ตอนที่ 383 อู่เยวี่ยผู้ไร้สติสัมปชัญญะ + ตอนที่ 384 ใครคือดอกบัวที่บริสุทธิ์กว่ากัน

ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น

ตอนที่ 383 อู่เยวี่ยผู้ไร้สติสัมปชัญญะ + ตอนที่ 384 ใครคือดอกบัวที่บริสุทธิ์กว่ากัน โดย Ink Stone_Romance

ตอนที่ 383 อู่เยวี่ยผู้ไร้สติสัมปชัญญะ

ในจังหวะที่พวกอู่เหมยวิ่งมาถึง อู่เยวี่ยกำลังอยู่ภายใต้วงล้อมของกลุ่มนักเรียนหญิงที่กำลังทำให้เธออยู่ในความสับสน  อู่เยวี่ยเธอสูงจึงทำให้มองเห็นได้ง่าย แต่ด้วยอาการท้องเสียทำให้ร่างกายของเธออ่อนแอและไม่อาจสู้กลับได้ แต่อย่างไรเธอก็มีอาวุธมีคมอย่างหนึ่ง

กลิ่นเหม็นบนตัวเธอคืออาวุธสังหาร เพียงแค่นักเรียนหญิงคนนั้นเข้าใกล้เธอ ก็ราวกับถูกควันพ่นจนแทบไร้เรี่ยวแรง จะเอากำลังที่ไหนไปต่อสู้กับเธอได้!

“ไม่ไหว ฉันอยากอ้วกมาก อู่เยวี่ย แกเก่งมากเลยนะ!”

นักเรียนหญิงคนนั้นตาเหลือกตาหลน บีบจมูกตัวเองไว้แล้ววิ่งเข้าห้องน้ำไป นักเรียนหญิงคนอื่นๆ ที่คอยยุงยงส่งเสริม ต่างก็มีสีหน้าไม่สู้ดีนัก ทุกคนต่างพากันอุดจมูกแล้วถอยห่างจากอู่เยวี่ย

อู่เยวี่ยได้รับแรงกระตุ้นอีกครั้ง เธอแทบอยากจะเอาชนะยัยพวกบ้านี่ แต่เธอไม่อยากใช้วิธีอัปยศอดสูแบบนี้ นั่นเป็นเพียงสิ่งที่เตือนใจเธอในเวลานั้น เธอคือคนที่มีกลิ่นตัวเหม็นจนทำให้คนไม่พอใจ

อู่เหมยที่อยู่รวมกับกลุ่มคนมากมาย ริมฝีปากของเธอยกยิ้มแทบฉีก ไม่ง่ายเลยที่จะหัวเราะแบบไม่ส่งเสียง แม้ว่าอู่เยวี่ยในตอนนี้จะน่าสงสารแค่ไหน แต่ถึงอย่างไรก็ไม่อาจทำให้เธอซาบซึ้งได้

เมื่อชาติก่อนเธอน่าสงสารยิ่งกว่านี้ ทุกอย่างล้วนเป็นเพราะอู่เยวี่ย ในชาตินี้ต่อให้อู่เยวี่ยต้องตายอยู่ตรงหน้าเธอ เธอก็จะไม่มีทางใจอ่อนให้แม้แต่น้อย

แม้ว่าอู่เชาเองจะไม่ชอบอู่เยวี่ย แต่ถึงอย่างไรอู่เยวี่ยก็เป็นลูกพี่ลูกน้องของเขา หากว่าอู่เยวี่ยต้องอับอาย ตัวเขาเองก็มีแต่จะเสียหน้า

“พวกเราเข้าไปเกลี้ยกล่อมอู่เยวี่ยกันเถอะ อย่าให้เธอต้องขายขี้หน้าไปมากกว่านี้เลย!” อู่เชาพูดจบก็เบียดเสียดผู้คนกลุ่มนั้นเข้าไป อู่เหมยจึงจำใจเดินตามเข้าไป จี้เหวินฮุ่ยทำแก้มป่องและเดินตามพวกเขาเข้าไปอย่างไม่เต็มใจ แต่ในใจเธอกลับดีใจเสียยิ่งกว่าดอกไม้บาน

ไม่เคยเห็นอู่เยวี่ยร้ายกาจขนาดนี้มาก่อน กลับไปจะต้องบอกเรื่องนี้กับแม่ แม่เองก็ต้องดีใจแน่ๆ

“พี่คะหยุดสร้างความวุ่นวายได้แล้ว ตอนบ่ายพี่ยังมีสอบนะ!”

อู่เหมยเดินเข้าไปด้านหน้าเพื่อเกลี้ยกล่อมเธอ ไม่ได้มีท่าทีจู้จี้จุกจิกใดๆ แต่กลับมีแต่ความจริงใจและเป็นห่วง

นักเรียนคนอื่นๆ ที่อยู่ในเหตุการณ์เตรียมปลีกตัวแยกย้าย แต่กลับต้องจ้องมองอีกครั้ง มีนักเรียนชายบางคนที่เอาแต่ใจจดใจจ่อเพื่อรอฟังว่าสาวสวยคนนี้คือใคร เมื่อได้ยินว่าเป็นน้องสาวแท้ๆ ของอู่เยวี่ย ทุกคนต่างก็อ้าปากค้างกลางอากาศ

จากตอนแรกคิดว่าอู่เยวี่ยสวยแล้ว ตอนนี้นึกไม่ถึงว่าน้องสาวจะสวยกว่าเธอมาก อู่เยวี่ยพูดต่อหน้าอู่เหมยราวกับเป็นสาวใช้ ไม่ได้มีสีสันหรือเกียรติอะไร

พวกเขาเริ่มนึกได้ถึงเหตุการณ์ที่อู่เยวี่ยริษยาน้องสาวตัวเอง ปฏิบัติกับอู่เหมยราวกับเรื่องเล่าขาน ตอนแรกก็ไม่ได้มีใครเชื่ออะไรมาก แต่พอได้เห็นตัวจริงของอู่เหมย พวกเขาจึงได้เริ่มมั่นใจและเชื่อขึ้นมา สายตาที่ใช้มองอู่เยวี่ยมีแต่ความรู้สึกแปลกๆ

มีน้องสาวที่หน้าตาสะสวยกว่าตัวเองร้อยเท่า เด็กสาวที่ใจแคบแบบนี้ จะเกิดความริษยาจนเสียสติได้หรือเปล่านะ?

สิ่งที่อู่เยวี่ยทำก็ถือว่าเป็นเหตุผลอย่างหนึ่ง แต่เธอก็ใจดำไปหน่อย!

“แกออกไป ฉันไม่ต้องการให้แกมาทำตัวเสแสร้งต่อหน้าฉัน” อู่เยวี่ยเมื่อเห็นอู่เหมยก็โกรธยิ่งกว่าเดิม เรื่องที่เธอขโมยของมาคงเป็นเพราะยัยอู่เหมยเอาไปเปิดเผยแน่ๆ แล้วไหนตอนนี้ยังจะแสร้งเข้ามาทำตัวเป็นคนดีอีก

อู่เหมยถูกอู่เยวี่ยผลักออกอย่างแรง จนต้องเซถอยหลังไปหลายก้าว โชคดีที่สยงมู่มู่ช่วยพยุงไว้จึงไม่ทำให้ล้มลงไป อู่เหมยพูดขึ้นอย่างน้อยใจ “พี่คะ ทำไมพี่ต้องพูดแบบนี้ด้วย? หนูก็แค่เป็นห่วงพี่ ถ้าครั้งนี้สอบได้ไม่ดีเหมือนครั้งก่อนอีก แม่คงจะไม่พอใจมาก”

“อู่เหมย แกไสหัวไป แกอย่ามาทำตัวน่าสงสารแล้วเรียกร้องความสนใจจากคนอื่น อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ว่าเป็นแกที่เอาฉันไปพูดลับหลังแล้วสร้างข่าวลือบ้าๆ นี่!”

อู่เยวี่ยตะโกนอย่างสุดเสียง ต่างจากเมื่อก่อนโดยสิ้นเชิงที่ไร้ซึ่งความอ่อนโยน สีหน้าท่าทางที่แสดงออกมีแต่ความน่ากลัวจนทำให้ทุกคนต่างตกใจ และต่างเห็นใจต่ออู่เหมยมากขึ้น

ต่อหน้าทุกคนที่อยู่ภายนอก หากเธอมองน้องสาวด้วยท่าทีแบบนี้จริง แต่พอได้คิดไตร่ตรองอีกนิดถึงจะรู้ว่าหากอยู่ที่บ้านก็ไม่ได้ดีไปกว่านี้แล้ว สาวน้อยคนนี้ช่างน่าสงสาร!

สยงมู่มู่ไม่พึงพอใจต่อท่าทีของอู่เยวี่ย จึงพูดด้วยความโกรธ “อู่เยวี่ยเธอมีความกล้ามากพอที่จะทำ แต่ทำไมไม่กล้ายอมรับล่ะ? อู่เหมยเธอไม่คิดเล็กคิดน้อยอะไรกับเธอแล้ว แต่เธอกลับได้ใจแล้วเหิมเกริมเหรอ? ขโมยหรือไม่ขโมยทุกคนต่างรู้ดี แต่เธอคิดแต่จะหลอกตัวเองหรือไง?”

…………………………………………………………………………………………..

ตอนที่ 384 ใครคือดอกบัวที่บริสุทธิ์กว่ากัน

คำพูดของสยงมู่มู่ยิ่งถือเป็นหลักฐานให้กับเรื่องที่อู่เยวี่ยขโมยของ จากตอนแรกมีนักเรียนบางคนที่ไม่ได้เชื่อ แต่พอได้ยินแบบนั้นจึงเชื่อตาม และมองอู่เยวี่ยอย่างสับสนมากขึ้น

ที่แท้คนเราก็ไม่ควรมองแค่ภายนอก ใครจะคิดว่าอู่เยวี่ยที่เคยเป็นนักเรียนดีเด่น ที่แท้ก็เป็นพวกที่มีความคิดและแผนการที่สกปรก!

ช่างเป็นเรื่องน่าแปลกเสียจริง!

อู่เยวี่ยโกรธจัดและตะโกนขึ้น “แกพูดไร้สาระ แกกับอู่เหมยมันพวกเดียวกัน พวกแกร่วมมือกันหลอกคนอื่น พวกแกมันเป็นคนชั่ว ที่เอาแต่จะทำร้าย…”

“เธอนี่ช่างไม่รู้จักความหวังดีของคนอื่นเลย ถ้าหากว่าพวกเราจะทำร้ายเธอ คงเอาเรื่องพรรค์นั้นประกาศออกไปตั้งนานแล้ว ดูเหมยเหมยเอาแต่ช่วยเธอปกปิด คนอย่างเธอนี่มันไม่ควรค่าเสียจริง” สยงมู่มู่เริ่มโมโหขึ้นมาอีก

วันที่สองที่เครื่องเงินหายไป ในจังหวะที่อู่เหมยเลี้ยงซาลาเปาไข่ปูให้เขากับอู่เชา ได้เอาเรื่องราวทั้งหมดเล่าให้พวกเขาฟัง ตอนนั้นเขาและอู่เชาต่างตกใจไม่น้อย คาดไม่ถึงว่าคนร้ายตัวจริงคืออู่เยวี่ย เพราะพวกเขาต่างใส่ร้ายไปยังเหอปี้อวิ๋น!

ตอนนั้นอู่เหมยได้บอกไม่ให้พวกเขาเอาเรื่องนี้ไปพูดต่อ อยากช่วยอู่เยวี่ยเก็บเป็นความลับ แต่อู่เยวี่ยช่างไม่รู้ถึงความหวังดีเสียเลย มองอย่างไรก็น่ารำคาญ

อู่เยวี่ยมองอู่เหมยด้วยสายตาเย็นชา และพูดอย่างเคียดแค้น “หากไม่ใช่อู่เหมยพูดแล้วจะเป็นใคร? กับพวกนายเธอยังบอกเลย แล้วทำไมจะบอกคนอื่นไม่ได้?”

ทุกคนที่มองอยู่รอบๆ ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกัน จากตอนแรกที่ยังคงสับสนไม่มั่นใจนัก แต่ในเวลานี้ต่างพากันเชื่อสนิทใจ และอู่เยวี่ยก็ออกปากยอมรับเองด้วย พวกเขาจึงคล้อยตามอย่างช่วยไม่ได้

                เมื่ออู่เยวี่ยพูดออกไปแล้วถึงได้รู้ว่ามีความผิดปกติ ในจังหวะนั้นเธอเริ่มใจเย็น และเริ่มรู้สึกเสียใจต่อคำพูดมาก

ทำไมเธอถึงได้โง่ขนาดนี้? นึกไม่ถึงว่าจะออกปากยอมรับว่าตัวเองขโมยของ?

“ไม่จริง ฉันไม่ได้ขโมยของ ทั้งหมดเป็นเพราะพวกมันแต่งเรื่องขึ้น ฉันไม่ได้ขโมยของ!” อู่เยวี่ยส่ายหน้าปฏิเสธสุดชีวิต และเอาแต่พูดแก้ตัวให้ตัวเองไม่หยุด แต่ในเวลานี้ไม่มีใครเชื่อเธออีกแล้ว ทุกคนต่างพากันจ้องมองเธอที่กำลังแสดงละครอยู่

อู่เหมยก้มหน้าลง นัยน์ตาบ่งบอกถึงความพึงพอใจ เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นอย่างที่เธอคาดไว้ไม่มีผิด เรื่องนี้ไม่ใช่ตัวเธอที่เป็นคนปล่อยออกไป เพราะเธอไม่ได้โง่ขนาดนั้น

ในคืนวันนั้นเธอรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่ามีคนแอบฟังความเคลื่อนไหวภายในบ้านของเธอจากระเบียงด้านนอก คงจะเป็นพวกเพื่อนบ้านที่มาแอบดูเหตุการณ์เพื่อความสนุกสนาน อู่เจิ้งซือและเหอปี้อวิ๋นต่างก็ไม่เห็น มีเพียงแต่เธอที่สังเกตเห็น เพราะงั้นตอนนี้ที่เธอพูดว่าอู่เยวี่ยขโมยของ เธอพยายามพูดขึ้นเสียงดังจนแสบคอและเสียงแหบแห้ง นั่นก็เพื่อจงใจให้เพื่อนบ้านและคนนอกได้ยิน

พอมาเห็นเหตุการณ์ตอนนี้แล้ว ดูเหมือนว่าการที่เธอเสียงแหบแห้งก็ถือว่าคุ้มค่า!

ดูผลลัพธ์ในตอนนี้ดีแค่ไหน ข่าวแพร่กระจายมาตั้งแต่อี้จงจนถึงโรงเรียนของเธอ!

“พี่อย่าเพิ่งตื่นเต้นไปสิคะ คำพูดพวกนั้นหนูไม่ได้พูดจริๆ พี่อย่าเข้าใจหนูผิดสิ” อู่เหมยพูดขึ้นอย่างขี้ขลาด ดูท่าราวกับเด็กน่าสงสาร

คนหนึ่งมีท่าทีโหดร้ายน่ากลัว แต่อีกคนกลับทำตัวประนีประนอม สิ่งไหนถูกสิ่งไหนผิด ทุกคนมองก็พอจะรู้ได้คร่าวๆ และเลือกเอนเอียงไปทางฝั่งอู่เหมยอย่างเสียไม่ได้

อู่เยวี่ยไม่มีทางเชื่อในคำพูดของอู่เหมย เธอมั่นใจมากว่าอู่เหมยเป็นคนที่พูดออกไป แต่ในตอนนี้เธอใจเย็นขึ้นมาบ้าง และก็รู้ด้วยว่าตัวเธอเองทำผิดครั้งใหญ่ไป เธอต้องการความช่วยเหลือ และก็หวังว่ามันจะช่วยได้ทัน

“อู่เหมยก็อย่าเข้าใจพี่ผิด พี่ไม่ได้เอาของของน้องไป พ่อเองก็รู้ดี เธอบอกพวกเขาไปสิว่าพี่ไม่ได้เอาของของน้องไป” อู่เยวี่ยมีสีหน้าโกรธเคือง ราวกับท่าทีน่าสงสารก่อนหน้านี้ไม่มีผิด พร้อมกับมีน้ำตาคลอเบ้า

อู่เหมยหัวคิ้วตึงแน่น ยายชั่วนี่ฉลาดแกมโกงนัก รู้ว่าอู่เจิ้งซือให้ความสำคัญกับชื่อเสียงและหน้าตามาก ถ้าหากเธอยอมรับว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริงต่อหน้าคนเยอะๆ แบบนี้ อู่เจิ้งซือต้องโกรธมากแน่ๆ

ตอนนี้เธอเป็นแค่นกน้อยไร้ประสบการณ์ และยังไม่ใช่จังหวะที่จะต้องมาผิดใจกับอู่เจิ้งซือ เรื่องที่อู่เยวี่ยขโมยของ จะต้องไม่หลุดจากปากของเธอ แต่ถ้าต้องให้เธอล้างความผิดให้อู่เยวี่ย เธอไม่ยินยอม

อู่เหมยใช้สมองคิดอย่างหนัก มองอู่เยวี่ยด้วยท่าทีลำบากใจ และพูดด้วยเสียงเบา “พี่บอกว่าเป็นยังไงก็เป็นแบบนั้นแหละค่ะ ไม่ว่ายังไงขอเพียงแค่พี่มีความสุขก็พอแล้ว”

เมื่อชาติก่อนเธอเคยดูทีวี ดอกบัวขาวที่เก่งกาจก็มักจะใช้วาจาคำพูดแบบนี้ไม่ใช่หรือ เธอเองก็ได้จำมาแล้วก็ใช้ในชีวิตจริง!

…………………………………………………………………………………………..