แดนนิรมิตเทพ บทที่ 891
ความจริงแล้ว ไม่น่าแปลกใจที่เขาเลื่อมใสค่ายกลปกป้องในตำนาน เพราะตามตำนานเล่าขานของสำนักยาเซียนแล้ว ตอนนั้นผู้อาวุโสของสำนักยาเซียนคนหนึ่งได้ยาเซียนหนึ่งเม็ดจากซากโบราณ และมีปรมาจารย์แดนมองขวัญแปดคนอยากได้ยาเซียนเม็ดนั้น พยายามวางแผนเข้ามาแย่งชิงในสำนักยาเซียน

ตอนนั้นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในสำนักยาเซียนเป็นเพียงแดนคุ้มกายเท่านั้น ช่วงเวลาวิกฤติ ผู้นำตระกูลได้เชิญบรรพบุรุษที่รับผิดชอบปกป้องคุ้มครองสำนักยาเซียนออกมา แล้วสร้างค่ายกลปกป้อง และสังหารปรมาจารย์แดนมองขวัญแปดคนในคราวเดียว

สำนักยาเซียนพยายามยึดอายุขัยของบรรพบุรุษคนนั้นมาโดยตลอด เพื่อปกป้องคุ้มครองแผนผังค่ายกลปกป้อง และปกป้องคุ้มครองตระกูลมู่

อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ผ่านมาเป็นเวลายาวนาน สมาชิกของตระกูลมู่เองก็ถือว่าเรื่องนี้เป็นตำนานเล่าขาน ซึ่งต่อมาตระกูลมู่ก็ไม่เคยพบกับวิกฤต ดังนั้นความลึกลับของแผนผังค่ายกลจึงกลายเป็นตำนานมาโดยตลอด

ตอนนี้ตระกูลมู่กำลังเผชิญกับวิกฤตอีกครั้ง มู่หงเต้านำแผนผังค่ายกลปกป้องออกมา ทำให้มู่จือเสว๋รู้ว่าที่แท้ตำนานนั้นเป็นความจริง

มู่หงเต้าใช้มือทั้งคู่ถือหนังแกะสีดำโบราณเอาไว้ ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม และกล่าวว่า “มู่หงเต้า ผู้พิทักษ์รุ่นที่แปดของตระกูลมู่ เพื่อแก้ไขวิกฤติของตระกูลมู่แล้ว จึงได้เชิญแผนผังค่ายกลปกป้องออกมา!”

บรรพบุรุษของตระกูลมู่ปฏิบัติต่อแผนผังที่ไร้ชีวิตด้วยความระมัดระวัง แสดงให้เห็นว่าแผนผังค่ายกลนี้มีความสำคัญต่อตระกูลมู่มาก

ดังนั้นสามารถสันนิษฐานได้ว่าค่ายกลปกป้องนี้ทรงพลังมาก!

“เจ้าหนู ถ้าแกเสียใจ และจากไปตอนนี้มันก็ยังไม่สายเกินไป! เพราะเมื่อฉันสร้างค่ายกลปกป้องแล้ว แม้แต่ฉันก็ไม่สามารถหยุดมันได้!” มู่หงเต้าคำรามด้วยเสียงดุร้าย

เฉินโม่เอามือไพล่หลัง ยืนตัวตรงและกล่าวด้วยสีหน้าราบเรียบ “ไม่จำเป็นต้องพูดมาก ทำให้ฉันเห็นว่าค่ายกลปกป้องของตระกูลมู่นั้นพิเศษอย่างไร!”

“รนหาความตาย!” มู่หงเต้าตะโกนด้วยความโกรธ “สร้างค่ายกลกลืนเซียนร้อยพิษ!”

ชี่แท้ในร่างกายของมู่หงเต้าไหลเข้าสู่ค่ายกลอย่างบ้าคลั่ง แล้วพลังชั่วร้ายก็ปรากฏขึ้นบนค่ายกลทันที จากนั้นก็หายไปอย่างน่าประหลาด

ทันใดนั้น ท้องฟ้ามืดลงราวกับเป็นเวลากลางคืน และมู่จือเสว๋ที่อยู่ด้านข้างก็หายตัวไปด้วย มีเพียงโจวลี่เต๋อเท่านั้นที่มองไปรอบ ๆ ด้วยสีหน้าตกใจกลัว

“กลัวไหม” เฉินโม่ถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“ไม่กลัว!” ถึงแม้ว่าโจวลี่เต๋อจะรู้สึกกลัว แต่ดวงตาของเขายังคงหนักแน่น

เฉินโม่พยักหน้า และไม่พูดอะไรอีก

“เมื่อสร้างค่ายกลกลืนเซียนร้อยพิษแล้ว จะไม่สามารถหยุดได้ เว้นเสียแต่เถาวัลย์กลืนเซียนจะกลืนสิ่งมีชีวิตพรสวรรค์เข้าไปทั้งหมด!” เสียงของมู่หงเต้าดังมาจากข้างนอกค่ายกล และดูเหมือนจะสั่นเล็กน้อย ราวกับว่าเขาพยายามอย่างอดทนต่อความเจ็บปวด

“เถาวัลย์กลืนเซียน?” เฉินโม่หรี่ตาลงเล็กน้อย

มีเสียงเบา ๆ ดังอยู่รอบ ๆ ราวกับงูพิษจำนวนมากมายกำลังเลื้อยคลานอยู่

ถึงแม้ว่ารอบ ๆ จะมืดมิด แต่สำหรับเฉินโม่แล้ว เขาสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน เขาเห็นเถาวัลย์สีเขียวที่อยู่สองข้างทางกำลังเลื้อยอยู่

เฉินโม่รู้สึกสงสัยเล็กน้อย เขาไม่เข้าใจว่าทำไมหลังจากสร้างค่ายกลแล้ว เถาวัลย์ธรรมดาเหล่านี้ถึงได้กลายเป็นเถาวัลย์กลืนเซียนที่มีพิษ

ในเมื่อเถาวัลย์พิษเหล่านี้ชื่อว่าเถาวัลย์กลืนเซียน ซึ่งทำให้สามารถจินตนาการถึงพลังของมันได้

“ลี่เต๋อ เดินตามอยู่หลังผม อย่าจากไปเด็ดขาด!” เฉินโม่กล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“ครับ!” เพราะอย่างไรเสียโจวลี่เต๋อก็ยังเป็นเด็ก เมื่ออยู่ในความมืดมิด ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกกลัวเล็กน้อย และติดตามเฉินโม่อย่างใกล้ชิด

พรึบ!

เถาวัลย์พิษสีเขียวพุ่งเข้ามาหาเฉินโม่อย่างรวดเร็ว

เฉินโม่ปล่อยพลังฝ่ามือออกไป ทำให้เถาวัลย์พิษขาดเป็นท่อน ๆ แล้วของเหลวสีดำก็กระจายไปทั่วพื้น

มีควันสีดำปรากฏอยู่บนของเหลวสีดำที่อยู่บนพื้น และระเหยไปในความมืดทันที

สีหน้าของเฉินโม่เปลี่ยนเป็นเย็นชา แม้แต่เขาก็ยังรู้สึกถึงอันตรายจากพิษเหล่านี้ หากคนธรรมดาถูกพิษนี้ เกรงว่าจะตายทันที มิน่าถึงเรียกมันว่าเถาวัลย์กลืนเซียน