บทที่ 794 นัดกันที่เมืองฉิน

บัญชามังกรเดือด

บัญชามังกรเดือด บทที่ 794 นัดกันที่เมืองฉิน

อะไรนะ ฉินเปียวยอมแพ้แต่โดยดีอย่างนั้นหรือ?ท่าทีของเขา กลับทำให้ฉินเทียนรู้สึกประหลาดใจอย่างคาดไม่ถึง

หรือนี่คือสไตล์ของเขา

ฉินเทียนจ้องมองฉินเปียว อยากจะรู้จริงๆว่าชายผู้นี้คิดจะทำอะไรกันแน่

ทาสสัตว์ที่เก่งกาจในมือทั้งหมดแหลกสลายตายทั้งกองทัพ เขาทำราวกับมองไม่เห็นและดูเหมือนจะไม่ได้สนใจอะไรเลยสักนิด

“ทำไมหล่ะ แกไม่ต้องการหรือไง?”

“งั้นก็อย่าโทษฉันนะ เหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว ตราบใดที่ฉันเอาอิฐก้อนนี้ออกไปจากที่นี่ได้ ฉันก็เป็นผู้ชนะอยู่ดี”

ใบหน้าของฉินเปียวเริ่มแสดงออกถึงการหยอกล้อ เขาเลิ่กคิ้วขึ้น ในมือถืออิฐทองคำและกำลังจะเดินออกไปด้านนอก

“หยุด!”

ฉินเทียนเดินก้าวออกไปขวางด้านหน้าของฉินเปียวด้วยสีหน้าอันเคร่งขรึม และยื่นมือออกไป

เขารวบรวมลมปราณทั่วร่าง เตรียมพร้อมไว้เรียบร้อยอย่างลับลับ

เพราะจากความเข้าใจของเขาที่มีต่อฉินเปียว ชายผู้นี้ไม่ใช่คนใจดีอะไรขนาดนั้นอย่างแน่นอน

เขาระวังอยู่ว่า ขณะที่ฉินเปียวส่งอิฐทองก้อนนั้นมา เขาอาจจะลงมือจู่โจมก็เป็นได้

แม้ว่าเขาจะไม่ได้รู้สึกดีอะไรกับน้องชายคนนี้เลยก็ตาม แต่มีเรื่องหนึ่งที่ฉินเทียนต้องยอมรับ ฉินเปียวชายผู้นี้ ได้รับการยกย่องเลื่อมใสมาตั้งแต่เด็ก ประกอบกับทรัพย์สมบัติอันมหาศาลของตระกูลฉินแล้ว ศักยภาพในตัวของเขาจะน่ากลัวขนาดไหน แค่คิดก็รู้แล้ว

ดังนั้น ฉินเทียนไม่กล้าที่จะประมาทอย่างแน่นอน

ระหว่างที่ฉินเปียวนำอิฐทองวางลงในมือของเขา เขาก็ออกแรงทั้งหมด และกำลังภายในบริสุทธิ์นั้นก็ถูกส่งผ่านมาทางปลายนิ้ว

ในช่วงเวลานั้น นิ้วมือทั้งห้าของฉินเทียนราวกับเป็นตะขอห้าอันที่ทำจากเหล็กกล้าชั้นดี บนก้อนอิฐทองนั้น มีรอยลึกๆ อยู่หลายจุด

และถือก้อนอิฐที่เป็นสัญลักษณ์แห่งชัยชนะเอาไว้ในมืออย่างมั่นคง

ฉินเทียนเชื่อว่า เมื่อใช้วิชานี้แล้ว ฉินเปียวก็อย่าได้คิดที่จะใช้อิฐทองก้อนนี้มาแว้งกัดเขาได้อีก

สิ่งที่คิดไม่ถึงนั่นก็คือ ฉินเปียวหัวเราะเบาเบาและปล่อยอิฐทองลงบนมือของเขา จากนั้นก็ถอยหลังกลับไป

“แกประเมินค่าฉันต่ำเกินไป กล้าพนันก็ต้องกล้ายอมรับความพ่ายแพ้ แค่ก้อนอิฐเพียงก้อนเดียว น้องคนนี้ยอมให้ได้อยู่แล้ว”

ทำเอาฉินเปียวดูเป็นคนขี้งกไปซะอย่างนั้น

ฉินเทียนตอบด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “อย่าลืมเงื่อนไขของฉันที่แกให้สัญญาเอาไว้ด้วยหล่ะ!”

ฉินเปียวหัวเราะและตอบว่า “ไม่มีปัญหา”

“หากแกไม่สบายใจล่ะก็ งั้นพวกเราเชิญท่านอาวุโสถงจิ่งมาเป็นพยานก็ได้นะ”

“คนของฉันล้มตายจนหมด ตอนนี้เหลือเพียงหัวเดียวกระเทียมลีบแล้ว ไปเถอะ”

พูดพลาง ก็เอามือไพล่หลังและเดินออกไปข้างนอกอย่างสง่างาม ไม่แม้แต่จะเหลือบมองศพที่อยู่บนพื้นเลยสักนิด

ฉินเทียนอดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้ เขาพูดเบาๆ ว่า “กองทัพของพวกเราต่อสู้กัน ฉันจำเป็นต้องฆ่าพวกเขาเพื่อการเดิมพัน”

“แต่พวกเขายอมทำงานถวายชีวิตให้เธอ แกควรจะปฏิบัติกับพวกเขาให้ประหนึ่งเหมือนดั่งพี่น้อง”

“แกเย็นชาไร้ความรู้สึกเช่นนี้ อีกหน่อยจะไม่มีใครยอมทำงานถวายชีวิตให้แกอีก”

ฉินเปียวหัวเราะเยาะและพูดว่า “พี่ชายที่แสนดีของฉัน ผู้ที่คิดทำการใหญ่ จะไม่ใส่ใจกับเรื่องเล็กๆน้อยๆ”

“ลูกผู้ชายอกสามศอก เพื่อบรรลุแผนการใหญ่แล้วย่อมยอมสละได้ทุกสิ่ง นับประสาอะไรกับทหารที่ตายไปเพียงไม่กี่คนเล่า”

“ในสายตาฉัน พวกเขาก็เป็นแค่หมากตัวหนึ่ง ตอนที่ยังมีประโยชน์ ฉันก็เรียกยกย่องให้เป็นพี่เป็นน้อง ตอนนี้กลายเป็นศพแล้ว สำหรับฉัน มันก็เป็นแค่ขยะกองหนึ่งเท่านั้นเอง”

“ในอนาคตไม่ว่าจะมีคนยอมทำงานถวายชีวิตให้ฉันอีกหรือไหม พี่ชายที่แสนดีของฉัน นี่มันก็ไม่ใช่เรื่องอะไรที่แกต้องมากังวล”

“ตราบใดที่ฉันเสนอราคาที่สูงมากพอ ไม่ต้องห่วงหรอกคนที่คิดจะเสี่ยงชีวิตอุทิศตนมาทำงานให้ฉัน ต้องมีมาอย่างไม่ขาดสายแน่นอน”

เมื่อพูดถึงตรงนี้ ฉินเปียวกวาดตามองพี่น้องคำสาปสวรรค์ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็เข้าไปใกล้ๆ ฉินเทียน พร้อมกับพูดเยาะเย้ยว่า “พี่น้องถูกฆ่าตายจนหมดเกลี้ยงได้ แต่หมากที่พร้อมจะอุทิศตนนั้น ไม่มีทางเป็นเช่นนั้นแน่นอน”

“ดังนั้น เมื่อถึงเวลาที่ฉันฆ่าพวกเขาตายจนเกลี้ยง หวังว่าแกคงจะไม่เป็นทุกข์ใจมากจนเกินไปหรอกนะ”

“แกกล้าหรือ!” ฉินเทียนกัดฟัน สีหน้านิ่งเฉยราวกับสายน้ำ “ฉันบอกแกไว้ก่อนว่า ถ้าแกกล้าฆ่าพวกเขาหล่ะก็ ฉันจะเป็นคนฆ่าแกเอง”

ฉินเปียวหัวเราะเสียงดัง “ฉันยอมรับว่าตอนนี้แกแข็งแกร่งมาก แต่จุดอ่อนของแกก็มากพอที่จะทำให้แกตายได้เหมือนกัน”

“เแกมีเรื่องพะว้าพะวังมากเกินไป ส่วนฉันไม่ได้เล่ห์ก็ต้องเอาด้วยกล”

“คอยดูแล้วกัน!”

“ระหว่างเราต้องมีการต่อสู้กันอีกครั้ง และฉันเชื่อว่า มันจะเกิดขึ้นอีกในไม่ช้า”

“ขอให้แกโชคดี”

เขาเดินมุ่งหน้าออกไปข้างนอกอย่างรวดเร็ว

ในเวลานี้ ก็มีชายชุดดำสองคนพุ่งเข้ามา พวกเขาวิ่งไปด้วยตะโกนไปด้วยว่า “ตามคำสั่งของราชาถงจิ่ง ใกล้ถึงเวลาแล้ว ฉันจึงล่วงหน้ามาเพื่อสอบถามคุณชายทั้งสองว่า ผลแพ้ชนะเป็นอย่างไรบ้าง?”

“ต้องการความช่วยเหลืออะไรไหม?”

ฉินเทียนรีบตอบกลับไปว่า “ผลการแข่งขันสิ้นสุดลงแล้ว!”

“มีคนได้รับบาดเจ็บ ราชาถงจิ่งได้โปรดจัดส่งเฮลิคอปเตอร์ เพื่อมาช่วยชีวิตพวกเขาอย่างเร่งด่วนที่สุดด้วย!”

“ตกลง!” ชายชุดดำสองคนรีบวิ่งกลับออกไป ไม่นานนัก ก็มีเฮลิคอปเตอร์หลายลำบินวนเข้ามา

ราชาถงจิ่งนำคนเดินลงจากเครื่องบิน เมื่อได้เห็นฉากที่อยู่ตรงหน้าแล้ว ก็รู้สึกตกใจมากจนพูดอะไรไม่ออก

เป็นเวลาอยู่นาน เขาถึงเอ่ยปากถามขึ้นมาด้วยความตกใจว่า “ทำไมถึงได้มีคนตายมากมายขนาดนี้?”

“คุณชายทั้งสอง ใครเป็นฝ่ายได้รับชัยชนะกันแน่?”

ฉินเปียวยิ้มและตอบว่า “ทาสสัตว์ทั้งหมดล้วนถูกฆ่าตาย แน่นอนว่าเป็นฉันเองที่พ่ายแพ้”

“เหล่าหวัง ในฐานะผู้ตัดสิน ตอนนี้คุณสามารถทำการประกาศผลการแข่งขันได้แล้ว”

ในแววตาของราชาถงจิ่ง มีประกายแห่งความดีใจฉายออกมา

เขามองไปทางฉินเปียว แสร้งทำเป็นลำบากใจและพูดว่า “คุณชายเปียว เรื่องการเดิมพันของพวกคุณ___”

ฉินเปียวตอบอย่างเย้ยหยันว่า “ฉันแพ้แล้ว ยอมรับในสถานะความเป็นลูกชายและหลานชายคนโตของตระกูลฉิน”

ฉินเทียนตอบอย่างเย้ยหยันว่า “ฉันเองก็ไม่ได้ให้ความสำคัญอะไรกับสถานะนี้นักหรอก!”

ฉินเปียวพูดด้วยความโมโหว่า “จะให้ความสำคัญหรือไม่ก็ตาม ยังไงแกก็คือลูกชายและหลานชายคนโตของตระกูลฉิน”

“วางใจเถอะ เงื่อนไขพ่วงท้ายของแก ฉันจะตอบสนองให้อย่างไม่มีขาดตกบกพร่องแน่นอน”

“พรุ่งนี้ตอนเที่ยง ที่นอกเมืองฉิน ส่งมอบหยางต้าว”

“ส่วนคำถามที่แกอยากถาม ฉันเองก็คิดได้คร่าวๆ บ้างแล้ว พรุ่งนี้ค่อยตอบแกพร้อมกันทีเดียวแล้วกันนะ”

เมื่อเห็นฉินเทียนลังเล ฉินเปียวเลยพูดเยาะเย้ยอีกว่า “ทำไมหรือ แกไม่เชื่อฉันหรือ แต่แกควรจะเชื่อท่านอาวุโสถงจิ่งบ้างนะ”

ราชาถงจิ่งรีบตอบกลับไปว่า “ตาแก่คนนี้รับประกันให้ได้!”

“คุณชายใหญ่ พวกเราทำตามที่คุณชายรองพูดก็ได้ คุณเห็นว่ายังไงบ้าง?”

ฉินเทียนพยักหน้า “ตกลง!”

ใจหนึ่ง เขาก็เชื่อท่านอาวุโสถงจิ่ง แต่อีกใจหนึ่งก็อยากออกไปจากที่นี่แล้ว เนื่องจากอาการบาดเจ็บของบรรดาพี่น้องทีมคำสาปสวรรค์ มันไม่สามารถรีรอชักช้าได้อีกต่อไป

การต่อสู้ครั้งนี้ ทีมหมาป่าหอนสามคนที่เก่งกาจที่สุดของฉินเปียวถูกจัดการไปแล้ว ซึ่งทำลายพละกำลังของเขาไปได้มาก ส่วนทีมของคำสาปสวรรค์ พูดได้ว่าพวกเขาต่อสู้ได้อย่างสวยงามมากๆ เลยทีเดียว

แต่ความยากลำบากในนั้น แค่คิดก็รู้แล้ว พูดอย่างไม่เกินจริงเลยว่า ครั้งนี้เป็นการต่อสู้ที่โหดเหี้ยมและยากลำบากที่สุดตั้งแต่ที่พวกเขาเคยเจอมา

พอเวลาผ่านไปเนิ่นนาน เมื่อชุยหมิงและชิงเฉินหวนรำลึกกลับมานึกถึงการต่อสู้ในวันนี้ ทั้งสองต่างเห็นพ้องกันโดยไม่ได้นัดหมายว่า การรบครั้งนี้มันลำบากยากเย็นและน่าเวทนามาก เทียบได้กับสงครามครั้งใหญ่แห่งศตวรรษที่นำไปสู่การทำลายล้างวิหารพญายม

ที่แตกต่างกันก็คือ ครั้งนี้ พวกเขาได้เปรียบในเรื่องของจำนวนคน ดังนั้นพวกเขาถึงหัวเราะได้ในที่สุด

พวกเขาต่างเห็นพ้องต้องกันว่า หากจำนวนของทาสสัตว์มากกว่านี้อีกสักสองสามคน คงคาดเดาได้ยากว่าใครจะชนะหรือแพ้ และใครเป็นใครตายคงยากที่จะคาดเดา

สิ่งนี้ยิ่งทำให้พวกเขารวมทั้งฉินเทียน ต้องระวังหมาป่าหอนให้มากยิ่งขึ้น

ของสิ่งนี้ มันช่างน่ากลัวมากเสียเหลือเกิน!

ถ้าเกิดว่ามันขยายออกไปวงกว้าง ยุทธภพในอาณาจักรมังกรต้องเกิดความโกลาหลครั้งใหญ่อย่างแน่นอน

ยิ่งไปกว่านั้น เห็นได้ชัดเจนว่าของชนิดนี้มันถูกแบ่งออกเป็นหลายเกรด เกรดที่ฉินเปียวให้เหล่าทาสสัตว์ใช้ ต้องไม่ใช้อันที่ทรงพลังมากที่สุดอย่างแน่นอน

ถึงอย่างนั้น มันก็ทรงพลังมากขนาดนี้แล้ว ถ้างั้นหากฉีดอันที่ทรงพลังที่สุดเข้าไปหล่ะ?

ผู้ที่ถูกฉีดจะกลายพันธุ์ไปถึงขั้นไหนกันนะ?ไม่อยากจะคิดเลยจริงๆ!

ฉินเทียนสาบานว่า จะขุดรากถอนโค่นเบื้องหลังเรื่องนี้ทั้งหมดให้สิ้นซากได้อย่างแน่นอน!

โชคดีที่เขาจับประเด็นที่สำคัญที่สุดได้แล้ว พรุ่งนี้ ขอแค่ฉินเปียวทำตามการเดิมพันของเขา เขาคิดว่านั่นจะสามารถปลดล็อกนรกอันอเวจี และคลี่คลายความลับนี้ไปได้อย่างแน่นอน

หลังจากที่เขาพูดบางอย่างอย่างเร่งรีบแล้ว เขาก็ขึ้นเครื่องบินไปพร้อมกับหม่าหงเทาและคนอื่นๆ เพื่อมุ่งหน้าสู่เมืองฮั่นอย่างรวดเร็ว

พรุ่งนี้เขาจะเดินทางไปเมืองฉินตามนัด แต่ก่อนที่จะถึงพรุ่งนี้ เขาจำเป็นต้องจัดการกับบรรดาพี่น้องที่ต่อสู้อย่างนองเลือดเพื่อเขาให้เรียบร้อยเสียก่อน