ตอนที่ 834

Alchemy Emperor of the Divine Dao

หลิงฮันโคจรทักษะอัสนีบาตเก้าทิวาทำให้ร่างของเขาเคลื่อนที่ได้ด้วยความเร็วอันน่าตะลึง

จูเสวียนเอ๋อ เจ้ากระต่าย และหนูทองคำนั้นหลิงฮันพาทั้งสามเข้าไปในหอคอยทมิฬแล้วเพราะเขาเกรงว่าทั้งสามจะได้รับบาดเจ็บที่ไม่คาดฝัน กองทัพนับพันที่ติดตามหม่าตั้วเปามานั้นไม่มีใครสนใจเขา พวกเขาต่างเข้าร่วมต่อสู้ข้างกายแปดราชันที่เป็นเจ้านายของตนเอง

กระบี่ไร้เทียมทานกับขวานภูผาวารีนั้นเป็นเพียงอาวุธวิญญาณทั่วไปที่ไม่มีความนึกคิดเป็นของตนเอง อาวุธทั้งสองนี้ไม่สามารถเล็งโจมตีเป้าหมายเองได้

หรือก็คือฉือชิ่วเหรินกับบุตรแห่งสายฟ้าต้องตามการเคลื่อนไหวของหลิงฮันให้ทันเสียก่อนถึงจะโจมตีได้ ตราบใดที่พวกเขาไล่ตามได้ทัน ด้วยพลังทำลายล้างของอาวุธวิญญาณสองชิ้นนี้ หลิงฮันย่อมไม่อาจต่อต้านพวกเขาได้

แต่อย่างแรกเลยคือพวกเขาต้องไล่ตามหลิงฮันให้ทันเสียก่อน!

หลิงฮันตอนนี้เคลื่อนที่ได้รวดเร็วขนาดไหน? การเคลื่อนไหวในแต่ละครั้งของหลิงฮันนั้นส่งผลให้สายตาของพวกเขาพร่ามัว การโจมตีอย่างน้อยเก้าในสิบครั้งของพวกเขานั้นไม่สัมผัสถูกเป้าหมายแม้แต่น้อย

นอกจากนั้นร่างกายของหลิงฮันยังเทียบได้กับแร่เหล็กระดับสิบ แม้เขาจะถูกโจมตีแค่ครั้งสองครั้งแล้วจะอย่างไร? ร่างของเขาย่อมไม่มีทางถูกผ่าออกเป็นชิ้นๆหรือรู้สึกเจ็บปวดแม้แต่น้อย บาดแผลที่เขาได้รับนั้นมีเพียงรอยขีดข่วนตื้นๆเท่านั้น

“หนิวจะช่วยเอง!” ฮูหนิวเองก็พร้อมจะลงมือสังหาร แม้ความแข็งแกร่งของกายหยาบนางจะยังห่างไกลกับหลิงฮัน แต่ความเร็วของนางนั้นเหนือชั้นกว่า นางพุ่งตัวจู่โจมด้วยกรงเล็บและหมัดเล็กๆของนางที่แฝงไปด้วยพลังทำลายอันน่ากลัว การโจมตีของนางนั้นได้กลายเป็นภัยคุกคามต่อพวกฉือชิ่วเหรินอย่างมาก

ไม่ว่าจอมยุทธระดับทลายมิติจะเข้าร่วมสงครามนี้ก็ตาม แต่สิ่งที่จะสินชะตาของแต่ละฝ่ายคือการต่อสู้ระหว่างหม่าตั้วเปาและกลุ่มของอู่เกาเหยียน ใครก็ตามที่ชนะ ฝ่ายที่เป็นศัตรูของผู้ชนะก็จะถูกสังหารโดยไม่มีข้อยกเว้น!

ดังขั้นถึงแม้จอมยุทธแต่ละคนจะต่อสู้กับศัตรูของตนเองอยู่ แต่พวกเขาก็แบ่งความสนใจบางส่วนไปยังการต่อสู้ของพวกหม่าตั้วเปาด้วย

“จักรพรรดิจอมอสูร เจ้ายังไม่ปรากฏตัวอีกรึ!” ในระหว่างที่ต่อสู้ ราชันอสรพิษมารก็ตะโกนออกมา

“จมูกสุนัขจริงๆ ขนาดข้าซ่อนตัวอยู่ในตำแหน่งที่ห่างไกลยังสามารถดมกลิ่นเจอได้!” จักรพรรดิจอมอสูรปรากฏตัว เขายังคงยึดครองร่างของบุรุษร่างใหญ่คนเดิมและถูกปกคลุมไปด้วยปราณอสูร แค่มองแวบเดียวก็รู้ว่าเขานั้นแตกต่างกับจอมยุทธทั่วไป

“ยังมีอีกคนนึง เมื่อไหร่เจ้าจะเผยตัวออกมา?” ราชันดาบกล่าวและใช้ปราณดาบโมตีไปยังตำแหน่งที่ห่างไกล

“เหอะ!” ในบริเวณนั้นได้มีร่างชุดคลุมดำเผยตัวออกมา

รูปแบบอาคมสังหารที่สาม!

เขาคือตัวตนที่กำเนิดจากสวรรค์และปฐพี เป็นตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกโดยมีระดับพลังอยู่ที่ทลายมิติ

หลิงฮันกระพริบตาและรู้สึกประหลาดใจ เขาเคยเห็นชายคนนี้มาก่อน ซึ่งในตอนนั้นถึงแม้เขาจะมีอำนาจที่ทรงพลัง หลิงฮันก็ยังสัมผัสได้ถึงความอ่อนแอและกลิ่นที่ไม่มั่นคงจากอีกฝ่าย

แต่ตอนนี้สัมผัสที่รู้สึกได้เมื่อตอนนั้นได้หายไปแล้ว

ก่อนหน้านี้อีกฝ่ายเคยลงมือช่วยเหลือนิกายพันศพ เป็นไปได้ว่าพวกเขามีข้อตกลงกันบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับการเพื่อกำจัดจุดอ่อนของรูปแบบอาคมสังหารที่สาม

รูปแบบอาคมสังหารที่สามแข็งแกร่งขนาดไหน?

รูปแบบอาคมสังหารทั้งเก้าล้วนแต่มีพลังระดับทลายมิติ อย่างเช่นรูปแบบอาคมสังหารที่สี่ที่หลิงฮันดคยเห็นมาก่อน ซึ่งตอนนั้นรูปแบบอาคมสังหารที่สี่ยังไม่อยู่สภาพสมบูรณ์ได้ถูกเฟิงโปหยุนทำลายทิ้งอย่างง่ายดาย

หลังจากที่ไร้จุดอ่อนแล้วรูปแบบอาคมสังหารที่สามจะแข็งแกร่งขนาดไหนกัน?

ระดับทลายมิติสิบดาว หรืออาจจะสิบห้าดาว?

“ข้าจะลงมือช่วยสังหารแค่คนเดียวเท่านั้น” รูปแบบอาคมสังหารที่สามกล่าวและจ้องมองไปยังราชันทั้งแปด

ด้วยการที่มีจักรพรรดิจอมอสูรเข้ามาร่วมสู้ แปดราชันจึงไม่ได้ขึ้นเป็นฝ่ายเสียเปรียบเท่าใดนัก ดังนั้นรูปแบบอาคมสังหารที่สามจึงคิดจะสังหารพวกเขาคนหนึ่ง

เมื่อหนึ่งคนตกตาย ราชันอีกเจ็ดจะต้องตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบแน่นอน ถ้าพวกเขาไม่ล่าถอยพวกเขาก็ต้องตกตาย

หลิงฮันมีความคิดจะช่วยต้านทานรูปแบบอาคมที่สาม เพราะถึงแม้พลังต่อสู้ของเขาจะยังไม่แข็งแกร่งพอโค่นอีกฝ่าย แต่เขาก็มีพลังป้องกันมากพอจะปั่นหัวอีกฝ่ายได้

“เจ้าต้องอยู่ที่นี่!” ฉือชิ่วเหรินแสยะยิ้ม เขาร่วมมือกับบุตรแห่งสายฟ้าเพื่อหน่วงรั้งหลิงฮันเอาไว้

“ฮึ่ม! เสียงคำรามอันเย็นชาของหม่าตั้วเปาดังขึ้นกลางท้องฟ้า “เห็นว่าเป็นเจ้า… ข้าจะยอมไว้ชีวิตสักครา จงไสหัวไป!”

รูปแบบอาคมสังหารเค้นเสียงดูถูก ชายผู้นี้ช่างปากกล้านักที่สั่งให้เขาไสหัวไป! ในตอนแรกเขามองไปยังหม่าตั้วเปาด้วยความท่าทีไม่ยินยอม แต่ทันใดนั้นใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนสีทันที ถึงแม้ทุกคนจะมองไม่เห็นสีหน้าที่ตกตะลึงของเขา แต่ทุกคนก็เห็นได้ชัดเจนว่าร่างกายของรูปแบบอาคมที่สามกำลังสั่นสะท้าน

“เจ้า… เจ้าคือ…” เขาอุทานออกมาและพูดติดอ่างราวกับตกอยู่ในวังวนแห่งความหวาดกลัว

“ยังไม่ไสหัวไปอีก?” หม่าตั้วเปากล่าว

“แน่นอน! ข้าจะไปเดี๋ยวนี้!” รูปแบบอาคมสังหารไม่กล้ารีรอและหันหลังเผ่นหนีหายไปโดยไม่เหลือร่องรอย

อะไรกัน?

รูปแบบอาคมสังหารที่สามคือตัวตนระดับทลายมิติที่เกิดจากสวรรค์และปฐพี เป็นไปได้อย่างไรที่เขาจะทำให้หวาดกลัวเพียงเพราะคำพูด?

หรือว่าหม่าตั้วเปายังมีสถานะอื่นอยู่อีก? เมื่อรูปแบบอาคมที่สามรู้ตัวจึงได้หวาดกลัวจนเผ่นหนีไป

“เหอะ ในขณะที่สู้กับข้าเจ้ายังมีเวลาไปสนใจสิ่งอื่นอีก?” กลุ่มของอู่เกาเหยียนแสยะยิ้มและลงมือโจมตีพร้อมกัน

ตูม!

ร่างของหม่าตั้วเปาถูกห้อมล้อมไปด้วยแสงสว่างจากการโจมตีนับไม่ถ้วน

อู่เกาเหยียนและพรรคพวกยิ้ม ถึงแม้รูปแบบอาคมที่สามจะหวาดกลัวและเผ่นหนีไป แต่เมื่อแลกมาด้วยสังหารหรือทำให้หม่าตั้วเปาบาดเจ็บหนักได้ก็นับว่าคุ้มค่า

หลังจากแสงที่เกิดจากการโจมตีสลายไปทุกคนก็พบกับหม่าตั้วเปาที่ยืนนิ่งโดยไร้รอยขีดข่วน ถ้าจะพูดให้ชัดเจนคือชุดของเขาเกิดรอยฉีดขาดหลายส่วน แต่ร่างกายของเขาไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย

“อะไรกัน!” อู่เกาเหยียนและพรรคพวกอุทานออกมา

พวกเขาต่างมีพลังต่อสู้ระดับทลายมิติสิบแปดดาวทุกคน ด้วยการกระหน่ำโจมตีเมื่อครู่ต่อให้หม่าตั้วเปาเป็นตัวตนระดับทลายมิติยี่สิบดาว เขาก็สมควรจะได้รับบาดเจ็บหนักหรือไม่ก็ตกตายไปแล้วด้วยซ้ำ

“เจ้า กายหยายของเจ้า…” ฉัวชี่ฟงรู้สึกตัว “กายหยาบของเจ้าเทียบได้กับแร่เหล็กระดับสิบ!”

พรวด!

ทุกคนสำลักออกมา ก่อนหน้านี้หลิงฮันที่มีกายหยาบเช่นนี้ก็ทำให้ทุกคนปวดหัวแล้ว เพียงแต่ว่าหลิงฮันมีเพียงกายหยาบที่แข็งแกร่งอย่างเดียว พลังต่อสู้ของเขายังไม่นับว่าเป็นอันใดได้

แต่หม่าตั้วเปานั้นมีพลังต่อสู้ที่ไร้เทียมทาน หากผสานเข้ากับพลังป้องกันที่แข็งแกร่งเช่นนั้น ใครจะสามารถต่อกรเขาได้?

อู่เกาเหยียนและพรรคพวกกลืนน้ำลาย นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขารู้สึกว่าไม่อาจควบคุมสถานการณ์ได้อย่างสิ้นเชิง หม่าตั้วเปาผู้นี้เป็นตัวตนไร้พ่ายไม่ผิดแน่ ด้วยพลังต่อสู้และพลังป้องกันที่ไร้เทียมทาน แม้แต่พระเจ้าลงมาก็ไม่อาจชนะเขาได้

โชคดีที่จอมยุทธระดับทลายมิติมีอายุขัยที่จัดกัด แม้ข้าจะจำกัดเจ้าไม่ได้ แต่ขอแค่ข้ากักขังเจ้าไว้ได้ก็พอแล้ว

หม่าตัวเปายิ้มบางๆและกล่าว “หากแค่พลังแค่นี้ยังไม่มี การเปิดสวรรค์จะทำได้งั้นรึ?”

‘พรึบ’ ร่างกายของหม่าตั้วเปาปลดปล่อยคลื่นพลังและจิตสังหารที่น่าสะพรึงออกมา แม้จะเป็นพวกอู่เกาเหยียนก็ยังขนลุกและหวาดกลัว พวกเขารู้สึกว่าขอแค่หม่าตั้วเปายกมือขึ้นมาก็สามารถสังหารพวกเขาได้แล้ว