีทอง

“อิ๋งอิ๋ง” เสียงมังกรคำรามที่นุ่มนวลพลันดังขึ้น ในหมอกสีทองที่เลือนรางมีหัวทวนสามแฉกที่แหลมคมแทงออกมา

ตามทวนที่แทงออกมา หมอกสีทองที่อยู่รอบหัวทวนขยายออกไปอย่างฉับพลัน เผยให้เห็นเหมียวอี้ที่กำลังทำสายตาเย็นเยียบดุร้ายและถือทวนด้วยมือข้างเดียว

ทุกคนตกตะลึงอ้าปากค้าง พวกเนี่ยกงตกใจจนหน้าถอดสี พากันร่ำร้องในใจอย่างบ้าคลั่งว่า เป็นไปได้อย่างไร?

“ฝีมืออ่อนด้อย ยังกล้างัดออกมาใช้ทำร้ายข้าอีก!” เหมียวอี้ที่โบกทวนไปทางซ้ายทางขวาอย่างช้าๆ หลันหยุดชะงัก ทวนชี้ไปที่เนี่ยกง พร้อมตะโกนเสียงดังด้วยเสียงอันดุร้าย “หนิวโหย่วเต๋ออยู่นี่แล้ว ใครกล้าสู้ตายกับข้าสักตั้งมั้ย!”

“อ๋า…” กำลังพลหลายหมื่นที่กำลังตกตะลึงถูกเสียงตะโกนนี้ปลุกเรียกสติ พวกเขาสูดหายใจอย่างตกตะลึง โอ้สวรรค์! ขนาดเชือกมัดเซียนหลายหมื่นก็ยังทำอะไรเจ้าเวรนี่ไม่ได้!

เมื่อได้ยินเสียงนี้ คนส่วนใหญ่ก็พากันถอยหลังโดยจิตใต้สำนึก

ถึงแม้จะอยากหลบหลีกการท้าสู้นี้ แต่เมื่ออยู่ท่ามกลางสายตาคนที่ดูการสู้รบอยู่ข้างนอก บวกกับเสียงอันเกรี้ยวกราดของเหมียวอี้ที่ตะโกนออกไปแล้ว ช่างเหมือนกับเป็นเสียงตะโกนขู่ให้ทัพใหญ่หลายหมื่นถอยหลังจริงๆ ทุกคนที่ดูการต่อสู้ทำสีหน้าตื่นตะลึง ไม่รู้ว่าในนั้นเกิดเรื่องน่ากลัวอะไรขึ้นกันแน่ ไม่น่าเชื่อว่าจะทำให้หนิวโหย่วเต๋อมีพลังอำนาจขนาดนี้!

ข้างนอกไม่รู้ว่ามีคนตั้งเท่าไรที่มองมาตรงนี้อย่างตกใจ จ้องมองตรงนี้ตาไม่กะพริบ อยากจะรู้มากว่าในนี้เกิดเรื่องอะไรกันแน่

ส่วนเหมียวอี้ที่อยู่ในนั้นก็พลันหันกลับมา ด้านหลังมีเสียงระเบิดดังครั้งแล้วครั้งเล่า เห็นเพียงเฮยทั่นที่โดนมัดไว้อย่างแน่นหนาดิ้นรนจนเชือกมัดเซียนขาดหลายเส้น มันกางกรงเล็บแหลมคมสี่ข้างตะกุยบนร่างกายตัวเอง กรงเล็บแหลมผลึกแดงขยุ้มจนเชือกมัดเซียนที่มัดตัวเองอยู่ระเบิดออกเส้นแล้วเส้นเล่า

เพียงแต่ร่างกายของมันใหญ่โตเกินไป มีบางจุดที่กรงเล็บของมันตะกุยไปไม่ถึงเลย และไม่มีทางโดนแรงดึงออกด้วย

เหมียวอี้เห็นแล้วอึ้งไปชั่วขณะ เรียกได้ว่าดีใจเหนือความคาดหมาย เด็กดีเอ๋ย พลังกายของเจ้าอ้วนนี่จะต้องเยอะขนาดไหนกัน ไม่น่าเชื่อว่าจะอาศัยแรงกายดึงเชือกมัดเซียนจนขาด

ถึงแม้เขาจะเคยเห็นมาก่อนว่าพลังของเฮยทั่นสามารถทะลุผ่านภูเขาได้ รู้ว่าเฮยทั่นมีพละกำลังมาก แต่ก็นึกไม่ถึงว่าจะมากถึงขั้นนี้ สามารถดึงเชือกมัดเซียนให้ขาดได้โดยตรง อย่างน้อยนักพรตระดับบงกชทองก็ไม่มีทางดึงเชือกมัดเซียนที่ทำจากผลึกทองให้ขาดได้แบบนี้แน่

“ซี๊ด…” กำลังพลที่ล้อมสูดหายใจอย่างตกตะลึงอีกครั้ง มองเฮยทั่นด้วยความตื่นตะลึง

เหมียวอี้ถลันตัวเข้าไป แทงทวนยาวไปที่เฮยทั่น พอทวนแทงบนเกราะรบบนตัวเฮยทั่น หัวทวนที่แหลมคมก็กรีดหนึ่งครั้ง ทำให้เชือกมัดเซียนบนตัวเฮยทั่นขาดหมดในชั่วพริบตาเดียว

“อ๋าว…” พอเฮยทั่นหลุดจากการถูกมัด มันก็คำรามใส่กลุ่มคนอย่างเกรี้ยวกราดบ้าระห่ำทันที เผยฟันคมที่น่ากลียดดุร้าย มันกำลังสะบัดร่างกาย ในดวงตาสิงโตสีเลือดฉายแววโกรธแค้นบ้าคลั่ง

เหมียวอี้ขึ้นไปเหยียบบนหลังมัน คนกับสัตว์พาหนะรวมเป็นหนึ่งเดียวกันอีกครั้ง

เมื่อเห็นว่าขนาดทำแบบนี้แล้วยังล้อมเหมียวอี้ไว้ไม่ได้ พวกเนี่ยกงที่กำลังตกใจก็ส่งสายตาให้กัน หลังจากพยักหน้าพร้อมกันแล้ว ก็หันไปชูมือตะโกนบอกกำลังพลที่อยู่ข้างหลัง “ฆ่า!”

ทั้งสี่คนพุ่งนำออกไป โอบล้อมโจมตีเหมียวอี้จากสี่ทิศ ในเมื่อไม่สามารถจัดการเหมียวอี้ได้อย่างมั่นใจและประหยัดแรง ทั้งสี่ก็ทำได้เพียงออกโรงด้วยตัวเอง ถ้าตอนนี้ไม่ทำตัวเป็นผู้นำ ก็เป็นเรื่องยากที่จะปลุกระดมให้คนอื่นขึ้นมาข้างหน้า ถึงอย่างไรคนพวกนี้ก็ไม่ใช่ลูกน้องของตน ใช่ว่าตนสั่งคำเดียวแล้วจะเชื่อฟังได้ ตอนนี้ทำได้เพียงนำหน้าไปก่อน

สัตว์พาหนะสามร้อยกว่าตัว คนสามร้อยกว่าคนที่มีสัตว์เทพเป็นสัตว์พาหนะแข็งใจพุ่งสังหารตามเข้าไป กำลังพลหลายหมื่นที่ล้อมอยู่ทั้งสี่ทิศต่างก็กำลังเหลียวซ้ายแลขวา ตอนนี้ยังไม่มีใครเคลื่อนไหวอะไร

เหมียวอี้ถือทวนมองไปรอบๆ สีหน้าเย็นเยียบมุ่งสังหาร

เมื่อเห็นว่ากำลังจะโอบล้อมได้ ฮัวต้าหลาง หนึ่งในคนที่นำกำลังพลบุกเข้ามาก็พลันยกฝ่ามือ เถาวัลย์สิบกว่าเส้นพลันยิงออกมา เลื้อยขยายครอบคลุมไปที่เหมียวอี้ บนเถาวัลย์ทุกเส้นมีดอกไม้ตูมสีชมพูหลายดอก

เหมียวอี้พลันหันกลับมา เจอกับปีศาจเถาวัลย์อีกแล้ว เขาโบกทวนชี้ไป เลือกเป้าหมายแรกที่จะโจมตี ใครลงมือก่อนเขาก็จะฆ่าคนนั้นก่อน!

เหมียวอี้โบกทวนฟันเถาวัลย์ที่โผเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ฟันจนเถาไม้ปลิวว่อน แล้วโจมตีไปหาฮัวต้าหลางโดยตรง

ฮัวต้าหลางที่พุ่งเข้ามาตรงหน้ามองข้ามเถาไม้ที่โดนตัดฟันไม่หยุดหย่อน มุมปากกลับเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์

เหมียวอี้ที่สังเกตเห็นรู้สึกได้ลางๆ ว่าต้องมีลับลมคมใน แต่ช่วยไม่ได้ที่ไหวตัวไม่ทันแล้ว จู่ๆ ดอกไม้ตูมบนเถาไม้ที่โดนตัดขาดก็เบ่งบาน ชั่วพริบตาเดียวกลีบดอกไม้ขนาดใหญ่ดอกหนึ่งก็อ้าออกและหุบลง กลืนเหมียวอี้เข้าไปพร้อมกับสัตว์พาหนะ

จากนั้นเถาไม้นับไม่ถ้วนก็ระเบิดออกมาจากฮัวต้าหลาง เป็นลักษณะท่าทางที่บ้าบิ่น รัดดอกไม้ที่กลืนเหมียวอี้เอาไว้แน่นแล้วม้วนเป็นก้อนใหญ่ราวกับก้อนหิมะกลิ้ง

เมื่อใช้ท่านี้สำเร็จ ฮัวต้าหลางก็เงยหน้าหัวเราะลั่น “โจรกระจอก! ติดกับดักแล้ว!”

พวกเนี่ยกงที่พุ่งเข้ามาก็เหมือนจะมีความมั่นใจในตัวเขาสุดๆ เช่นกัน แต่ะคนเผยรอยยิ้มชั่วร้าย

เป็นเพราะทั้งสามรู้ว่าพิษที่เกิดขึ้นในดอกไม้สดที่กลืนกินเหมียวอี้เข้าไปสามารถฝ่าเกราะพลังอิทธิฤทธิ์ได้ มันร้ายกาจที่สุด เป็นท่าไม้ตายของฮัวต้าหลาง เมื่อพลาดท่าจะต้องติดกับดักแน่นอน และลูกตะกร้อที่กำลังกลิ้งนั้น ไม่ว่าตอนอยู่ข้างในเจ้าจะทำลายมันอย่างไร แต่มันก็จะงอกมาเสริมใหม่ได้อย่างรวดเร็ว มันจะขังเจ้าไว้ตรงกลางตลอด

เมื่อเห็นสถานการณ์เป็นแบบนี้ ในกำลังพลหลายหมื่นก็มีคนพุ่งเข้ามาเสริมอานุภาพทันที เมื่อมีคนนำ ทุกคนก็เข้าใจในทันที การมอบถ่านท่ามกลางหิมะ[1]เป็นเรื่องที่ทำได้ยาก แต่ถ้าจะให้เพิ่มดอกไม้บนผ้าดิ้นที่สวยงาม[2]ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร พวกเขาจึงกรูกันเข้าไป พร้อมตะโกนว่า “ฆ่า” ไม่หยุด ขวัญกำลังใจในการรบเพิ่มขึ้นสูงมาก มีพลังอำนาจน่าหวาดกลัว

เมื่อมองจากด้านนอก ผู้ที่ดูการต่อสู้รู้สึกงุนงง ดูท่าแล้ว หรือว่าจะโจมตีโต้ตอบสำเร็จอีกแล้วอีกแล้ว?

แต่ไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆ ฮัวต้าหลางที่หัวเราะลั่นอยู่ในนั้นถึงทำสีหน้างุนงง จ้องลูกตะกร้อมที่หยุดกลิ้งและขยายใหญ่ขึ้นอย่างงุนงง พร้อมอุทานว่า “เป็นไปไม่ได้!”

พวกเนี่ยกงมองตาม ทำให้ตกใจเช่นกัน ไม่น่าเชื่อว่าลูกตะกร้อนั่นจะเปลี่ยนสีแล้ว กลายเป็นถ่านไปแล้ว

ส่วนฮัวต้าหลางก็เขย่าเถาวัลย์แล้ว ทำท่าเหมือนกลัวว่าจะหนีไม่ทัน ตัดขาดการเชื่อมต่อกับเถาวัลย์นั่นอย่างเหี้ยมหาญ

บึ้ม! ลูกตะกร้อระเบิดออก เหมียวอี้พาสัตว์พาหนะสังหารฝ่าออกมาแล้ว

“จะหนีไปไหน!” เนี่ยกงตะโกน รีบพุ่งเข้าไปแทนที่ แล้วโบกทวนดักสังหาร

เหมียวอี้พุ่งออกมาอย่างดุร้าย เขากวาดมองอย่างเย็นเยียบพร้อมสะบัดทวนออกมา บนหัวทวนก็มีจุดสีดำขนาดเท่าเม็ดถั่วเหลืองหมุนวน พุ่งเข้าไปปะทะกับเนี่ยกงอยางกล้าหาญ

เกิดเสียงดังปั้ง ทวนในมือเนี่ยกงหลุดมือกระเด็นออกไปแล้ว

เกิดเสียงดังบึ้ม ทวนเกล็ดย้อนโจมตีอาวุธในมือเนี่ยกงจนกระเด็น ยังไม่หยุดแค่นั้น หัวทวนที่แหลมคมจ่อไปโดนเกราะรบผลึกแดงบนหน้าอกของเนี่ยกงแล้ว

อุบ! เนี่ยกงเงยหน้ากระอักเลือดขึ้นฟ้าอย่างบ้าคลั่ง ร่างกายสะเทือนจนกระเด็นถอยหลังออกจากตัวสัตว์พาหนะราวกับฝนดาวตก กระแทกใส่กลุ่มคนที่พุ่งตามมาข้างหลัง

การเปลี่ยนแปลงที่กะทันหันเพียงชั่วแวบเดียว เรียกได้ว่าทำให้กำลังพลหลายหมื่นที่ตะโกนว่าฆ่าและพุ่งเข้ามาตกใจจนเหม่อค้างไปตามๆ กัน!

…………………………

[1] มอบถ่านให้ท่ามกลางหิมะ 雪中送炭 อุปมาว่าช่วยเหลือคนที่กำลังลำบาก

[2] เพิ่มดอกไม้บนผ้าดิ้นที่สวยงาม 錦上添花 อุปมาว่าเสริมแต่งในสิ่งที่ไม่จำเป็น ไปช่วยเหลือคนที่สบายดีอยู่แล้ว